“มาปีนี้เด็กๆโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว เร็วเหมือนกันนะพ่อ”
นงนุชนั่งคุยกับผู้เป็นสามี กินข้าวเย็นไปด้วยมองลูกสาวไปด้วย บรีสกำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่เปลยวนที่แขวนไว้กับเสาร์หน้าบ้าน คุยกับใครไม่รู้ แต่ไม่น่าจะเดายากว่าคุยกับใคร 
“เข้าปีนี้คุยโทรศัพท์แล้ว มีแฟนแล้วมั่งนะ ผู้บ่าวบ้านไหนน้อ” นงนุชยังไม่หยุดบ่น ตาก็ยังมองดูบรีสนอนคุยโทรศัพท์ พึ่งจะขึ้น ม.1เอง
“เฮ้ย น้องบรีสมากินข้าว” 
ทรงพลตะโกนเรียกลูกสาวที่กำลังนอนเปลคุยโทรศัพท์แบบในโลกนี้มีฉันแค่คนเดียว ทรงพลไม่ใช่คุณพ่อสายโหด แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลย และไม่ใช่คุณพ่อที่จะตามใจลูกๆไปสะหมดทุกอย่าง การจะตามใจของทรงพลต้องมีเหตุผล แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะขัดใจถ้าบูมกับบรีสจะเอา ก็ไม่รู้ว่าจะต้องมีเหตุผลไปทำไม แม้ทรงพลจะไม่ใช่พ่อสายโหด แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่บูมกับบรีสทำอะไรแล้วจะไม่ขออนุญาติ
“คุยกับพ่อหรอ พ่อโทรมาหรอน้องบรีส หรือผู้บ่าวทางไหนโทรมาจีบนิ” 
ทรงพลพูดแซวลูกสาวรู้ทั้งรู้ว่าบรีสไม่มีทางจะคุยกับพ่อแท้ๆนานขนาดนี้ บางครั้งพ่อแท้ๆโทรมายังไม่คุยเลย ส่วนมากเขาจะได้คุยแค่กับบูมเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเขาจะทุ่มความน่าจะเป็นไปทางผู้ชายที่โทรมาจีบลูกสาว
“คุยกับใครลูก” 
ทรงพลลุกจากวงข้าวเย็น เพราะก็อิ่มพอดี กินน้ำแล้วเดินตรงไปหาบรีสที่กำลังนอนหันหลังให้คุยโทรศัพท์อยู่
“บรีสคุยกับเพื่อน”
บรีสพูดแล้วก็เอาหน้าจอสมาร์ทโฟนให้พ่อดูว่าคุยกับใคร เป็นเพื่อนของบรีสจริงๆ เพื่อนผู้หญิงที่ประชุมสายวิดีโอคอลกันหลายๆคน ที่ทรงพลไม่รู้ว่าคุยกับใครเพราะบรีสเสียบหูฟัง เพื่อนๆในสายทั้งหมดสามคนต่างพากันสวัสดีพ่อ ทรงพลยิ้มและนั่งลงที่เปลยวนอีกอันนึงที่ผูกไว้กับเสาร์ถัดมาจากเปลของบรีส ทรงพลตั้งใจจะนอนฟังลูกสาวคุยโทรศัพท์ เขาอยากรู้วัยรุ่นนี่เขาจะคุยอะไรกัน แต่เหมือนบรีสจะรู้เลยขอเพื่อนๆวางสายก่อน 
“อีพ่อแอบฟังบรีสหรอ”
“ป่าว! พ่อมานอนเล่นนี่เฉยๆนี่ละ วางทำไมคุยต่อดิลูก”
“บรีสจะมีแฟนตอนนี้พ่อยังไม่อยากให้มีนะ พึ่งขึ้น ม.1 เองถ้ามีคุยแล้วพ่อก็ไม่อะไร แต่อย่าเสียการเรียน ให้พ่อกับแม่รู้ด้วย ให้ครอบครัวรู้ด้วย ที่สำคัญอย่าแอบไปบ้านเขา ให้แค่เขามาบ้านเรา เข้าใจ๊!”
