อาจจะยาวหน่อยนะคะแต่เราอยากให้รายละเอียดมากที่สุดเพราะต้องการคำปรึกษาและคำแนะนำ เพราะตอนนี้เรามืดแปดด้านจริงๆค่ะ
- ครอบครัวเรามีสมาชิกทั้งหมด 6 คน คือ พ่อ แม่ พี่สาวคนโต พี่สาวคนรอง เรา และน้องสาวคนเล็ก
- ปัจจุบันบ้านเราทำธุรกิจไร่อ้อย ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลไม้และมีหุ้นส่วนคอยสนับสนุนด้านเงินมา 20 กว่าปี พ่อเราก็ทำมาหากินแบบเรื่อยเปื่อยเพราะคิดว่ายังไงก็มีเงินมาให้หมุนตลอดแต่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้หุ้นส่วนยกเลิกการสนับสนุนด้านการเงินทำให้พ่อเราเหมือนตั้งต้นใหม่โดยการทำไร่อ้อยและต้องหาเงินมาหมุนในไร่เอง โดยการยืมคนอื่นบ้าง เอาบ้านไปไว้กับโรงงานที่ส่งอ้อยแล้วเอาเงินออกมาใช้บ้าง
- ค่าใช้จ่ายที่ไม่เคยต้องจ่ายเองเพราะมีหุ้นส่วนคอยสนับสนุน เช่น ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเช่าที่ทำไร่อ้อย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ต้องหามาจ่ายเอง ช่วงนี้แม่เราก็เลยหันไปหาธุรกิจที่ต้องหาดาวน์ไลน์ (แม่เราเป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเลี้ยงลูกมาตลอด ไม่เคยทำงาน และเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะเชื่อคนง่าย) แต่ขาดเงินทุนเลยไปขอยืมเงินญาติมาประมาณล้านต้นๆ
- แม่ทุ่มเงินไปในธุรกิจนี้เยอะมาก เงินที่ยืมญาติมาก็ไม่พอทำให้พ่อเราต้องเจียดเงินที่จะใช้ทำไร่อ้อยไปให้แม่ทำธุรกิจนี้ เพราะถ้าไม่ให้ก็จะทะเลาะกัน
- ปีสองปีก่อนหน้านี้แม่ติดแชร์ออนไลน์อย่างหนัก (เล่นประมาณ 10 วง คิดว่ารวมๆ กันน่าจะเป็นล้าน) และมีหนี้ส่วนตัวจากการกู้เงินนอกระบบมาทำธุรกิจและเล่นแชร์อีกน่าจะหลายแสน เราไม่เคยรู้จำนวนหนี้ที่แน่นอนเพราะถามทีไรก็ไม่เคยบอก ปัดไปเรื่องอื่น อารมณ์ขึ้น ดราม่าไปเรื่องอื่นตลอด
- บ้านเรานอกจากมีหนี้ต่างๆ แล้วก็ยังมีค่างวดรถอีก 3 คัน และมีช่วงหนึ่งที่หมุนเงินไม่ทันเพราะแม่เอาเงินไปทำอย่างอื่นทำให้ไม่มีจ่ายค่างวดรถ 1 คัน เลยทำให้รถโดนยึด
- เมื่อปีที่แล้วพ่อไปทะเลาะกับคนทำเรื่องเงินเกี๊ยวโรงงาน (เงินเกี๊ยวคล้ายๆ เงินที่กู้โรงงานมาเป็นทุนใช้ทำอ้อย) ทำให้ได้เงินเกี๊ยวช้าเลยทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำอ้อยเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากไม่มีเงินที่จะเอาไปจองตัวคนงานทำให้ต้องใช้รถตัดอ้อยแทนซึ่งค่าใช้จ่ายสูงกว่าประมาณเท่าหนึ่ง
