เมื่อเกือบ 2 เดือนที่แล้ว เราได้ไปผ่าตัดรักษาอาการกระดูกนิ้วหัวแม่เท้าเอียง หรือ Hallux Valgus กับ อ.หมอจิรันดร์ ที่ร.พ.จุฬาฯมาค่ะ
เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าที่เราเป็นมันคือโรค เราคิดว่ามันแค่ลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน จนวันนึงที่เราไปเที่ยวหาแฟนเราที่ญี่ปุ่น เค้าไปทำงานค่ะ ส่วนเราตามไปเที่ยว แต่เราซื้อตั๋วผิด กทม-นาริตะ-กทม เธอไปเที่ยวโตเกียวหรอ อ๋อ เปล่าค่ะ ไปโอซาก้า! 5555 ปัญหามันมาเกิดตอนขากลับค่ะ เราแยกกันกลับกับแฟน แล้วเราหาสถานีที่จอดและชานชาลารถบัสไม่เจอ!! วิ่งตามหาชานชาลารถบัสแบบใส่เกียร์หมาสุดฤทธิ์เพราะหนูกำลังจะตกรถบัสคนสุดท้ายจากโอซาก้าที่จะไปนาริตะเพื่อขึ้นเครื่องกลับไทยแล้วจ้ะแม่จ๋าาาา ... แล้วสุดท้ายเราก็ตกรถตกเครื่องจริงๆค่ะ 555 นอกจากกระเป๋าตังจะแบนเพราะต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่แล้ว ของแถมเพิ่มเติมคือปวดเท้ามากๆๆๆๆ แทบคลาน หลังจากวันนั้นเราไม่สามารถเดินไกล เดินเร็ว หรือวิ่งได้เลย ถ้าฝืนทำนี่ปวดจนต้องคลานเลย
พอกลับมาถึงไทย เราก็ไปพบคุณหมอค่ะ ตอนไปเราคิดแค่ว่าคงได้ยากิน ยาทา เดี๋ยวคงหาย แต่ปรากฏว่าหมอชี้ชะตาเรามาว่า **ต้องผ่าตัด** หัววิ้งไปเลยจ้า มีแต่คำว่า อะไร ยังไง ทำไม จนคุณหมอได้อธิบายให้เราฟังว่า โรคนี้คือโรคนิ้วหัวแม่เท้าเอียง สาเหตุก็มีมาทั้งจากกรรมพันธุ์ และการใส่รองเท้าที่บีบหน้าเท้ารวมถึงการใส่ส้นสูง หากอาการยังไม่หนักสามารถประคองได้ด้วยอุปกรณ์ช่วยต่างๆ และปรับเปลี่ยนรองเท้า แต่ถ้าเป็นหนักหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ทางเดียวที่จะรักษาได้คือการผ่าตัด
สำหรับเรา นิ้วโป้งเท้าเราเอียงๆและมีปุ่มปูดๆแบบนี้มาได้หลายปีแล้ว สาเหตุก็มาจากเราอยากเป็นผู้หญิงที่ดีค่ะ 5555 ตอนเราเด็กๆพี่เลี้ยงเราเค้าแกล้งเราว่าผู้หญิงที่เท้าใหญ่คือผู้หญิงไม่ดี เราเลยเลือกที่จะเป็นผู้หญิงที่ดีด้วยการใส่รองเท้าคับๆเพราะคิดแบบเด็กน้อยว่ามันจะบังคับให้เท้าเราโตช้าหรือโตน้อยกว่าที่ควร ... โถ ลูก ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยยย ... สรุปคือ ปัญญา ล้วนๆเลยค่ะ ที่พาเรามาสู่การเริ่มกระดูกนิ้วเท้าเอียงจนมาถึงการผ่าตัด
เราเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลหลายรอบจนวันนึงก็ถึงคิวผ่าตัดของเรา แถ่นแท้นนนน ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว กลัวทั้งผ่า กลัวทั้งผี 5555 แต่เราก็ผ่านมาได้ค่าาา เจอแต่ผ่า ไม่เจอผี กราบบบบ
