ปกติผมจะตั้งกระทู้เฉพาะแนวถ่ายภาพและท่องเที่ยวเท่านั้น แต่สำหรับกระทู้นี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ติดสเตียรอยด์ที่ผมเป็นมาให้ทุกท่านได้อ่านกันนะครับ
มาเกริ่นกันก่อนครับ ว่าสเตียรอยด์คืออะไร มีหน้าที่อะไร...
สเตียรอยด์เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายของคนเราสร้างขึ้นมาจากต่อมหมวกไตชั้นนอก โดยมีหน้าที่ในการควบคุมระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย ช่วยให้อวัยวะ เซลล์ และ เนื้อเยื่อต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับสเตียรอยด์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคผิวหนังจะเป็นสเตียรอยด์ที่สังเคราะห์ขึ้นมา มีฤทธิ์ในการกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้อาการผิวหนังต่างๆมีการอักเสบน้อยลงได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งสรรพคุณของสเตียรอยด์เนี่ยเรียกว่าครอบจักรวาล ให้ผลลัพธ์หลังจากใช้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยใช้เวลารักษาไม่นานนัก แต่หากเผลอใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน แทนที่ผลที่ได้จะดีกลับกลายเป็นผลที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม จากอาการที่เป็นอยู่จะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า ทีนี้พอติดสเตียรอยด์แล้ว จะเลิกสเตียรอยด์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆแล้วครับ ต้องอาศัยความอดทนและกำลังใจแบบสูงมากเลยทีเดียว ถึงจะหลุดพ้นไปได้...
เรื่องราวของผมส่วนหนึ่งมาจากความผิดพลาดของตัวของผมเองที่ขาดความรู้และไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงและวิธีใช้สเตียรอยด์ที่ถูกต้องมาก่อน รู้เพียงแค่ว่ามันมีเอาไว้เพื่อรักษาโรคผิวหนังได้แค่นั้นเอง สิ่งที่ผมจะเล่า อาจจะไม่ใช่แนวทางรักษาที่ถูกต้องทั้งหมด แต่ก็อาจจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้สำหรับผู้ที่มีอาการเดียวกันครับ...
บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินว่ามันมีอาการแบบนี้ด้วยหรอ... อาการติดสเตียรอยด์เนี่ย... ต้องบอกก่อนนะครับ ว่าถ้าไม่เจอกับตัวผมเอง ผมก็ไม่เคยได้ยินว่ามันมีครับ ซึ่งจากที่ไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลบางแห่ง คุณหมอก็ยังบอกเลยครับ ว่ามีด้วยหรอ !? และจากการที่ผมได้ลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ พบว่ามีคนที่เป็นโรคนี้เยอะพอสมควรครับ มีหลายคนที่เคยเป็นก็มาตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์เหมือนกับผม อาการก็มีความต่างกันออกไปแล้วแต่บุคคล และคนส่วนใหญ่ก็เป็นอาการนี้แบบไม่รู้ตัวด้วยนะครับ เพราะอาการของโรคจะไม่ค่อยต่างอะไรจากโรคผิวหนังธรรมดาเลยครับ คนส่วนใหญ่ก็จะจบด้วยการเอายามาทาแก้ผื่นแพ้ แล้วอาการก็จะหาย และก็กลับมาอีกเมื่อหยุดหรือเลิกยา และทุกครั้งที่ผื่นกลับมา ก็จะกลับมาแบบหนักขึ้นไปเรื่อยๆครับ พูดง่ายๆก็คือเหมือนกลายเป็นคนติดยาไปซะงั้น !!! และหากใช้สเตียรอยด์นานๆเข้า ผิวหนังในบริเวณที่ทายา จะบางลงเรื่อยๆครับ และภูมิตรงส่วนนั้นจะต่ำลง ทำให้เกิดอาการแพ้ง่ายขึ้นมากๆ ทั้งที่ก่อนหน้าอาจจะไม่เคยแพ้อะไรมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะสเตียรอยด์มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันลง เพื่อลดอาการแพ้หรืออักเสบของผิวหนังครับ
