JJNY : พท.ปรับโครงสร้างใหญ่/รสนาชำแหละส.ว./ชูวิทย์เหน็บแรง/โพลเผยเร่งแก้ปัญหาปากท้อง/แกนนำยางใต้ขู่รมต.เกษตร/อิเสะบุกไทย

กระทู้คำถาม
เพื่อไทย" ปรับโครงสร้างใหญ่ "หญิงหน่อย" นั่งประธานพรรค - ดึงคนรุ่นใหม่นั่งกก.บริหาร
https://www.matichon.co.th/politics/news_1541501

กางตาราง “เพื่อไทย” ปรับโครงสร้างพรรคใหญ่ ดัน “หญิงหน่อย” นั่งประธานพรรค ส่วน “วิโรจน์” ขึ้น ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคแทนตำแหน่งเดิม

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดสัปดาห์นี้ พรรคเพื่อไทย (พท.) จะดำเนินการปรับโครงสร้างพรรค โดยคาดว่าไม่เกินวันที่ 24 มิถุนายนนี้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค จะเซ็นใบลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้มีการดำเนินการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฎิบัติหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภา โดยในช่วงบ่ายของวันที่ 17 มิถุนายน 7 พรรคการเมืองได้มีการนัดกันประชุมกันที่พรรคพท. เพื่อพูดคุยถึงทิศทางการทำงานในฐานะฝ่ายค้าน โดยการประชุมครั้งนี้พรรคพท. เป็นเจ้าภาพ ก่อนที่จะวนกันไปประชุมตามที่แต่ละพรรคใน 7 พรรคจะเป็นเจ้าภาพต่อไป ต่อมาบ่ายวันอังคารที่ 18 มิถุนายน พรรคได้มีการเรียกประชุมส.ส. เพื่อเตรียมความพร้อม และชี้แจงเรื่องต่างๆ ก่อนการเปิดประชุมสภา จากนั้นประมาณวันพุธ-พฤหัสบดี ที่ 19-20 มิถุนายน จะมีการประชุมแกนนำพรรคอีกครั้งหนึ่งเพื่อพูดคุยถึงการปรับโครงสร้างพรรคพท. ก่อนจะแจ้งเรื่องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อดำเนินการลงมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จึงคาดว่าสัปดาห์หน้า ประมาณวันที่ 26-28 มิถุนายน พรรคจะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการปรับโครงสร้างของพรรคพท. ในครั้งนี้จะเป็นการปรับใหญ่ โดยจะตั้งกรรมการบริหารพรรคเต็มอัตราศึก จำนวนกว่า 29 ตำแหน่ง ซึ่งจะมีการตั้งรองหัวหน้าพรรคขึ้นมาดูแลเรื่องต่างๆอย่างรอบด้าน และครบทุกภาค นอกจากนี้ยังจะมีการดึงเอาคนรุ่นใหม่ ในส่วนของพรรคพท. และส่วนที่เคยไปเป็นสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่มีศักยภาพเข้ามาทำงานด้วย

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับตำแหน่งใหญ่ที่ว่างเว้นอยู่ในขณะนี้คือ ตำแหน่งประธานพรรค และตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพท. น่าจะมีความประสงค์ที่ต้องการนั่งในตำแหน่งประธานพรรค และคงจะตั้งพล.ต.ท.วิโรจน์ คุณนั่งในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคแทนตำแหน่งเดิม



'รสนา' ชำแหละ ส.ว. ซัดเป็นองครักษ์พิทักษ์คสช. กก.สรรหาไม่เป็นกลาง ขัดรธน.ชัดเจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_1541537

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก “ส.ว 250 องครักษ์พิทักษ์ ระบอบคสช !?!” ระบุว่า

ความสำคัญของส.ว 250 คน ซึ่งมีจำนวนเป็นครึ่งหนึ่งของ ส.ส จากการเลือกตั้ง 500 คน แต่ความพิเศษคือ ”พรรคส.ว 250”เป็นพรรคของคสช. มีความเป็นปึกแผ่นในการโหวต เหมือนพรรคการเมืองของฝ่ายส.ส แต่ไม่เป็นเบี้ยหัวแตกเหมือนบรรดา ส.ส 500 คน ที่มาจากพรรคการเมืองถึง 27พรรค

ส.ว 250 คนจึงเป็นโครงสร้างที่สำคัญทางการเมืองใน รธน.ที่ถูกออกแบบมาเพื่อพิทักษ์ระบอบ คสช. หรือระบอบผูกขาดอำนาจ ใช่หรือไม่?