รูปนี้คือพัฒนาการเท้าของเราจากก่อนผ่า จนถึงปัจจุบัน 7 อาทิตย์ละค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนผ่า (รูปที่1) เรานัดผ่าวันพรุ่งนี้ คุณหมอจะให้เรามาแอดมิทก่อนคืนนึงเพื่องดน้ำ งดอาหาร เจาะนั่นนี่ เปิดเส้น สารพัดกรรมวิธี .. แผนการผ่าตัดของเราคือ ผ่าจัดกระดูกนิ้วโป้งโดยใช้เหล็กดามไว้ด้านใน และแก้ไขนิ้วก้อยที่งอ แต่หากเข้าห้องผ่าตัดดูหน้างานและมีความจำเป็นต้องทำนิ้วอื่นเพิ่มด้วย คุณหมอก็จะจัดการให้ตามความเหมาะสมค่ะ โดยการผ่าจะเป็นการผ่าแบบดมยาสลบแชะบล็อกขาเราข้างที่จะผ่าตั้งแต่โคนต้นขาลงไปเลย
วันผ่าตัด เราเข้าห้องผ่าตัดไปตอน11โมง บล็อกขาเสร็จตอนเที่ยง แล้วก็ถึงเวลานอนหลับ หลังจากคุณหมอวิสัญญีเสียงหวานบอกเราว่าหมอจะปล่อยยาแล้วนะคะ เราก็ลองนับเลขดู อยากรู้ว่าเราจะต้านได้นานแค่ไหน 1 2 3 4 5 ... ตื่นอีกทีทุ่มค่ะ 5555555 วันแรกเราไม่เจ็บเลย ไม่มีความรู้สึก สบายและชิลมากๆ เพราะยาชาที่บล้อกขาเราไว้ยังไม่หมดค่ะ 24 ชั่วโมงต่อมา รู้เรื่องงงง
วันที่1 (รูปที่2 และ3) ความเจ็บเริ่มมาละค่ะ แต่ยังไม่มาก เพราะยาชายังอยู่ และวันนี้ก็ได้พบคุณหมอ ซึ่งคุณหมอก็ได้บอกเราว่าด้วยสาเหตุ 1 2 3 4 เราได้รับการผ่าตัดทั้ง 5 นิ้ว ใส่เหล็กนิ้วโป้ง และได้มีเสาอากาศส่วนตัวจิ้มไว้ที่นิ้วก้อย เผื่อจะดูทีวีชัดขึ้น ไม่ใช่! เพื่อดามนิ้วก้อยเราค่ะ เพราะนิ้วก้อยเราคดจากการที่ถูกพี่ๆเบียด ส่วนอีก 3 นิ้วที่เหลือปล่อยฟรีให้ต่อเองตามธรรมชาติค่ะ
วันที่2-4 หลังจากยาชาหาย ความเจ็บก็มา ผ่านมาได้ด้วยมอร์ฟีนค่ะ มอร์ฟีนหลายเข็มด้วย 5555 ในช่วงที่นอนโรงพยาบาลนี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยค่ะ ไม่สามารถลงเตียงได้เลย มีคุณพยาบาลคอยดูแลทุกอย่างเลย หลายๆท่านใจดีมาก ไม่เหวี่ยงเลย ประทับใจมาก ใครว่าบุคคลากรโรงพยาบาลรัฐฯเหวี่ยง เคสเราไม่เจอแบบนี้ค่ะ ประทับใจจุฬามาก ... แล้วหลังจากผ่า4วัน เราก็ได้กลับบ้านแล้วค่าาา สรุปนอนโรงพยาบาลไป5คืน คุณหมอนัดกลับมาดูอาการและตัดไหมในอีก2 อาทิตย์ ระหว่างนี้ก็ให้นอนยกขาสูงตลอดเวลาเพื่อให้เลือดไหลกลับได้ดี ไม่ให้เท้าบวม หากมีอาการปวด บวม สีเท้าม่วงหรือมีอาการผิดปกติให้กลับโรงพยาบาลด่วน
วันที่7 (รูปที่4) เราไปพบคุณหมอก่อนกำหนดค่ะ เพราะเราตกเก้าอี้ค่ะ ตกด้วยท่าส้นสูงหกนิ้วแบบเอาปลายเท้าข้างที่ผ่าลง แล้วไม้ค้ำยันก็ล้มลงมาฟาดเท้าที่ผ่าเราอีกที 55555 (ตอนนี้ขำ แต่ตอนนั้นนี่ขำไม่ออก น้ำตาเล็ด) โชคดีที่ไม่เป็นอะไร จากนั้นเราเลิกซ่าเลยค่ะ นอนนิ่งๆ เป็นคน2ลุก..ลุกมากินและลุกไปนอน มีชีวิตรอดมาได้ด้วยการมีคุณแฟนและคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่ผลัดกันมาเฝ้า มาดูแล เอาข้าวเอาน้ำมาให้ เพราะเราอยู่คอนโดคนเดียวค่ะ
