สมัยก่อนนู้นๆกิ๊บอายุเพียงเก้าขวบ ช่วงปิดเทอมนี่แหละกิ๊บจะได้ไปอยู่กรุงเทพกับพ่อ ปีนั้นพ่อพาไปบ้านย่าซึ่งอยู่ต่างจังหวัดเหมือนกัน ข้างบ้านย่าจะเป็นบ้านไม่สมัยเก่า ไม่มีคนอยู่ ย่าบอกว่าเจ้าของบ้านเป็นบ้า เดินไปเรื่อย วันดีคืนดีถึงจะกลับมาบ้านตัวเอง ขณะนั้นกิ๊บนั่งเล่นที่หน้าบ้านตอนกลางคืน นั่งคุยเล่นกันหลายคน กิ๊บนั่งหันหน้าไปทางบ้านไม้หลังนั้นพอดี กิ๊บเห็นยายแก่ๆคนนึงยืนถือไม้เท้าหลังค่อม กิ๊บมองเห็นด้วยว่าไม้เท้าเป็นไม้ที่ด้ามจับจะถูกดัดให้งอ และกิ๊บยังมองเห็นหัวยายสั่นด้วย สั่นสไตน์คนแก่ ยืนหันหลังให้กิ๊บ กิ๊บเอามื้อชี้ไปทางบ้านหลังนั้นและถามพ่อว่า ยายคนนั้นเจ้าของบ้านหรอพ่อ เพียงสิ้นคำพูดย่ากับพ่อกับลุงๆป้าๆดึงแขนกิ๊บเข้าบ้านปิดประตูปิดไฟนอนเลย ย่ามาบอกทีหลังว่าที่กิ๊บเห็นนะน่าจะเป็นแม่ของเจ้าของบ้านที่เสียนานแล้ว เหตุการณ์นี้ผ่านไปหลังจากนี้กิ๊บก็ไม่เห็นอะไรแบบนี้อีกเลย
จากนั้นเข้าปีที่กิ๊บอายุ19ปี ปีนั้นปี2555 กิ๊บเรียนมหาลัย ช่วงปิดเทอมกิ๊บไปทำงานพาร์ตไทม์ที่กรุงเทพ กิ๊บได้งานทำเป็นงานโรงงาน ธุระกิจครอบครัวผลิตกระเป๋าส่งขายให้โรงเรียนทั่วประเทศ โรงงานถูกดัดแปลงทาวเฮาท์ เจ้าของกิจการเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นจึงมีศาลจีนในโรงงาน เมื่อถึงสิ้นเดือนพนักงานพาร์ตไทม์อย่างกิ๊บต้องรับเป็นเงินสด และต้องมารอรับที่หน้าโรงงาน เมื่อรอนานมากกว่าจะถึงคิวกิ๊บเกิดปวดฉี่ขึ้นมา กิ๊บจังขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งตอนนี้ภายในโรงงานไม่มีพนักงานสักคน และไฟในโรงงานก็ถูกปิดหมด แต่ก็ไม่มืดเพราะตอนนี้แค่ห้าโมงเย็นเอง ระหวางทางเดินไปเข้าห้องน้ำต้องผ่านศาลจีน กิ๊บเมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็จะออกมารอคิวรับเงินต่อ เมื่อกิ๊บเดินผ่านศาลจีนนั้นกิ๊บได้ยินเสียงคนร้อง มันช่างโหยหวนและเยือกเย็นมาก กิ๊บไม่รีรอกิ๊บใส่เกียร์หมาแล้ววิ่งไปหน้าโรงงานอย่างเร็ว เหตุการณ์นี้ผ่านไปโดยที่กิ๊บยังติดใจกับเสียงร้องนี้มาก แต่กิ๊บก็ไม่คิดจะพิสูจน์อะไร
เมื่อใกล้จะเปิดเทอมแล้ว กิ๊บลาออกจากงานพาร์ตไทม์ที่ทำอยู่ เพื่อไปอยู่กับพ่อก่อนจะกลับมาเรียน วันนั้นกิ๊บอยู่บ้านคนเดียว กิ๊บปิดบ้านมิดชิดมากกิ๊บมั่นใจ ทั้งประตูบ้าน ประตูรั้วบ้าน กิ๊บอยู่ในห้องของตัวเอง กิ๊บเปิดประตูห้องไว้แล้วนอนเล่นโทรศัพท์ หางตากิ๊บมองเห็นหน้าคนเป็นสีดำ แต่มีรูปลักษณะเป็นหน้าคนกิ๊บจำได้แม่น พอกิ๊บหันมองหน้านั้นก็ถอยออกไปกิ๊บนึกว่าโจร