คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ตอบ คห.4
ทำได้ครับ เพราะถือว่านายสองเป็นผู้ชำระหนี้แทนท่านแม่และคุณนายสาม ย่อมมีสิทธิ์จะได้รับผลตอบแทน
ถ้าจะทำสัญญา ควรให้ทนายเป็นผู้ร่างสัญญา และหาบุคคลที่น่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่งมาเป็นพยาน 2 คน
ถ่ายรูปการทำสัญญาไว้ด้วย เพราะคงต้องใช้เป็นหลักฐานในคดีความในภายหน้า
แต่เมื่อนายสองชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วจริง ๆ ท่านแม่จะยอมโอนโฉนดให้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องคิดต่อไป
ถ้าท่านแม่ไม่ยอมโอน คุณสองจะกล้าฟ้องคุณแม่ว่าผิดสัญญาหรือไม่
ผมขออนุญาตตอบข้อถามของเจ้ากระทู้จากประสบการณ์เกี่ยวกับการวิวาทะเรื่องที่ดินมาเป็นแนวทางนะครับ
คุณสองจะนำไปใช้ได้หรือไม่ ต้องขึ้นกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในภายหน้า
1-2 การโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่เกิดขึ้น นายสองยังไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ คุณนายสามกับพวกยังไม่สามารถ
ฟ้องร้องได้ครับ การฟ้องจะเกิดขึ้นภายหลังการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ตามข้อ 3 ครับ
3.ถ้าคุณสองตกลงกับคุณแม่ให้โอนกรรมสิทธิ์ อันนี้ควรทำอย่างยิ่งครับ และต้องทำข้อตกลงหรือสัญญา
กำกับไว้อีกทีครับ เหมือนที่ คห.นี้ แนะนำ เพื่อเป็นหลักฐานว่าท่านแม่โอนให้โดยสุจริตใจ ไม่ถูกหลอกหรือบังคับ
พอโอนเสร็จคุณนายสามกับคณะก็จะฟ้องเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ พอเขาฟ้อง คุณสองก็พาคุณแม่
พร้อมกับเอกสารสัญญาข้อตกลงที่ทำกับท่านแม่ ไปต่อสู้ในชั้นศาล ตัวแปรอยู่ที่ท่านแม่ครับ ว่าจะเบิกความอย่างไร
ถ้าเบิกความตามจริงว่าโอนให้เพราะเป็นการตอบแทนที่ชำระหนี้ให้ คุณนายสามกับคณะก็จบ
แต่ถ้าท่านแม่เบิกความเป็นประโยชน์ต่อคุณนายสามกับคณะ คุณสองก็ต้องเอาเอกสารที่ทำไว้มาหักล้างท่านแม่
การฟ้องแบบนี้เป็นการฟ้องเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์โดยมิชอบ ไม่ใช่ฟ้องยักยอกทรัพย์มรดก
การฟ้องยักยอกทรัพย์มรดก เป็นการฟ้องผู้จัดการมรดก ยักยอกทรัพย์มรดกไป ไม่โอนให้ทายาทผู้มีสิทธิ์ในมรดก
คุณสองไม่ได้รับโอนในฐานะผู้จัดการมรดก จึงไม่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์
อ่านพบว่ามีคำสั่งศาลแต่งตั้งให้คุณสองเป็นผู้จัดการมรดก การแต่งตั้ง ผจก.มรดก จะแต่งตั้งภายหลังจาก
เจ้าของมรดกถึงแก่กรรมแล้วเท่านั้น เพราะผู้จัดการมรดกจะทำหน้าที่จัดการทรัพย์สินแทนผู้ตาย
ในกรณีนี้ศาลไม่น่าจะแต่งตั้งคุณสองเป็นผู้จัดการมรดกนะครับ ก็คงต้องดูคำสั่งศาลครับ ว่าศาลตัดสินให้
คุณสองมีอำนาจจัดการกับที่ดินนี้ได้อย่างไร หรือมีข้อบังคับอะไร ถ้าศาลสั่งว่าที่ดินตกเป็นของนายสอง
เมื่อนายสองชำระหนี้เสร็จสิ้นก็ต้องเป็นไปตามนั้น คุณนายสามกับแก๊งค์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้อง เพราะในชั้นไต่สวน
ไม่ได้ไปคัดค้าน
ทำได้ครับ เพราะถือว่านายสองเป็นผู้ชำระหนี้แทนท่านแม่และคุณนายสาม ย่อมมีสิทธิ์จะได้รับผลตอบแทน
ถ้าจะทำสัญญา ควรให้ทนายเป็นผู้ร่างสัญญา และหาบุคคลที่น่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่งมาเป็นพยาน 2 คน
ถ่ายรูปการทำสัญญาไว้ด้วย เพราะคงต้องใช้เป็นหลักฐานในคดีความในภายหน้า
แต่เมื่อนายสองชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้วจริง ๆ ท่านแม่จะยอมโอนโฉนดให้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องคิดต่อไป