วันที่14 (รูปที่5) วันนี้เราได้ตัดไหมแล้วค่ะ แกะผ้าออกมาตกใจ เท้าสีเหมือนซากเลย พบคุณหมอ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี กลับไปยกเท้าสูงต่อ อีก2อาทิตย์กลับมาหาคุณหมอใหม่
วันที่28 (รูปที่6) (รูปที่6 จริงๆคือวันที่28แล้วนะคะ เราใส่ข้อความในรูปผิดค่ะ) สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเราดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ดื้อไม่ซน กินยาตามที่คุณหมอสั่ง กลัวหายช้า กลัวไม่หาย ซึ่งทุกอย่างก็กำลังจะดีแล้ว หมอบอกให้ลงน้ำหนักได้ 30% แล้ววว เย่ จนตอนที่ออกจากห้องคุณหมอ เราล้มค่าาา ล้มลงไปเลย เอาเท้าที่ผ่านั่นแหละค่ะลง คุณหมอช้อกไปเลย จับไปเอ๊กซเรย์อีกรอบ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร แต่คุณหมอให้งดลงน้ำหนัก30%ที่บอกไปก่อน ค่อยๆลงเองทีหลัง โดยเอาความเจ็บเป็นตัววัด จบค่ะ กลับบ้าน พอถึงบ้านก็มีสภาพแบบที่เห็นนี่แล ล้มแล้วนางคงสับสนคิดว่าตัวเองเป็นปลาปักเป้า เต่งเชียว
ครบ6อาทิตย์ (รูปที่7) วันนี้เราได้เอาเสาอากาศออกแล้วค่าาา คุณหมอเดินมาชวนเราคุยละดึงออกเลย พรื้ดดดด ดั๊นช้อกค่ะ ดั๊นช้อก มันไม่เจ็บนะคะ ไม่เจ็บเลย แต่ช้อก ไม่ทันตั้งตัว 55555 วันนี้เราได้แกะผ้าพันแผลละค่ะ อีก1-2วันเท้าเราจะโดนน้ำได้แล้ว 6อาทิตย์ก่อนหน้านี้คืออาบน้ำท่ายาก อาบให้น้ำไม่โดนเท้า และสัปดาห์นี้เรากำลังจะเริ่มกลับไปทำงานวันแรกแล้วค่าาาา
7อาทิตย์ (รูปที่8) รูปล่าสุดของเราค่ะ เราเริ่มลงน้ำหนักเท้าได้มากขึ้น อาการบวมเริ่มน้อยลงเวลาไม่ยกเท้าสูง เท้าเริ่มลอก เซลล์ผิวที่ตายแล้วเริ่มหลุด สะเก็ดแผลเริ่มหลุด เท้าค่อยเริ่มน่ากลัวน้อยลงหน่อย คุณหมอบอกว่ามันจะบวมๆไปอีกหลายเดือนแล้วจะดีขึ้น ปัจจุบันเราไปทำงานวันเว้นวันค่ะ เพราะเราลองไปติดๆกันแล้วมันบวมขึ้นมามากเลย เจ้านายเราเลยให้ไปทำงานวันเว้นวันเพื่อให้น้องได้มีเวลาหายบวม 5555
สิ่งที่เจอ
- ยา หลังจากกินยาครบโดส2สัปดาห์ที่ได้มาตอนออกจากโรงพยาบาล คุณหมอก็ให้เรากินแค่แคลเซียมวันละเม็ด วิตามินดีอาทิตย์ละเม็ดค่ะ ตอนนี้ก็ยังกินอยู่
- มีคนอยู่ด้วยจะดีกว่า เพราะช่วยเหลือตัวเองค่อนข้างยาก มันเป็นที่เท้าเนาะ ยิ่งช่วงที่ยังเจ็บๆนี้ยิ่งลำบาก แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ อยู่คนเดียวได้ แค่ต้องระวังมากๆ
- เน้นยกขาสูง เอาหมอนรองขาให้สูงกว่าหัวใจ บวมเมื่อไรให้ยกขาสูง ทางเดียวที่จะลดบวมค่ะ
- ปัจจุบันเรายังใช้ไม้เค้ายันเดินค่ะ คุณหมอเคยบอกว่าเราผ่าหลายจุด กว่าจะปล่อยไม้ได้คง3เดือน แต่สัปดาห์ที่แล้วตอนไปพบคุณหมอ คุณหมอบอกว่ากระดูกเราติดเร็ว อาจจะปล่อยได้เร็วกว่านี้ มาลุ้นกันค่ะ