ทรงพลอบรมลูกสาว แล้วก็พูดคุยเล่นสัพเพเหระไป ทรงพลไม่เคยดุลูกๆ แต่ก็มีเทคนิคพูดให้เชื่อฟัง 
“บรีสจะทำเหมือนพี่บูม”
“ทำไง”
“มีแฟนตอน ม.ปลาย เอ่อ พ่ออีพี่บูมมันมีแฟนแล้วนะ บรีสเห็นพี่บูมนั่งกินข้าวกับสาวๆ เอ้าพ่อคิดดูนะ เพื่อนอะไรจะนั่งกินข้าวกันสองต่อสอง!”บลาๆๆๆ
ทรงพลหัวเราะลูกสาวที่เม้าท์พี่ชายให้ฟัง ลูกๆเรียนโรงเรียนเดียวกัน เขาจึงวางใจขึ้นมาเปาะนึงอย่างน้อยพี่ก็จะได้ดูน้อง น้องก็จะได้สอดส่องพี่ หรือดีไม่ดีพากันกอดคอลงคลองด้วยกัน ตกลงกันอย่าบอกพ่อนะก็ได้ เขานั่งคิดแล้วเขาก็แอบขำ 
“ดีแล้วลูก ม.ปลายค่อยมี พ่อกับแม่ไม่ห้ามหรอก แค่อย่านอกลู่นอกทาง เป็นสาวแล้วใครๆเขาก็ต้องมีแฟนกันทั้งนั้นแหละ ตอนพ่อจีบแม่นุช พ่อก็พาแม่นุชมาหาตากับยาย แม่นุชก็พาพ่อไปหาครอบครัวแม่ ตากับยายก็ไม่ห้ามหรอก แค่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ มีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ก่อนน้อ เอ้าบรีสคิดดูนะ ถ้าบรีสมีสามี มีสามีก็ต้องมีลูกใช่มั้ย ถ้าบรีสไม่มีอาชีพบรีสจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงลูกบรีสใช่มั้ยละ” 
ทรงพลได้โอกาสสอนบรีสไปอีก เป็นค่ำคืนที่ปกติทุกวันที่พ่อลูกจะมานั่งคุยกันก่อนเข้านอนทุกวัน แต่วันนี้บูมไปนอนบ้านใหญ่ เพราะแม่แท้ๆกับพ่อเลี้ยงพากันไปต่างจังหวัด บูมเลยต้องไปนอนเป็นเพื่อนตากับยายและตอนเช้าก็ต้องตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวไปโรงเรียน
โดยมีทรงพลไปรับไปส่งลูกๆไปโรงเรียนตามเคย หลายปีแล้วที่เขาทำแบบนี้แบบไม่เหน็จเหนื่อย เขากลับมีความสุขด้วยซ้ำ ที่เวลาเขามองลูกๆแล้ว เขาไม่คิดว่าเขาจะมีลูกโตขนาดนี้ ตอนนี้ลูกชายก็โตเป็นหนุ่มจะเต็มตัวแล้ว บูมปีนี้ก็อายุ17 แล้ว บรีสก็13 ปีแล้ว จะบอกว่าเขาไม่ห่วงบูมเลยก็ไม่ใช่ เขาห่วงเรื่องเพื่อน เรื่องยาเสพติด ส่วนเรื่องแฟนเขาไม่ห่วงเท่าบรีส ก็อย่างที่คนเขาพูกกันแหละว่า ลูกแต่ละคนห่วงไม่เหมือนกัน ทรงพลก็แอบคิดเล่นๆว่า น้องสาวเขาจะห่วงลูกๆเขาไม่นะตอนนี้ ที่ลูกๆโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว หรือไม่คิดอะไรเลยเพราะมีเราดูแลอยู่ เมื่อเขาคิดแบบนี้แล้วเขาจึงหนักแหน่นกับตัวเองว่าจะดูแลลูกๆบุญธรรมให้ดีที่สุด ให้คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ให้สมกับที่น้องสาวเขาไว้ใจ
ปีนี้เป็นปีที่อะไรๆก็เปลี่ยนแปลง โดยฉะเพราะการเป็นหนุ่มเป็นสาวของลูกๆ เทคนิคการดูแลลูกก็ต้องเปลี่ยนไป เขาต้องคอยศึกษาพฤษติกรรมของลูกวัยรุ่น เพื่อที่จะปรับตัวและรับมือกับปัญหาถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
บูมลูกชายสุดที่รักของเขาแอบใช้สารเสพติด เสาร์อาทิตย์ ปกติบูมจะอยู่บ้านช่วยงานพ่อ แต่หลังๆเขาติดเพื่อน ทรงพลก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าตามประสาวัยรุ่นละ บูมก็โตแล้ว แต่บูมชอบกลับบ้านดึกๆ พฤษติกรรมเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ทรงพลต้องจับตา
แต่อยู่มาวันนึงพุ่มแม่แท้ๆของบูม แอบมากระซิบทรงพลว่าให้สังเกตุบูมหน่อยว่าทุกวันนี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปมั้ย เขาเห็นฟร์อยในห้องน้ำเก่า ห้องน้ำนอกบ้าน คือบ้านของพุ่มจะมีห้องน้ำในตัวบ้านและห้องน้ำนอกบ้านซึ่งห้องน้ำนอกบ้านคนในบ้านจะไม่ค่อยใช้ แต่ไม่ทุบทิ้ง เก็บไว้ให้แขกที่มาบ้านใช้
ทรงพลถามให้แน่ใจว่าใช่บูมหรอ สืบดีแล้วใช่มั้ย