สมัยเด็กๆผมมักจะเป็นผื่นแพ้ตามข้อศอก ข้อพับบ่อยๆ แล้วบ่อยครั้งมักจะเป็นตอนที่ผมเผลอไปกินอาหารทะเลเข้า จนทำให้ผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า ผมเป็นคนที่แพ้อาหารทะเล หลังจากนั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงการกินอาหารทะเลมาโดยตลอด ถึงกินก็จะเลือกกินแต่น้อย เพื่อไม่ให้ผื่นแพ้กลับมาอีก ก็มีผื่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่น้อย ยังเอาอยู่ ไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งก็ไม่ชัดเจนว่าผื่นเกิดจากอาหารทะเลจริงๆหรือป่าว แต่ผมก็ยังคงพยายามหลีกเลี่ยงอยู่
จนเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน จากที่ผมไม่เคยไปหาหมอผิวหนังมาก่อน ผมก็ได้ลองไปหาที่คลินิคแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นผื่นก็ไม่ได้เยอะอะไรมาก แต่ด้วยความที่อยากให้ผื่นหายหมดๆไปสักที คุณหมอก็ได้ให้ยากินและยาทาที่ไม่มีรายละเอียดบ่งบอกว่าเป็นยาอะไร บอกมาแค่ว่าให้ใช้ทา พอผื่นหายแล้วก็ให้หยุดใช้ทันที โดยไม่มีคำว่า "สเตียรอยด์" ให้เห็นแม้แต่น้อย โดยที่ตอนนั้นผมเองก็ไม่เคยศึกษาเรื่องของสเตียรอยด์มาก่อนเลย รู้แค่ว่ามันมีเอาไว้ใช้รักษาโรคผิวหนังได้ดีเท่านั้น จากนั้นผมก็ใช้ยาตามที่หมอสั่ง และผื่นก็หายไปจริงๆครับ ผื่นหายเร็วสุดๆ น่าประทับใจมากๆ... แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายครับ...
หลังจากผื่นหาย ผมก็หยุดยาทันทีตามที่หมอสั่ง โดยผ่านไปแค่ 2 สัปดาห์ ผื่นเจ้ากรรมในที่เดิมๆก็ค่อยๆกลับขึ้นมาอีกครับ ผมก็กลับไปหาหมอที่คลินิคเดิมอีกที วนลูปไป 3 รอบครับ ผื่นก็เป็นๆหายๆสลับกันไป ก็ต้องบอกก่อนนะครับว่าในส่วนนี้ผมไม่ได้มีเจตนาโจมตีคุณหมอทุกท่านที่ผมได้ไปหามานะครับ แต่คือจะเล่าตามเรื่องจริงที่ผมได้เจอมาครับ...
หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจไปหาหมอผิวหนังที่โรงพยาบาลอื่นดูบ้างครับ... สรุปแต่ละครั้งที่ไป ได้คุยกับคุณหมอไม่เกิน 3 นาที คุณหมอก็จ่ายยากินและยาทาสเตียรอยด์ให้ผม และบอกว่าสั้นๆแค่ว่าให้กินและทายาจนผื่นยุบแล้วให้หยุดใช้ยา"ทันที"เช่นเดิมครับ ผลก็ออกมาแบบเดิมๆ เป็นๆหายๆ แต่ยิ่งนานวันเข้า ทุกครั้งเวลาที่ผื่นกลับมาทุกครั้ง มันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มลามไปยังส่วนอื่นๆอีกด้วย... จากที่ผมเป็นแค่ตามข้อศอก ก็เริ่มลามไปยังหลัง ใบหน้า ใบหู มือ เท้า ผิวที่เคยดูดีกลับแห้งเหมือนผิวคนแก่เลยครับ
ผมก็ลองเปลี่ยนไปหาหมอตามโรงพยาบาลอื่นอีกเรื่อยๆ รวมแล้วอีกเกือบ 10 ที่ และก็เช่นเดิมครับ ก็ได้การรักษาแบบเดิมๆโดยการได้ยาสเตียรอยด์มาให้โดยไร้คำอธิบายวิธีการใช้ยาใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้จะถามแล้วก็ได้คำตอบเดิมๆว่า "ผื่นยุบ ให้หยุดใช้ยา" ต้องบอกก่อนนะครับว่าทุกครั้งที่พบคุณหมอ ผมจะบอกเสมอว่า ผมได้รักษาโดยการใช้ยาสเตียรอยด์มาเยอะแล้ว ไม่อยากใช้สเตียรอยด์มากกว่านี้อีก แต่คุณหมอเกือบทุกท่านก็บอกกับผมว่า "ถ้าไม่ใช้ ผื่นก็ไม่หาย" จนผมก็ยอมใช้ต่อมาอีกเรื่อยๆครับ...
จนมาถึงเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ผมเริ่มหันมาออกกำลังกายแบบจริงจัง เข้าฟิตเนสเกือบทุกวัน เล่นกล้าม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย โดยที่หวังว่าภูมิคุ้มกันในตัวผมจะเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ระหว่างนั้นก็ยังไม่ได้หยุดทายาสเตียรอยด์นะครับ ก็ใช้เรื่อยๆมาโดยที่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าที่เป็นผื่นเพราะผิวเริ่มติดยาแล้ว แต่เนื่องจากตอนนั้นสภาพร่างกายยังแข็งแรงอยู่ ก็เลยไม่ค่อยมีอาการออกมามากเท่าไรครับ จนวันนึงผมก็ได้มีโอกาสเข้าตรวจร่างกายประจำปีของบริษัทที่จัดขึ้น และพบว่าตับของผมอักเสบค่อนข้างหนัก!!!
ผมก็ได้ไปปรึกษาคุณหมอ ก็ได้ข้อสรุปว่า ผมคงทั้งกินและทายาสเตียรอยด์มานานมากเกินไป จนส่งผลให้ตับอักเสบ ผมเลยต้องเข้ารับการรักษาตับอีกต่อ แต่ยังดีที่ตัวยาบำรุงตับเป็นยาสมุนไพร ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ก็รักษาตับและผิวหนัง ควบคู่กันไปอีกเรื่อยๆครับ... จนในที่สุดค่าการอักเสบของตับของผมก็กลับมาเป็นปกติครับ แต่ผื่นตามตัวก็เป็นๆหายๆไม่หยุด และตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ครับว่าสาเหตุจริงๆคืออะไร คิดเพียงแต่ว่า แพ้อาหารหรอ ? แพ้อากาศ ? แพ้ฝุ่น หรือ แพ้อะไร ? ทำไมไม่หายสักที โดยระหว่างนั้นก็มีหยุดใช้ยาทาบ้างครับ ซึ่งทุกครั้งที่หยุดทา ผื่นก็กลับมาเช่นเดิม เป็นเหตุให้ผมต้องกลับมาใช้ยาทาซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้เอะใจว่าผิวของผมเองติดสเตียรอยด์แล้ว สุดท้ายค่าตับก็พุ่งสูงขึ้นไปอีกพอประมาณ ก็เลยตัดสินใจหยุดใช้ยาสเตียรอยด์ใดๆแบบหักดิบไปเลย ผ่านไปสัปดาห์เดียวเท่านั้นแหละครับ หน้าและผิวหนังตามตัวก็เละบวมเป็นแผลเหมือนโดนซ้อม น้ำเหลืองไหลตามตัวเต็มเลย จนทนไม่ไหวก็ต้องกลับมาพึ่งยาสเตียรอยด์อีก เชื่อไหมครับ จากสภาพเน่าๆขนาดนั้น พอกลับมาใช้ยา ไม่กี่วัน ผิวเนียนเลยครับ... สุดท้ายจบด้วยการรักษาแบบเดิมๆ แต่กลับกลายเป็นเพิ่มปริมาณความเข้มข้นของยาสเตียรอยด์ขึ้นไปอีก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องโฟกัสให้ค่าตับกลับมาเป็นปกติก่อนอีกรอบครับ เพราะตับสำคัญกว่ามาก...