- ค่าเช่าที่ทำอ้อย บ้านเราจ่ายเป็นรายปี และในระหว่างปีนี้เงินที่พ่อหามาได้จะถูกแม่ และน้องเอาไปใช้ทำอย่างอื่น (บอกรายละเอียดไม่ได้ว่าอะไรบ้าง เพราะเราไม่รู้จริงๆ) และภาระอีกอย่างคือพ่อยังต้องจ่ายค่าคอนโดและค่างวดรถของพี่ และบางทีพี่คนโตก็ขอเงินพ่อใช้ (เงินเดือนพี่ทั้งหมดเอาไปจ่ายหนี้บัตรกับหนี้นอกระบบที่ไปกู้มา) ทำให้พ่อไม่มีเงินมาใช้ทำอ้อยเพราะโดนดูดไปหลายทาง
- เรารู้ว่าทางบ้านมีปัญหาด้านการเงินแต่ก็คิดว่าไม่หนักเท่านี้เลยทำให้ระหว่างที่เราทำงานเราก็ใช้เงินที่หามาได้ไปเที่ยวจนเกือบหมด แต่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเรารับผิดชอบเองทั้งหมด คือถ้าไม่มีเงินก็ไม่ซื้อของและไม่เที่ยวเพราะไม่ชอบยืมใครกับติดหนี้ใคร แต่ช่วงไม่กี่เดือนมานี้เราตัดสินใจลาออกและหางานใหม่ (รู้สึกว่าตัวเองคิดน้อยไปหน่อยที่ลาออกทั้งๆที่ยังไม่มีงานและเงินเก็บเราที่คาดว่าจะใช้ช่วงหางานใหม่ก็เอามาใช้จ่ายภายในบ้านทำให้ตอนนี้เงินส่วนนั้นไม่เหลือแล้ว) ระหว่างนั้นพี่คนรองที่ทำงานในกรุงเทพฯ ก็ลาออกเหมือนกัน เลยทำให้แผนเปลี่ยนเพราะตอนแรกเรากะว่าจะไปอยู่กับพี่คนรองในกรุงเทพฯ แต่กลายเป็นว่าต้องกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดทั้งสองคน ตอนนี้เราก็ยังหางานอยู่ ส่วนพี่คนรองก็ยังมีงานฟรีแลนซ์อยู่ แต่รายได้ไม่แน่ไม่นอน
- พอกลับบ้านมาทำให้เรารับรู้ปัญหาด้านการเงินที่บ้านว่าหนักกว่าที่คิด ค่าเช่าที่ๆ คิดว่าพ่อจ่ายมาตลอดก็ไม่เคยจ่ายเลยหลายปีรวมๆ แล้วก็หลายล้าน ค่าภาษีที่ดินก็ไม่เคยจ่ายจนสะสมมาเรื่อยๆ เป็นหลายหมื่น (ตอนนี้จ่ายเกือบหมดแล้ว) ทำให้เจ้าของที่ต้องทำสัญญากับพ่อเราใหม่ และเอาเงินค่าเช่าที่ค้างไว้เปลี่ยนเป็นเงินกู้และคิดดอกเบี้ย 15% ต่อปี ส่วนค่าเช่าที่ๆ ทำสัญญาใหม่ต้องจ่ายเดือนที่ผ่านมาแต่เงินเกี๊ยวที่พ่อคาดว่าจะพอจ่ายค่าเช่าก็ออกน้อยกว่าที่คาดไว้เยอะทำให้มีเงินจ่ายค่าเช่าแค่ 10% ของค่าเช่าที่ ตอนนี้รถพี่สาวก็โดนยึดไปอีกคันแล้วเพราะไม่มีเงินจ่ายค่างวดรถ
- ตอนแรกตกลงกับเจ้าของที่ว่าจะจ่ายค่าเช่าไปให้ส่วนหนึ่งก่อน (ประมาณ 30%) แต่พอเงินเกี๊ยวออกและหักค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแล้วทำให้จ่ายได้แค่ 10% ตอนนี้เจ้าของที่กำลังทวงอีก 20% ที่บอกว่าจะจ่ายว่าให้จ่ายภายในอาทิตย์นี้