ไม่ใช่ของไอ้วัดหรอ วัดคือน้องเขยเขานั้นเองที่เขาก็ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นของบูม อาจจะเป็นของน้องเขยเขาก็ได้ แต่พุ่มบอกเห็นบูมมันเข้าออกห้องน้ำข้างนอกเป็นประจำ และพักนี้ก็มาที่บ้านบ่อย ที่แน่ใจว่าเป็นของลูกชายตัวเองเพราะวันนั้น บูมบอกแม่ว่าจะกลับบ้านแล้ว ประมาณสองสามทุ่มได้ ตัวเองก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็อยู่แต่ในบ้านกับลูกคนเล็ก ทีนี้ตัวเองออกไปเอาของข้างนอก เห็นเหมือนมีคนในห้องน้ำ ตัวเองก็สงสัยว่าใครมาแอบใช้ห้องน้ำบ้านเรา เพราะสมาชิกครอบครัวก็อยู่ในบ้านกันหมด ส่วนลูกชายคนโตก็บอกแม่ว่ากลับแล้ว ตัวเองเลยแอบมองว่าใครมันมาใช้ห้องน้ำ ปรากฎว่าคนที่เดินหย่องๆออกมากลับเป็นบูม ก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกตอนแรก คิดว่าคงปวดท้องตอนจะกลับบ้าน ลูกอาจเข้าห้องน้ำก่อน ทีนี้วัดเข้าไปใช้ห้องน้ำข้างนอก เห็นฟร์อยเลยเอามาบ่นกับตัวเองว่า ใครมาแอบเสพยาที่ห้องน้ำบ้านเรา ตัวเองสดุ้งขึ้นมาในใจเลย นึกถึงบูมทันที แต่ก็ไม่กล้าถามลูก กลัวลูกโกรธแล้วพาลน้อยใจตัวเองอีก เลยมาฝากให้พ่อที่เลี้ยงดูแลกันมา สังเกตุพฤติกรรมลูกหน่อย ตัวเองไม่สบายใจเลย ถ้าเป็นบูมจริงๆจะทำยังไง 
สีหน้าของพุ่มไม่สบายใจเลย ในใจก็มั่นใจว่าเป็นบูม แต่ก็ไม่อยากปักปรำลูก อย่างที่พูดแหละกลัวลูกน้อยใจแล้วเกลียดตัวเองไปอีก ทรงพลรับปากว่าจะจัดการให้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าบูมทำตัวแบบนั้นจริงหรือป่าว ถ้าทำจริงตัวเองคงเสียใจมากไม่แพ้พุ่มเช่นกัน และพฤติกรรมของบูมตอนนี้มันก็ทำให้ทรงพลอดคิดไม่ได้ว่าเป็นของบูม
“ยาเสพติดมันไม่ดีรู้ปะลูก เด็กคุ้มใต้อ่ะพากันทำ พ่อได้ยินเขาพูดกัน นี่ถ้าเป็นบูมนะพ่อคงเสียใจที่สุดอ่ะ แม่นุช ตายายคงเสียใจที่สุด และรู้มั้ยคนมี่จะเจ็บช้ำเสียใจที่สุดก็คงจะเป็นแม่พุ่มอ่ะ”
ทรงพลพูดคุบกับลูกชายขณะที่ช่วยกันรดน้ำหญ้าที่ปลูกให้วัวในฟาร์ม บูมทำหน้าเจื่อยๆ ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพ่อ แค่นี้ทรงพลก็จับพิรุดได้แล้ว
“แม่พุ่มเอามาเล่าให้พ่อฟัง แม่บอกว่านี่ถ้าเป็นไอ้บูมนะคงทำใจไม่ได้อ่ะ คงเสียใจที่สุด เลี้ยงลูกให้เป็นคนไม่ได้”
“บูมไม่ทำก็ดีแล้วลูก พ่อเชื่อว่าพ่อเลี้ยงลูกได้ดี บูมรู้มั้ยพ่อกับแม่นุชอ่ะรักบูมกับน้องมากนะ เหมือนลูกที่ทำออกมาเองเลย บูมกับน้องบรีสอย่าคิดว่าตัวเองไม่สำคัญ บูมกับบรีสสำคัญกับแม่พุ่มมาก สำคัญกับพ่อกับแม่นุชมากเหมือนกัน ตายาย ลุงๆป้าๆด้วย อย่าคิดว่าบูมกับน้องเป็นส่วนเกินชีวิตใคร บูมกับน้องเป็นส่วนที่เติมเต็มให้กับครอบครัวเรานะ พ่อรักบูมนะ”
“น้องบรีส!!! พ่อรักร้องบรีสเด้อ” ทรงพลตระโกนไปหาลูกสาวที่กำลังรดน้ำหญ้าอีกฝั่ง บรีสที่ลดน้ำอยู่ก็งงว่าพ่อกับพี่ชายเล่นไรกัน แต่บรีสก็ไม่ลืมที่จะส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยูมาให้พ่อ
ทรงพลยิ่งพูดบูมก็ยิ่งก้มหน้าไม่สบตา หน้าจ๋อยๆ มือก็ลากสายยางลดน้ำหญ้าไปเหมือนคนเหม่อลอยคิดอะไรในใจ ทรงพลรู้แล้วว่าฟร์อยนั้นเป็นของใคร แต่เขาเลือกที่จะใช้ไม่อ่อนก่อน ให้โอกาสลูกชายกลับตัวกลับใจ แล้วเขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วให้มันผ่านไปถ้าบูมเลิกทำ แต่ถ้ายังไม่ยอมเลิกก็ต้องใช้ไม่แข็ง
“บูม!! เป็นไรนิฟังที่พ่อพูดมั้ย รดน้ำตรงนี้จนจะเป็นเขื่อนลำปาวอยู่แล้ว”
บูมสดุ้งตกใจ ทำสายยางรดน้ำหลุดมือ รู้สึกตัวจึงก้มหยิบสายยางมารดน้ำต่อ
“บูมไม่ได้เสพยานะพ่อ บุหรี่ก็ไม่สูบ กาวกัญชาอะไรก็ไม่ยุ่ง บูมไม่ยุ่งกับของพวกนี้อยู่แล้ว “
บูมตอบแล้วรีบเดินไปรดน้ำหญ้าแปลงใหม่
“ก็ดีแล้วลูก!!!” ทรงพลตะโกนตามหลัง
