ถามจริงๆ คนเล่นหุ้นทุกวันนี้ สามารถดำรงชีพด้วยการเล่นหุ้นอย่างเดียวเหรอ

สำหรับผมไม่ค่อยเชื่อ เพราะผมเป็นมนุษย์เงินเดือน หาเช้ากินค่ำ เรื่องหุ้นเคยสนใจ แต่ไม่ดีกว่า เพราะคนเล่นเก่าๆ คงเล่นไปหมดแล้ว เข้าไปคงไม่มีที่ว่างสำหรับหน้าใหม่ มีแค่เท่าทุน หรือ หมดทุน

หลายคนชอบพูด เล่นหุ้นแล้วรวย วันๆไม่ต้องทำอะไร ดูแต่หุ้น ดูแต่ข่าวหุ้นอย่างเดียว

ผมว่าถ้ามันจริง ประเทศไทยคงมีแต่คนเล่นหุ้น คงไม่มีคนทำมาหากินอย่างอื่น อีกอย่าง คงไม่มีคนจนอยู่ในประเทศไทย เพราะทุกคน เอาเงินไปลงทุนกับหุ้น  แล้วมีกำไรและรวย คงไม่มีข่าวโดนหลอกแชร์ลูกโซ่ต่างๆนานา

หรือสิ่งที่ผมเข้าใจนั้นผิดมาโดยตลอด ยังไงก็ช่วยคอมเม้นให้ผมหน่อยครับ ว่ามันมีหนทางจริงๆเหรอ กับการเล่นหุ้น และสามารถดำรงชีพด้วยการเล่นหุ้นอย่างเดียว

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
มันเป็นการลงทุนระยะยาวค่ะ  ...   ดิฉันเริ่มลงทุนตั้งแต่มีงานทำประจำ  ...
ก็นำโบนัสที่ได้ มาลงทุน  เริ่มต้นแค่หลักแสน  ค่อยๆสะสมเพิ่มมาเรื่อยๆ
ทำงานประจำมาตลอด  และเก็บเงินออมเกือบทั้งหมดในหุ้น ที่มีปันผล ..
30  ปีในการลงทุนในหุ้น  เมื่อเกษียณ  ก็มีผลตอบแทนจากหุ้นคือปันผล  
มากกว่า   เงินเดือน ค่ะ  ยืนยัน  ไม่ได้เฝ้าหน้าจอ เพี้ยนยิ้ม

สาวแว่น
ความคิดเห็นที่ 10
วิกฤต40 ฟังรากความกลัว ความเกลียดชังตลาดหุ้นไว้กับคนไทยเยอะจริงๆ
คนรุ่นใหม่หลายคนพลาดโอกาสลืมตาอ้าปากจากการปลูกฝังจากพ่อแม่ให้หลีกเลี่ยงตลาดทุน
กว่าจะเริ่มหลุดพ้นอิทธิพลความคิดมาได้ก็อายุ 30กว่าๆ ณ set 1700
ปล่อยให้คนไม่กลัวเขารับประทานกำไรตั้งแต่ช่วง 400 มาถึง 1700 ไปกันจนพุงกาง

พอเลี้ยงชีพไหม? สำหรับเดี๋ยนก็พอแบบเขียมๆใช้เงินวันละไม่เกิน2000บาท
แต่ส่วนใหญ่ใช้วันละ 300-1000 แล้วสะสมเอาไปเที่ยวนอกเปิดหูเปิดตาดีกว่า
ปริมาณเงินที่เพียงพอกับการดำรงชีพแบบจะอยู่ที่ประมาณ 10ล้านบาทขึ้นไป
เน้นใช้ปันผลมา reinvest ให้พอร์ตโตขึ้นไม่ต้องเสี่ยงกับราคาหุ้นขึ้นลงมากเกินไป

เรื่องที่คนทั้งประเทศจะมาเทรดหุ้นคือเลิกคิดเพราะคนมีหลายความถนัด
และพวกที่มีความถนัดแบบ analytic ช่างสังเกตช่างศึกษาช่างอ่านช่างวิเคราะห์ เป็นประชากรส่วนน้อย
ดูง่ายๆ คนกำเงินมา 1ล้าน ระหว่าง  1. เปิดร้านอาหาร เปิดร้านกาแฟ  2. เล่นหุ้น   แบบไหนที่มีมากกว่ากัน?
เสียหายกันไปเท่าไหร่กับการเปิดแล้วขายได้ปีสองปีต้องปิดตัว ขายกิจการเสร็จสรรพเหลือเงินไม่ถึง2แสน
หุ้นถ้าไม่ใช่ช่วงวิกฤตหนักจริงๆยังไงก็ไม่เจอการลบ 70-80% กันง่ายๆเหมือนทำกิจการตัวเอง
ความคิดเห็นที่ 35
ออกตัวก่อนว่า ผมเป็นคนนึงที่ผิดหวังกับตลาดหุ้น และก็เป็นมนุษย์เงินเดือนเช่นกัน