ส.ว 250คน ถูกสรรหามาโดย คสช.เพื่อทำหน้าที่ 3 ประการ คือ (1)การโหวตให้พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ และ(2)ยังเป็นกลไกที่เอาไว้สกัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ที่บัญญัติว่าการออกเสียงลงคะแนนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งในวาระที่1 ขั้นรับหลักการ และในวาระ ที่3 เห็นชอบการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องมี ส.ว เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1ใน3 ของจำนวน ส.ว 250 คน คือ ไม่น้อยกว่า 83คน หาก ส.ว ไม่ยกมือให้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญย่อมเป็นไปไม่ได้

อำนาจหน้าที่ของส.วที่สำคัญประการที่3 คือ การเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ยกตัวอย่าง เช่น การเห็นชอบผู้ที่จะเป็นตุลาการในศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง คณะกรรมการ ป.ป.ช คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และกรรมการการเลือกตั้ง กรรมการผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นต้น ซึ่งองค์กรเหล่านี้เคยถูกออกแบบมาเพื่อการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของฝ่ายบริหาร แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบัน ออกแบบให้คสช.เลือกส.ว และส.วเลือกองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ โครงสร้างทั้งหมดจึงผูกโยงกับระบอบคสช. ทำให้องค์กรตามรัฐธรรมนูญทั้งหลายอาจจะกลายเป็นเพียงองค์กรตรายางตามรัฐธรรมนูญเพื่อพิทักษ์การใช้อำนาจของรัฐบาลก็เป็นได้ ใช่หรือไม่?

โครงสร้างที่ออกแบบให้คสช.เลือก ส.ว ทั้ง250คน เพื่อให้ส.ว ทำหน้าที่สำคัญทั้ง3ประการข้างต้น จึงเป็นโครงสร้างที่ทำให้กลไกการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐของฝ่ายบริหารกลายเป็นหมัน แต่อาจจะเป็นอาวุธที่ทรงพลานุภาพในการตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ใช่หรือไม่?

บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา114 ที่บัญญัติว่า ” ส.ส ส.วเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์” เป็นสิ่งที่ไม่เคยเป็นจริงในระบบของ ส.ส ส่วนส.ว ก็จะเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจาก ส.ว 250 คนเป็นบุคคลที่ถูกเลือกโดยคสช. เป็นส.ว.พันธสัญญา Contract Senator หรือเรียกให้ชัดเจน คือ Soldier Contract Senator

โครงสร้างรัฐธรรมนูญในการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาเป็นเรื่องที่สำคัญ คณะกรรมการสรรหาสมควรต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่

ผู้รู้ทางกฎหมาย ได้ให้ความรู้กับดิฉันว่า

“ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 269(1) คสช.ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาจากผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ด้านต่าง ๆ และมีความเป็นกลางทางการเมือง แต่คสช.กลับแต่งตั้งกรรมการสรรหาส่วนใหญ่จากทหาร ไม่ได้แต่งตั้งผู้มีความรู้และประสบการณ์หลากหลายตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ

บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งก็ไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง เพราะส่วนใหญ่เป็นรัฐมนตรีหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จึงเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจากการที่กรรมการสรรหาต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง แสดงว่าย่อมไม่อาจได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาเสียเอง ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาถือเป็นตำแหน่งทางการเมือง

การเลือกสมาชิกวุฒิสภาจากกรรมการสรรหาด้วยกันเอง ย่อมเข้าข่ายเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ขัดกัน และถือเป็นเรื่องขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ดังนั้น การเลือกกรรมการสรรหาหลายคนเป็นสมาชิกวุฒิสภาจึงเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

โดยที่กรรมการสรรหาวุฒิสภาถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ตามพ.ร.บ ป.ป.ช มาตรา172 ที่คณะกรรมการป.ป.ช สามารถไต่สวน ตามมาตรา28 หากพบว่า มีการใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

และการไต่สวนของป.ป.ช หากพบว่ามีมูล ป.ป.ช จะต้องเสนอต่อศาลฎีกาให้พิจารณา และหากศาลฎีการับคำร้อง บุคคลนั้นต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีคำพิพากษา ถ้ามีความผิด บุคคลนั้นจะถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง

การไต่สวนและพิจารณาชี้มูลเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ดำรงตำแหน่งขององค์กรตามรัฐธรรมนูญอย่างป.ป.ช ย่อมเป็นการถ่วงดุลการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารอย่างสำคัญ

แต่ถ้าส.ว และองค์กรอิสระทั้งหลายถูกครอบงำโดยคสช.ผ่านโครงสร้างรัฐธรรมนูญ สังคมย่อมไม่อาจคาดหวังการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจรัฐของฝ่ายบริหารอย่างแท้จริง ใช่หรือไม่ ?