ผ่าตัด Hallux Valgus กระดูกนิ้วหัวแม่เท้าเอียง
เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าที่เราเป็นมันคือโรค เราคิดว่ามันแค่ลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน จนวันนึงที่เราไปเที่ยวหาแฟนเราที่ญี่ปุ่น เค้าไปทำงานค่ะ ส่วนเราตามไปเที่ยว แต่เราซื้อตั๋วผิด กทม-นาริตะ-กทม เธอไปเที่ยวโตเกียวหรอ อ๋อ เปล่าค่ะ ไปโอซาก้า! 5555 ปัญหามันมาเกิดตอนขากลับค่ะ เราแยกกันกลับกับแฟน แล้วเราหาสถานีที่จอดและชานชาลารถบัสไม่เจอ!! วิ่งตามหาชานชาลารถบัสแบบใส่เกียร์หมาสุดฤทธิ์เพราะหนูกำลังจะตกรถบัสคนสุดท้ายจากโอซาก้าที่จะไปนาริตะเพื่อขึ้นเครื่องกลับไทยแล้วจ้ะแม่จ๋าาาา ... แล้วสุดท้ายเราก็ตกรถตกเครื่องจริงๆค่ะ 555 นอกจากกระเป๋าตังจะแบนเพราะต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่แล้ว ของแถมเพิ่มเติมคือปวดเท้ามากๆๆๆๆ แทบคลาน หลังจากวันนั้นเราไม่สามารถเดินไกล เดินเร็ว หรือวิ่งได้เลย ถ้าฝืนทำนี่ปวดจนต้องคลานเลย
พอกลับมาถึงไทย เราก็ไปพบคุณหมอค่ะ ตอนไปเราคิดแค่ว่าคงได้ยากิน ยาทา เดี๋ยวคงหาย แต่ปรากฏว่าหมอชี้ชะตาเรามาว่า **ต้องผ่าตัด** หัววิ้งไปเลยจ้า มีแต่คำว่า อะไร ยังไง ทำไม จนคุณหมอได้อธิบายให้เราฟังว่า โรคนี้คือโรคนิ้วหัวแม่เท้าเอียง สาเหตุก็มีมาทั้งจากกรรมพันธุ์ และการใส่รองเท้าที่บีบหน้าเท้ารวมถึงการใส่ส้นสูง หากอาการยังไม่หนักสามารถประคองได้ด้วยอุปกรณ์ช่วยต่างๆ และปรับเปลี่ยนรองเท้า แต่ถ้าเป็นหนักหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ทางเดียวที่จะรักษาได้คือการผ่าตัด
สำหรับเรา นิ้วโป้งเท้าเราเอียงๆและมีปุ่มปูดๆแบบนี้มาได้หลายปีแล้ว สาเหตุก็มาจากเราอยากเป็นผู้หญิงที่ดีค่ะ 5555 ตอนเราเด็กๆพี่เลี้ยงเราเค้าแกล้งเราว่าผู้หญิงที่เท้าใหญ่คือผู้หญิงไม่ดี เราเลยเลือกที่จะเป็นผู้หญิงที่ดีด้วยการใส่รองเท้าคับๆเพราะคิดแบบเด็กน้อยว่ามันจะบังคับให้เท้าเราโตช้าหรือโตน้อยกว่าที่ควร ... โถ ลูก ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยยยยย ... สรุปคือ ปัญญา ล้วนๆเลยค่ะ ที่พาเรามาสู่การเริ่มกระดูกนิ้วเท้าเอียงจนมาถึงการผ่าตัด
เราเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลหลายรอบจนวันนึงก็ถึงคิวผ่าตัดของเรา แถ่นแท้นนนน ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว กลัวทั้งผ่า กลัวทั้งผี 5555 แต่เราก็ผ่านมาได้ค่าาา เจอแต่ผ่า ไม่เจอผี กราบบบบ
