
เคยได้ยินคำว่า ‘cute killers’ ไหม? พวกที่มีภาพภายนอกดูสวยงดงาม แต่พอรู้จักพวกเขาดีๆ แล้ว คุณจะพบว่าความสวยของพวกเขาเป็นเพียงแค่ภาพภายนอกที่เรามองเห็นเท่านั้น แต่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ความสวยงามเหล่านี้เอาไว้เพื่อปกป้องตัวเอง กว่าล้านปีพืชเหล่านี้ได้วางแผนการที่ร้ายกาจบางอย่างเพื่อขจัดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
ไม่เพียงแค่หนามที่เป็นพิษต่อระบบประสาทเท่านั้น พืชบางชนิดอาจมีพิษซุกซ่อนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของพวกมัน และมนุษย์ก็ได้นำพิษของพืชบางชนิดมาใช้ประโยชน์เช่นกัน เช่น นำน้ำยางของพืชที่เป็นพิษมาใช้อาบลูกดอกใช้ในการล่าสัตว์ หรือยิงศัตรู และนำพืชที่มีพิษหลายชนิดมาใช้เบื่อปลา บางส่วนของดอกไม้ที่แสนสวยเหล่านี้อาจจะสามารถเปลี่ยนมนุษย์ ‘ปกติ’ เป็น ‘ซอมบี้ที่มีชีวิต’ เราลองไปดูกันว่า ดอกไม้สวยอันตราย แต่มีพิษถึงตายนั้น มีอะไรกันบ้าง
Daphne (แดฟเน่)

เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและมีผลเล็กๆ ที่เป็นพิษ คนพื้นเมืองในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ล้วนรู้จักดอก Daphne กันดีว่ามันมีพิษร้ายแรง ในขณะที่ดอกไม้ของมันอาจดูน่าหลงใหลเมื่อปลูกในตะกร้าเล็ก ๆ แต่หากใครก็ตามกินผลเล็กๆ ของมันเข้าไปแม้เพียง 2 หรือ 3 ผลก็อาจส่งผลให้ถึงตายได้ พิษของผลเล็กๆ ของมันอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนในปาก และทางเดินลำไส้ตามมาด้วยอาการโคม่าและในบางกรณีก็อาจทำให้ถึงแก่ความตาย
Ageratina Altissima

หรือที่รู้จักว่า White Snakeroot พืชที่มีความสวยน่ารักชนิดนี้ ดูเสมือนว่าจะไร้พิษสงที่น่ากลัวแท้ๆ แต่กลับเป็นที่รู้กันดีว่า สามารถฆ่ามนุษย์ได้ เพราะพืชชนิดนี้มีสารพิษ tometyl เมื่อพืชถูกบริโภคโดยสัตว์ ก็จะทำให้ผลผลิตของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น ทั้งนม และ เนื้อสัตว์ กลายเป็นพิษไปได้เพราะสารพิษในดอกไม้ตัวนี้ ทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า ‘milk sickness’ และยังส่งผลให้คนที่กินเข้าไปเป็นอันตรายถึงตายได้
Cicuta (aka Water Hemlock)

แม้ภายนอกจะเป็นเพียงไม้พุ่มที่มีดอกเป็นช่อสีขาวน่ารัก แต่เห็นหน้าตาสวยงามน่ารักแบบนี้ แต่วอเตอร์เฮมล็อก จัดเป็นพืชเพชฌฆาตที่มีพิษร้ายแรงมาก สารพิษซิคูท็อกซิน (cicutoxin) ของมันมีอยู่ในทุกส่วนของต้น แต่ส่วนใหญ่จะมีพิษเข้มข้นในส่วนรากของมัน นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นพิษเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง สารพิษจากพืชจะทำให้คุณอาเจียน อุณหภูมิของร่างกายลดลง ทำให้ระดับ pH ของเลือดลดลง มีผลกับการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการบวมในสมอง และเสียชีวิตเนื่องจากระบบหายใจล้มเหลวในที่สุด
Atropa Belladona (aka Deadly Nightshade)