- ตอนนี้มีเงินที่กำลังจะได้คือเงินที่ค่าขายพันธุ์อ้อยที่โรงงานติดไว้ประมาณ 5% ของค่าเช่าที่ กับเงินช่วยชาวไร่อ้อยอีกประมาณ 10% ของค่าเช่า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไร และมีเงินจากการปลูกชนิดอื่นอีกประมาณ 20% ของค่าเช่าแต่จะได้อีกประมาณ 2-3 เดือน
- รวมเงินทั้งหมดที่จะได้ในอนาคตก็แค่ 35% ของค่าเช่า ทำให้รวมกับที่จ่ายไปแล้ว 10% ก็เป็นแค่ 45% เหลืออีก 55% ที่ต้องจ่าย
- เรารู้สึกว่าพ่อไม่กระตือรือร้นที่จะหาเงินมาจ่ายค่าเช่าเลยเพราะพ่อกำลังรอเงินที่คิดว่าจะได้แต่ไม่แน่นอนเลยเรื่องวันเวลาที่จะได้
- พ่อเราเป็นคนที่ใครพูดดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง เชื่อแต่ความคิดของตัวเองแต่เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะหนีปัญหา เวลาแม่น้องหรือพี่คนโตขอเงินพ่อก็ให้เพราะขี้เกียจทะเลาะ พ่อกับแม่เราชอบแก้ปัญหาเอาดาบหน้าตลอดไม่ค่อยเผื่อ worst case คิดแต่ในกรณี best case ทำให้พอเจอสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่เคยกันเงินไว้จ่ายในกรณีฉุกเฉินเลย
- เราเคยถามพ่อว่าถ้าเจ้าของที่ไม่ยอมผ่อนผันจะทำยังไง พ่อบอกว่าจะสู้ให้ถึงที่สุดและบอกว่าตอนนี้เขาแค่ขู่ให้เรากลัวเฉยๆ เราอยู่มานานเขาไม่ไล่เราออกหรอก
- ค่าเช่าส่วนที่เหลือเจ้าของที่ให้เวลาจ่ายค่าเช่าที่เหลือแค่ 3 เดือนไม่งั้นจะยกเลิกสัญญาเช่า ถ้าไม่มีที่ดินทำอ้อยก็ไม่มีอ้อยส่งโรงงาน บ้านที่เอาไปไว้กับโรงงานก็จะโดนยึดเราก็จะไม่มีบ้านอยู่
- สรุปตอนนี้ที่บ้านมีหนี้ทั้งหมดคร่าวๆคือ
1. กับโรงงานหลายล้าน
2. ค่าเช่าอีกหลายล้าน (ยังไม่รวมดอกเบี้ย 15%)
3. หนี้ส่วนตัวแม่จากการเล่นแชร์อีกหลายแสน
4. หนี้บัตรเครดิตของพี่คนโต 3 ใบ รวมๆกันแสนกว่าบาท
5. หนี้นอกระบบที่พี่คนโตไปกู้มาอีกน่าจะเป็นแสน
6. หนี้บัตรของเรากับพี่คนรองสองคนรวมกันประมาณ 5 หมื่น เพราะตอนกลับมาอยู่บ้านแรกๆพ่อเราไม่มีเงินเลยทำให้เรากับพี่คนรอง ต้องใช้บัตรไปจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านแทน
7. หนี้ที่ไปยืมญาติอีกประมาณ ล้านต้นๆ
8 หนี้ที่แม่ไปยืมคนอื่นนอกเหนือจากที่เรารู้อีกไม่รู้เท่าไร ทำให้ตอนนี้หันไปพึ่งใครก็ไม่มีใครให้ยืมเพราะแม่เราชอบไปยืมคนอื่นแล้วไม่คืนตามกำหนดหรือไม่ก็ไม่คืนเลย