และรัฐธรรมนูญปราบโกง ก็จะเป็นได้เพียงฉายาอันว่างเปล่า

รสนา โตสิตระกูล
16 มิ.ย 2562

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2308853465857870&id=236945323048705&__xts__%5B0%5D=68.ARB-3lD_Tdj0qdmIVvw9nstAdp8ib3kXwytIGEsayiGi-HAsflwojRdeHAv9wnzpnyIkJdlQAkf-z2nFWqgls5aQFk4OO2d09HBowZDgoJyVqgb6meG75xl8Dzpq_iDK0kcEUjkUbjTzoftTt7NcVoJNTj9iMVeTZqH-w2fCiOS2b34JcKi77YHY2Kb0cxedOOPRB9gO5n9chylmDNohZ9JvXGpXXSJSgRY8bdI2x6EDfauYhwE4ti1YPIDcYQLDjnvW2uxkzioUxO7QtFKGlPp-I2-tCpwRKaquKFhPs31NbLF9JHpQ4fgSvx1Ib4W9CAEiS0MoZhxjSksOK3w&__tn__=-R



ชูวิทย์ เหน็บแรง เลี้ยงหมาดีกว่านักการเมือง ไม่มีเง้างอน ทวงบุญคุณ แตกแถวขอตำแหน่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_1541517

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.พรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความเรื่อง การเมืองแบบหมาๆ ระบุว่า

หมาเป็นสัตว์สังคมเช่นเดียวกับคน อยู่เป็นกลุ่มได้ อยู่ตัวเดียวก็ได้ และมักรักถิ่นที่อยู่อาศัย หากมีหมาต่างถิ่นรุกล้ำเข้ามา ต้องรุมสู้ขาดใจแต่ที่เหนือกว่าคน คือ หมาไม่ทรยศเจ้าของแน่นอน

หมาไม่เห่าปด (พูดปด) เวลาหมาเฝ้าบ้าน เจ้าของไม่อยู่ หากมีคนแปลกหน้า โจรโขมยเข้ามา มันจะเห่า และหากหมาตัวใดใจถึง จะไล่กัดไม่ยอมปล่อย ไม่มีวันที่หมาจะคิด “คอร์รัปชั่น” ไปรับกระดูกจากโจรแล้วปล่อยให้เข้าบ้านหน้าตาเฉย

หรือทำเป็นไม่เห่า ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของหมา ปล่อยให้โขมยขึ้นบ้าน อีกทั้งหมายังไม่หน้าไหว้หลังหลอก ของแบบนี้ทำไม่เป็น เพราะเสีย

เหตุที่ผมเอาหมามาเปรียบเทียบกับคน อย่าได้หาว่าผมดูถูก เพราะความซื่อสัตย์ของหมาน่ายกย่อง รักเจ้าของ

ดังนั้นคงไม่ว่ากัน หากผมจะบอกว่า คนบางคนสู้หมาไม่ได้

หมามีการเมืองเช่นเดียวกับคน เพราะหมาอยู่เป็นกลุ่ม มีพรรคมีพวกเหมือนคน จึงต้องมีจ่าฝูง เป็นผู้ปกครอง ลดหลั่นไปตามชนชั้นของหมา

หากเทียบไปคงเท่ากับหัวหน้าพรรคหมานั่นเอง บรรดาลูกพรรคของหมา ยอมทำตามโดยไม่มีข้อแม้เงื่อนไขให้เรื่องมาก

หากหัวหน้าหรือจ่าฝูง สั่งรุมกัดหมาต่างถิ่น จะไปรีรอขอต่อรองเป็นไม่มี เห็นได้แถวทุกซอย หากมีหมาเร่ร่อนโผล่เดินโซเซเข้ามา เป็นถูกหมาเจ้าถิ่นประจำซอยรุมฟัด ต้องวิ่งโกยแนบ

เขาถึงเรียกว่า “หมาหมู่” เพราะหมารวมหมู่สามัคคีกัด ไม่มีแตกแถว งอแง หรือไปหวังตำแหน่ง อ้างโน่นนี่นั่นว่าหากปกป้องถิ่นได้ จะขอตำแหน่ง “สุนัขมนตรี” เอาดีเข้าหมา แบบนี้พวกหมาไม่ทำ จึงมีศักดิ์ศรีน่ายกย่อง

การเมืองของคนทุกวันนี้จึงสู้การเมืองของหมาไม่ได้ เพราะของหมานั้นตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม พร้อมทำให้หัวหน้าหรือเจ้าของชนิดยอมตายถวายชีวิต

ที่สำคัญหมาไม่มีเง้างอน ทวงบุญคุณว่า “ได้ถิ่นที่อยู่พักอาศัยเพราะกู” แถมหมายังเป็นสัตว์ที่อยู่อย่างสงบเวลาไม่มีเรื่อง ชอบนอนให้เจ้าของเกาพุง มองตากันก็รู้ใจ ให้ความจริงใจเสมอ

หมาไม่ชอบหาเรื่องกัดกันเอง ไม่กัดหมาในบ้านเดียวกันให้เสียชื่อหมา

ผมจึงขอแนะนำให้ชาวบ้านเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน ดีกว่านักการเมืองแน่นอน ที่พอได้ดีก็แว้งกัด ทวงบุญคุณกันวุ่นวาย แล้วยังทำตัวหยิ่งเหมือนกับเก่งนักเก่งหนา

หากไม่มีกูก็ขอแยกวงบ้าง ไปอยู่ตัวเดียวบ้าง ขอทบทวนบทบาทบ้าง ดูแล้วเจ้าของน่าปวดเศียรเวียนเกล้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่