แต่ถึงอย่างไรทรงพลก็ยังคอยสังเกต จะบอกว่าคอยจับตาดูลูกชายก็ได้ บูมหลังจากวันนั้นก็ห่างหาย ไม่มีพิรุด ไม่ค่อยกลับบ้านดึกๆเหมือนแต่ก่อน อาจเพราะรู้ว่าพ่อกำลังจับตาอยู่ก็ได้ แต่เลือดวัยรุ่นมันร้อนแรง บูมกลับไปทำอีก ทีนี้ทรงพลจับได้คาหนังคาเขา ที่บ้านใหญ่นั้นแหละ ที่บ้านใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าบูมแอบมาเสพยาในห้องน้ำ เพราะดึกมากแล้ว แต่ก็ไม่พ้นสายตาพุ่ม เพราะทรงพลก็กำชับให้จับตาดูบูมอีกแรง พุ่มโทรหาพี่ชายเพราะแอบเห็นบูมหย่องเข้าห้องน้ำ ทรงพลรีบขับรถมาทันที
“พลอย่าทำลูกแรงนะ”
นุชกำชับสามี เพราะเห็นสีหน้าเรียบๆนิ่งของสามีแล้วนี่คือโกรธจัด ต้องมีความรุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน 
“พ่อพลอย่าตีพี่บูมแรงนะ”
บรีสเกิดสงสารพี่ชายขึ้นมา ถึงแม้บรีสจะเสียใจกับการกระทำของพี่ชายตัวเอง แต่ก็ไม่อยากให้พี่เจ็บ เพราะสองพี่น้องก็รักกันมากเหมือนกัน 
“ห้ามโทรไปบอกมันนะ ถ้าตูรู้ว่าใครโทรไปบอกมันกลับมาเจอตูแน่”
ถึงแม้ทรงพลจะขู่แต่ก็ยังมีสีหน้าที่เรียบเฉย นี่แหละคือคาแล็ตเตอร์โกรธของทรงพล ที่นานมากแล้วที่นงนุชไม่เห็นสีหน้าแบบนี้ตั่งแต่รับลูกมาอยู่บ้านด้วย เมื่อก่อนสมัยเรียนมหาลัยทรงพลเป็นคนเลือดร้อน อารมณ์ร้อน ชอบมีเรื่องตลอดเมื่อไปงานวัดงานบุญตามหมู่บ้านอื่น หรือตามงานประเพณีต่างๆ ประมาณว่าฆ่าได้ยามไม่ได้ แต่พอมีลูก คือรับหลานมาเป็นลูกบุญธรรมแล้วนิสัยนี้นงนุชก็ไม่เห็นอีกเลย
เมื่อทรงพลไปถึงบ้านน้องสาวจอดรถไว้แต่ไกลๆแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำด้านนอกทันที จากนั้นใช้ไม่เคาะประตู คนในบ้านพุ่มพากันออกมาดูหมด ทั้งตายาย และก็วัด คนที่สีหน้าไม่สู้ดีที่สุดเห็นจะเป็นพุ่ม กลัวใจพี่ชายตัวเอง ห่วงลูกชายด้วย ไม่นานนุชกับบรีสก็ขับมอไซต์ตามมากลัวว่าสามีจะทำรุนแรงกับลูกชาย จะได้มาช่วยห้ามอีกแรง
“ไอ้บูม เมริงเปิดประตูให้ตูเดียวนี้ เมริงทำอะไรข้างใน”
บูมที่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร แต่หลักฐานก็ยังคามืออยู่ จะซ้อนไว้ที่ไหนก็ไม่ทันแล้ว เพราะเมื่อพุ่มเห็นลูกชายหย่องเข้าไปก็โทรตามพี่ชายเลย บูมพร้อมยอมรับกรรมและรับผิด บูมพร้อมสารภาพบาปแล้ว
ทรงพลกำลังจะงัดประตูห้องน้ำ พอดีกับที่บูมเปิดประตูออกมา ทรงพลก็ถลาเข้าใส่เลยโดยตบไปที่หน้าบูมหนึ่งทีทันทีที่มองเห็นหลักฐานในมือลูกชาย จากนั้นก็ฟาดไปครั้งที่สอง นงนุชรีบเข้ามาห้ามไว้ จับมือและดึงสามีออกมา บรีสรีบเข้าไปกอดเอาพี่ชายพร้อมกับร้องไห้เพราะสงสารพี่ชาย ส่วนพุ่มยืนดูเฉยๆ ยืนดูพี่ชายสั่งสอนลูกพร้อมน้ำตาที่ไม่มีคำพูดอะไร นอกจากคำว่าแม่เสียใจ ผิดหวังกับลูกมากที่สุด!!
“ตีตูเลยตีตูให้ตายไปเลย” บูมร้องไห้ในอ้อมกอดของน้องสาว
“เมริงได้ตายสมใจแน่ไอ้บูม” 
ทรงพลจะถลาเข้าไปอีกแต่ถูกน้องเขยและภรรยาจับไว้แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าบูมจะโดนตาฟาดให้อีกทีนึง
“ไอ้ลูกห-มาใครสั่งใครสอน” 
ทรงพลสบัดตัวออกจากการจับกุมตัวไว้ แต่ไม่ได้เข้าไปซ้ำอีก ชี้หน้าด่าบูมด้วยอารมณ์ที่ยังโกรธและเสียใจอยู่
“เมริงคิดว่าเมริงเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่หรอบูม เมริงถึงได้ทำตัวแบบนี้ ตูเลี้ยงเมริงมาไม่ใช่เพราะตูรักเมริงหรอกเหรอบูม แม่เมริงนิ! ถ้าแม่เมริงเขาไม่รักเมริงเขาไม่โทรบอกตรูหรอกว่าเมริงมาทำเห้ที่นี้ทุกวัน”
“เมริงคิดว่าเมริงเป็นเด็กมีปัญหาหรอถึงได้ทำตัวแบบนี้ หรือเมริงคิดว่าเมริงเป็นลูกไม่มีพ่อหรอ!เมริงจำไว้เลยนะตรูนี่แหละพ่อเมริงไอ้ลูกห-มา”!