- แม่เอาชื่อเรากับพี่คนรองไปแอบทำบัตรเครดิตและกดเงินไปใช้ แต่ในส่วนนี้เรากับพี่คนรองเอาบัตรมาเก็บไว้เองแล้ว และไม่รู้ว่ายังมีบัตรอื่นที่แม่เอาชื่อเราไปสมัครอีกไหม
- ตอนนี้แม่บอกว่าเลิกเล่นแชร์แล้ว (ไม่รู้จริงไหม) แต่หันมาเล่นหวยแทน เล่นที่ละเยอะๆและเล่นทุกวันมากสุดที่เคยรู้คือ 10,000
- ตอนนี้เราว่างงานอยู่ในช่วงกำลังหางาน ,ทำให้ไม่มีรายได้อะไรเลยมีแค่เงินที่ได้จากประกันสังคม 2,000 กว่าบาทต่อเดือน แต่พี่คนรองมีงานทำทางออนไลน์เลยมีเงินมาแต่ก็พอแค่ใช้จ่ายภายในบ้าน แต่ระหว่างนี้พ่อเราและเราก็ไม่มีเงินเข้าเลย
- ช่วงนี้เรากับพี่คนรองก็พยายามทำทุกอย่างที่จะลดค่าใช้จ่ายในบ้าน และพยายามหาอย่างอื่นทำในระหว่างนี้
- บ้านเราไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากบ้านและที่ประมาณ 100 ไร่ เงินเก็บไม่มีเลย เวลาได้เงินก้อนมาก็หมดก่อนเก็บทุกรอบเพราะเอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
- ตอนนี้ทางออกที่คิดไว้คือ แม่เราเสนอให้ตัดไม้มีค่ารอบๆไร่ที่พ่อเราปลูกไว้ขาย แต่ปัญหาคือพ่อเราเหมือนจะไม่ยอมให้ตัดขาย มีคนมาซื้อแล้วแต่ไม่มีคนตัดและพ่อเราก็คอยคัดค้านตลอดเพราะพ่อบอกว่าไปล้มใส่อ้อยที่ปลูกไว้ ตอนนี้เลยฉะลอการตัดไปก่อน
กลุ้มใจกับปัญหาหนี้สินของที่บ้าน เราควรจะจัดการยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ดี?
- ครอบครัวเรามีสมาชิกทั้งหมด 6 คน คือ พ่อ แม่ พี่สาวคนโต พี่สาวคนรอง เรา และน้องสาวคนเล็ก
- ปัจจุบันบ้านเราทำธุรกิจไร่อ้อย ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับผลไม้และมีหุ้นส่วนคอยสนับสนุนด้านเงินมา 20 กว่าปี พ่อเราก็ทำมาหากินแบบเรื่อยเปื่อยเพราะคิดว่ายังไงก็มีเงินมาให้หมุนตลอดแต่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้หุ้นส่วนยกเลิกการสนับสนุนด้านการเงินทำให้พ่อเราเหมือนตั้งต้นใหม่โดยการทำไร่อ้อยและต้องหาเงินมาหมุนในไร่เอง โดยการยืมคนอื่นบ้าง เอาบ้านไปไว้กับโรงงานที่ส่งอ้อยแล้วเอาเงินออกมาใช้บ้าง
- ค่าใช้จ่ายที่ไม่เคยต้องจ่ายเองเพราะมีหุ้นส่วนคอยสนับสนุน เช่น ค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเช่าที่ทำไร่อ้อย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ต้องหามาจ่ายเอง ช่วงนี้แม่เราก็เลยหันไปหาธุรกิจที่ต้องหาดาวน์ไลน์ (แม่เราเป็นแม่บ้าน อยู่บ้านเลี้ยงลูกมาตลอด ไม่เคยทำงาน และเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะเชื่อคนง่าย) แต่ขาดเงินทุนเลยไปขอยืมเงินญาติมาประมาณล้านต้นๆ
