สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 27
ของผมปีที่ 8 ครับ
1. เลยขั้นการเทรดแบบ Predict base มา 4 ปีแล้ว กำไรโดยเฉลี่ยแบบสม่ำเสมอที่ 1-3% ต่อเดือน ก็ประมาณนี้ครับ
2. แนวทางของ จขกท.มาถูกแล้วครับ แต่ยังควบคุมจิตใจไม่ให้โอเวอร์เทรดไม่ค่อยได้อยู่ครับ แต่ Mindset เกี่ยวกับ
การล้างพอร์ทถือว่าโอเคแล้วที่บอกว่า "ล้างพอร์ตไม่ใช้เรื่องปกติ" มันควรเป็นสำนึกรับผิดชอบของคนที่เป็น full time trader
อยู่เเล้วครับว่า ล้างพอร์ตไม่ควรใช่อะไรที่เราควรรู้สึกว่ามันปกติ
3. เรื่องโอเวอร์เทรด ขออนุญาตถือวิสาสะนแนะนำว่าให้คิดเหมือนเรื่องล้างพอร์ทนั่นแหละครับ โอเวอร์เทรดคือเราโกงตัวเอง
เราลงมือทำแค่นิดหน่อย แต่เราอยากได้ผลลัพท์ที่มากๆ โดยการ increase lot size มันเป็นการขาดความรับผิดชอบต่อตนเองแบบนึง
ทั้งที่จริงคือถ้าคุณอยากได้เงินมากขึ้น คุณก็ต้องทำงานมากขึ้น เพิ่มรอบการเทรดมากขึ้น ผมเข้าใจนะ พอเราไม่มีงานประจำทำสังคมรอบข้าง
เราก็มักมากดดันคุณ มันทำให้เกิดความกัดดันในการเทรดตาม (แรงกดดันจะดีขึ้น หากเราได้ตังค์ - จงทำใจ นี่คือทุนนิยม)
4. เรื่องรายได้ไม่พอจนท้ออยากไปทำงานประจำ ผมอยากจะแนะนำแบบนี้ว่า ผมเองก็ผ่านช่วงนี้มาโดยมีทุนแค่ "200$" ... อ่านไม่ผิดหรอกครับ
สองร้อยเหรียญ หรือ 6600 บาทนี่แหละครับ แต่ผมยังเทรดต่อ และรับทำงานนอกไปด้วย กำไรเดือนนึง 1-2% ซื้อมาม่าได้ลังนึงประมาณนั้น
แต่ก็ยังอดทนทำต่อ จากนั้นผมใช้ผลการเทรดที่กำไรต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2 ปี จากเงินเพียงเท่านี้ เป็น Model sample ไปยื่นตามที่ต่างๆ
ที่เค้าให้ยื่น ไม่ว่าจะรับจ้างเทรด , รับจ้างสอน , ปล่อยสัญญาณเทรดให้คน subscribe , ทำการตลาดให้โบรกเกอร์ ฯลฯ ทำทุกอย่างที่ได้ตังค์มา
ใช้ก่อน จนตอนนี้มีรายได้จากทั้งการเทรดและรายได้เสริมใน forex เดือนๆ นึงจัดว่าดีพออยู่รอดได้ครับ (ผมไม่ได้ทำ IB นะครับ)
5. คุณสามารถเปลี่ยนทุกความอุตสาหะ ทุกความสามารถคุณเป็นเงินได้หมด ไม่ใช่แค่การเทรดอย่างเดียว ถ้าคุณพยายามอยู่รอดให้ได้
จากการที่จะเทรดอย่างเดียวทั้งๆที่ทุนคุณยังน้อยอยู่ ก็เหมือนคุณพยายามมองโลกให้กว้างขึ้นผ่านรูกุญแจนั่นแหละ เพราะเป้าหมายของ
คุณไม่ใช่การเทรดให้ได้กำไรอย่างเดียว แต่คือการพาชีวิตทั้งชีวิตคุณให้อยู่รอดด้วยต่างหากละครับ
อายุก็ยังน้อย ทุนรอนก็จัดว่ามี เหนื่อยได้แต่อย่าไปท้อครับ
1. เลยขั้นการเทรดแบบ Predict base มา 4 ปีแล้ว กำไรโดยเฉลี่ยแบบสม่ำเสมอที่ 1-3% ต่อเดือน ก็ประมาณนี้ครับ