รูปนี้คือพัฒนาการเท้าของเราจากก่อนผ่า จนถึงปัจจุบัน 7 อาทิตย์ละค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก่อนผ่า (รูปที่1) เรานัดผ่าวันพรุ่งนี้ คุณหมอจะให้เรามาแอดมิทก่อนคืนนึงเพื่องดน้ำ งดอาหาร เจาะนั่นนี่ เปิดเส้น สารพัดกรรมวิธี .. แผนการผ่าตัดของเราคือ ผ่าจัดกระดูกนิ้วโป้งโดยใช้เหล็กดามไว้ด้านใน และแก้ไขนิ้วก้อยที่งอ แต่หากเข้าห้องผ่าตัดดูหน้างานและมีความจำเป็นต้องทำนิ้วอื่นเพิ่มด้วย คุณหมอก็จะจัดการให้ตามความเหมาะสมค่ะ โดยการผ่าจะเป็นการผ่าแบบดมยาสลบแชะบล็อกขาเราข้างที่จะผ่าตั้งแต่โคนต้นขาลงไปเลย
วันผ่าตัด เราเข้าห้องผ่าตัดไปตอน11โมง บล็อกขาเสร็จตอนเที่ยง แล้วก็ถึงเวลานอนหลับ หลังจากคุณหมอวิสัญญีเสียงหวานบอกเราว่าหมอจะปล่อยยาแล้วนะคะ เราก็ลองนับเลขดู อยากรู้ว่าเราจะต้านได้นานแค่ไหน 1 2 3 4 5 ... ตื่นอีกทีทุ่มค่ะ 5555555 วันแรกเราไม่เจ็บเลย ไม่มีความรู้สึก สบายและชิลมากๆ เพราะยาชาที่บล้อกขาเราไว้ยังไม่หมดค่ะ 24 ชั่วโมงต่อมา รู้เรื่องงงง
วันที่1 (รูปที่2 และ3) ความเจ็บเริ่มมาละค่ะ แต่ยังไม่มาก เพราะยาชายังอยู่ และวันนี้ก็ได้พบคุณหมอ ซึ่งคุณหมอก็ได้บอกเราว่าด้วยสาเหตุ 1 2 3 4 เราได้รับการผ่าตัดทั้ง 5 นิ้ว ใส่เหล็กนิ้วโป้ง และได้มีเสาอากาศส่วนตัวจิ้มไว้ที่นิ้วก้อย เผื่อจะดูทีวีชัดขึ้น ไม่ใช่! เพื่อดามนิ้วก้อยเราค่ะ เพราะนิ้วก้อยเราคดจากการที่ถูกพี่ๆเบียด ส่วนอีก 3 นิ้วที่เหลือปล่อยฟรีให้ต่อเองตามธรรมชาติค่ะ
วันที่2-4 หลังจากยาชาหาย ความเจ็บก็มา ผ่านมาได้ด้วยมอร์ฟีนค่ะ มอร์ฟีนหลายเข็มด้วย 5555 ในช่วงที่นอนโรงพยาบาลนี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยค่ะ ไม่สามารถลงเตียงได้เลย มีคุณพยาบาลคอยดูแลทุกอย่างเลย หลายๆท่านใจดีมาก ไม่เหวี่ยงเลย ประทับใจมาก ใครว่าบุคคลากรโรงพยาบาลรัฐฯเหวี่ยง เคสเราไม่เจอแบบนี้ค่ะ ประทับใจจุฬามาก ... แล้วหลังจากผ่า4วัน เราก็ได้กลับบ้านแล้วค่าาา สรุปนอนโรงพยาบาลไป5คืน คุณหมอนัดกลับมาดูอาการและตัดไหมในอีก2 อาทิตย์ ระหว่างนี้ก็ให้นอนยกขาสูงตลอดเวลาเพื่อให้เลือดไหลกลับได้ดี ไม่ให้เท้าบวม หากมีอาการปวด บวม สีเท้าม่วงหรือมีอาการผิดปกติให้กลับโรงพยาบาลด่วน
วันที่7 (รูปที่4) เราไปพบคุณหมอก่อนกำหนดค่ะ เพราะเราตกเก้าอี้ค่ะ ตกด้วยท่าส้นสูงหกนิ้วแบบเอาปลายเท้าข้างที่ผ่าลง แล้วไม้ค้ำยันก็ล้มลงมาฟาดเท้าที่ผ่าเราอีกที 55555 (ตอนนี้ขำ แต่ตอนนั้นนี่ขำไม่ออก น้ำตาเล็ด) โชคดีที่ไม่เป็นอะไร จากนั้นเราเลิกซ่าเลยค่ะ นอนนิ่งๆ เป็นคน2ลุก..ลุกมากินและลุกไปนอน มีชีวิตรอดมาได้ด้วยการมีคุณแฟนและคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่ผลัดกันมาเฝ้า มาดูแล เอาข้าวเอาน้ำมาให้ เพราะเราอยู่คอนโดคนเดียวค่ะ