หลังจากตับหายอักเสบแล้ว... ทีนี้ผมก็เริ่มเปลี่ยนแนวไปหาหมอจีนบ้างครับ เพราะการแพทย์แผนจีนจะเน้นการใช้สมุนไพรรักษาผิวหนังและบำรุงอวัยวะภายในเป็นหลัก... แต่ผมดันแพ้สมุนไพรจีนซะงั้น !!! ผื่นที่มีอยู่ กลับยิ่งหนักเลย แล้วก็จำใจกลับมารักษาด้วยสเตียรอยด์แบบเดิมอีกที จนสภาพกลับมาดูเหมือนคนปกติอีกครั้งในเวลาอันสั้น ตรงจุดนี้เริ่มท้อแล้วครับ เป็นๆหายๆไม่หยุดสักที...
มาถึงตอนต้นปีที่ผ่านมา จุดที่ทำให้ผมตกอยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดในชีวิต ก็คือผมได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง คุณหมอได้วินิจฉัยว่าผมเป็น "โรคสะเก็ดเงิน" ซึ่งตอนนั้นคุณหมอได้พูดวิเคราะห์อาการของผมได้น่าเชื่อถือมากๆ จนผมเชื่อและช็อคไม่เบา เพราะโรคนี้มันค่อนข้างรุนแรงอยู่ เค้าก็จ่ายยากินและทาสเตียรอยด์แบบแรงสำหรับโรคสะเก็ดเงินมาให้ผมใช้ ผมก็กลับบ้านมาทา แค่ 2 วันเท่านั้นแหละครับ จากผิวของผมที่บางอยู่แล้ว มาเจอยาชุดนี้เข้าไปอีก ส่งผลให้ผิวหนังของผมทั้งตัว เริ่มลอกออกเป็นวงๆ ลอกออกจนถึงเนื้อสีแดงๆ บางส่วนเริ่มบวมอักเสบเป็นแผลก้อนๆ มีน้ำเหลืองไหลออกทั้งตัว ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก้น คือไม่เหลือพื้นที่ให้ได้ชื่นชมเลย ตอนนั้นรีบไปปรึกษาหมออีกที่นึง และได้คำตอบว่า ผมไม่ได้เป็นโรคสะเก็ดเงิน หมอคนก่อนหน้านี้วินิจฉัยผิด !!!
รูปตอนที่ทายาสะเก็ดเงิน แล้วผิวทั่วทั้งตัวเริ่มลอกออกมาครับ ขอลงแค่รูปฝ่ามือพอครับ ส่วนอื่นนี่สภาพรับไม่ได้ ไม่กล้าถ่ายรูปเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้นอาการก็หนักขึ้นๆ ไปไหนไม่ได้เป็นเดือนๆเลยครับ คือแต่ละวันมันทรมานมากจริงๆนะครับ ออกไปไหนก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ออกกำลังกายก็ไม่ได้ กลายเป็นโรคแพ้สัมผัสอีกโรค สัมผัสโดนอะไรก็แพ้ ระคายเคืองไปหมด ตุ่มที่มือผุดขึ้นมาหลายร้อยเม็ดเห็นแล้วสยอง ที่นอนก็จะเลอะน้ำเหลืองและเลือดในทุกๆคืน ผมได้ลองหันมาใช้ยาทาแก้ผื่นแบบไม่มีสเตียรอยด์ เช่น Ezerra และ บีแพนเธม ก็ยังเอาไม่อยู่แม้แต่น้อย แถมพอจะกินอาหารก็กลัวแพ้อาหารอีก เวลาผ่านไปเป็นเดือนๆ น้ำหนักของผมตอนนี้หายไป 15 กิโลครับ หุ่นไม่หมีละครับ กล้ามเนื้อหายหมด อยากร้องไห้มากๆ มันเป็นผลที่ผมกินอะไรไม่ค่อยได้กับออกกำลังกายไม่ได้ครับ
รูปตัวอย่างอาการตอนช่วงนั้นครับ เป็นแบบในรูปแทบทั้งตัวเลยครับ แล้วหลังจากนั้นก็เละกว่านี้อีกครับ แบบว่ารับไม่ค่อยได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(รูปซ้าย = สภาพของตัวผมเมื่อเดือนธันวาคม 2018 จนถึงมีนาคม 2019 & รูปขวา = สภาพปัจจุบัน)
เมื่อผมติดยา(สเตียรอยด์) ฝันร้ายที่เกิดจากการรักษาตัว
มาเกริ่นกันก่อนครับ ว่าสเตียรอยด์คืออะไร มีหน้าที่อะไร...