คุณสมบัติที่เป็นพิษของ Deadly Nightshade เป็นที่รู้จักกันมาหลายชั่วอายุคน ในประวัติศาสตร์ ทหารของ Macbeth ได้วางยาพิษชาวเดนมาร์กที่รุกรานด้วยไวน์ที่ทำจากผลไม้ที่มีรสหวานของพืชชนิดนี้ ผลเบอร์รี่เล็กๆ ของ belladona ที่มีสีฟ้า แต่เชื่อกันว่าส่วนของรากมีพิษมากที่สุด คือ atropine, hyoscine และ hyoscyamine ที่เมื่อรับประทานแล้วอาจทำให้เกิดการขยายตัวของลูกตา เกิดความไวต่อแสง ทำให้ตาพร่ามัว และสูญเสียความสมดุลทางเดินปัสสาวะ รวมทั้งเกิดภาพหลอนและอาการชัก
ปัจจุบันมีการสกัดพิษจากใบและรากของต้นเบลลาดอนนา มาใช้เป็นยาสงบประสาท (ยาคลายเครียด) ยาบรรเทาอาการหอบหืด ลดอาการไอ ลดอาการแพ้ของไข้ละอองฟาง บำบัดอาการของโรคพาร์กินสัน ลดอาการปวดเกร็ง/ปวดบีบประเภทที่เรียกว่า โคลิก(Colic) บรรเทาอาการเมารถ-เมาเรือ คลื่นไส้ อาเจียน และใช้ระงับอาการปวดต่างๆ
Nerium Oleander

หรือ ดอกยี่โถ พืชที่มีดอกที่สวยโดดเด่นนี้เป็นหนึ่งในรายการดอกไม้ที่อันตรายที่สุดในรายการนี้ ทั้งๆ ที่มันถูกใช้เป็นไม้ประดับที่พบเห็นได้ทั่วไปโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่มันถูกปลูกเอาไว้ในสวนของบ้าน พิษของมันอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรงที่ผิวหนัง ทุกส่วนของยี่โถ มีสารพิษโดยเฉพาะลำต้น และใบ มีน้ำยางสีขาวที่ประกอบด้วยสารพิษในกลุ่ม cardiac glycosides ที่ออกฤทธิ์ต่อการทำงานของหัวใจ และระบบประสาท เมื่อรับประทานจะทำให้ มีอาการปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้ง่าย
Convallaria Majalis (aka Lily of the Valley)

ดอกไม้รูประฆังที่สวยงามชนิดนี้ อาจเตือนคุณถึงช่วงคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ความแตกต่างจากจิตวิญญาณแห่งความสุขในวันคริสมาสต์ของดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมชนิดนี้ ก็คือ พิษอันตรายของมันนั่นเอง ผลเบอร์รี่สีแดงเล็กๆ ของมันมักประสบความสำเร็จในการล่อลวงเด็กเล็ก ๆ ให้ลองลิ้มชิมรส นั่นหมายถึง ได้กินพิษร้ายแรงของมันเข้าไปด้วย พิษของมันได้ซุกซ่อนอยู่ในส่วนทั้งหมดของต้น รวมทั้งผลเบอร์รี่ที่มีพิษอย่างมาก เนื่องจากมีสารซาโปนิน ถ้ากินเข้าไปหัวใจจะเต้นแรง คลื่นไส้ อาเจียน บางคนที่กินมากๆ อาจต้องถึงกับล้างท้องเลยทีเดียวค่ะ
Colchicum Autumnal (aka Autumn Crocus)

เป็นที่รู้จักกันในนามของฤดูใบไม้ร่วง crocus ทำให้ทุ่งหญ้ากลายเป็นสีม่วง และอาจพบเห็นได้ในสนามหลังบ้าน และ สนามของโรงเรียน น่ากลัวที่จะคิดว่ามันอาจล่อลวงให้เด็กๆ เข้าใกล้มันเพราะความสวยงาม ดอกไม้ชนิดนี้ มีพิษอย่างร้ายแรง อาการของพิษมีลักษณะคล้ายกับโดนพิษของสารหนู และที่สำคัญไม่มียาแก้พิษ สิ่งที่ควรทำก็คือ อยู่ให้ห่างไกลจากพวกมัน
Aconitum (aka Wolfsbane)

เป็นที่รู้จักกันในนามของ Monkshood และ Devil’s Helmet ซึ่งเป็นพืชยืนต้นที่เชื่อกันว่าเป็นของขวัญจากนรกสู่โลก มีคุณสมบัติเป็นพิษและรู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ แม้กินเข้าไปในปริมาณน้อย ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ระบบทางเดินอาหาร ชาที่ปาก และใบหน้า หากรับประทานในปริมาณมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที
Datura (aka Moonflowers)