- แม่ทุ่มเงินไปในธุรกิจนี้เยอะมาก เงินที่ยืมญาติมาก็ไม่พอทำให้พ่อเราต้องเจียดเงินที่จะใช้ทำไร่อ้อยไปให้แม่ทำธุรกิจนี้ เพราะถ้าไม่ให้ก็จะทะเลาะกัน
- ปีสองปีก่อนหน้านี้แม่ติดแชร์ออนไลน์อย่างหนัก (เล่นประมาณ 10 วง คิดว่ารวมๆ กันน่าจะเป็นล้าน) และมีหนี้ส่วนตัวจากการกู้เงินนอกระบบมาทำธุรกิจและเล่นแชร์อีกน่าจะหลายแสน เราไม่เคยรู้จำนวนหนี้ที่แน่นอนเพราะถามทีไรก็ไม่เคยบอก ปัดไปเรื่องอื่น อารมณ์ขึ้น ดราม่าไปเรื่องอื่นตลอด
- บ้านเรานอกจากมีหนี้ต่างๆ แล้วก็ยังมีค่างวดรถอีก 3 คัน และมีช่วงหนึ่งที่หมุนเงินไม่ทันเพราะแม่เอาเงินไปทำอย่างอื่นทำให้ไม่มีจ่ายค่างวดรถ 1 คัน เลยทำให้รถโดนยึด
- เมื่อปีที่แล้วพ่อไปทะเลาะกับคนทำเรื่องเงินเกี๊ยวโรงงาน (เงินเกี๊ยวคล้ายๆ เงินที่กู้โรงงานมาเป็นทุนใช้ทำอ้อย) ทำให้ได้เงินเกี๊ยวช้าเลยทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำอ้อยเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากไม่มีเงินที่จะเอาไปจองตัวคนงานทำให้ต้องใช้รถตัดอ้อยแทนซึ่งค่าใช้จ่ายสูงกว่าประมาณเท่าหนึ่ง
- ค่าเช่าที่ทำอ้อย บ้านเราจ่ายเป็นรายปี และในระหว่างปีนี้เงินที่พ่อหามาได้จะถูกแม่ และน้องเอาไปใช้ทำอย่างอื่น (บอกรายละเอียดไม่ได้ว่าอะไรบ้าง เพราะเราไม่รู้จริงๆ) และภาระอีกอย่างคือพ่อยังต้องจ่ายค่าคอนโดและค่างวดรถของพี่ และบางทีพี่คนโตก็ขอเงินพ่อใช้ (เงินเดือนพี่ทั้งหมดเอาไปจ่ายหนี้บัตรกับหนี้นอกระบบที่ไปกู้มา) ทำให้พ่อไม่มีเงินมาใช้ทำอ้อยเพราะโดนดูดไปหลายทาง
- เรารู้ว่าทางบ้านมีปัญหาด้านการเงินแต่ก็คิดว่าไม่หนักเท่านี้เลยทำให้ระหว่างที่เราทำงานเราก็ใช้เงินที่หามาได้ไปเที่ยวจนเกือบหมด แต่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเรารับผิดชอบเองทั้งหมด คือถ้าไม่มีเงินก็ไม่ซื้อของและไม่เที่ยวเพราะไม่ชอบยืมใครกับติดหนี้ใคร แต่ช่วงไม่กี่เดือนมานี้เราตัดสินใจลาออกและหางานใหม่ (รู้สึกว่าตัวเองคิดน้อยไปหน่อยที่ลาออกทั้งๆที่ยังไม่มีงานและเงินเก็บเราที่คาดว่าจะใช้ช่วงหางานใหม่ก็เอามาใช้จ่ายภายในบ้านทำให้ตอนนี้เงินส่วนนั้นไม่เหลือแล้ว) ระหว่างนั้นพี่คนรองที่ทำงานในกรุงเทพฯ ก็ลาออกเหมือนกัน เลยทำให้แผนเปลี่ยนเพราะตอนแรกเรากะว่าจะไปอยู่กับพี่คนรองในกรุงเทพฯ แต่กลายเป็นว่าต้องกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดทั้งสองคน ตอนนี้เราก็ยังหางานอยู่ ส่วนพี่คนรองก็ยังมีงานฟรีแลนซ์อยู่ แต่รายได้ไม่แน่ไม่นอน