สเตียรอยด์เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายของคนเราสร้างขึ้นมาจากต่อมหมวกไตชั้นนอก โดยมีหน้าที่ในการควบคุมระบบการทำงานต่างๆของร่างกาย ช่วยให้อวัยวะ เซลล์ และ เนื้อเยื่อต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับสเตียรอยด์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคผิวหนังจะเป็นสเตียรอยด์ที่สังเคราะห์ขึ้นมา มีฤทธิ์ในการกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้อาการผิวหนังต่างๆมีการอักเสบน้อยลงได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งสรรพคุณของสเตียรอยด์เนี่ยเรียกว่าครอบจักรวาล ให้ผลลัพธ์หลังจากใช้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยใช้เวลารักษาไม่นานนัก แต่หากเผลอใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน แทนที่ผลที่ได้จะดีกลับกลายเป็นผลที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม จากอาการที่เป็นอยู่จะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า ทีนี้พอติดสเตียรอยด์แล้ว จะเลิกสเตียรอยด์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆแล้วครับ ต้องอาศัยความอดทนและกำลังใจแบบสูงมากเลยทีเดียว ถึงจะหลุดพ้นไปได้...
เรื่องราวของผมส่วนหนึ่งมาจากความผิดพลาดของตัวของผมเองที่ขาดความรู้และไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงและวิธีใช้สเตียรอยด์ที่ถูกต้องมาก่อน รู้เพียงแค่ว่ามันมีเอาไว้เพื่อรักษาโรคผิวหนังได้แค่นั้นเอง สิ่งที่ผมจะเล่า อาจจะไม่ใช่แนวทางรักษาที่ถูกต้องทั้งหมด แต่ก็อาจจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้สำหรับผู้ที่มีอาการเดียวกันครับ...
บางคนอาจจะไม่เคยได้ยินว่ามันมีอาการแบบนี้ด้วยหรอ... อาการติดสเตียรอยด์เนี่ย... ต้องบอกก่อนนะครับ ว่าถ้าไม่เจอกับตัวผมเอง ผมก็ไม่เคยได้ยินว่ามันมีครับ ซึ่งจากที่ไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลบางแห่ง คุณหมอก็ยังบอกเลยครับ ว่ามีด้วยหรอ !? และจากการที่ผมได้ลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ พบว่ามีคนที่เป็นโรคนี้เยอะพอสมควรครับ มีหลายคนที่เคยเป็นก็มาตั้งกระทู้แชร์ประสบการณ์เหมือนกับผม อาการก็มีความต่างกันออกไปแล้วแต่บุคคล และคนส่วนใหญ่ก็เป็นอาการนี้แบบไม่รู้ตัวด้วยนะครับ เพราะอาการของโรคจะไม่ค่อยต่างอะไรจากโรคผิวหนังธรรมดาเลยครับ คนส่วนใหญ่ก็จะจบด้วยการเอายามาทาแก้ผื่นแพ้ แล้วอาการก็จะหาย และก็กลับมาอีกเมื่อหยุดหรือเลิกยา และทุกครั้งที่ผื่นกลับมา ก็จะกลับมาแบบหนักขึ้นไปเรื่อยๆครับ พูดง่ายๆก็คือเหมือนกลายเป็นคนติดยาไปซะงั้น !!! และหากใช้สเตียรอยด์นานๆเข้า ผิวหนังในบริเวณที่ทายา จะบางลงเรื่อยๆครับ และภูมิตรงส่วนนั้นจะต่ำลง ทำให้เกิดอาการแพ้ง่ายขึ้นมากๆ ทั้งที่ก่อนหน้าอาจจะไม่เคยแพ้อะไรมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะสเตียรอยด์มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันลง เพื่อลดอาการแพ้หรืออักเสบของผิวหนังครับ