พร้อมถวายteen ให้บูมทีนึงทำเอาวัดต้องกระโจนเข้ามาล็อคตัวไว้กลัวพี่เขยจะซ้ำอีก แค่นี้บูมก็เจ็บมากพอแล้ว ทรงพลยังไม่หยุดชี้หน้าด่าบูม พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากความผิดหวังเสียใจ																																	
  
							
แม่นกกาเหว่า 4
นงนุชนั่งคุยกับผู้เป็นสามี กินข้าวเย็นไปด้วยมองลูกสาวไปด้วย บรีสกำลังนอนคุยโทรศัพท์อยู่เปลยวนที่แขวนไว้กับเสาร์หน้าบ้าน คุยกับใครไม่รู้ แต่ไม่น่าจะเดายากว่าคุยกับใคร
“เข้าปีนี้คุยโทรศัพท์แล้ว มีแฟนแล้วมั่งนะ ผู้บ่าวบ้านไหนน้อ” นงนุชยังไม่หยุดบ่น ตาก็ยังมองดูบรีสนอนคุยโทรศัพท์ พึ่งจะขึ้น ม.1เอง
“เฮ้ย น้องบรีสมากินข้าว”
ทรงพลตะโกนเรียกลูกสาวที่กำลังนอนเปลคุยโทรศัพท์แบบในโลกนี้มีฉันแค่คนเดียว ทรงพลไม่ใช่คุณพ่อสายโหด แต่ก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลย และไม่ใช่คุณพ่อที่จะตามใจลูกๆไปสะหมดทุกอย่าง การจะตามใจของทรงพลต้องมีเหตุผล แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะขัดใจถ้าบูมกับบรีสจะเอา ก็ไม่รู้ว่าจะต้องมีเหตุผลไปทำไม แม้ทรงพลจะไม่ใช่พ่อสายโหด แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่บูมกับบรีสทำอะไรแล้วจะไม่ขออนุญาติ
“คุยกับพ่อหรอ พ่อโทรมาหรอน้องบรีส หรือผู้บ่าวทางไหนโทรมาจีบนิ”
ทรงพลพูดแซวลูกสาวรู้ทั้งรู้ว่าบรีสไม่มีทางจะคุยกับพ่อแท้ๆนานขนาดนี้ บางครั้งพ่อแท้ๆโทรมายังไม่คุยเลย ส่วนมากเขาจะได้คุยแค่กับบูมเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเขาจะทุ่มความน่าจะเป็นไปทางผู้ชายที่โทรมาจีบลูกสาว
“คุยกับใครลูก”
ทรงพลลุกจากวงข้าวเย็น เพราะก็อิ่มพอดี กินน้ำแล้วเดินตรงไปหาบรีสที่กำลังนอนหันหลังให้คุยโทรศัพท์อยู่
“บรีสคุยกับเพื่อน”
บรีสพูดแล้วก็เอาหน้าจอสมาร์ทโฟนให้พ่อดูว่าคุยกับใคร เป็นเพื่อนของบรีสจริงๆ เพื่อนผู้หญิงที่ประชุมสายวิดีโอคอลกันหลายๆคน ที่ทรงพลไม่รู้ว่าคุยกับใครเพราะบรีสเสียบหูฟัง เพื่อนๆในสายทั้งหมดสามคนต่างพากันสวัสดีพ่อ ทรงพลยิ้มและนั่งลงที่เปลยวนอีกอันนึงที่ผูกไว้กับเสาร์ถัดมาจากเปลของบรีส ทรงพลตั้งใจจะนอนฟังลูกสาวคุยโทรศัพท์ เขาอยากรู้วัยรุ่นนี่เขาจะคุยอะไรกัน แต่เหมือนบรีสจะรู้เลยขอเพื่อนๆวางสายก่อน
“อีพ่อแอบฟังบรีสหรอ”
“ป่าว! พ่อมานอนเล่นนี่เฉยๆนี่ละ วางทำไมคุยต่อดิลูก”
“บรีสจะมีแฟนตอนนี้พ่อยังไม่อยากให้มีนะ พึ่งขึ้น ม.1 เองถ้ามีคุยแล้วพ่อก็ไม่อะไร แต่อย่าเสียการเรียน ให้พ่อกับแม่รู้ด้วย ให้ครอบครัวรู้ด้วย ที่สำคัญอย่าแอบไปบ้านเขา ให้แค่เขามาบ้านเรา เข้าใจ๊!”
ทรงพลอบรมลูกสาว แล้วก็พูดคุยเล่นสัพเพเหระไป ทรงพลไม่เคยดุลูกๆ แต่ก็มีเทคนิคพูดให้เชื่อฟัง
“บรีสจะทำเหมือนพี่บูม”
“ทำไง”
“มีแฟนตอน ม.ปลาย เอ่อ พ่ออีพี่บูมมันมีแฟนแล้วนะ บรีสเห็นพี่บูมนั่งกินข้าวกับสาวๆ เอ้าพ่อคิดดูนะ เพื่อนอะไรจะนั่งกินข้าวกันสองต่อสอง!”บลาๆๆๆ
ทรงพลหัวเราะลูกสาวที่เม้าท์พี่ชายให้ฟัง ลูกๆเรียนโรงเรียนเดียวกัน เขาจึงวางใจขึ้นมาเปาะนึงอย่างน้อยพี่ก็จะได้ดูน้อง น้องก็จะได้สอดส่องพี่ หรือดีไม่ดีพากันกอดคอลงคลองด้วยกัน ตกลงกันอย่าบอกพ่อนะก็ได้ เขานั่งคิดแล้วเขาก็แอบขำ
“ดีแล้วลูก ม.ปลายค่อยมี พ่อกับแม่ไม่ห้ามหรอก แค่อย่านอกลู่นอกทาง เป็นสาวแล้วใครๆเขาก็ต้องมีแฟนกันทั้งนั้นแหละ ตอนพ่อจีบแม่นุช พ่อก็พาแม่นุชมาหาตากับยาย แม่นุชก็พาพ่อไปหาครอบครัวแม่ ตากับยายก็ไม่ห้ามหรอก แค่อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ มีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ก่อนน้อ เอ้าบรีสคิดดูนะ ถ้าบรีสมีสามี มีสามีก็ต้องมีลูกใช่มั้ย ถ้าบรีสไม่มีอาชีพบรีสจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงลูกบรีสใช่มั้ยละ”
ทรงพลได้โอกาสสอนบรีสไปอีก เป็นค่ำคืนที่ปกติทุกวันที่พ่อลูกจะมานั่งคุยกันก่อนเข้านอนทุกวัน แต่วันนี้บูมไปนอนบ้านใหญ่ เพราะแม่แท้ๆกับพ่อเลี้ยงพากันไปต่างจังหวัด บูมเลยต้องไปนอนเป็นเพื่อนตากับยายและตอนเช้าก็ต้องตื่นแต่เช้ามาแต่งตัวไปโรงเรียน
โดยมีทรงพลไปรับไปส่งลูกๆไปโรงเรียนตามเคย หลายปีแล้วที่เขาทำแบบนี้แบบไม่เหน็จเหนื่อย เขากลับมีความสุขด้วยซ้ำ ที่เวลาเขามองลูกๆแล้ว เขาไม่คิดว่าเขาจะมีลูกโตขนาดนี้ ตอนนี้ลูกชายก็โตเป็นหนุ่มจะเต็มตัวแล้ว บูมปีนี้ก็อายุ17 แล้ว บรีสก็13 ปีแล้ว จะบอกว่าเขาไม่ห่วงบูมเลยก็ไม่ใช่ เขาห่วงเรื่องเพื่อน เรื่องยาเสพติด ส่วนเรื่องแฟนเขาไม่ห่วงเท่าบรีส ก็อย่างที่คนเขาพูกกันแหละว่า ลูกแต่ละคนห่วงไม่เหมือนกัน ทรงพลก็แอบคิดเล่นๆว่า น้องสาวเขาจะห่วงลูกๆเขาไม่นะตอนนี้ ที่ลูกๆโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว หรือไม่คิดอะไรเลยเพราะมีเราดูแลอยู่ เมื่อเขาคิดแบบนี้แล้วเขาจึงหนักแหน่นกับตัวเองว่าจะดูแลลูกๆบุญธรรมให้ดีที่สุด ให้คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ให้สมกับที่น้องสาวเขาไว้ใจ
ปีนี้เป็นปีที่อะไรๆก็เปลี่ยนแปลง โดยฉะเพราะการเป็นหนุ่มเป็นสาวของลูกๆ เทคนิคการดูแลลูกก็ต้องเปลี่ยนไป เขาต้องคอยศึกษาพฤษติกรรมของลูกวัยรุ่น เพื่อที่จะปรับตัวและรับมือกับปัญหาถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
บูมลูกชายสุดที่รักของเขาแอบใช้สารเสพติด เสาร์อาทิตย์ ปกติบูมจะอยู่บ้านช่วยงานพ่อ แต่หลังๆเขาติดเพื่อน ทรงพลก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าตามประสาวัยรุ่นละ บูมก็โตแล้ว แต่บูมชอบกลับบ้านดึกๆ พฤษติกรรมเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ทรงพลต้องจับตา
แต่อยู่มาวันนึงพุ่มแม่แท้ๆของบูม แอบมากระซิบทรงพลว่าให้สังเกตุบูมหน่อยว่าทุกวันนี้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปมั้ย เขาเห็นฟร์อยในห้องน้ำเก่า ห้องน้ำนอกบ้าน คือบ้านของพุ่มจะมีห้องน้ำในตัวบ้านและห้องน้ำนอกบ้านซึ่งห้องน้ำนอกบ้านคนในบ้านจะไม่ค่อยใช้ แต่ไม่ทุบทิ้ง เก็บไว้ให้แขกที่มาบ้านใช้
ทรงพลถามให้แน่ใจว่าใช่บูมหรอ สืบดีแล้วใช่มั้ย
