ผมเกิดในยุคที่มีการตื่นตัวเรื่องโลกาภิวัฒน์ (Globalization).. เป็นการเริ่มเชื่อมโลกทั้งด้านการผลิต การค้า การกระจายสินค้า และบริการ... ผ่านมาประมาณ 20ปี ผลจากโลกาภิวัฒน์ ทำให้ผมเห็น
- ของที่ระลึกที่ผลิตจากจีนอยู่ทุกแหล่งท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งแต่ฝรั่งเศษ อิตาลี อังกฤษ มาเลเซีย....
- สินค้าสำเร็จรูปแต่ละชนิด ประกอบกันขึ้นจากวัตถุดิบทั้งเทียร์1, 2 หรือ 3 จากหลายประเทศเพื่อมาประกอบกัน
สิ่งที่ตามมาคือ ทั่วทั้งโลกใช้สินค้าที่มีความแตกต่างกันน้อยลง... บ้านเมือง มีความใกล้เคียงกันมากขึ้น... เกิดการเคลื่อนที่ของการผลิตไปสู่แหล่งที่ผลิตได้ถูกที่สุด ดีที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด และการผลิตแบบ SupplyChainข้ามประเทศ
ผมไม่แปลกใจ เหตุใดการผลิตถึงเคลื่อนตัวออกจากทั้งอเมริกา ยุโรป สู่จีน.. และบางส่วนมาสู่เรา... เมื่อมาถึงจุดนึงความสามารถทางการแข่งขันของประเทศเหล่านั้นที่ถูกดึงการผลิตออกมาก็จะลดลง... อาจพูดอีกแง่ คือโลกกำลังจะให้ผลตอบแทนกับคนที่ทำงานมากกว่าและมีประสิทธิภาพกว่าในต้นทุนที่ถูกกว่า...
ก่อนหน้านั้น หัวหอกในการเปิดการค้าเสรี คืออเมริกา ซึ่งคิดว่าตัวเองคุมความได้เปรียบจากการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีที่สูงกว่า แต่ตอนนี้เทคโนโลยีเหล่านั้นถูกไลล่าและก้าวนำไปแล้ว... การออกนโยบาย American First. เป็นกานยอมรับอย่างกลายๆแล้วว่า สู้ชาวโลกไม่ได้ Globalization.ที่เคยใช้เป็นหัวหอกทะลวงฟันใช้ไม่ได้ผล... แต่ยังดีที่ตอนนี้ทางอเมริกายังกุมความได้เปรียบจากเครือข่าย Social Media online และBig Data. ของคนเกือบทั้งโลก... ทำให้อเมริกาสามารถยืนเด่นท้าทายพร้อมออกนโยบายที่ตรงข้ามกับการค้าเสรีเพิ่มขึ้น...
มองไปอีกทางก็เห็น การแยกตัวของอังกฤษกับสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังจะเป็นการแยกตัวแบบ NoDeal. สูงขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งข้อพิพาทล่าสุดระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น.
มองแล้วตอนนี้ การประทุกันของของการเริ่มตั้งกำแพงทางการค้าต่อกันทวีความรุนแรง...
เกมส์นี้อาจจะกำลังระบาดไปทั่วโลก โดยผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดอาจเป็นอเมริกาเองที่มุ่งประโยชน์เน้นที่การเจรจาแบบทวิภาคี และยังกำกุญแจสำคัญซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทั้งทางโครงสร้างและด้านบริการ
ถ้าจะทำทั้งหมดเพื่อประเทศไทยเราเอง เราจะมีจุดเด่นอะไรในการแข่งขันในระบบ Globalization.นี้หรือ เพราะสินค้าหลักที่มีสัดส่วนของการใช้แรงงานในประเทศอยู่ทางด้านการเกษตร ซึ่งราคาของเราผูกพันธ์กับตลาดโลก แต่ต้นทุนและประสิทธิภาพของเรานั้นผูกพันธ์กับตลาดโลกหรือไม่ หรือมันควรเป็นไปตามแนวประโยชน์แบบทวิภาคีเท่านั้น
เราจะสามารถ ผสมระหว่าง การเน้นทั้งอุตสาหกรรม และ เกษตรกรรม เกษตรอุตส่หกกรมได้หรือไม่เพราะแต่ละตลาดไม่สามารถทำให้เราแข็งเกร่งได้พร้อมกัน... จะเลือกเด่าซักด้านดี หรือจะเลือกเอาทุกด้านแต่ไม่เด่น
ผลของ Globalization.