สมัยเด็กๆผมมักจะเป็นผื่นแพ้ตามข้อศอก ข้อพับบ่อยๆ แล้วบ่อยครั้งมักจะเป็นตอนที่ผมเผลอไปกินอาหารทะเลเข้า จนทำให้ผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า ผมเป็นคนที่แพ้อาหารทะเล หลังจากนั้นก็พยายามหลีกเลี่ยงการกินอาหารทะเลมาโดยตลอด ถึงกินก็จะเลือกกินแต่น้อย เพื่อไม่ให้ผื่นแพ้กลับมาอีก ก็มีผื่นขึ้นมาบ้างเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่น้อย ยังเอาอยู่ ไม่มีปัญหาใดๆ ซึ่งก็ไม่ชัดเจนว่าผื่นเกิดจากอาหารทะเลจริงๆหรือป่าว แต่ผมก็ยังคงพยายามหลีกเลี่ยงอยู่
จนเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน จากที่ผมไม่เคยไปหาหมอผิวหนังมาก่อน ผมก็ได้ลองไปหาที่คลินิคแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นผื่นก็ไม่ได้เยอะอะไรมาก แต่ด้วยความที่อยากให้ผื่นหายหมดๆไปสักที คุณหมอก็ได้ให้ยากินและยาทาที่ไม่มีรายละเอียดบ่งบอกว่าเป็นยาอะไร บอกมาแค่ว่าให้ใช้ทา พอผื่นหายแล้วก็ให้หยุดใช้ทันที โดยไม่มีคำว่า "สเตียรอยด์" ให้เห็นแม้แต่น้อย โดยที่ตอนนั้นผมเองก็ไม่เคยศึกษาเรื่องของสเตียรอยด์มาก่อนเลย รู้แค่ว่ามันมีเอาไว้ใช้รักษาโรคผิวหนังได้ดีเท่านั้น จากนั้นผมก็ใช้ยาตามที่หมอสั่ง และผื่นก็หายไปจริงๆครับ ผื่นหายเร็วสุดๆ น่าประทับใจมากๆ... แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายครับ...
หลังจากผื่นหาย ผมก็หยุดยาทันทีตามที่หมอสั่ง โดยผ่านไปแค่ 2 สัปดาห์ ผื่นเจ้ากรรมในที่เดิมๆก็ค่อยๆกลับขึ้นมาอีกครับ ผมก็กลับไปหาหมอที่คลินิคเดิมอีกที วนลูปไป 3 รอบครับ ผื่นก็เป็นๆหายๆสลับกันไป ก็ต้องบอกก่อนนะครับว่าในส่วนนี้ผมไม่ได้มีเจตนาโจมตีคุณหมอทุกท่านที่ผมได้ไปหามานะครับ แต่คือจะเล่าตามเรื่องจริงที่ผมได้เจอมาครับ...
หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจไปหาหมอผิวหนังที่โรงพยาบาลอื่นดูบ้างครับ... สรุปแต่ละครั้งที่ไป ได้คุยกับคุณหมอไม่เกิน 3 นาที คุณหมอก็จ่ายยากินและยาทาสเตียรอยด์ให้ผม และบอกว่าสั้นๆแค่ว่าให้กินและทายาจนผื่นยุบแล้วให้หยุดใช้ยา"ทันที"เช่นเดิมครับ ผลก็ออกมาแบบเดิมๆ เป็นๆหายๆ แต่ยิ่งนานวันเข้า ทุกครั้งเวลาที่ผื่นกลับมาทุกครั้ง มันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มลามไปยังส่วนอื่นๆอีกด้วย... จากที่ผมเป็นแค่ตามข้อศอก ก็เริ่มลามไปยังหลัง ใบหน้า ใบหู มือ เท้า ผิวที่เคยดูดีกลับแห้งเหมือนผิวคนแก่เลยครับ
ผมก็ลองเปลี่ยนไปหาหมอตามโรงพยาบาลอื่นอีกเรื่อยๆ รวมแล้วอีกเกือบ 10 ที่ และก็เช่นเดิมครับ ก็ได้การรักษาแบบเดิมๆโดยการได้ยาสเตียรอยด์มาให้โดยไร้คำอธิบายวิธีการใช้ยาใดๆทั้งสิ้น ถึงแม้จะถามแล้วก็ได้คำตอบเดิมๆว่า "ผื่นยุบ ให้หยุดใช้ยา" ต้องบอกก่อนนะครับว่าทุกครั้งที่พบคุณหมอ ผมจะบอกเสมอว่า ผมได้รักษาโดยการใช้ยาสเตียรอยด์มาเยอะแล้ว ไม่อยากใช้สเตียรอยด์มากกว่านี้อีก แต่คุณหมอเกือบทุกท่านก็บอกกับผมว่า "ถ้าไม่ใช้ ผื่นก็ไม่หาย" จนผมก็ยอมใช้ต่อมาอีกเรื่อยๆครับ...
จนมาถึงเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ผมเริ่มหันมาออกกำลังกายแบบจริงจัง เข้าฟิตเนสเกือบทุกวัน เล่นกล้าม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย โดยที่หวังว่าภูมิคุ้มกันในตัวผมจะเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ระหว่างนั้นก็ยังไม่ได้หยุดทายาสเตียรอยด์นะครับ ก็ใช้เรื่อยๆมาโดยที่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าที่เป็นผื่นเพราะผิวเริ่มติดยาแล้ว แต่เนื่องจากตอนนั้นสภาพร่างกายยังแข็งแรงอยู่ ก็เลยไม่ค่อยมีอาการออกมามากเท่าไรครับ จนวันนึงผมก็ได้มีโอกาสเข้าตรวจร่างกายประจำปีของบริษัทที่จัดขึ้น และพบว่าตับของผมอักเสบค่อนข้างหนัก!!!
ผมก็ได้ไปปรึกษาคุณหมอ ก็ได้ข้อสรุปว่า ผมคงทั้งกินและทายาสเตียรอยด์มานานมากเกินไป จนส่งผลให้ตับอักเสบ ผมเลยต้องเข้ารับการรักษาตับอีกต่อ แต่ยังดีที่ตัวยาบำรุงตับเป็นยาสมุนไพร ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ก็รักษาตับและผิวหนัง ควบคู่กันไปอีกเรื่อยๆครับ... จนในที่สุดค่าการอักเสบของตับของผมก็กลับมาเป็นปกติครับ แต่ผื่นตามตัวก็เป็นๆหายๆไม่หยุด และตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ครับว่าสาเหตุจริงๆคืออะไร คิดเพียงแต่ว่า แพ้อาหารหรอ ? แพ้อากาศ ? แพ้ฝุ่น หรือ แพ้อะไร ? ทำไมไม่หายสักที โดยระหว่างนั้นก็มีหยุดใช้ยาทาบ้างครับ ซึ่งทุกครั้งที่หยุดทา ผื่นก็กลับมาเช่นเดิม เป็นเหตุให้ผมต้องกลับมาใช้ยาทาซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้เอะใจว่าผิวของผมเองติดสเตียรอยด์แล้ว สุดท้ายค่าตับก็พุ่งสูงขึ้นไปอีกพอประมาณ ก็เลยตัดสินใจหยุดใช้ยาสเตียรอยด์ใดๆแบบหักดิบไปเลย ผ่านไปสัปดาห์เดียวเท่านั้นแหละครับ หน้าและผิวหนังตามตัวก็เละบวมเป็นแผลเหมือนโดนซ้อม น้ำเหลืองไหลตามตัวเต็มเลย จนทนไม่ไหวก็ต้องกลับมาพึ่งยาสเตียรอยด์อีก เชื่อไหมครับ จากสภาพเน่าๆขนาดนั้น พอกลับมาใช้ยา ไม่กี่วัน ผิวเนียนเลยครับ... สุดท้ายจบด้วยการรักษาแบบเดิมๆ แต่กลับกลายเป็นเพิ่มปริมาณความเข้มข้นของยาสเตียรอยด์ขึ้นไปอีก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องโฟกัสให้ค่าตับกลับมาเป็นปกติก่อนอีกรอบครับ เพราะตับสำคัญกว่ามาก...