ถ้าท่านแม่ไม่ยอมโอน คุณสองจะกล้าฟ้องคุณแม่ว่าผิดสัญญาหรือไม่
ผมขออนุญาตตอบข้อถามของเจ้ากระทู้จากประสบการณ์เกี่ยวกับการวิวาทะเรื่องที่ดินมาเป็นแนวทางนะครับ
คุณสองจะนำไปใช้ได้หรือไม่ ต้องขึ้นกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในภายหน้า
1-2 การโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่เกิดขึ้น นายสองยังไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ คุณนายสามกับพวกยังไม่สามารถ
ฟ้องร้องได้ครับ การฟ้องจะเกิดขึ้นภายหลังการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ตามข้อ 3 ครับ
3.ถ้าคุณสองตกลงกับคุณแม่ให้โอนกรรมสิทธิ์ อันนี้ควรทำอย่างยิ่งครับ และต้องทำข้อตกลงหรือสัญญา
กำกับไว้อีกทีครับ เหมือนที่ คห.นี้ แนะนำ เพื่อเป็นหลักฐานว่าท่านแม่โอนให้โดยสุจริตใจ ไม่ถูกหลอกหรือบังคับ
พอโอนเสร็จคุณนายสามกับคณะก็จะฟ้องเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ พอเขาฟ้อง คุณสองก็พาคุณแม่
พร้อมกับเอกสารสัญญาข้อตกลงที่ทำกับท่านแม่ ไปต่อสู้ในชั้นศาล ตัวแปรอยู่ที่ท่านแม่ครับ ว่าจะเบิกความอย่างไร
ถ้าเบิกความตามจริงว่าโอนให้เพราะเป็นการตอบแทนที่ชำระหนี้ให้ คุณนายสามกับคณะก็จบ
แต่ถ้าท่านแม่เบิกความเป็นประโยชน์ต่อคุณนายสามกับคณะ คุณสองก็ต้องเอาเอกสารที่ทำไว้มาหักล้างท่านแม่
การฟ้องแบบนี้เป็นการฟ้องเพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์โดยมิชอบ ไม่ใช่ฟ้องยักยอกทรัพย์มรดก
การฟ้องยักยอกทรัพย์มรดก เป็นการฟ้องผู้จัดการมรดก ยักยอกทรัพย์มรดกไป ไม่โอนให้ทายาทผู้มีสิทธิ์ในมรดก
คุณสองไม่ได้รับโอนในฐานะผู้จัดการมรดก จึงไม่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์
อ่านพบว่ามีคำสั่งศาลแต่งตั้งให้คุณสองเป็นผู้จัดการมรดก การแต่งตั้ง ผจก.มรดก จะแต่งตั้งภายหลังจาก
เจ้าของมรดกถึงแก่กรรมแล้วเท่านั้น เพราะผู้จัดการมรดกจะทำหน้าที่จัดการทรัพย์สินแทนผู้ตาย
ในกรณีนี้ศาลไม่น่าจะแต่งตั้งคุณสองเป็นผู้จัดการมรดกนะครับ ก็คงต้องดูคำสั่งศาลครับ ว่าศาลตัดสินให้
คุณสองมีอำนาจจัดการกับที่ดินนี้ได้อย่างไร หรือมีข้อบังคับอะไร ถ้าศาลสั่งว่าที่ดินตกเป็นของนายสอง
เมื่อนายสองชำระหนี้เสร็จสิ้นก็ต้องเป็นไปตามนั้น คุณนายสามกับแก๊งค์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องร้อง เพราะในชั้นไต่สวน
ไม่ได้ไปคัดค้าน
แสดงความคิดเห็น
เลือดข้นคนจาง!! ตอน: มรดกที่ดิน
เมื่อเวลาผ่านไปธุรกิจของ นางสาม ไปไม่รอดและไม่สามารถหาเงินมาใช้หนี้เพื่อไถ่ถอนที่ดินออกจากการจดจำนองได้จนเกือบจะโดนยึดที่ดินทั้งหมดไป ผลสุดท้ายเรื่องทุกอย่างได้แดงขึ้นมา ทุกคนในครอบครัวได้รับรู้เรื่องทั้งหมด ทำให้คนที่พอจะแบกรับภาระหนี้สินรวมทั้งหาเงินเพื่อมาทยอยชำระหนี้ คือ นายสอง
นายสอง ได้พยายามทำทุกวิถีทางทั้งเจรจาต่อรองและหาเงินมาชำระหนี้ในครั้งนี้ ซึ่งหนี้สินรวมแล้วประมาณ 2 ล้าน เพื่อรักษาที่ดิน 40 ไร่นี้ไว้ให้ได้ โดย นายสอง เป็นผู้มีชื่ออยู่ในธนาคารคนเดียวเพื่อคอยชำระหนี้สินทั้งหมด อีกทั้ง นายสอง ได้ขอคำสั่งศาลเพื่อเป็น ผู้จัดการมรดกในครั้งนี้ อ่านดูแล้วเหมือนจะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้นะสิ เพราะว่าความเป็นคน ที่มีทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง จึงเป็นเหตุให้ครอบครัวนี้ไม่สามารถอยู่กันได้อย่างปกติสุข เพราะอะไรนะหรอ??
ก็เพราะว่า.. ตั้งแต่ทุกคนในครอบครัวรับรู้เรื่องที่ นางสาม ได้ก่อขึ้นไว้ ก็กลับไม่มีใครมีความสามารถพอที่จะหาเงินมาช่วยชำระหนี้และจัดการกับเรื่องนี้ได้เลย นอกจาก นายสอง แล้วก็เอาแต่ทะเลาะกัน เกี่ยงกันเรื่องหนี้ กับทรัพย์สินมรดก คนนั้นก็จะเอาคนนี้ก็จะเอา แต่ไม่มีใครยอมใช้หนี้สักคน อีกทั้งเมื่อนายสอง ได้มาเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ยิ่งทำให้พี่ๆน้องคนอื่นๆไม่ค่อยพอใจโดยเฉพาะ นางสาม ผู้ก่อเรื่อง เพราะคิดว่า นายสอง จะเป็นผู้ฮุบเอามรดกที่ดินนี้ไปครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ทั้งๆที่ นายสอง เพียงแค่ต้องการช่วยจัดการหนี้สิน และจัดการมรดกทั้งหมด จนกว่าจะใช้หนี้ได้หมด แล้วก็แบ่งทรัพย์สินที่ดินให้ทุกคนตามสัดส่วนเดิมที่ได้แยกย้ายกันไปปลูกบ้าน เพียงเท่านั้น
นางสาม คอยเป็นหัวโจกของพี่น้องทุกๆคน นัดกันรวมกลุ่มกับพี่น้องที่เหลือไปนั่งประชุมวางแผนสมรู้ร่วมคิดกันว่า ตอนนี้ก็ไม่ต้องไปทำอะไร ปล่อย นายสอง นั้น 'โง่' ใช้หนี้แทนให้ตนจนหมดก่อน แล้วพอแม่ตายเมื่อไหร่ ก็ค่อยฟ้องร้องเอาที่ดินคืนจาก นายสอง ให้หมด รวมทั้งที่ดินที่ควรเป็นส่วนของ นายสอง ด้วยก็จะเอามาให้หมด เพราะถึงแม้ว่า นายสอง จะเป็นผู้จัดการมรดก แต่ว่า ผู้เป็นเจ้ามรดกและเป็นผู้มีชื่อในโฉนดที่ดินทั้ง 8 ก็ยังคงเป็นชื่อของผู้เป็นแม่อยู่ดี หรืออีกกรณีคือ ต่อให้แม่ยังไม่ตาย เมื่อ นายสอง ใช้หนี้แทนจนหมด ก็ค่อยให้แม่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้พวกตนจนหมดไม่ให้เหลือถึงนายสอง เพราะถึงยังไง นางสามและนายสี่ ก็เป็นลูกรักอยู่แล้ว ยังไงแม่ก็ต้องให้มากกว่าคนอื่น ส่วนนางหนึ่งนั้นก็เออๆออๆตามนางสามไป
แต่แล้วแผนการในครั้งนี้ก็ดันไปเข้าหูชาวบ้านคนอื่นเข้า ชาวบ้านจึงนำเรื่องแผนของ นางสาม ทั้งหมดมาเล่าให้ นายสอง ฟัง แต่ นายสอง ด้วยความที่เป็นคนเสียสละ และคิดว่าพี่ๆน้องรักๆตนมาก จึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ อีกทั้งยังชะลาใจ เพราะคิดว่าต่อให้เรื่องที่ชาวบ้านเอามาเล่าเป็นเรื่องจริง พี่น้องคนอื่นๆก็คงไม่ทางหาเงินมาฟ้องร้องตนได้ เพราว่าขนาดจะหาเงินมาช่วยใช้หนี้ยังไม่มีปัญญากันเลย
คำถาม
1. แผนการตามที่ นางสาม ได้คิดขึ้นมานั้น สามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆก็ตาม
2. ถ้าแผนการของนางสามเกิดขึ้นได้จริง นายสองพอจะมีวิธีรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากผู้ที่รับใช้หนี้ทั้งหมด(ทั้งๆที่ไม่ใช่หนี้ที่ตนก่อขึ้น)คือนายสอง นายสองควรที่จะได้ที่ดินบ้างหรือเปล่า?
3. ถ้านายสองได้ทำการตกลงกับผู้เป็นแม่ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดมาเป็นชื่อของนายสอง อย่างนี้แล้ว นายสองจะถูกนางสามฟ้องร้องทีหลังว่าเป็นผู้ยักยอกทรัพย์หรือไม่?
4. นายสอง ควรทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ดี เพื่อไม่ให้ตนเสียเปรียบ!!!!!!!!!!!!!!!
ปล.ขอขอบคุณทุกคนมากนะคะที่เข้ามาอ่านจนจบแล้วได้ให้คำตอบและคำแนะนำต่างๆเอาไว้ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