#ผู้หญิงคนเดียวเที่ยวเองก็ได้ กลับมาอีกแล้วค่ะ หลังจากที่เมื่อวานเราโพสต์ทริปเกาะเต่าไป วันนี้ว่างค่ะเลยมาแบบต่อเนื่อง ต้องบอกก่อนว่าเราตัดสินใจออกเดินทางคนเดียวทริปแรกในชีวิตก็คือเชียงคาน เราเดินทางไป3วัน2คืนช่วงเดือนพ.ย. สายการบิน AirAsia เลือกปลายทางเป็นเชียงคานนะคะ จะบอกว่ามีรถตู้ของสายการบินtransferส่งถึงเชียงคานได้เลยนะ แต่ถ้าใครอยากประหยัดก็ออกมาหน้าสนามบินมีรถโดยสารคนละไม่กี่สิบบาทค่ะ((อันนี้คุณครูเจ้าของที่พักแนะนำมาแต่ไม่ทันล่ะเพราะเราออกตั๋วแล้วก่อนที่จะหาที่พัก😓))
เราว่าสังคมในสมัยนี้สาวๆลุยเดี่ยวเที่ยวคนเดียวมีเยอะมาก ถามว่าในความคิดครั้งแรกทำไมถึงอยากไปคนเดียว ตอบได้เลยว่า จะมีสักกี่เหตุผลของการเริ่มเดินทางคนเดียวถ้าไม่ใช่เพราะไปรักษาใจ ก็คงไปค้นหาตัวเอง(อันนี้ตอบแบบดูดีหน่อย) นี่ล่ะคือจุดเริ่มต้นการเดินทางคนเดียวครั้งแรกของเรา เหนื่อยกับใจมานานหลายปีได้เวลาที่เราจะหาความสุขให้กับชีวิตของเราบ้างแล้ว
และถามอีกว่าทำไมเลือกที่เชียงคาน ชื่อมันขลังดีมั้งอะไรคานๆ เฮ้ออ ซ้อมๆไว้จะได้ชิน ม่ายช่าย! ก็คืออยากไปมานานแล้วแต่ไม่มีโอกาส เล็งเห็นว่าปั่นจักรยานก็ชิลได้ ถ้าจะไปปักหมุดตามที่เที่ยวอื่นๆก็สามารถจ้างสกายแลปไปได้ มันก็สะดวกเราดี เพราะเป็นชะนีขับรถไม่เป็น ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้ ยานพาหนะที่เก่งที่สุดก็มีแต่จักรยานและสองเท้าของเรานี่แหละ ถ้าใครเป็นเหมือนกันเราคือพวกเดียวกัน ฮ่าา
เอาจริงๆทริปนี้เปิดโลกทัศน์ของเรา และเป็นจุดเริ่มต้นที่เราหลงรักการเดินทาง ได้เจอทั้งทะเลหมอก ฟ้าระเบิดยามเย็น ของกินอร่อยๆ อากาศเย็นสบาย และมิตรภาพจากคนแปลกหน้าประทับใจมิรู้ลืมค่ะ เอาล่ะเราเริ่มเดินทางไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ

ขึ้นเครื่องแล้วเอาviewมาฝาก นี่ข้อดีของการเลือกwindow seatค่ะ สำหรับใครที่สนใจเส้นทางไปเชียงคานแบบเรา เข้าไปดูได้ที่ https://www.airasia.com

ระหว่างทางเครื่องตกหลุมอากาศ ใจหายใจคว่ำเลยทีเดียว มาถึงก็เดินเข้ามาในอาคารแล้วก็เดินหาcounterของสายการบินค่ะ แล้วก็ไปแจ้งชื่อ รอขึ้นรถ โดยที่รถจะจอดอยู่ใกล้กับที่เช่ารถตรงประตูทางออกสนามบินค่ะ อ่อ!แจ้งที่พักด้วยนะคะเพราะรถส่งถึงที่พักเลยจ้า 

ระหว่างทางเปิดเพลงเสียบหูฟังทอดอารมณ์ตามวิวข้างทาง โอ๊ยย มีความสุขมากอ่ะ แปปๆอ้าวถึงล่ะ "บ้านชานเคียง" วันนี้เราพักที่นี่ค่ะ โทรจองที่พักล่วงหน้า3เดือนกับวิวห้องที่ดีที่สุดในราคา450฿อยู่ชั้นบนวิวแม่น้ำโขงฝั่งตรงข้ามคือประเทศลาว ห้องน้ำรวมแยกชาย หญิงค่ะ ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ พี่เต้ย เจ้าของดูแลเองค่ะ แต่ตอนเราไปถึงพี่เต้ยแกไม่อยู่นะ แต่มีคุณป้าอยู่ พวกก็ให้ขึ้นไปเลย จักรยานก็เอาไปปั่นได้เลย สบายเราล่ะ จัดการเก็บของ นอนพักชมวิวแปป 