ไม่ใช่ของไอ้วัดหรอ วัดคือน้องเขยเขานั้นเองที่เขาก็ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นของบูม อาจจะเป็นของน้องเขยเขาก็ได้ แต่พุ่มบอกเห็นบูมมันเข้าออกห้องน้ำข้างนอกเป็นประจำ และพักนี้ก็มาที่บ้านบ่อย ที่แน่ใจว่าเป็นของลูกชายตัวเองเพราะวันนั้น บูมบอกแม่ว่าจะกลับบ้านแล้ว ประมาณสองสามทุ่มได้ ตัวเองก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็อยู่แต่ในบ้านกับลูกคนเล็ก ทีนี้ตัวเองออกไปเอาของข้างนอก เห็นเหมือนมีคนในห้องน้ำ ตัวเองก็สงสัยว่าใครมาแอบใช้ห้องน้ำบ้านเรา เพราะสมาชิกครอบครัวก็อยู่ในบ้านกันหมด ส่วนลูกชายคนโตก็บอกแม่ว่ากลับแล้ว ตัวเองเลยแอบมองว่าใครมันมาใช้ห้องน้ำ ปรากฎว่าคนที่เดินหย่องๆออกมากลับเป็นบูม ก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกตอนแรก คิดว่าคงปวดท้องตอนจะกลับบ้าน ลูกอาจเข้าห้องน้ำก่อน ทีนี้วัดเข้าไปใช้ห้องน้ำข้างนอก เห็นฟร์อยเลยเอามาบ่นกับตัวเองว่า ใครมาแอบเสพยาที่ห้องน้ำบ้านเรา ตัวเองสดุ้งขึ้นมาในใจเลย นึกถึงบูมทันที แต่ก็ไม่กล้าถามลูก กลัวลูกโกรธแล้วพาลน้อยใจตัวเองอีก เลยมาฝากให้พ่อที่เลี้ยงดูแลกันมา สังเกตุพฤติกรรมลูกหน่อย ตัวเองไม่สบายใจเลย ถ้าเป็นบูมจริงๆจะทำยังไง
สีหน้าของพุ่มไม่สบายใจเลย ในใจก็มั่นใจว่าเป็นบูม แต่ก็ไม่อยากปักปรำลูก อย่างที่พูดแหละกลัวลูกน้อยใจแล้วเกลียดตัวเองไปอีก ทรงพลรับปากว่าจะจัดการให้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าบูมทำตัวแบบนั้นจริงหรือป่าว ถ้าทำจริงตัวเองคงเสียใจมากไม่แพ้พุ่มเช่นกัน และพฤติกรรมของบูมตอนนี้มันก็ทำให้ทรงพลอดคิดไม่ได้ว่าเป็นของบูม
“ยาเสพติดมันไม่ดีรู้ปะลูก เด็กคุ้มใต้อ่ะพากันทำ พ่อได้ยินเขาพูดกัน นี่ถ้าเป็นบูมนะพ่อคงเสียใจที่สุดอ่ะ แม่นุช ตายายคงเสียใจที่สุด และรู้มั้ยคนมี่จะเจ็บช้ำเสียใจที่สุดก็คงจะเป็นแม่พุ่มอ่ะ”
ทรงพลพูดคุบกับลูกชายขณะที่ช่วยกันรดน้ำหญ้าที่ปลูกให้วัวในฟาร์ม บูมทำหน้าเจื่อยๆ ไม่กล้าสบตาผู้เป็นพ่อ แค่นี้ทรงพลก็จับพิรุดได้แล้ว
“แม่พุ่มเอามาเล่าให้พ่อฟัง แม่บอกว่านี่ถ้าเป็นไอ้บูมนะคงทำใจไม่ได้อ่ะ คงเสียใจที่สุด เลี้ยงลูกให้เป็นคนไม่ได้”
“บูมไม่ทำก็ดีแล้วลูก พ่อเชื่อว่าพ่อเลี้ยงลูกได้ดี บูมรู้มั้ยพ่อกับแม่นุชอ่ะรักบูมกับน้องมากนะ เหมือนลูกที่ทำออกมาเองเลย บูมกับน้องบรีสอย่าคิดว่าตัวเองไม่สำคัญ บูมกับบรีสสำคัญกับแม่พุ่มมาก สำคัญกับพ่อกับแม่นุชมากเหมือนกัน ตายาย ลุงๆป้าๆด้วย อย่าคิดว่าบูมกับน้องเป็นส่วนเกินชีวิตใคร บูมกับน้องเป็นส่วนที่เติมเต็มให้กับครอบครัวเรานะ พ่อรักบูมนะ”
“น้องบรีส!!! พ่อรักร้องบรีสเด้อ” ทรงพลตระโกนไปหาลูกสาวที่กำลังรดน้ำหญ้าอีกฝั่ง บรีสที่ลดน้ำอยู่ก็งงว่าพ่อกับพี่ชายเล่นไรกัน แต่บรีสก็ไม่ลืมที่จะส่งสัญลักษณ์ไอเลิฟยูมาให้พ่อ
ทรงพลยิ่งพูดบูมก็ยิ่งก้มหน้าไม่สบตา หน้าจ๋อยๆ มือก็ลากสายยางลดน้ำหญ้าไปเหมือนคนเหม่อลอยคิดอะไรในใจ ทรงพลรู้แล้วว่าฟร์อยนั้นเป็นของใคร แต่เขาเลือกที่จะใช้ไม่อ่อนก่อน ให้โอกาสลูกชายกลับตัวกลับใจ แล้วเขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วให้มันผ่านไปถ้าบูมเลิกทำ แต่ถ้ายังไม่ยอมเลิกก็ต้องใช้ไม่แข็ง
“บูม!! เป็นไรนิฟังที่พ่อพูดมั้ย รดน้ำตรงนี้จนจะเป็นเขื่อนลำปาวอยู่แล้ว”
บูมสดุ้งตกใจ ทำสายยางรดน้ำหลุดมือ รู้สึกตัวจึงก้มหยิบสายยางมารดน้ำต่อ
“บูมไม่ได้เสพยานะพ่อ บุหรี่ก็ไม่สูบ กาวกัญชาอะไรก็ไม่ยุ่ง บูมไม่ยุ่งกับของพวกนี้อยู่แล้ว “
บูมตอบแล้วรีบเดินไปรดน้ำหญ้าแปลงใหม่
“ก็ดีแล้วลูก!!!” ทรงพลตะโกนตามหลัง
