@... รักสองปี - คุณไม่ดูหนังเรื่องนี้เพราะอะไร ...@

จริงๆ ด้วยหน้าหนังแล้ว หนังเรื่องนี้ต่อให้ไม่มีปัญหาของปั้นจั่นมันก็ไม่ใช่หนังที่จะทำเงินได้มากอยู่แล้ว เป้าหมายที่น่าจะเป็นไปได้คงอยู่ที่ราวๆ 20-30 ล้านประมาณนี้ แต่ปัญหาหลักของหนังเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้หนังเรื่องนี้มีรายได้ต่ำกว่าสิบล้านแน่ๆ แล้ว รอดูผลได้เลยผมไม่ค่อยฟันธงผิดเรื่องรายได้หรอกนะ

ส่วนสาเหตุที่ตั้งกระทู้โหวตนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากรู้ว่าคนอื่นที่ตัดสินใจไม่ดูหนังเรื่องนั้ เขาเลือกที่จะไม่ดูหนังเรื่องนี้ด้วยสาเหตุใด

ผมวิเคราะห์ดังนี้นะครับ เรียงจากมากไปหาน้อย

1. ทัศนคติของพระเอก - หลายคนมองว่ามันเป็นเรื่องการเมืองเลือกข้าง อันนี้ขอบอกว่าแค่ส่วนเดียวไม่ใช่ทั้งหมด เพราะดาราหลายคนก็เลือกข้าง แต่ไม่ได้มีผลกระทบหนักหนาขนาดนี้ แต่เป็นเพราะทัศนคติในการเลือกข้างแล้วเหยียดคนที่เห็นต่าง ว่าที่มีปัญหากันเพราะขยันไม่พอ ไม่รู้จักเก็บออม มีเงินก็เอาไปเที่ยวใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายหมด มันจะไปมีเหลือเก็บได้ยังไง

ตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านหนักหนาขนาดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เห็นไม่ตรงกับปั่นจั่นก็ต้องรู้สึกว่าตัวเองถูกตำหนิ ถูกด่า แล้วการที่จะจ่ายเงินหลักร้อยไปดูคนที่ด่าตัวเองในไซต์ขนาดฝาบ้านในโรงภาพยนต์ มันคงไม่ใช่ทางเลือกที่หลายคนเลือกที่จะทำแน่ๆ เหม็นหน้ากันไปแล้ว ดูยังไงก็ไม่อิน ก็ไม่ดู นั่นคือทางเลือกที่หลายคนเลือกที่จะทำ

2. Target Group - หนังทุกเรื่องจะมีการวาง Target Group กันไว้แล้วว่าเน้นไปที่กลุ่มลูกค้ากลุ่มไหน ซึ่งหนังเรื่องนี้แน่นอนว่า Target Group คือกลุ่มวัยเริ่มต้นทำงาน 20-30 ปี ซึ่งจะมีจุดร่วมที่เชื่อมโยงกับหนังได้ง่าย แล้วกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่โตมาในยุคปฏิวัติรัฐประหาร เห็นการเข้ามายึดอำนาจมาตั้งแต่ปี 2549 นั่นหมายความว่าถ้าเป้าหมายที่อายุเฉลี่ย 25 ปี เขาจะโตขึ้นมาในยุคที่บ้านเรามีกีฬาสีอย่างเบ่งบาน และผ่านความยากลำบากในการใช้ชีวิตแบบนั้นมาจนมีความรู้สึกอินไปกับมัน และมีหลายคนที่เลือกข้างไปแล้วเช่นกัน

ดังนั้นกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มีความอินกับการเมืองพอสมควร บางคนก็แสดงออกชัดเจน บางคนก็ไม่แสดงออกสักเท่าไหร่ แต่ถามว่าสำหรับคนที่เลือกข้าง เขาเลือกกลุ่มไหนมากที่สุด ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาน่าจะชัดเจนว่าคะแนนของพรรคอนาคตใหม่ ส่วนใหญ่มาจากคนกลุ่มไหน

ในเมื่อคนวัย 20-30 ปีเลือกอนาคตใหม่เยอะ ดังนั้น Target Group กลุ่มนี้จึงเป็นพวกที่ไม่นิยมการรัฐประหาร เพราะไม่ว่าจะมองในแง่ไหน กลุ่มรัฐประหารก็ไม่ได้ทำให้ประเทศเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น การที่ฝั่งหนึ่งทำอะไรก็ถูกหมด ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งทำอะไรก็ผิดหมด มันเกิดสองมาตราฐานอย่างชัดเจน ทำให้คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็จะไม่อินกับกลุ่มรัฐประหารเท่าไหร่

ทีนี้พอพระเอกมาพูดแบบนี้ มันก็พังสิครับ เหยียดกลุ่มไหนไม่เหยียด มาเหยียดกลุ่มที่เป็น Target Group ของหนัง แล้วหนังมันจะไปรอดได้ยังไง และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะส่งผลกับตัวปั่นจั่นในระยะยาวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็ทำใจรอได้เลย ซึ่งผมเชื่อว่าผลกระทบสืบเนื่องมันเกิดขึ้นแล้ว งาน Event ต่างๆ คงหดตัวลงแน่นอน