2. แนวทางของ จขกท.มาถูกแล้วครับ แต่ยังควบคุมจิตใจไม่ให้โอเวอร์เทรดไม่ค่อยได้อยู่ครับ แต่ Mindset เกี่ยวกับ
การล้างพอร์ทถือว่าโอเคแล้วที่บอกว่า "ล้างพอร์ตไม่ใช้เรื่องปกติ" มันควรเป็นสำนึกรับผิดชอบของคนที่เป็น full time trader
อยู่เเล้วครับว่า ล้างพอร์ตไม่ควรใช่อะไรที่เราควรรู้สึกว่ามันปกติ
3. เรื่องโอเวอร์เทรด ขออนุญาตถือวิสาสะนแนะนำว่าให้คิดเหมือนเรื่องล้างพอร์ทนั่นแหละครับ โอเวอร์เทรดคือเราโกงตัวเอง
เราลงมือทำแค่นิดหน่อย แต่เราอยากได้ผลลัพท์ที่มากๆ โดยการ increase lot size มันเป็นการขาดความรับผิดชอบต่อตนเองแบบนึง
ทั้งที่จริงคือถ้าคุณอยากได้เงินมากขึ้น คุณก็ต้องทำงานมากขึ้น เพิ่มรอบการเทรดมากขึ้น ผมเข้าใจนะ พอเราไม่มีงานประจำทำสังคมรอบข้าง
เราก็มักมากดดันคุณ มันทำให้เกิดความกัดดันในการเทรดตาม (แรงกดดันจะดีขึ้น หากเราได้ตังค์ - จงทำใจ นี่คือทุนนิยม)
4. เรื่องรายได้ไม่พอจนท้ออยากไปทำงานประจำ ผมอยากจะแนะนำแบบนี้ว่า ผมเองก็ผ่านช่วงนี้มาโดยมีทุนแค่ "200$" ... อ่านไม่ผิดหรอกครับ
สองร้อยเหรียญ หรือ 6600 บาทนี่แหละครับ แต่ผมยังเทรดต่อ และรับทำงานนอกไปด้วย กำไรเดือนนึง 1-2% ซื้อมาม่าได้ลังนึงประมาณนั้น
แต่ก็ยังอดทนทำต่อ จากนั้นผมใช้ผลการเทรดที่กำไรต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2 ปี จากเงินเพียงเท่านี้ เป็น Model sample ไปยื่นตามที่ต่างๆ
ที่เค้าให้ยื่น ไม่ว่าจะรับจ้างเทรด , รับจ้างสอน , ปล่อยสัญญาณเทรดให้คน subscribe , ทำการตลาดให้โบรกเกอร์ ฯลฯ ทำทุกอย่างที่ได้ตังค์มา
ใช้ก่อน จนตอนนี้มีรายได้จากทั้งการเทรดและรายได้เสริมใน forex เดือนๆ นึงจัดว่าดีพออยู่รอดได้ครับ (ผมไม่ได้ทำ IB นะครับ)
5. คุณสามารถเปลี่ยนทุกความอุตสาหะ ทุกความสามารถคุณเป็นเงินได้หมด ไม่ใช่แค่การเทรดอย่างเดียว ถ้าคุณพยายามอยู่รอดให้ได้
จากการที่จะเทรดอย่างเดียวทั้งๆที่ทุนคุณยังน้อยอยู่ ก็เหมือนคุณพยายามมองโลกให้กว้างขึ้นผ่านรูกุญแจนั่นแหละ เพราะเป้าหมายของ
คุณไม่ใช่การเทรดให้ได้กำไรอย่างเดียว แต่คือการพาชีวิตทั้งชีวิตคุณให้อยู่รอดด้วยต่างหากละครับ
อายุก็ยังน้อย ทุนรอนก็จัดว่ามี เหนื่อยได้แต่อย่าไปท้อครับ

ความคิดเห็นที่ 21
เข้ามาให้กำลังใจนะ
ออกจากงานมา ตอนที่งานพุ่งแรงสุดๆ มาเป็น Full time พร้อมกับ หนี้ ภาษี ที่ต้องจ่ายอีก สี่แสนกว่าๆ ผ่อนชำระ สามเดือน
เงินเก็บแทบไม่มี แต่ก็กดดันตัวเองจนผ่านมาได้
หลักๆ ทุนน้อย ต้อง Scalping แล้วเฝ้าเอา
สำคัญคือ เข้าไว ออกไว ไม่โลภ
เพราะความกดดันที่ต้องจบเรื่องภาษี คือต้องเทรดให้ได้เดือนละ 140K ++ บาท
แต่ เข้าได้ ทีละ ไม่เกิน 0.50
ตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เครียด
ทุน 1923 USD เหมือนไม่มีความหวังเลย
ตัดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นทุกอย่างออก
แล้ว ซอยเป้าหมายย่อยๆ มีเวลาเดือนละ 22 วัน
ต้องเทรดให้ได้ วันละ 200++USD
แทบจะอ้วก เปลี่ยนรูทีนชีวิตใหม่
นอนตีสาม ตื่นเที่ยง เตรียมตัวเข้าตลาด
บ่ายสอง-ตีสอง
ตลาดมันไม่ได้ตามใจเราหรอก
ดังนั้น ต่อให้จะต้องเปิด ออร์เดอร์ ย่อย
เป็น 100 ครั้ง แล้วได้กำไร ครั้งละ 2$ ก็ต้องทำ
ไหนไหน ก็ว่างอยู่แล้ว ก็นั่ง Scalping ไป
ใช้บัญชี Zero ค่าคอมโหด แต่คุ้ม
เทรดได้ ตี4-5 ไม่ต้องมานั่งพะวง สเปรด
เราเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ว่า นี่ก็คืองานประจำ ที่ทำให้เราอยู่ที่บ้านได้ ถ้าไม่หมดเวลาเทรด เราจะไม่ยอมแพ้ เลิก เข้ากลุ่ม ที่บอกซิก บอกเทรน มันทำให้เราเขว
แต่ ดูภาพรวม ยึดกราฟเป็นที่สุด ข่าวรองลงมา
เพราะ เรามีความเชื่อว่า ยังไงทุกอย่างก็ต้องกลับมาพื้นฐาน
ตอนนี้ จบเรื่องภาษีแล้ว แต่ปรับการเทรดใหม่
ถามว่ารวยขึ้นไหม ก็ยัง ได้เงินน้อยกว่าทำงานประจำ แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่มี ค่าสังคมต้องไปเลี้ยงลูกน้อง ไม่มี Connection ก็ไม่มี 555
อาหารทุกวันก็ทำกินเอง ทุกวันนี้ใช้เงินเดือนไม่ถึง 9พัน กำไร ที่เหลือ เก็บซื้อกองทุนรวม ซื้อหุ้น
จะให้กลับไปทำงานก็คงไม่มีคนจ้างแล้ว
เคยคิดนะ แต่พอคิดเรื่องค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายนอกบ้าน ต้องตื่นตีห้า หกโมง รถติดบนถนน แล้วพอ บอกตัวเองว่า ชีวิตเลือกได้ แต่ตัดบางอย่างไปบ้าง
ลองอดทนดูอีกนิดนะ ระบบการเทรดคุณดีกว่าเราเยอะเลย ตอนนี้เราจะหงุดหงิดเรื่องขายหมูมาก คงเพราะเคยชินกับการเข้าไวออกไว
ไม่กล้าอยู่นานกลัวกราฟเปลี่ยนทิศ
ตอนนี้ก็หาเรื่อง ไปทำสัญญาคอนโด เพื่อที่จะเป็น aim ว่า คอนโดเสร็จอีก สองปี ต้องมีเงินสด ไปวาง ก็บวกรวมในค่าใช้จ่ายที่ต้องเทรดหาไป
นี่ยังไม่ได้บอกที่บ้านเลย ว่าลาออกมา นานแล้ว
เขาไม่เข้าใจ
ลองเชื่อในตัวเองดูก่อนอีกนิดนะ
สู้ๆนะ
ออกจากงานมา ตอนที่งานพุ่งแรงสุดๆ มาเป็น Full time พร้อมกับ หนี้ ภาษี ที่ต้องจ่ายอีก สี่แสนกว่าๆ ผ่อนชำระ สามเดือน
เงินเก็บแทบไม่มี แต่ก็กดดันตัวเองจนผ่านมาได้
หลักๆ ทุนน้อย ต้อง Scalping แล้วเฝ้าเอา
สำคัญคือ เข้าไว ออกไว ไม่โลภ
เพราะความกดดันที่ต้องจบเรื่องภาษี คือต้องเทรดให้ได้เดือนละ 140K ++ บาท
แต่ เข้าได้ ทีละ ไม่เกิน 0.50
ตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เครียด
ทุน 1923 USD เหมือนไม่มีความหวังเลย
ตัดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นทุกอย่างออก
แล้ว ซอยเป้าหมายย่อยๆ มีเวลาเดือนละ 22 วัน
ต้องเทรดให้ได้ วันละ 200++USD
แทบจะอ้วก เปลี่ยนรูทีนชีวิตใหม่
นอนตีสาม ตื่นเที่ยง เตรียมตัวเข้าตลาด
บ่ายสอง-ตีสอง
ตลาดมันไม่ได้ตามใจเราหรอก
ดังนั้น ต่อให้จะต้องเปิด ออร์เดอร์ ย่อย
เป็น 100 ครั้ง แล้วได้กำไร ครั้งละ 2$ ก็ต้องทำ
ไหนไหน ก็ว่างอยู่แล้ว ก็นั่ง Scalping ไป
ใช้บัญชี Zero ค่าคอมโหด แต่คุ้ม
เทรดได้ ตี4-5 ไม่ต้องมานั่งพะวง สเปรด
เราเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ว่า นี่ก็คืองานประจำ ที่ทำให้เราอยู่ที่บ้านได้ ถ้าไม่หมดเวลาเทรด เราจะไม่ยอมแพ้ เลิก เข้ากลุ่ม ที่บอกซิก บอกเทรน มันทำให้เราเขว
แต่ ดูภาพรวม ยึดกราฟเป็นที่สุด ข่าวรองลงมา
เพราะ เรามีความเชื่อว่า ยังไงทุกอย่างก็ต้องกลับมาพื้นฐาน
ตอนนี้ จบเรื่องภาษีแล้ว แต่ปรับการเทรดใหม่
ถามว่ารวยขึ้นไหม ก็ยัง ได้เงินน้อยกว่าทำงานประจำ แต่ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่มี ค่าสังคมต้องไปเลี้ยงลูกน้อง ไม่มี Connection ก็ไม่มี 555
อาหารทุกวันก็ทำกินเอง ทุกวันนี้ใช้เงินเดือนไม่ถึง 9พัน กำไร ที่เหลือ เก็บซื้อกองทุนรวม ซื้อหุ้น
จะให้กลับไปทำงานก็คงไม่มีคนจ้างแล้ว
เคยคิดนะ แต่พอคิดเรื่องค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายนอกบ้าน ต้องตื่นตีห้า หกโมง รถติดบนถนน แล้วพอ บอกตัวเองว่า ชีวิตเลือกได้ แต่ตัดบางอย่างไปบ้าง
ลองอดทนดูอีกนิดนะ ระบบการเทรดคุณดีกว่าเราเยอะเลย ตอนนี้เราจะหงุดหงิดเรื่องขายหมูมาก คงเพราะเคยชินกับการเข้าไวออกไว
ไม่กล้าอยู่นานกลัวกราฟเปลี่ยนทิศ
ตอนนี้ก็หาเรื่อง ไปทำสัญญาคอนโด เพื่อที่จะเป็น aim ว่า คอนโดเสร็จอีก สองปี ต้องมีเงินสด ไปวาง ก็บวกรวมในค่าใช้จ่ายที่ต้องเทรดหาไป
นี่ยังไม่ได้บอกที่บ้านเลย ว่าลาออกมา นานแล้ว
เขาไม่เข้าใจ
ลองเชื่อในตัวเองดูก่อนอีกนิดนะ
สู้ๆนะ
ความคิดเห็นที่ 136
คนที่ประสบความสำเร็จมีไม่มากครับ ต้องเก่งจริงแบบ จขกท ถึงจะรอด ผมเห็นกลุ่มเกม NFT เฟสบุคตอนเหรียญเกมราคาพุ่ง วางแผนจะออกจากงานกันหลายคน ถัดมาไม่ถึง 2 อาทิตย์ราคาลงหนักบ้าง โดน Rug pull บ้าง เลิกความคิดออกจากงานกันใหญ่
ยังไงเสียผมว่ามีงานประจำไว้ก็ดี ไม่ต้องเครียด กดดันเวลาลงทุน ยามว่างค่อยเอาเงินบางส่วนไปลงทุนเกม NFT เน้น Dev ที่เรารู้จักและไว้ใจได้เช่น bitkub ก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นการลงทุนที่ใหม่มาก ถ้าสะสมประสบการณ์มากพอ อาจจะลองของไปเจ้าอื่น หรือ ไปของต่างประเทศบ้าง แต่กว่าจะถึง full time คงอีกนานครับ