แต่ถึงอย่างไรทรงพลก็ยังคอยสังเกต จะบอกว่าคอยจับตาดูลูกชายก็ได้ บูมหลังจากวันนั้นก็ห่างหาย ไม่มีพิรุด ไม่ค่อยกลับบ้านดึกๆเหมือนแต่ก่อน อาจเพราะรู้ว่าพ่อกำลังจับตาอยู่ก็ได้ แต่เลือดวัยรุ่นมันร้อนแรง บูมกลับไปทำอีก ทีนี้ทรงพลจับได้คาหนังคาเขา ที่บ้านใหญ่นั้นแหละ ที่บ้านใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าบูมแอบมาเสพยาในห้องน้ำ เพราะดึกมากแล้ว แต่ก็ไม่พ้นสายตาพุ่ม เพราะทรงพลก็กำชับให้จับตาดูบูมอีกแรง พุ่มโทรหาพี่ชายเพราะแอบเห็นบูมหย่องเข้าห้องน้ำ ทรงพลรีบขับรถมาทันที
“พลอย่าทำลูกแรงนะ”
นุชกำชับสามี เพราะเห็นสีหน้าเรียบๆนิ่งของสามีแล้วนี่คือโกรธจัด ต้องมีความรุนแรงเกิดขึ้นแน่นอน
“พ่อพลอย่าตีพี่บูมแรงนะ”
บรีสเกิดสงสารพี่ชายขึ้นมา ถึงแม้บรีสจะเสียใจกับการกระทำของพี่ชายตัวเอง แต่ก็ไม่อยากให้พี่เจ็บ เพราะสองพี่น้องก็รักกันมากเหมือนกัน
“ห้ามโทรไปบอกมันนะ ถ้าตูรู้ว่าใครโทรไปบอกมันกลับมาเจอตูแน่”
ถึงแม้ทรงพลจะขู่แต่ก็ยังมีสีหน้าที่เรียบเฉย นี่แหละคือคาแล็ตเตอร์โกรธของทรงพล ที่นานมากแล้วที่นงนุชไม่เห็นสีหน้าแบบนี้ตั่งแต่รับลูกมาอยู่บ้านด้วย เมื่อก่อนสมัยเรียนมหาลัยทรงพลเป็นคนเลือดร้อน อารมณ์ร้อน ชอบมีเรื่องตลอดเมื่อไปงานวัดงานบุญตามหมู่บ้านอื่น หรือตามงานประเพณีต่างๆ ประมาณว่าฆ่าได้ยามไม่ได้ แต่พอมีลูก คือรับหลานมาเป็นลูกบุญธรรมแล้วนิสัยนี้นงนุชก็ไม่เห็นอีกเลย
เมื่อทรงพลไปถึงบ้านน้องสาวจอดรถไว้แต่ไกลๆแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำด้านนอกทันที จากนั้นใช้ไม่เคาะประตู คนในบ้านพุ่มพากันออกมาดูหมด ทั้งตายาย และก็วัด คนที่สีหน้าไม่สู้ดีที่สุดเห็นจะเป็นพุ่ม กลัวใจพี่ชายตัวเอง ห่วงลูกชายด้วย ไม่นานนุชกับบรีสก็ขับมอไซต์ตามมากลัวว่าสามีจะทำรุนแรงกับลูกชาย จะได้มาช่วยห้ามอีกแรง
“ไอ้บูม เมริงเปิดประตูให้ตูเดียวนี้ เมริงทำอะไรข้างใน”
บูมที่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร แต่หลักฐานก็ยังคามืออยู่ จะซ้อนไว้ที่ไหนก็ไม่ทันแล้ว เพราะเมื่อพุ่มเห็นลูกชายหย่องเข้าไปก็โทรตามพี่ชายเลย บูมพร้อมยอมรับกรรมและรับผิด บูมพร้อมสารภาพบาปแล้ว
ทรงพลกำลังจะงัดประตูห้องน้ำ พอดีกับที่บูมเปิดประตูออกมา ทรงพลก็ถลาเข้าใส่เลยโดยตบไปที่หน้าบูมหนึ่งทีทันทีที่มองเห็นหลักฐานในมือลูกชาย จากนั้นก็ฟาดไปครั้งที่สอง นงนุชรีบเข้ามาห้ามไว้ จับมือและดึงสามีออกมา บรีสรีบเข้าไปกอดเอาพี่ชายพร้อมกับร้องไห้เพราะสงสารพี่ชาย ส่วนพุ่มยืนดูเฉยๆ ยืนดูพี่ชายสั่งสอนลูกพร้อมน้ำตาที่ไม่มีคำพูดอะไร นอกจากคำว่าแม่เสียใจ ผิดหวังกับลูกมากที่สุด!!
“ตีตูเลยตีตูให้ตายไปเลย” บูมร้องไห้ในอ้อมกอดของน้องสาว
“เมริงได้ตายสมใจแน่ไอ้บูม”
ทรงพลจะถลาเข้าไปอีกแต่ถูกน้องเขยและภรรยาจับไว้แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าบูมจะโดนตาฟาดให้อีกทีนึง
“ไอ้ลูกห-มาใครสั่งใครสอน”
ทรงพลสบัดตัวออกจากการจับกุมตัวไว้ แต่ไม่ได้เข้าไปซ้ำอีก ชี้หน้าด่าบูมด้วยอารมณ์ที่ยังโกรธและเสียใจอยู่
“เมริงคิดว่าเมริงเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่หรอบูม เมริงถึงได้ทำตัวแบบนี้ ตูเลี้ยงเมริงมาไม่ใช่เพราะตูรักเมริงหรอกเหรอบูม แม่เมริงนิ! ถ้าแม่เมริงเขาไม่รักเมริงเขาไม่โทรบอกตรูหรอกว่าเมริงมาทำเห้ที่นี้ทุกวัน”
“เมริงคิดว่าเมริงเป็นเด็กมีปัญหาหรอถึงได้ทำตัวแบบนี้ หรือเมริงคิดว่าเมริงเป็นลูกไม่มีพ่อหรอ!เมริงจำไว้เลยนะตรูนี่แหละพ่อเมริงไอ้ลูกห-มา”!
พร้อมถวายteen ให้บูมทีนึงทำเอาวัดต้องกระโจนเข้ามาล็อคตัวไว้กลัวพี่เขยจะซ้ำอีก แค่นี้บูมก็เจ็บมากพอแล้ว ทรงพลยังไม่หยุดชี้หน้าด่าบูม พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากความผิดหวังเสียใจ