เพราะความไว้ใจจึงถูกโกง หากออกหมายจับไปแล้ว ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง จะลอยนวลได้นานแค่ไหนครับ

เรื่องมีอยู่ว่า ผมถูกโกงเงินไปจำนวนหนึ่ง โดยมีหลักฐานและรายละเอียดชัดเจน
และได้ทำการเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ผมได้นำหมายแจ้งความไปโวยวายต่อที่ทำงานของผู้ต้องหาทำให้เขาถูกไล่ออกจากงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ว่า ผู้ต้องหาเลือกที่จะหนีและไม่มาให้การแก่เจ้าหน้าที่ โดยใช้วิธีซื้อเวลาผลัดวันไปเรื่อย

เรื่องจาก ก่อนออกหมายเรียก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรไปนัดหมายให้มาที่ สถานีตำรวจ ผู้ต้องหาก็นัดวันด้วยวาจา
สุดท้ายผมไปสถานีตำรวจโดยเสียเวลาเปล่า ลึกๆผมรู้อยู่แล้วว่าคนแบบนี้ไม่น่าจะกล้าโผล่มาสถานีตำรวจหรอก

ต่อมาเมื่อตำรวจโทรตามผู้ต้องหาก็แจ้งแก่ตำรวจว่าไม่มีหมายเรียกไม่ไป เพื่อรักษาสิทธิ์ตัวเอง ตำรวจจึงดำเนินการออกหมายเรียก
เมื่อได้หมายเรียกแล้ว ผู้ต้องหาก็ซื้อเวลาอีก โดยอ้างอาการเจ็บป่วยของลูกขอเลื่อนวันด้วยวาจา ทางตำรวจก็ยินยอมให้เลื่อนวัน

ต่อมาเมื่อถึงกำหนดที่ได้นัดหมายไว้แล้ว ผู้ต้องหาก็ไม่มาไกล่เกลี่ยอีก ทางตำรวจจึงทำการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 

ซึ่งกำลังจะครบกำหนดภายในไม่กี่วันนี้ ผมมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า ผู้ต้องหาไม่มีทางมาสถานีตำรวจแน่นอน
โดยพฤติการณ์ในอดีตเป็นข้อบ่งชี้ นอกจากนี้ผมยังได้ตามสืบบัญชีโซเชียลมีเดียของผู้ต้องหาอีก
ก็พบว่า อยู่สุขสบายดี เดินทางท่องเที่ยว
ใช้ชีวิตพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ กับลูกเมีย สบายดี

สิ่งที่ผมอยากทราบคือว่า ภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับไปแล้ว
จะมีวิธีการอย่างไรให้ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้
แล้วหากคดีถึงที่สุดผมไม่ยอมความ ผู้ต้องหาจะต้องโทษจำคุกหรือไม่
เมื่อเริ่มแรกผมต้องการแค่เงินคืนหากหามาคืนได้ก็เลิกแล้วต่อกัน
แต่ตอนนี้ผมต้องการให้ผู้ต้องหาถูกตัดสินโทษจำคุก
เนื่องจากไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ และอยู่เย้ยกระบวนการยุติธรรม

ที่ผ่านมาผมมีความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จนคิดฆ่าตัวตาย แต่ยังพอมีวาสนาอยู่บ้าง
ในวันที่ผมไปหาแม่เพื่อจะบอกลาเป็นนัยก่อนที่จะจบชีวิตตัวเองลงเมื่อเดือนที่ผ่านมานั้น 
แม่ขอให้ผมทำอาหารให้รับประทานและชวนทานมื้อค่ำด้วยกัน ระหว่างมื้ออาหารนั้น
แม่บอกว่าคิดถึงรสมือผม อยากให้กลับมาหาบ่อย ๆ อยากทานอาหารฝีมือของผมอีก

เหตุการณ์นี้เองทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟัง
โดยที่แม่ไม่รู้เลยว่าผมเก็บความเครียดความทุกข์ทรมานใจไว้มากมายขนาดนี้
ท้ายที่สุด แม่ได้ช่วยเหลือผมด้วยเงินจำนวนหนึ่ง ให้ผมได้มีโอกาสตั้งตัวอีกครั้ง
โดยให้นำรถบรรทุกของที่บ้านไปเข้าไฟแนนซ์ได้เงินมาจำนวนหนึ่งถือว่าไม่มากและไม่น้อย

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาผมเก็บเรื่องราวไว้คนเดียวไม่ปรึกษาใคร
ทำให้ปัญหาด้านการเงินบานปลายไปสู่การผิดนัดชำระหนี้กับธนาคารแล้ว
ซึ่งก็ต้องหาทางแก้ไขต่อไป และอาจจะเข้าสู่การหยุดจ่ายหนี้บางส่วน
คงไว้แต่สินเชื่อบ้านที่ไม่สามารถแฮร์คัทได้
กลายเป็นบุคคลเสียเครดิตไปตลอดกาล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่