3. หน้าหนังที่ไม่น่าสนใจ - สิ่งที่จะตัดสินใจสำหรับคนที่ไม่แคร์ในข้อ 1-2 นั่นก็คือหน้าหนัง ซึ่งเราจะเห็นว่าทั้งตัวอย่างหนัง และพระเอก นางเอกก็ไม่ได้ดึงดูดมากเหมือนตอนหนังของใหม่ดาวิกา หรือแม้กระทั่งตอนยอดมนุษย์เงินเดือน ซึ่งหน้าหนังน่าสนใจกว่า มีดาราระดับแม่เหล็กที่ดึงให้คนเข้าโรงได้มากกว่า แต่เรื่องนี้ใช้ดาราที่เรียกว่าเกรดบีมาเป็นตัวหลัก ความน่าสนใจในการซื้อตั๋วของคนดูก็ยิ่งน้อยลง

ส่วนตัวผมชอบดูละครของนางเอกนะ แสดงได้ดี เป็นธรรมชาติ และมีเสน่ห์มาก ส่วนการแสดงของพระเอกก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีครับ แต่เขาไม่ได้มีเสน่ห์ส่วนตัวเหมือนพระเอกคนอื่นๆ ไม่เชื่อลองถามว่าหนังสี่เรื่องที่ผ่านมาของเขา มีใครจำเขาในบทพระเอกได้บ้างมั้ย...

4. รอบฉายและคู่แข่งที่เข้าฉายพร้อมกัน - หลักๆ คือเข้าชนกับ Toy Story 4 ซึ่งผมถือว่าไม่หนักหนาอะไรนะ เพราะหนังต่างชาติเรื่องอื่นๆ อย่าง MIB ก็กระแสไม่ดี มี่แต่คนด่า รวมไปถึงอย่าง Xmen ก็ฉายไปพักใหญ่ๆ แล้ว และกระแสก็ไม่ดีเช่นกัน ส่วนหนังไทยอย่าง Where we belong ก็ไม่ใช่หนังตลาด เป็นหนังเฉพาะกลุ่มที่คงกวาดรายได้ราวๆ 30-40 ล้าน และก็เป็นหนังคนละแนวกัน ไม่ได้เป็นคู่แข่งอะไร

ดังนั้นเหลือแค่ Toy Story4 ซึ่งจะถือว่าหนักหนามั้ย ผมว่าก็ไม่ เพราะหลายคนก็ไม่ได้สนใจดูในโรง รอดูกันนอกโรงเสียมากกว่า และลักษณะหนังก็ไม่ใช่หนังที่จะแย่งคนดูกันได้ เพราะงั้นผมว่าประเด็นนี้ถ้าหนังดีจริง ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เป็นแค่ปัจจัยเสริมเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น  แต่อย่าลืมว่าช่วงนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินเหลือเพื่อใช้จ่ายในการดูหนังได้หลายๆ เรื่องในแต่ละเดือน  แล้วแม้ว่าอาทิตย์นี้หนังดีๆ ที่ถูกใจอาจจะยังไม่เข้า แต่ยังมีเรื่องน่าดูอีกหลายเรื่องที่รอเข้าคิวจ่ออยู่เช่นกัน  ดังนั้นเมื่อต้องเลือก คนก็ต้องเลือกหนังที่เราอยากดูมากกว่าอยู่ดี

5. บทหนังและประเด็นของหนัง - หนังเรื่องนี้พล็อตน่าสนใจในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกสนใจจนอยากเข้าไปดู เพราะพล็อตแม้จะไม่ค่อยซ้ำ แต่มันก็ยังเป็นแนวพ่อแง่ ยิ้มอน พระเอก นางเอก มีมุมคิดต่างกัน มาเจอกัน ทะเลาะกัน ปรับความเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน และรักกัน ซึ่งโดยแกนหลักของเรื่องก็ไม่ได้ดึงดูดความน่าสนใจเท่าไหร่ แค่ประเด็นปลีกย่อยเท่านั้นที่เอามาบิดโทนเรื่อง แต่แกนหลักที่ขับเคลื่อนหนังก็ยังเหมือนเดิม

ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่คนดูทั่วไปจะรู้สึกเฉยๆ กับพล็อตเรื่องแบบนี้ เพราะแค่ดูตัวอย่างหนังก็พอเดาได้ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร ความอยากดูมันก็ลดลง ซึ่งตรงนี้ผมว่าต่างกับหนังของใหม่ดาวิกา ที่บทหนังแข็งแรงมาก และตัวแสดงนำก็เป็นแม่เหล็กที่ดึงคนมาดูได้มาก

แล้วคนอื่นๆ ละครับ  คิดว่าประเด็นไหนเป็นปัจจัยหลัก และปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้คุณตัดสินใจไม่ไปดูหนังเรื่องนี้  ตอบกันหน่อย เผื่อค่ายหนังอาจจะใช้เป็นหลักฐานในการอ้างอิง ว่าที่หนังรายได้ต่ำกว่าเป้ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่
*** ปิดโหวต วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2562 เวลา 17:48:06 น.
1. ปัจจัยข้อไหนที่ทำให้คุณเลือกที่จะไม่ดูหนังเรื่องรักสองปีกันแน่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่