ดอกไม้หิมะสีขาวที่สวยงามของพืชชนิดนี้ พบได้มากในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของโลก มีการแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปอเมริกา และ แอฟริกาเหนือ โดยเฉพาะเม็กซิโกและตอนใต้ของแคนาดาในทวีปอเมริกาเหนือและ ตูนิเซีย และพบว่าในแอฟริกาซึ่งมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์สูงที่สุด ทุกส่วนของพืชนี้มีพิษและถูกใช้ เป็นอาวุธฆาตกรรม และถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมของพวกแม่มด รวมทั้งพิธีกรรมในประเทศอินเดีย
Brugmansia (aka Angel’s Trumpets)

เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่อันตรายที่สุดจนถึงปัจจุบัน เฉดสีและรูปทรงที่สวยงามของดอกไม้รวมทั้งกลิ่นหอมหวานของมันกลับกลายเป็นสิ่งที่อันตรายถึงตาย เสียงแตรแห่งความตายของชาวแองเจิล นี้อุดมไปด้วยสารพิษ เช่น Atropine, Hyoscyamine และ Scopolamine
การกลืนกินใบ เมล็ด หรือ ลำต้นของพืชชนิดนี้เข้าไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย และเป็นอัมพาต เกิดอาการปวดหัวไมเกรนขนาดหนัก และเห็นภาพหลอน
ยาที่ได้จากพืชนี้สามารถทำให้มนุษย์กลายเป็น ‘ซอมบี้ที่มีชีวิต’ ทำให้คนที่ได้รับพิษไม่รู้ตัวได้เลยว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ แม้ความสวยงามของพืชชนิดนี้อาจดูเหมือนจะเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ประดับห้องนั่งเล่นของคุณ แต่อันตรายและพิษร้ายของมันอาจส่งคุณให้เดินทางสู่ความตายได้
SOURCE : listaka
undubzapp.com
ดอกไม้เปลี่ยนคนเป็น “ซอมบี้” ดอกไม้สวยอสรพิษ
เคยได้ยินคำว่า ‘cute killers’ ไหม? พวกที่มีภาพภายนอกดูสวยงดงาม แต่พอรู้จักพวกเขาดีๆ แล้ว คุณจะพบว่าความสวยของพวกเขาเป็นเพียงแค่ภาพภายนอกที่เรามองเห็นเท่านั้น แต่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ความสวยงามเหล่านี้เอาไว้เพื่อปกป้องตัวเอง กว่าล้านปีพืชเหล่านี้ได้วางแผนการที่ร้ายกาจบางอย่างเพื่อขจัดภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
ไม่เพียงแค่หนามที่เป็นพิษต่อระบบประสาทเท่านั้น พืชบางชนิดอาจมีพิษซุกซ่อนอยู่ตามส่วนต่างๆ ของพวกมัน และมนุษย์ก็ได้นำพิษของพืชบางชนิดมาใช้ประโยชน์เช่นกัน เช่น นำน้ำยางของพืชที่เป็นพิษมาใช้อาบลูกดอกใช้ในการล่าสัตว์ หรือยิงศัตรู และนำพืชที่มีพิษหลายชนิดมาใช้เบื่อปลา บางส่วนของดอกไม้ที่แสนสวยเหล่านี้อาจจะสามารถเปลี่ยนมนุษย์ ‘ปกติ’ เป็น ‘ซอมบี้ที่มีชีวิต’ เราลองไปดูกันว่า ดอกไม้สวยอันตราย แต่มีพิษถึงตายนั้น มีอะไรกันบ้าง
Daphne (แดฟเน่)
เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและมีผลเล็กๆ ที่เป็นพิษ คนพื้นเมืองในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ล้วนรู้จักดอก Daphne กันดีว่ามันมีพิษร้ายแรง ในขณะที่ดอกไม้ของมันอาจดูน่าหลงใหลเมื่อปลูกในตะกร้าเล็ก ๆ แต่หากใครก็ตามกินผลเล็กๆ ของมันเข้าไปแม้เพียง 2 หรือ 3 ผลก็อาจส่งผลให้ถึงตายได้ พิษของผลเล็กๆ ของมันอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนในปาก และทางเดินลำไส้ตามมาด้วยอาการโคม่าและในบางกรณีก็อาจทำให้ถึงแก่ความตาย