หลังจากตับหายอักเสบแล้ว... ทีนี้ผมก็เริ่มเปลี่ยนแนวไปหาหมอจีนบ้างครับ เพราะการแพทย์แผนจีนจะเน้นการใช้สมุนไพรรักษาผิวหนังและบำรุงอวัยวะภายในเป็นหลัก... แต่ผมดันแพ้สมุนไพรจีนซะงั้น !!! ผื่นที่มีอยู่ กลับยิ่งหนักเลย แล้วก็จำใจกลับมารักษาด้วยสเตียรอยด์แบบเดิมอีกที จนสภาพกลับมาดูเหมือนคนปกติอีกครั้งในเวลาอันสั้น ตรงจุดนี้เริ่มท้อแล้วครับ เป็นๆหายๆไม่หยุดสักที...
มาถึงตอนต้นปีที่ผ่านมา จุดที่ทำให้ผมตกอยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดในชีวิต ก็คือผมได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง คุณหมอได้วินิจฉัยว่าผมเป็น "โรคสะเก็ดเงิน" ซึ่งตอนนั้นคุณหมอได้พูดวิเคราะห์อาการของผมได้น่าเชื่อถือมากๆ จนผมเชื่อและช็อคไม่เบา เพราะโรคนี้มันค่อนข้างรุนแรงอยู่ เค้าก็จ่ายยากินและทาสเตียรอยด์แบบแรงสำหรับโรคสะเก็ดเงินมาให้ผมใช้ ผมก็กลับบ้านมาทา แค่ 2 วันเท่านั้นแหละครับ จากผิวของผมที่บางอยู่แล้ว มาเจอยาชุดนี้เข้าไปอีก ส่งผลให้ผิวหนังของผมทั้งตัว เริ่มลอกออกเป็นวงๆ ลอกออกจนถึงเนื้อสีแดงๆ บางส่วนเริ่มบวมอักเสบเป็นแผลก้อนๆ มีน้ำเหลืองไหลออกทั้งตัว ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ก้น คือไม่เหลือพื้นที่ให้ได้ชื่นชมเลย ตอนนั้นรีบไปปรึกษาหมออีกที่นึง และได้คำตอบว่า ผมไม่ได้เป็นโรคสะเก็ดเงิน หมอคนก่อนหน้านี้วินิจฉัยผิด !!!
หลังจากนั้นอาการก็หนักขึ้นๆ ไปไหนไม่ได้เป็นเดือนๆเลยครับ คือแต่ละวันมันทรมานมากจริงๆนะครับ ออกไปไหนก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ออกกำลังกายก็ไม่ได้ กลายเป็นโรคแพ้สัมผัสอีกโรค สัมผัสโดนอะไรก็แพ้ ระคายเคืองไปหมด ตุ่มที่มือผุดขึ้นมาหลายร้อยเม็ดเห็นแล้วสยอง ที่นอนก็จะเลอะน้ำเหลืองและเลือดในทุกๆคืน ผมได้ลองหันมาใช้ยาทาแก้ผื่นแบบไม่มีสเตียรอยด์ เช่น Ezerra และ บีแพนเธม ก็ยังเอาไม่อยู่แม้แต่น้อย แถมพอจะกินอาหารก็กลัวแพ้อาหารอีก เวลาผ่านไปเป็นเดือนๆ น้ำหนักของผมตอนนี้หายไป 15 กิโลครับ หุ่นไม่หมีละครับ กล้ามเนื้อหายหมด อยากร้องไห้มากๆ มันเป็นผลที่ผมกินอะไรไม่ค่อยได้กับออกกำลังกายไม่ได้ครับ
รูปตัวอย่างอาการตอนช่วงนั้นครับ เป็นแบบในรูปแทบทั้งตัวเลยครับ แล้วหลังจากนั้นก็เละกว่านี้อีกครับ แบบว่ารับไม่ค่อยได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้