กิ๊บรีบวิ่งตามลงมาข้างล่างลืมความปลอดภัยไปเลย แต่กิ๊บต้องตกใจเพราะประตูหน้าต่างทุกบ้านยังปิดมิดชิดเหมือนเดิม ไม่มีรอยงัดแงะ หน้าต่างก็มีเหล็กดัด แล้วใบหน้าที่กิ๊บเห็นคือใคร กิ๊บเล่าให้พ่อฟังพ่อด่ากิ๊บที่กิ๊บวิ่งตามลงมา พ่อห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่า แต่พ่อก็ไม่ลืมที่จะพากิ๊บไปทำบุญรดน้ำมนต์กับพระ
พอกิ๊บกลับจากกรุงเทพแล้ว อีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะเปิดเทอม กิ๊บต้องอยู่บ้านก่อน บ้านกิ๊บที่ ตจว ไม่ค่อยมีสัญญาณเท่าไหร่ คุยโทรศัพท์กับแฟนทีกิ๊บต้องปีนหน้าต่างชั้นสองของบ้าน วันนั้นกิ๊บคุยโทรศัพท์กับแฟนดึกมาก ในช่วงเที่ยงคืนกิ๊บได้ยินเสียงเหมือนคนเขวี่ยงก้อนหินใส่หลังคาที่กิ๊บนั้งคุยโทรศัพท์ แต่กิ๊บนั่งบนหน้าต่างนะ กิ๊บเผลอไปทักว่าใครเขวี่ยงก้อนหินมา ก็แล้วไป กิ๊บคุยโทรศัพท์เสร็จปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าๆแล้ว กิ๊บเลยขอแฟนไปนอน โชคดีของกิ๊บที่วันนี้กิ๊บขอนอนกับยาย กิ๊บนอนไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ยายต้องตื่นเพราะกิ๊บชักกระตุก ตาเลือก ตาขวางใส่ยาย ไม่มีลูกตาดำมีแต่ลูกตาขาว ยายให้น้องสาวของกิ๊บตะโกนไปขอความช่วยเหลือจากบ้านลุงกับป้า โชคดีที่พวกเขาได้ยินและพากันมาบ้านกิ๊บ พอลุงกิ๊บมาถึงเขาเห็นอาการ ลุงถามหาพระทันที กิ๊บตาขวางใส่ลุง ลุงก็พยายามเอาพระมาคล้องให้กิ๊บ ป้ากิ๊บกับยายกับน้องสาวก็จับแขนจับขากิ๊บไว้ไม่ให้ขีดขืน ลุงสวมสร้อยพระให้กิ๊บได้สำเร็จ อาการกิ๊บค่อยๆดีขึ้น กิ๊บอวกไปสองที เมื่อกิ๊บได้สติกิ๊บถึงกับงงว่าลุงกับป้ามาบ้านกิ๊บทำไม แล้วกิ๊บเข้านอนแล้วไม่ใช่หรอ กิ๊บจำอะไรไม่ได้เลย กิ๊บจำได้แค่ว่ากิ๊บนอนตอนตีหนึ่ง และตอนนี้พึ่งตีสามจะเข้าตีสีเอง แล้วยายก็เล่าเหตุการณ์ให้กิ๊บฟังทั้งหมดว่ากิ๊บเป็นอะไร
จากนั้นยายพากิ๊บไปหาพระ พระท่านบอกมันคือลมเพลมพัด แต่ท่านไม่ทำอะไรให้ท่านบอกไม่ใช่กิจของสงฆ์ ท่านแค่รดน้ำมนต์และผูกด้ายสายสินธุ์ที่แขนให้ ท่านแนะนำให้ไปหาหมอธรรม ให้รีบไปหาเพราะเรารู้ตัวแล้ว ครั้งต่อไปพวกมันเอาถึงตายแน่ ญาติๆของกิ๊บแนะนำให้ยายพาไปหาหมอธรรมท่านหนึ่ง ท่านเป็นสายขาว และงานประจำท่านก็มีคือท่านรับราชการ และมาปฏิบัติทางนี้ด้วย กิ๊บก็ได้รับการรักษาจากท่านจนหายดีแล้วจนปัจจุบันนี้