Ageratina Altissima
หรือที่รู้จักว่า White Snakeroot พืชที่มีความสวยน่ารักชนิดนี้ ดูเสมือนว่าจะไร้พิษสงที่น่ากลัวแท้ๆ แต่กลับเป็นที่รู้กันดีว่า สามารถฆ่ามนุษย์ได้ เพราะพืชชนิดนี้มีสารพิษ tometyl เมื่อพืชถูกบริโภคโดยสัตว์ ก็จะทำให้ผลผลิตของสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น ทั้งนม และ เนื้อสัตว์ กลายเป็นพิษไปได้เพราะสารพิษในดอกไม้ตัวนี้ ทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า ‘milk sickness’ และยังส่งผลให้คนที่กินเข้าไปเป็นอันตรายถึงตายได้
Cicuta (aka Water Hemlock)
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงไม้พุ่มที่มีดอกเป็นช่อสีขาวน่ารัก แต่เห็นหน้าตาสวยงามน่ารักแบบนี้ แต่วอเตอร์เฮมล็อก จัดเป็นพืชเพชฌฆาตที่มีพิษร้ายแรงมาก สารพิษซิคูท็อกซิน (cicutoxin) ของมันมีอยู่ในทุกส่วนของต้น แต่ส่วนใหญ่จะมีพิษเข้มข้นในส่วนรากของมัน นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นพิษเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง สารพิษจากพืชจะทำให้คุณอาเจียน อุณหภูมิของร่างกายลดลง ทำให้ระดับ pH ของเลือดลดลง มีผลกับการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการบวมในสมอง และเสียชีวิตเนื่องจากระบบหายใจล้มเหลวในที่สุด
Atropa Belladona (aka Deadly Nightshade)
คุณสมบัติที่เป็นพิษของ Deadly Nightshade เป็นที่รู้จักกันมาหลายชั่วอายุคน ในประวัติศาสตร์ ทหารของ Macbeth ได้วางยาพิษชาวเดนมาร์กที่รุกรานด้วยไวน์ที่ทำจากผลไม้ที่มีรสหวานของพืชชนิดนี้ ผลเบอร์รี่เล็กๆ ของ belladona ที่มีสีฟ้า แต่เชื่อกันว่าส่วนของรากมีพิษมากที่สุด คือ atropine, hyoscine และ hyoscyamine ที่เมื่อรับประทานแล้วอาจทำให้เกิดการขยายตัวของลูกตา เกิดความไวต่อแสง ทำให้ตาพร่ามัว และสูญเสียความสมดุลทางเดินปัสสาวะ รวมทั้งเกิดภาพหลอนและอาการชัก
ปัจจุบันมีการสกัดพิษจากใบและรากของต้นเบลลาดอนนา มาใช้เป็นยาสงบประสาท (ยาคลายเครียด) ยาบรรเทาอาการหอบหืด ลดอาการไอ ลดอาการแพ้ของไข้ละอองฟาง บำบัดอาการของโรคพาร์กินสัน ลดอาการปวดเกร็ง/ปวดบีบประเภทที่เรียกว่า โคลิก(Colic) บรรเทาอาการเมารถ-เมาเรือ คลื่นไส้ อาเจียน และใช้ระงับอาการปวดต่างๆ
Nerium Oleander
หรือ ดอกยี่โถ พืชที่มีดอกที่สวยโดดเด่นนี้เป็นหนึ่งในรายการดอกไม้ที่อันตรายที่สุดในรายการนี้ ทั้งๆ ที่มันถูกใช้เป็นไม้ประดับที่พบเห็นได้ทั่วไปโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่มันถูกปลูกเอาไว้ในสวนของบ้าน พิษของมันอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรงที่ผิวหนัง ทุกส่วนของยี่โถ มีสารพิษโดยเฉพาะลำต้น และใบ มีน้ำยางสีขาวที่ประกอบด้วยสารพิษในกลุ่ม cardiac glycosides ที่ออกฤทธิ์ต่อการทำงานของหัวใจ และระบบประสาท เมื่อรับประทานจะทำให้ มีอาการปวดหัว คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้ง่าย
Convallaria Majalis (aka Lily of the Valley)