- ของที่ระลึกที่ผลิตจากจีนอยู่ทุกแหล่งท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งแต่ฝรั่งเศษ อิตาลี อังกฤษ มาเลเซีย....
- สินค้าสำเร็จรูปแต่ละชนิด ประกอบกันขึ้นจากวัตถุดิบทั้งเทียร์1, 2 หรือ 3 จากหลายประเทศเพื่อมาประกอบกัน
สิ่งที่ตามมาคือ ทั่วทั้งโลกใช้สินค้าที่มีความแตกต่างกันน้อยลง... บ้านเมือง มีความใกล้เคียงกันมากขึ้น... เกิดการเคลื่อนที่ของการผลิตไปสู่แหล่งที่ผลิตได้ถูกที่สุด ดีที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด และการผลิตแบบ SupplyChainข้ามประเทศ
ผมไม่แปลกใจ เหตุใดการผลิตถึงเคลื่อนตัวออกจากทั้งอเมริกา ยุโรป สู่จีน.. และบางส่วนมาสู่เรา... เมื่อมาถึงจุดนึงความสามารถทางการแข่งขันของประเทศเหล่านั้นที่ถูกดึงการผลิตออกมาก็จะลดลง... อาจพูดอีกแง่ คือโลกกำลังจะให้ผลตอบแทนกับคนที่ทำงานมากกว่าและมีประสิทธิภาพกว่าในต้นทุนที่ถูกกว่า...
ก่อนหน้านั้น หัวหอกในการเปิดการค้าเสรี คืออเมริกา ซึ่งคิดว่าตัวเองคุมความได้เปรียบจากการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีที่สูงกว่า แต่ตอนนี้เทคโนโลยีเหล่านั้นถูกไลล่าและก้าวนำไปแล้ว... การออกนโยบาย American First. เป็นกานยอมรับอย่างกลายๆแล้วว่า สู้ชาวโลกไม่ได้ Globalization.ที่เคยใช้เป็นหัวหอกทะลวงฟันใช้ไม่ได้ผล... แต่ยังดีที่ตอนนี้ทางอเมริกายังกุมความได้เปรียบจากเครือข่าย Social Media online และBig Data. ของคนเกือบทั้งโลก... ทำให้อเมริกาสามารถยืนเด่นท้าทายพร้อมออกนโยบายที่ตรงข้ามกับการค้าเสรีเพิ่มขึ้น...
มองไปอีกทางก็เห็น การแยกตัวของอังกฤษกับสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังจะเป็นการแยกตัวแบบ NoDeal. สูงขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้กระทั่งข้อพิพาทล่าสุดระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น.
มองแล้วตอนนี้ การประทุกันของของการเริ่มตั้งกำแพงทางการค้าต่อกันทวีความรุนแรง...
เกมส์นี้อาจจะกำลังระบาดไปทั่วโลก โดยผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดอาจเป็นอเมริกาเองที่มุ่งประโยชน์เน้นที่การเจรจาแบบทวิภาคี และยังกำกุญแจสำคัญซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทั้งทางโครงสร้างและด้านบริการ
ถ้าจะทำทั้งหมดเพื่อประเทศไทยเราเอง เราจะมีจุดเด่นอะไรในการแข่งขันในระบบ Globalization.นี้หรือ เพราะสินค้าหลักที่มีสัดส่วนของการใช้แรงงานในประเทศอยู่ทางด้านการเกษตร ซึ่งราคาของเราผูกพันธ์กับตลาดโลก แต่ต้นทุนและประสิทธิภาพของเรานั้นผูกพันธ์กับตลาดโลกหรือไม่ หรือมันควรเป็นไปตามแนวประโยชน์แบบทวิภาคีเท่านั้น
เราจะสามารถ ผสมระหว่าง การเน้นทั้งอุตสาหกรรม และ เกษตรกรรม เกษตรอุตส่หกกรมได้หรือไม่เพราะแต่ละตลาดไม่สามารถทำให้เราแข็งเกร่งได้พร้อมกัน... จะเลือกเด่าซักด้านดี หรือจะเลือกเอาทุกด้านแต่ไม่เด่น