แต่กิ๊บก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องบ้าๆพวกนี้มันเกิดขึ้นกับกิ๊บ กิ๊บไม่อยากจะคิดหรือพูดถึงมันอีกด้วยซ้ำ ยุคนี้มันยุคสมัยไหนแล้วมันยังมีพวกนี้อยู่อีกหรือ ทำไมคนที่ทำลมเพลมพัดเขาทำเพื่ออะไร แล้วเรื่องของกิ๊บคนก็ลือกันทั่วทำให้กิ๊บไม่อยากออกจากบ้านเลยในช่วงแรกๆที่เกิดเรื่อง และจากที่กิ๊บเป็นคนไม่กลัวความมืด เรื่องบ้าๆพวกนี้ก็ทำให้กิ๊บกลายเป็นคนขี้กลัวไปเลย
และจากที่กิ๊บไม่สวดมนต์ก่อนนอน กิ๊บก็กลายเป็นคนที่สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนฯลฯ
———————-จบ———👻💀☠️
เรื่องลี้ลับยุค5จี
จากนั้นเข้าปีที่กิ๊บอายุ19ปี ปีนั้นปี2555 กิ๊บเรียนมหาลัย ช่วงปิดเทอมกิ๊บไปทำงานพาร์ตไทม์ที่กรุงเทพ กิ๊บได้งานทำเป็นงานโรงงาน ธุระกิจครอบครัวผลิตกระเป๋าส่งขายให้โรงเรียนทั่วประเทศ โรงงานถูกดัดแปลงทาวเฮาท์ เจ้าของกิจการเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ดังนั้นจึงมีศาลจีนในโรงงาน เมื่อถึงสิ้นเดือนพนักงานพาร์ตไทม์อย่างกิ๊บต้องรับเป็นเงินสด และต้องมารอรับที่หน้าโรงงาน เมื่อรอนานมากกว่าจะถึงคิวกิ๊บเกิดปวดฉี่ขึ้นมา กิ๊บจังขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งตอนนี้ภายในโรงงานไม่มีพนักงานสักคน และไฟในโรงงานก็ถูกปิดหมด แต่ก็ไม่มืดเพราะตอนนี้แค่ห้าโมงเย็นเอง ระหวางทางเดินไปเข้าห้องน้ำต้องผ่านศาลจีน กิ๊บเมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็จะออกมารอคิวรับเงินต่อ เมื่อกิ๊บเดินผ่านศาลจีนนั้นกิ๊บได้ยินเสียงคนร้อง มันช่างโหยหวนและเยือกเย็นมาก กิ๊บไม่รีรอกิ๊บใส่เกียร์หมาแล้ววิ่งไปหน้าโรงงานอย่างเร็ว เหตุการณ์นี้ผ่านไปโดยที่กิ๊บยังติดใจกับเสียงร้องนี้มาก แต่กิ๊บก็ไม่คิดจะพิสูจน์อะไร
เมื่อใกล้จะเปิดเทอมแล้ว กิ๊บลาออกจากงานพาร์ตไทม์ที่ทำอยู่ เพื่อไปอยู่กับพ่อก่อนจะกลับมาเรียน วันนั้นกิ๊บอยู่บ้านคนเดียว กิ๊บปิดบ้านมิดชิดมากกิ๊บมั่นใจ ทั้งประตูบ้าน ประตูรั้วบ้าน กิ๊บอยู่ในห้องของตัวเอง กิ๊บเปิดประตูห้องไว้แล้วนอนเล่นโทรศัพท์ หางตากิ๊บมองเห็นหน้าคนเป็นสีดำ แต่มีรูปลักษณะเป็นหน้าคนกิ๊บจำได้แม่น พอกิ๊บหันมองหน้านั้นก็ถอยออกไปกิ๊บนึกว่าโจร กิ๊บรีบวิ่งตามลงมาข้างล่างลืมความปลอดภัยไปเลย แต่กิ๊บต้องตกใจเพราะประตูหน้าต่างทุกบ้านยังปิดมิดชิดเหมือนเดิม ไม่มีรอยงัดแงะ หน้าต่างก็มีเหล็กดัด แล้วใบหน้าที่กิ๊บเห็นคือใคร กิ๊บเล่าให้พ่อฟังพ่อด่ากิ๊บที่กิ๊บวิ่งตามลงมา พ่อห่วงเรื่องความปลอดภัยมากกว่า แต่พ่อก็ไม่ลืมที่จะพากิ๊บไปทำบุญรดน้ำมนต์กับพระ