ดอกไม้รูประฆังที่สวยงามชนิดนี้ อาจเตือนคุณถึงช่วงคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ความแตกต่างจากจิตวิญญาณแห่งความสุขในวันคริสมาสต์ของดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมชนิดนี้ ก็คือ พิษอันตรายของมันนั่นเอง ผลเบอร์รี่สีแดงเล็กๆ ของมันมักประสบความสำเร็จในการล่อลวงเด็กเล็ก ๆ ให้ลองลิ้มชิมรส นั่นหมายถึง ได้กินพิษร้ายแรงของมันเข้าไปด้วย พิษของมันได้ซุกซ่อนอยู่ในส่วนทั้งหมดของต้น รวมทั้งผลเบอร์รี่ที่มีพิษอย่างมาก เนื่องจากมีสารซาโปนิน ถ้ากินเข้าไปหัวใจจะเต้นแรง คลื่นไส้ อาเจียน บางคนที่กินมากๆ อาจต้องถึงกับล้างท้องเลยทีเดียวค่ะ
Colchicum Autumnal (aka Autumn Crocus)
เป็นที่รู้จักกันในนามของฤดูใบไม้ร่วง crocus ทำให้ทุ่งหญ้ากลายเป็นสีม่วง และอาจพบเห็นได้ในสนามหลังบ้าน และ สนามของโรงเรียน น่ากลัวที่จะคิดว่ามันอาจล่อลวงให้เด็กๆ เข้าใกล้มันเพราะความสวยงาม ดอกไม้ชนิดนี้ มีพิษอย่างร้ายแรง อาการของพิษมีลักษณะคล้ายกับโดนพิษของสารหนู และที่สำคัญไม่มียาแก้พิษ สิ่งที่ควรทำก็คือ อยู่ให้ห่างไกลจากพวกมัน
Aconitum (aka Wolfsbane)
เป็นที่รู้จักกันในนามของ Monkshood และ Devil’s Helmet ซึ่งเป็นพืชยืนต้นที่เชื่อกันว่าเป็นของขวัญจากนรกสู่โลก มีคุณสมบัติเป็นพิษและรู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ แม้กินเข้าไปในปริมาณน้อย ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ระบบทางเดินอาหาร ชาที่ปาก และใบหน้า หากรับประทานในปริมาณมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที
Datura (aka Moonflowers)
ดอกไม้หิมะสีขาวที่สวยงามของพืชชนิดนี้ พบได้มากในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของโลก มีการแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปอเมริกา และ แอฟริกาเหนือ โดยเฉพาะเม็กซิโกและตอนใต้ของแคนาดาในทวีปอเมริกาเหนือและ ตูนิเซีย และพบว่าในแอฟริกาซึ่งมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์สูงที่สุด ทุกส่วนของพืชนี้มีพิษและถูกใช้ เป็นอาวุธฆาตกรรม และถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมของพวกแม่มด รวมทั้งพิธีกรรมในประเทศอินเดีย
Brugmansia (aka Angel’s Trumpets)
เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่อันตรายที่สุดจนถึงปัจจุบัน เฉดสีและรูปทรงที่สวยงามของดอกไม้รวมทั้งกลิ่นหอมหวานของมันกลับกลายเป็นสิ่งที่อันตรายถึงตาย เสียงแตรแห่งความตายของชาวแองเจิล นี้อุดมไปด้วยสารพิษ เช่น Atropine, Hyoscyamine และ Scopolamine
การกลืนกินใบ เมล็ด หรือ ลำต้นของพืชชนิดนี้เข้าไปอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย และเป็นอัมพาต เกิดอาการปวดหัวไมเกรนขนาดหนัก และเห็นภาพหลอน
ยาที่ได้จากพืชนี้สามารถทำให้มนุษย์กลายเป็น ‘ซอมบี้ที่มีชีวิต’ ทำให้คนที่ได้รับพิษไม่รู้ตัวได้เลยว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ แม้ความสวยงามของพืชชนิดนี้อาจดูเหมือนจะเหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้ประดับห้องนั่งเล่นของคุณ แต่อันตรายและพิษร้ายของมันอาจส่งคุณให้เดินทางสู่ความตายได้
SOURCE : listaka
undubzapp.com