ประสบการณ์แอบรักเพื่อนมานาน ไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้หรือเปล่า

         เรื่องก็มีอยู่ว่า ผมแอบรักเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยอยู่คนหนึ่ง เราเรียนสาขาเดียวกัน เธอคือผู้หญิงคนแรกที่ผมชอบในมหาวิทยาลัย (จริงๆ ตลอดระยะเวลา 4 ปี ก็มีคุยๆกับรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือเพื่อนรุ่นเดียวกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้คบกับใครอย่างเป็นจริงเป็นจัง ปล.ผมเป็นคนค่อนข้างขี้อาย 555) จุดเริ่มต้นเลยก็คือ ก่อนเข้าเรียนมหาลัยผมก็ได้ค้นหาชื่อเพื่อนๆในสาขาเดียวกัน คงเพราะความอยากรู้จักเพื่อนใหม่ๆ แล้วผมก็สะดุดกับชื่อของเธอ (จริงๆชื่อของเธอค่อนข้างแปลกกว่าทุกคนจริงๆ 55) และผมก็จำได้ตั้งแต่ตอนนั้น ตั้งแต่ที่ยังไม่ได้เห็นหน้าตาของเธอเลยด้วยซ้ำ
        จนกระทั่งวันปฐมนิเทศ ที่ทุกคนจะได้ทำความรู้จักเห็นหน้าค่าตากัน ตอนนั้นหลังจากเสร็จกิจกรรมของคณะ ทุกคนที่เรียนสาขาเดียวกันจะต้องแยกออกมาทำกิจกรรมต่างหากเพื่อทำความรู้จักกับเพื่อนๆ รุ่นพี่ และอาจารย์ของสาขานั้นๆ รวมถึงให้นักศึกษาปี 1 แนะนำตัว โดยเรียงลำดับตามรหัสประจำตัวนศ. (จริงๆมันเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ตื่นเต้นสำหรับผมนะ ที่ได้ลุ้นว่าคนชื่อนั้นชื่อนี้ หน้าตาเป็นยังไง 555) จนกระทั่งถึงชื่อของเธอ ผมจำภาพประทับใจแรกที่เห็นได้ไม่เคยลืม จำได้ว่าเธอหน้าตาผิดไปจากที่ผมคิดไว้มาก เธอเป็นคนตัวเล็ก ดูบอบบาง ซอยผมสั้นๆ ยิ้มเขินๆนิดๆ เดินไปแนะนำตัวหน้าห้องโดยไม่สบตาใคร จริงๆเธอก็ไม่ได้สวยหรือโดดเด่นที่สุดในวันนั้น แต่ผมก็ตกหลุมรักไปตั้งแต่ตอนนั้น (อาจดูน้ำเน่านิดๆ พิมพ์เองยังอายเลย 555) ตอนนั้นผมหันไปหาเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน และส่งสายตาเหมือนเป็นอันรู้กัน ก่อนที่จะกลับไปคุยกันต่อที่ห้องพักว่า คนนี้ตูจองนะเว้ย 555
        ต่อมาก็มีเหตุการณ์ให้เราได้รู้จักกันมากขึ้น (ผมคิดว่ามันทำให้ผมยิ่งชอบเธอมากขึ้นไปอีก) ก็คือคณะที่ผมเรียนจะต้องมีการออกภาคสนามตั้งแต่ปี1 โดยที่อาจารย์จะให้มีการแบ่งกลุ่มกัน แต่ด้วยความที่ในตอนนั้นทุกคนอาจยังไม่ได้มีกลุ่มก้อนที่ชัดเจน จึงมีความเห็นร่วมกันว่าจะสุ่มรายชื่อสมาชิกแต่ละกลุ่มของชั้นปีที่1 ด้วยความที่ผมเป็นคนที่คิดไม่ซื่อกับเพื่อนคนนั้นตั้งแต่วันแรก ก็เลยมีอารมณ์ร่วมกับกิจกรรมนั้นมากเป็นพิเศษ ด้วยความที่ผู้ชายมีน้อย จึงมีการสุ่มชื่อผู้ชายออกมาเป็นหลักไว้ก่อน แล้วค่อยๆเอาชื่อผู้หญิงมาใส่ต่อท้ายไปเรื่อยๆ ตอนนั้นผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้มีชื่อของเธอในกลุ่มของผมก็ยังดี และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เธอคือรายชื่อสุดท้ายในกลุ่มผม ตอนนั้นผมดีใจมาก จำได้ว่าเพื่อนสนิทผมถึงกับหันมายิ้มแสดงความยินดี ผมในตอนนั้นทำได้แค่เพียงแอบยิ้มมุมปาก ทั้งที่ในใจผมแทบกระโดดโลดเต้น 5555
        ตลอดระยะเวลาที่ออกภาคสนามผมมีความสุขมาก เพราะได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับเธอหลายครั้ง จำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง รุ่นพี่คนหนึ่งให้ผมกับเธอสองคนออกไปพักระหว่างทำงาน (เหมือนเขาสงสารน้องปี 1 ที่ขยันขันแข็งกันมาก จึงตอบแทนด้วยการให้ผมกับเธอไปเดินเล่นในตลาดสดใกล้ๆ) ผมก็ไม่รู้นะว่าพี่เขาช่วงชงให้ผมมีโอกาสได้อยู่กับเธอสองต่อสองหรือเปล่า เพราะไม่ได้ให้คนอื่นในกลุ่มมาด้วย (ตอนนั้นยังงงๆอยู่เหมือนกัน) แต่ในใจก็คิดว่าแบบนี้ก็เข้าทางสิวะ จำได้ว่าเราเดินด้วยกันสักพักนึง ผมก็ซื้อน้ำตาลสดมาแบ่งกันกินกับเธอ จริงๆทีแรกกะซื้อมากินเอง แล้วเธอมาขอกินด้วย ผมก็สบโอกาสพาเธอไปหาที่นั่งคุยกัน ผมคิดไว้แล้วล่ะว่าจะบอกชอบเธอ แต่แล้วด้วยความอ่อนต่อโลกของผม + ความไม่กล้าผมปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย จริงๆก่อนจบภาคสนามเคยมีรุ่นพี่มาถามผมด้วยว่าผมคิดไรกับเพื่อนคนนี้ด้วยหรือเปล่า (จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าเขาสงสัยได้ยังไง เพราะผมมั่นใจว่าผมเก็บอาการเก่ง และเพื่อนสนิทผมมันไม่ได้บอกใครแน่นอน) แน่นอนว่าด้วยความที่ผมโคตรแมน (ประชด) ผมก็ได้แต่ตอบปฏิเสธไป
       วันเวลาในมหาวิทยาลัยผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนๆในสาขาก็สนิทกันมากขึ้น และผมก็ได้กลายเป็นเพื่อนของเธออย่างเต็มตัว มันทำให้ผมไม่กล้าเอ่ยความในใจของผมออกไป จนกระทั่งก่อนเรียบจบผมก็ได้มีโอกาสไปทำงานใกล้จังหวัดบ้านเกิด ตอนนั้นเพื่อนๆทุกคนก็เริ่มห่างๆกัน ผมจึงเริ่มกลับมาสานสัมพันธ์กับเธอแบบเฉพาะเจาะจงอีกครั้ง และเมื่อวันรับปริญญามาถึงผมจึงคิดจะถือโอกาสนั้น ในการบอกชอบเธอ ระหว่างวันซ้อมจนถึงวันรับจริงผมแอบมองเธอทุกครั้ง เพื่อเก็บเกี่ยวความน่ารักของเธอไว้ให้มากที่สุด ผมบอกตัวเองว่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายของเอ็งแล้วนะโว้ย แน่นอนครับว่าท้ายที่สุดแล้วผมก็ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป ทั้งที่หลังจากรับปริญญาเสร็จผมจะรวบรวมความกล้าเข้าไปหาเธอแล้วก็ตาม (ขอเล่าเพิ่มเติม คือว่า ตอนนั้นผมเห็นเธอยืนอยู่กับครอบครัวของเธอ มันเลยทำให้ผมไม่กล้าน่ะครับ 555 คิดแล้วยังเซ็งตัวเองไม่หาย)
       ปีถัดมาผมจึงพยายามสร้างโอกาสอีกครั้งโดยการชวนเธอมางานรับปริญญารุ่นน้อง ผมตระหนักดีว่ามันเป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดแล้วล่ะ และคงจะใช้มุกแบบนี้ได้แค่ปีเดียวเท่านั้น (และมันก็เป็นจริงดังนั้น เพราะปีถัดๆไปเราก็ไม่เคยไปงานรับปริญญาที่มหาลัยอีกเลย) จนวันนั้นเราก็ได้เจอกัน และผมอาสาไปส่งเธอกลับบ้าน จริงๆผมวางแผนมาเป็นอย่างดีว่าจะบอกชอบเธอยังไง แต่พอโอกาสนั้นมาถึงผมก็ปล่อยมันผ่านไปอีกครั้งอย่างน่าเจ็บใจ  จนถึงทุกวันนี้เราก็ยังติดต่อและมีโอกาสพูดคุยกันอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบเจอกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น (ผมมักใช้ระยะทางเป็นข้ออ้างกับตัวเองเสมอ แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่กล้าพอที่จะชวนเธออย่างจริงๆจังๆ) 
       ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ผมอยากจะรู้จริงๆครับว่าเธอมีโอกาสจะรู้ไหมว่าผมชอบเธอมาโดยตลอด อย่างที่บอกผมไม่เคยเอ่ยปากบอกเรื่องนี้กับใคร นอกจากเพื่อนสนิทของผม และผมคิดเอาเองนะว่าผมเป็นคนหนึ่งที่เก็บอาการได้เก่งเอามากๆ อย่างไรก็ตามผมคงจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่เก่งในเรื่องนี้เอามากๆ ปล่อยให้มันค้างคาใจมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้
ปล.1 ผมเพิ่งจะพิมพ์อะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก ยอมรับเลยว่ามันยากมากจริงๆในการเขียนอธิบายเรื่องราวของตัวเองให้คนอื่นเข้าใจ 5555 
ปล.2 ออกตัวก่อนนะว่าในชีวิตจริงผมไม่ใช่คนเวิ่นเว้ออะไรเรื่องความรัก แม้แต่ในพื้นที่โลกโซเชียล (เผื่อบางคนอ่านแล้วแอบหมั่นใส้ผม 555) 
         
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่