หลังจากที่พักสักแปป เก็บของเสร็จแล้วลงมาสำรวจพื้นที่และเจ้าที่((นังแมวเมี๊ยว))สักหน่อยก่อนออกไปซิ่ง จะมาขออนุญาตใช้จักรยานแต่พี่เขาซ่อนตาดำอยู่เราเลยไม่อยากรบกวน

โฉบไปหาสกายแลปเพื่อทริปของวันต่อไปก่อนค่ะ ถามแต่ละคันราคาโหดเชียว เลยขอบายค่ะ งั้นไปหาอะไรกินก่อนดีกว่าค่อยว่ากัน 
ขุ่นป้า:เอาไรลูก
เรา:มีไรทานบ้างคะ
ขุ่นป้า:ข้าวเปียกมั้ยนู๋ 
เรา: (คิดในใจเป็นไงวะข้าวเปียกไม่เคยกิน น่าจะเหมือนก๋วยเตี๋ยวป่าววะ) ก็ได้ค่ะ
ขุ่นป้า:ใส่ไข่มั้ย
เรา: (คิดในใจมีใส่ไข่ด้วยหรอวะ) ใส่ค่ะ เอาไข่กะทะให้นู๋ด้วยค่ะ (หิวมากมัวแต่ปั่นจักรยานอาบแดดอยู่🙄)
#ดีงามตามมากิน

ตะลอนปั่นจักรยานมาเกือบทั้งวัน เลยหาที่หย่อนตัวนั่งชิลๆเสพธรรมชาติสักหน่อย เราเลือกมาร้านwith a view เพราะอยู่ริมน้ำโขง สั่งเครื่องดื่มปุ๊ป สำรวจภายในร้านแล้วเดินมานั่งชมวิวริมโขงด้านหลังร้าน ฮ๊าา ดีจัง
นั่งโง่ๆปล่อยใจไปกับสายลมและสายน้ำ นั่งมองผู้คนที่ผ่านไปมาซึมซับบรรยากาศหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราก้าวออกจากcomfort zone มาอยู่ ณ จุดๆนี้ ตอนนี้ รู้สึกดีนะถึงจะเหงาที่ไม่มีเพื่อนคุย ไม่เป็นไรคุยกับตัวเองก็ได้ ฮี่ฮี่ฮี่ เอาล่ะเย็นล่ะได้เวลาลุยต่อ ปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขงไปตรงจุดชมวิวเก็บภาพแสงอาทิตย์ตกดินดีกว่า พร้อมจะชมวิวตะวันลับฟ้ารึยังคะ ถ้าพร้อมแล้วปั่นจักรยานไปพร้อมกันเลยค่ะ

ยืนชมวิว แสงอาทิตย์ สายน้ำ ฝูงนกที่กำลังบินกลับรัง จนแสงหมดล่ะ เอาจักรยานไปเก็บแล้วเราไปเดินเล่นถนนคนเดินหาของกินค่ะ

ใครชอบการถ่ายภาพ แวะมาหาคุณลุงได้เลยค่ะ คุณลุงใจดีอธิบายได้ดี แนะนำนู้นนี่ในร้านแกอย่างคล่องแคล่ว เราก็หลงอยู่ในนั้นนานเลยทีเดียว

เดินไปเรื่อยๆแวะหาของกินไป ไม่มีภาพประกอบนะคะมัวแต่กินเพลิน จนมาซื้อทะเลครกร้านคุณป้า เราเลยสอบถามเรื่องรถสกายแลปไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ แพลนของเราก็จะมีไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่ภูทอก ต่อด้วยวัดพระบาทภูควายเงิน และปิดท้ายด้วยแก่งคุดคู้ 
เรา:คุณป้าคะถ้านู๋จะจ้างรถสกายแลปนี่ต้องไปถามตรงไหน นู๋จะไปที่.....ก็บอกแพลนเราไป
คุณป้า:นู๋กล้าไปหรอมืดๆยังไม่เช้าเลยนะ ไม่กลัวหรอ ทางมืดมาก ขนาดป้ายังไม่กล้าไปเลย อันตราย
เรา: (เฮ้ยย ขนาดนั้นเลยหรอวะ พูดซะตรูขาดความมั่นใจเลย) ด้วยความที่มาคนเดียวโดยที่ไม่บอกครอบครัวเราสัญญากับตัวเองก่อนเดินทางแล้วต้องดูแลตัวเองให้ดีกลับบ้านอย่างปลอดภัย จึงถามคุณป้าไปว่าทำไมหรอคะป้า มีอะไรน่ากลัวหรอ?
คุณป้า:นู๋ไว้ใจหรอ ขนาดป้ายังไม่ไว้ใจเลย
เรา: (อ้าว! เวงล่ะ หรือเราจะปิดทริปแต่เพียงเท่านี้ดีล่ะเนี่ยะ) อ่อ!! ขอบคุณนะคะแล้วเดินจากมา
และแล้วชะตาก็เข้าข้างให้เราได้มาเจอพี่สาวร้านเฮือนน้อยชื่อพี่ก้อย สาวอาร์ตติสผมยาวมากกก ทำผ้ามัดย้อม เพ้นท์รองเท้า ทำเกี่ยวกับแฮนด์เมดขาย พอดีเราชอบของแนวๆนี้เราเลยเดินเข้าไปซื้อเสื้อพี่เขา แล้วเผอิญเป็นคนที่มีปากไว้ถาม เลยลองถามๆพวกดู พี่เขาเฟรนด์ลี่มาก เขาก็บอกให้ทิ้งเบอร์ไว้เด๋วเขาโทรบอกเรา
เรากลับมาที่ห้องนั่งดูดาวบนฟ้าถึงจะไม่เยอะแต่ก็พอมีให้เห็น รอพี่เขาโทรมาบอกว่ายังไง เอ๊ะ!! ก็นานแล้วนะไม่โทรมาเลย ผ่านไปเป็นชม.แล้วพี่ก้อยยังไม่ติดต่อมา เอาไงดี ถ้ายังไม่ได้รถนี่เราอดไปตามแพลนเลยนะ เลยตัดสินใจออกไปร้านพี่ก้อยอีกรอบ 
เรา: พี่คะสรุปว่าหารถให้ได้มั้ยคะ
พี่ก้อย: อ่อ แปปนึงนะ แล้วเดินไปถามร้านฝั่งตรงข้ามพี่เขาให้ (คนที่นี่น่ารักช่วยเหลือเป็นอย่างดี ในที่สุดก็ได้เบอร์คุณลุงขับสกายแลปมา รถลุงมีชื่อนะชื่อ"ตาหวาน" เราก็จัดการโทรนัดลุงเรียบร้อย เฮ้ออ สบายใจล่ะ)
พี่ก้อย: คนนี้ไว้ใจได้ แล้วนี่มาคนเดียวหรอ ดื่มมั้ย ไปๆๆ พี่พาไปนั่งกับพวกไปนั่งคุยสนุกๆ 
เรา: (เอิ่มมม ในใจคือเลิกดื่มล่ะ แต่จะปฏิเสธอย่างไร เสียมารยาทแย่ หุหุ) อ่อค่ะ ได้ค่ะ แล้วพี่ก้อยก็พามาหน้าร้านตามรูป
*ยิ่งดึกพรรคพวกพี่เขาก็เริ่มมาเยอะขึ้นๆ ดีจัง คุยเล่นเฮฮา นั่งฟังพวกเขาแซวกันไปมาตามประสากลุ่มเพื่อน นั่งกินนั่งดื่มถ่ายรูปเล่นกัน เหมือนเรากลายเป็นส่วนหนึ่งก็คลายเหงา พวกพี่เขาก็ถามพักที่ไหน เราก็บอกว่าบ้านชานเคียงค่ะ พวกพี่เขาบอกอ่อ พี่เต้ยหรอ ได้เจอแกรึยัง แกตามตัวยาก นอนห้องไหน ระวังผีนะ แล้วก็เม้าท์มอยพี่เต้ยกันสนุกสนาน ใครว่าเดินทางคนเดียวจะกลัวเหงากลัวไม่สนุก ทิ้งความกลัวไว้ค่ะ มิตรภาพที่ดีเกิดขึ้นได้ทุกที่ขอแค่ใจเราเชื่อแบบนั้นแต่ก็ต้องอยู่บนความไม่ประมาทมีสตินะคะ เราจะไม่บอกให้มองโลกในแง่ดีแต่เราต้องระมัดระวังตัวด้วย 

เอาล่ะ นี่ก็ดึกพอสมควรละ ร้านค้าเริ่มปิด นักท่องเที่ยวเริ่มเข้าที่พัก เลยต้องขอตัวพี่ๆกลับก่อนเพราะต้องตื่นแต่เช้าพิชิตภารกิจตามแพลน ไว้พรุ่งนี้จะแวะมาหาใหม่ ระหว่างเดินกลับที่พักก็ไม่ได้ไกลแต่ก็ไม่ใกล้ เดินไปได้สักพัก มีพี่ในกลุ่มคนนึงแว๊นตามมาบอกเด๋วก็แยกย้ายแล้วกลับไปนั่งด้วยกันก่อนอีกแปปนึงน่า หูยย เกรงใจก็เกรงใจแต่เราอยากรีบพักผ่อนกลัวจิไม่ตื่น ได้แต่ปฏิเสธน้ำใจพี่เขาไป พี่เขาเลยบอกเราว่างั้นขึ้นมาเด๋วพี่ไปส่ง พอมาถึงที่พักพี่เขากับพี่เต้ยทักทายกันแบบจิกกัดเฮฮา เออ ขำๆดีนะ แล้วพี่ที่มาส่งขอตัวกลับ

หลังจากพี่เขากลับไปเราก็นั่งคุยกับพี่เต้ย เจ้าของบ้านชานเคียงแปปนึง เขาก็ถามไปเจอพวกนั้นได้ไง อิพวกนั้นเม้าท์ไรพี่ อย่าไปเชื่อพวกมัน คุยกันสัพเพเหระ สักพักก็ขอตัวไปนอน

ตื่นๆๆๆค่ะทุกคน ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเร็วๆๆ ทางมืดมาก เหมือนที่ขุ่นป้าขายทะเลครกบอกจริงจริงค่ะ ดีนะเจอพี่ก้อยหาคนไว้ใจได้พามา อ่อ!เราเหมาเที่ยวนะคะแต่ตอนเช้าที่ไปภูทอกมีเพื่อนร่วมทางอีก2คน((มาเป็นคู่)) อ๋อยย โลกนี้ช่างโหดร้ายกับชะนีซะจริงๆ TT แต่หลังจากขึ้นภูทอกเสร็จเราเหมาคุณลุงต่อนะคะ ไปวัดพระบาทภูควายเงินและแก่งคุดคู้ด้วย ไม่แน่ใจ250฿รึป่าว ถ้ายังไงโทรถามคุณลุงได้ค่ะ

มาถึงแล้วก็ซื้อบัตรกันก่อน เป็นบัตรรถพาขึ้นภูทอกนะคะ

บรรยากาศอึมครึมคล้ายฟ้าน่าจะไม่เปิด ม่ายยยน๊า ก็ได้แต่เฝ้ารอ ไหนทะเลหมอกไหนพระอาทิตย์ขึ้น วันนี้ไม่ใช่วันของเราสินะฟ้าปิดไม่เห็นทั้งทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น คิดในแง่ดีเออได้เห็นวิวแม่น้ำโขงนะเฟ้ยย สุดท้ายก็ลงภูดีกว่า

พอลงมาถึงเราเลยบ่นกับลุงว่าไม่เห็นทะเลหมอก ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย นี่ลังเลว่าพรุ่งนี้จะมาอีกทีดีมั้ยแต่ใส่บาตรข้าวเหนียวก็อยาก เฮ้ออ ไปที่ต่อไปดีกว่า เราจะไปวัดพระบาทภูควายเงินกันค่ะ

เราต้องโดยสารรถกระบะของทางวัดขึ้นไปเพราะค่อนข้างชันเนื่องจากเป็นทางเขา ส่วนรถสกายแลปก็จะจอดรอด้านล่างค่ะ

ให้รู้ว่ามาถึงจริง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า"วัดพระบาทภูควายเงิน" จะไม่มีควายก็ยังไงอยู่เนอะ

บริเวณวัดค่ะ อากาศดีวิวงามมาก ตรงนี้เป็นจุดชมวิวของวัดพระบาทภูควายเงิน ทีเด็ดอยู่ตรงนี้ค่ะ เดินออกมาจากตรงที่เราไหว้พระทางขึ้นอยู่ฝั่งตรงข้าม เดินไปนิดเดียวจ้า คุณก็จะได้เห็นวิวธรรมชาติที่ต้องติดว๊าวแน่นอน

ชมวิวเสร็จแล้ว เดินไปดูเต่าให้อาหารกระต่ายกันค่ะ กระต่ายเยอะมาก น่ารักๆทั้งนั้นเลย

มีต่อค่ะ>>>