- พอกลับบ้านมาทำให้เรารับรู้ปัญหาด้านการเงินที่บ้านว่าหนักกว่าที่คิด ค่าเช่าที่ๆ คิดว่าพ่อจ่ายมาตลอดก็ไม่เคยจ่ายเลยหลายปีรวมๆ แล้วก็หลายล้าน ค่าภาษีที่ดินก็ไม่เคยจ่ายจนสะสมมาเรื่อยๆ เป็นหลายหมื่น (ตอนนี้จ่ายเกือบหมดแล้ว) ทำให้เจ้าของที่ต้องทำสัญญากับพ่อเราใหม่ และเอาเงินค่าเช่าที่ค้างไว้เปลี่ยนเป็นเงินกู้และคิดดอกเบี้ย 15% ต่อปี ส่วนค่าเช่าที่ๆ ทำสัญญาใหม่ต้องจ่ายเดือนที่ผ่านมาแต่เงินเกี๊ยวที่พ่อคาดว่าจะพอจ่ายค่าเช่าก็ออกน้อยกว่าที่คาดไว้เยอะทำให้มีเงินจ่ายค่าเช่าแค่ 10% ของค่าเช่าที่ ตอนนี้รถพี่สาวก็โดนยึดไปอีกคันแล้วเพราะไม่มีเงินจ่ายค่างวดรถ
- ตอนแรกตกลงกับเจ้าของที่ว่าจะจ่ายค่าเช่าไปให้ส่วนหนึ่งก่อน (ประมาณ 30%) แต่พอเงินเกี๊ยวออกและหักค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแล้วทำให้จ่ายได้แค่ 10% ตอนนี้เจ้าของที่กำลังทวงอีก 20% ที่บอกว่าจะจ่ายว่าให้จ่ายภายในอาทิตย์นี้
- ตอนนี้มีเงินที่กำลังจะได้คือเงินที่ค่าขายพันธุ์อ้อยที่โรงงานติดไว้ประมาณ 5% ของค่าเช่าที่ กับเงินช่วยชาวไร่อ้อยอีกประมาณ 10% ของค่าเช่า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไร และมีเงินจากการปลูกชนิดอื่นอีกประมาณ 20% ของค่าเช่าแต่จะได้อีกประมาณ 2-3 เดือน
- รวมเงินทั้งหมดที่จะได้ในอนาคตก็แค่ 35% ของค่าเช่า ทำให้รวมกับที่จ่ายไปแล้ว 10% ก็เป็นแค่ 45% เหลืออีก 55% ที่ต้องจ่าย
- เรารู้สึกว่าพ่อไม่กระตือรือร้นที่จะหาเงินมาจ่ายค่าเช่าเลยเพราะพ่อกำลังรอเงินที่คิดว่าจะได้แต่ไม่แน่นอนเลยเรื่องวันเวลาที่จะได้
- พ่อเราเป็นคนที่ใครพูดดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง เชื่อแต่ความคิดของตัวเองแต่เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะหนีปัญหา เวลาแม่น้องหรือพี่คนโตขอเงินพ่อก็ให้เพราะขี้เกียจทะเลาะ พ่อกับแม่เราชอบแก้ปัญหาเอาดาบหน้าตลอดไม่ค่อยเผื่อ worst case คิดแต่ในกรณี best case ทำให้พอเจอสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่เคยกันเงินไว้จ่ายในกรณีฉุกเฉินเลย