วันที่14 (รูปที่5) วันนี้เราได้ตัดไหมแล้วค่ะ แกะผ้าออกมาตกใจ เท้าสีเหมือนซากเลย พบคุณหมอ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี กลับไปยกเท้าสูงต่อ อีก2อาทิตย์กลับมาหาคุณหมอใหม่
วันที่28 (รูปที่6) (รูปที่6 จริงๆคือวันที่28แล้วนะคะ เราใส่ข้อความในรูปผิดค่ะ) สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเราดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ดื้อไม่ซน กินยาตามที่คุณหมอสั่ง กลัวหายช้า กลัวไม่หาย ซึ่งทุกอย่างก็กำลังจะดีแล้ว หมอบอกให้ลงน้ำหนักได้ 30% แล้ววว เย่ จนตอนที่ออกจากห้องคุณหมอ เราล้มค่าาา ล้มลงไปเลย เอาเท้าที่ผ่านั่นแหละค่ะลง คุณหมอช้อกไปเลย จับไปเอ๊กซเรย์อีกรอบ โชคดีที่ไม่เป็นอะไร แต่คุณหมอให้งดลงน้ำหนัก30%ที่บอกไปก่อน ค่อยๆลงเองทีหลัง โดยเอาความเจ็บเป็นตัววัด จบค่ะ กลับบ้าน พอถึงบ้านก็มีสภาพแบบที่เห็นนี่แล ล้มแล้วนางคงสับสนคิดว่าตัวเองเป็นปลาปักเป้า เต่งเชียว
ครบ6อาทิตย์ (รูปที่7) วันนี้เราได้เอาเสาอากาศออกแล้วค่าาา คุณหมอเดินมาชวนเราคุยละดึงออกเลย พรื้ดดดด ดั๊นช้อกค่ะ ดั๊นช้อก มันไม่เจ็บนะคะ ไม่เจ็บเลย แต่ช้อก ไม่ทันตั้งตัว 55555 วันนี้เราได้แกะผ้าพันแผลละค่ะ อีก1-2วันเท้าเราจะโดนน้ำได้แล้ว 6อาทิตย์ก่อนหน้านี้คืออาบน้ำท่ายาก อาบให้น้ำไม่โดนเท้า และสัปดาห์นี้เรากำลังจะเริ่มกลับไปทำงานวันแรกแล้วค่าาาา
7อาทิตย์ (รูปที่8) รูปล่าสุดของเราค่ะ เราเริ่มลงน้ำหนักเท้าได้มากขึ้น อาการบวมเริ่มน้อยลงเวลาไม่ยกเท้าสูง เท้าเริ่มลอก เซลล์ผิวที่ตายแล้วเริ่มหลุด สะเก็ดแผลเริ่มหลุด เท้าค่อยเริ่มน่ากลัวน้อยลงหน่อย คุณหมอบอกว่ามันจะบวมๆไปอีกหลายเดือนแล้วจะดีขึ้น ปัจจุบันเราไปทำงานวันเว้นวันค่ะ เพราะเราลองไปติดๆกันแล้วมันบวมขึ้นมามากเลย เจ้านายเราเลยให้ไปทำงานวันเว้นวันเพื่อให้น้องได้มีเวลาหายบวม 5555
สิ่งที่เจอ
- ยา หลังจากกินยาครบโดส2สัปดาห์ที่ได้มาตอนออกจากโรงพยาบาล คุณหมอก็ให้เรากินแค่แคลเซียมวันละเม็ด วิตามินดีอาทิตย์ละเม็ดค่ะ ตอนนี้ก็ยังกินอยู่
- มีคนอยู่ด้วยจะดีกว่า เพราะช่วยเหลือตัวเองค่อนข้างยาก มันเป็นที่เท้าเนาะ ยิ่งช่วงที่ยังเจ็บๆนี้ยิ่งลำบาก แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ อยู่คนเดียวได้ แค่ต้องระวังมากๆ
- เน้นยกขาสูง เอาหมอนรองขาให้สูงกว่าหัวใจ บวมเมื่อไรให้ยกขาสูง ทางเดียวที่จะลดบวมค่ะ
- ปัจจุบันเรายังใช้ไม้เค้ายันเดินค่ะ คุณหมอเคยบอกว่าเราผ่าหลายจุด กว่าจะปล่อยไม้ได้คง3เดือน แต่สัปดาห์ที่แล้วตอนไปพบคุณหมอ คุณหมอบอกว่ากระดูกเราติดเร็ว อาจจะปล่อยได้เร็วกว่านี้ มาลุ้นกันค่ะ