ยังไงเสียผมว่ามีงานประจำไว้ก็ดี ไม่ต้องเครียด กดดันเวลาลงทุน ยามว่างค่อยเอาเงินบางส่วนไปลงทุนเกม NFT เน้น Dev ที่เรารู้จักและไว้ใจได้เช่น bitkub ก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นการลงทุนที่ใหม่มาก ถ้าสะสมประสบการณ์มากพอ อาจจะลองของไปเจ้าอื่น หรือ ไปของต่างประเทศบ้าง แต่กว่าจะถึง full time คงอีกนานครับ
ความคิดเห็นที่ 8
จริงๆ ผมก็เคยผ่านจุดๆ นั้นมา แต่ไม่ใช่ตลาด Forex แต่เป็นตลาดหุ้นกับตลาดฟิวเจอร์ เท่าที่ฟัง จขกท. พูดมา ผมคิดว่า จขกท. น่าจะเจอแนวทางของตนเองแล้ว แต่อาจจะต้องปรับให้เหมาะสมมากกว่านี้
สิ่งที่ผมจะแนะนำ คือ การเป็น full time trader ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะเราต้องดึงเงินในพอร์ตมาใช้จ่าย แต่ถ้าพอร์ตเรายังเล็ก ยังไม่สามารถทำกำไรพอที่จะเอาเงินนั้นมาใช้จ่ายได้ เราก็ต้องมีเงินสำรองสำหรับการใช้จ่าย ไม่ใช่ไปดึงเงินในพอร์ตมาใช้ และควรพยายามใช้เงินให้น้อย ไม่ว่าพอร์ตจะกำไรมากหรือกำไรน้อย จงใช้เงินเท่าที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ถ้าเราดึงเงินในพอร์ตมาใช้จ่าย พอร์ตจะไม่โต ถ้าพอร์ตไม่โต คุณจะได้กำไรเป็นจำนวนเงินที่มากขึ้นได้ยังไง นี่คือหลักของ Money Management ในการใช้ชีวิต
สิ่งที่ผมจะแนะนำ คือ การเป็น full time trader ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะเราต้องดึงเงินในพอร์ตมาใช้จ่าย แต่ถ้าพอร์ตเรายังเล็ก ยังไม่สามารถทำกำไรพอที่จะเอาเงินนั้นมาใช้จ่ายได้ เราก็ต้องมีเงินสำรองสำหรับการใช้จ่าย ไม่ใช่ไปดึงเงินในพอร์ตมาใช้ และควรพยายามใช้เงินให้น้อย ไม่ว่าพอร์ตจะกำไรมากหรือกำไรน้อย จงใช้เงินเท่าที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ถ้าเราดึงเงินในพอร์ตมาใช้จ่าย พอร์ตจะไม่โต ถ้าพอร์ตไม่โต คุณจะได้กำไรเป็นจำนวนเงินที่มากขึ้นได้ยังไง นี่คือหลักของ Money Management ในการใช้ชีวิต
แสดงความคิดเห็น
แชร์ประสบการณ์ การออกมาเป็น full time trader ( forex ) 4 ปี
ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การเป็น full time trader ( forex )
ช่วงปีแรก (ปีแห่งความสนุกและตื่นตา)
ผมตัดสินใจลาออกจากงานทุกอย่าง เพื่อมาทุมเทกันการเป็น full time trader ณ ตอนนั้นผมอายุ 20 เงินเก็บมีประมาน 2หมื่นต้นๆ
ช่วงปีแรกผมขาดทุนตลอด ล้างเป็นเรื่องปกติ คนหนึ่งได้เงินไป คนหนึ่งได้ประสบการณ์มา หนังสือเล่มไหนที่คนว่าดี ผมซื้อมาอ่านหมด ศึกษามาเรื่อยๆ