พอเริ่มทำงานประจำ มีรายได้เข้าที่ ก็ลงทุนในหุ้น เมื่อ 2006
เริ่มด้วยทุนน้อยๆ พร้อมกับศึกษาไปเรื่อยๆ ฝันถึงอิสรภาพทางการเงิน
จนถึงปี 2013 แต่งงาน ผมล้างพอร์ตออกมาหมด ได้มาล้านห้าแสน ก็เอามาเป็นสินสอด และค่าจัดงานต่างๆ
เสร็จงาน หักลบกลบหนี้ต่างๆแล้ว โชคดีที่ไม่ขาดทุน กะว่าจะเอาเงินกลับไปซื้อหุ้นอีก ทบทวนอยู่หลายวัน
ก็ตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางการลงทุน หันไปค้าขาย ปีเดียวได้กำไรจากการค้าขายมาเท่าตัว
จนทุกวันนี้ ก็พัฒนารายได้จากการค้าไปไกลจากวันนั้นมากแล้ว
กระแสเงินที่เข้ามาตลอดทุกเดือน ทั้งจากงานประจำ ธุรกิจ ก็เอาลงทุนในตลาดเงินตราต่างประเทศ
การที่เรามีรายได้หลายทางอย่างต่อเนื่อง ในจำนวนที่มากพอ ทำให้เรากล้าที่จะลงทุนอะไรใหม่ๆ
ที่มีความเสี่ยงมากกว่าตลาดหุ้นไทย แต่ได้ผลตอบแทนมากกว่าเป็นสิบๆเท่า
เมื่อเดินทางมาถึง อิสรภาพทางการเงินแล้ว (ตอนนี้ Passive Income เกินสองแสนบาท/เดือน)
ก็กลับรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้โหยหาชีวิตในรูปแบบที่ไม่ต้องทำงาน แบบที่เรามโนไว้เมื่อหลายปีก่อน

ข้อสรุปที่ผมได้ คุณต้องตอบคำถามตัวเองให้ชัดก่อน ว่าตั้งเป้าและหวังกับตลาดหุ้นแค่ไหน
ถ้าแค่ขำๆ นอกเหนือจากงานประจำ พอได้ค่าน้ำค่าไฟ เล่นได้เลยตลอดชีวิต ทุนเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เครียด พอมีเรื่องให้ได้คุยกับเพื่อน
แต่ถ้าหวังสูง มีกรอบเวลา อยู่ได้ด้วยหุ้นอย่างเดียว ทุน 50 ล้านบาท ผมว่ายังน้อยไป
ยุคสิบปีหลังนี้ผมยังไม่เห็นเศรษฐีใหม่ที่รวยจากหุ้นเลย อาจจะมีวัยรุ่นหลายคนที่ดังๆหน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็ลูกคนรวยมีทุนเล่นอยู่แล้ว

ทุนน้อยๆ ไปหาช่องทางอื่นเพิ่มทุนดีกว่า ดูจะยังมีโอกาสสำเร็จมากว่าตลาดหุ้น ผมเองก็เสียเวลา เสียโอกาสตรงนี้มาหลายปี
ตลาดหุ้นไม่ใช่ไม่ดี ผมก็ไม่ได้หันหลังให้เสียทีเดียว ก็ยังรอซื้อของถูกเหมือน ดร.นิเวศน์ สมัยนู้นอยู่เหมือนกัน

ลองตอบคำถามเหล่านี้ดู คุณไม่ต้องบอกผมก็ได้ แค่บอกกับตัวเอง ก็พอมองเห็นภาพแล้ว ว่าจะไปถึงเป้าหมายได้ไหม

คุณอายุเท่าไหร่
พอร์ตหุ้นที่มีในปัจจุบันเท่าไหร่
มีเงินลงทุนเพิ่มเติมเดือนละเท่าไหร่ (ซื้อหุ้นปันผลเพิ่มทุกเดือน และนำปันผลมาลงทุนต่อ จนกว่าผลตอบแทนจะถึงเป้าหมาย)
ตั้งเป้าจะเลิกทำงานตอนอายุเท่าไหร่ และต้องการใช้เงินเดือนละเท่าไหร่


สิ่งที่ จขกท ถามมา มันเป็นคำถามที่กว้างมากๆ จขกท อาจจะไม่ได้ประโยชน์จากคำตอบซักเท่าไหร่
เพราะแต่ละคนก็บอกเล่าจากประสบการณ์ เงินทุน ช่วงเวลา สภาวะตลาด ที่แตกต่างกันออกไป
การที่เราอยากรู้เรื่องราวของคนอื่น ว่าเขาทำได้ไหม เขาโม้ไหม มันไม่ค่อยมีประโยชน์
ถึงเค้าทำได้จริง แล้วยังไงต่อ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะเลียนแบบและทำสำเร็จ เพราะเงื่อนไขมันต่างกัน
ดร.นิเวศน์ ขายหนังสือได้เป็นล้านเล่ม ถามว่า มีกี่คนที่ประสบความสำเร็จเหมือนแก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่