พอกิ๊บกลับจากกรุงเทพแล้ว อีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะเปิดเทอม กิ๊บต้องอยู่บ้านก่อน บ้านกิ๊บที่ ตจว ไม่ค่อยมีสัญญาณเท่าไหร่ คุยโทรศัพท์กับแฟนทีกิ๊บต้องปีนหน้าต่างชั้นสองของบ้าน วันนั้นกิ๊บคุยโทรศัพท์กับแฟนดึกมาก ในช่วงเที่ยงคืนกิ๊บได้ยินเสียงเหมือนคนเขวี่ยงก้อนหินใส่หลังคาที่กิ๊บนั้งคุยโทรศัพท์ แต่กิ๊บนั่งบนหน้าต่างนะ กิ๊บเผลอไปทักว่าใครเขวี่ยงก้อนหินมา ก็แล้วไป กิ๊บคุยโทรศัพท์เสร็จปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าๆแล้ว กิ๊บเลยขอแฟนไปนอน โชคดีของกิ๊บที่วันนี้กิ๊บขอนอนกับยาย กิ๊บนอนไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ยายต้องตื่นเพราะกิ๊บชักกระตุก ตาเลือก ตาขวางใส่ยาย ไม่มีลูกตาดำมีแต่ลูกตาขาว ยายให้น้องสาวของกิ๊บตะโกนไปขอความช่วยเหลือจากบ้านลุงกับป้า โชคดีที่พวกเขาได้ยินและพากันมาบ้านกิ๊บ พอลุงกิ๊บมาถึงเขาเห็นอาการ ลุงถามหาพระทันที กิ๊บตาขวางใส่ลุง ลุงก็พยายามเอาพระมาคล้องให้กิ๊บ ป้ากิ๊บกับยายกับน้องสาวก็จับแขนจับขากิ๊บไว้ไม่ให้ขีดขืน ลุงสวมสร้อยพระให้กิ๊บได้สำเร็จ อาการกิ๊บค่อยๆดีขึ้น กิ๊บอวกไปสองที เมื่อกิ๊บได้สติกิ๊บถึงกับงงว่าลุงกับป้ามาบ้านกิ๊บทำไม แล้วกิ๊บเข้านอนแล้วไม่ใช่หรอ กิ๊บจำอะไรไม่ได้เลย กิ๊บจำได้แค่ว่ากิ๊บนอนตอนตีหนึ่ง และตอนนี้พึ่งตีสามจะเข้าตีสีเอง แล้วยายก็เล่าเหตุการณ์ให้กิ๊บฟังทั้งหมดว่ากิ๊บเป็นอะไร
จากนั้นยายพากิ๊บไปหาพระ พระท่านบอกมันคือลมเพลมพัด แต่ท่านไม่ทำอะไรให้ท่านบอกไม่ใช่กิจของสงฆ์ ท่านแค่รดน้ำมนต์และผูกด้ายสายสินธุ์ที่แขนให้ ท่านแนะนำให้ไปหาหมอธรรม ให้รีบไปหาเพราะเรารู้ตัวแล้ว ครั้งต่อไปพวกมันเอาถึงตายแน่ ญาติๆของกิ๊บแนะนำให้ยายพาไปหาหมอธรรมท่านหนึ่ง ท่านเป็นสายขาว และงานประจำท่านก็มีคือท่านรับราชการ และมาปฏิบัติทางนี้ด้วย กิ๊บก็ได้รับการรักษาจากท่านจนหายดีแล้วจนปัจจุบันนี้
แต่กิ๊บก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องบ้าๆพวกนี้มันเกิดขึ้นกับกิ๊บ กิ๊บไม่อยากจะคิดหรือพูดถึงมันอีกด้วยซ้ำ ยุคนี้มันยุคสมัยไหนแล้วมันยังมีพวกนี้อยู่อีกหรือ ทำไมคนที่ทำลมเพลมพัดเขาทำเพื่ออะไร แล้วเรื่องของกิ๊บคนก็ลือกันทั่วทำให้กิ๊บไม่อยากออกจากบ้านเลยในช่วงแรกๆที่เกิดเรื่อง และจากที่กิ๊บเป็นคนไม่กลัวความมืด เรื่องบ้าๆพวกนี้ก็ทำให้กิ๊บกลายเป็นคนขี้กลัวไปเลย
และจากที่กิ๊บไม่สวดมนต์ก่อนนอน กิ๊บก็กลายเป็นคนที่สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนฯลฯ
———————-จบ———👻💀☠️