- เราเคยถามพ่อว่าถ้าเจ้าของที่ไม่ยอมผ่อนผันจะทำยังไง พ่อบอกว่าจะสู้ให้ถึงที่สุดและบอกว่าตอนนี้เขาแค่ขู่ให้เรากลัวเฉยๆ เราอยู่มานานเขาไม่ไล่เราออกหรอก
- ค่าเช่าส่วนที่เหลือเจ้าของที่ให้เวลาจ่ายค่าเช่าที่เหลือแค่ 3 เดือนไม่งั้นจะยกเลิกสัญญาเช่า ถ้าไม่มีที่ดินทำอ้อยก็ไม่มีอ้อยส่งโรงงาน บ้านที่เอาไปไว้กับโรงงานก็จะโดนยึดเราก็จะไม่มีบ้านอยู่
- สรุปตอนนี้ที่บ้านมีหนี้ทั้งหมดคร่าวๆคือ
1. กับโรงงานหลายล้าน
2. ค่าเช่าอีกหลายล้าน (ยังไม่รวมดอกเบี้ย 15%)
3. หนี้ส่วนตัวแม่จากการเล่นแชร์อีกหลายแสน
4. หนี้บัตรเครดิตของพี่คนโต 3 ใบ รวมๆกันแสนกว่าบาท
5. หนี้นอกระบบที่พี่คนโตไปกู้มาอีกน่าจะเป็นแสน
6. หนี้บัตรของเรากับพี่คนรองสองคนรวมกันประมาณ 5 หมื่น เพราะตอนกลับมาอยู่บ้านแรกๆพ่อเราไม่มีเงินเลยทำให้เรากับพี่คนรอง ต้องใช้บัตรไปจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านแทน
7. หนี้ที่ไปยืมญาติอีกประมาณ ล้านต้นๆ
8 หนี้ที่แม่ไปยืมคนอื่นนอกเหนือจากที่เรารู้อีกไม่รู้เท่าไร ทำให้ตอนนี้หันไปพึ่งใครก็ไม่มีใครให้ยืมเพราะแม่เราชอบไปยืมคนอื่นแล้วไม่คืนตามกำหนดหรือไม่ก็ไม่คืนเลย
- แม่เอาชื่อเรากับพี่คนรองไปแอบทำบัตรเครดิตและกดเงินไปใช้ แต่ในส่วนนี้เรากับพี่คนรองเอาบัตรมาเก็บไว้เองแล้ว และไม่รู้ว่ายังมีบัตรอื่นที่แม่เอาชื่อเราไปสมัครอีกไหม
- ตอนนี้แม่บอกว่าเลิกเล่นแชร์แล้ว (ไม่รู้จริงไหม) แต่หันมาเล่นหวยแทน เล่นที่ละเยอะๆและเล่นทุกวันมากสุดที่เคยรู้คือ 10,000
- ตอนนี้เราว่างงานอยู่ในช่วงกำลังหางาน ,ทำให้ไม่มีรายได้อะไรเลยมีแค่เงินที่ได้จากประกันสังคม 2,000 กว่าบาทต่อเดือน แต่พี่คนรองมีงานทำทางออนไลน์เลยมีเงินมาแต่ก็พอแค่ใช้จ่ายภายในบ้าน แต่ระหว่างนี้พ่อเราและเราก็ไม่มีเงินเข้าเลย
- ช่วงนี้เรากับพี่คนรองก็พยายามทำทุกอย่างที่จะลดค่าใช้จ่ายในบ้าน และพยายามหาอย่างอื่นทำในระหว่างนี้
- บ้านเราไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากบ้านและที่ประมาณ 100 ไร่ เงินเก็บไม่มีเลย เวลาได้เงินก้อนมาก็หมดก่อนเก็บทุกรอบเพราะเอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
- ตอนนี้ทางออกที่คิดไว้คือ แม่เราเสนอให้ตัดไม้มีค่ารอบๆไร่ที่พ่อเราปลูกไว้ขาย แต่ปัญหาคือพ่อเราเหมือนจะไม่ยอมให้ตัดขาย มีคนมาซื้อแล้วแต่ไม่มีคนตัดและพ่อเราก็คอยคัดค้านตลอดเพราะพ่อบอกว่าไปล้มใส่อ้อยที่ปลูกไว้ ตอนนี้เลยฉะลอการตัดไปก่อน