อินดี้ตัวไหนที่ว่าเจ๋งผมลองมาหมด ในช่วงปีแรกผมล้างเป็นว่าเล่น กำไรเร็ว ล้างเร็ว high risk high return ล้างจนเงินเก็บหมด ( ผมเรียกช่วงปีแรกว่า ช่วงของการเรียนรู้และฝึกฝน ) ผมทำทุกอย่าง ตามซิก ตามอินดี้ ตามข่าว (ในตาราง) ใครว่าอันไหนดีอันไหนแจ๋ว อ.สำนักนั้นบอกซิกมา อินดี้ตัวนี้ตัวเทพ นักวิเคราะข่าวที่ว่าเก่งๆ ผมทำตามหมด ล้างก็หาเงินมาเติมใหม่เรื่อยๆ ( เงินที่ได้มาแค่10-20% ของเงินที่ล้าง )
พอเริ่มเข้าปีที่สอง (ปีแห่งการเรียนรู้และค้นหา)
ผมเริ่มให้ความสนใจกับเรื่อง ความเสี่ยง จิตวิทยา MM RRR DD expectancy ในระบบเทรดของตัวเองมากขึ้น ผมเริ่มใช้อินดี้น้อยลง เทคนิคที่ใช้เหลือแค่ema200 และ แนวรับ แนวต้าน ผมเริ่มเปลี่ยนความคิด ไม่มีแล้วคำว่า high risk high return ไม่มีแล้วคำว่า ล้างพอร์ตคือเรื่องปกติ ไม่มีแล้วคำว่า ต้องหาเงินเติมเพิ่ม จะมีแต่ limit risk ล้างพอร์ตไม่ใช้เรื่องปกติ เพราะมันเป็นผลลัพธ์ ของการกระทำของคุณ และถ้าต้องหาเงินมาเติม แสดงว่าคุณไม่ได้วางแผนรับมือกับ มันก่อนจะเทรด ผมเริ่มให้ความสำคัญกับระบบเทรดมากๆ จนกำไรเริ่มจะพอมีมาให้เห็นบ้าง แต่ก็ไม่มากพอที่จะลบกลบเงินที่ขาดทุนในช่วงปีที่1จนถึงตอนนี้ได้
เริ่มเข้าปีที่สาม (ปีแห่งการเดินทางและต่อสู้)
ด้วยความโลภ เพราะ 1.ผมเงินต้นน้อยมากๆ 2.ผมเทรดอย่างระวัง 3.ผมเทรดตามระบบที่วางไว้
เช่นสมมุติเงินต้น 100usd ตั้งวิธีเทรดไว้ว่า risk 10%-20% ที่รับได้ในการขาดทุน RRR 1:2 หรือ 1:3 ถ้าดูแล้วไม่ได้ ไม่เข้าเงื่อนไข้นี้ ไม่เทรด
เท่ากับว่า
(ทุน * risk 10%-20%) / (SL) = lot
( Risk / reward ) = rrr
Ex สมมุติ
(100usd * 20%) / (1000) = 0.02lot
(20/30) = 0.6 หรือก็คือ 1:1.5
และในการเทรดครั้งต่อไปจะใช้วิธีเอากำไรขึ้นต้น
เช่น
(กำไร * risk) / (sl) =lot
( Risk / reward ) = rrr
Ex สมมุติ
(20usd*30%) / (500) = 0.01lot
(5/15) = 0.3 หรือก็คือ 1 : 3
และทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฟังดูเมคเซ้นส์มากเลยใช้ไมครับสำหรับวิธีการเทรด เงินเท่านี้ ความเสียงเท่านี้ = ผลลัพธ์แบบนี้
แต่อย่าลืม เราไม่ใช้ตลาด เราบังคับตลาดไม่ได้ และตลาดก็ไม่จำเป็นต้องตอบสนองต่อความคาดหวังของเรา
ใช่ว่าทุกครั้งตลาดจะวิ่งแบบที่เราวางแผนไว้ หลายครั้งที่ผมปิด ออเดอร์เอง และกลายเป็นว่า rrr = 1: 0.2 - 0.1 ในหลายๆครั้ง
หรือบ้างครั้งต้องใช้เวลานานมากๆ เป็นอาทิตหรือเดือน กว่าราคาจะมาชน Tp ได้ ซึ่งอย่างแรกผมอยากเป็น full time trader ผมอยาก เทรดเป็นอาชีพ
และเลี้ยงครอบครัวได้ แต่การเทรดแบบนี้ ด้วยเงินทุนเท่านี้ ใช่มันปลอดภัยและพอร์ตจะค่อยๆโตอย่างช้าๆ ( ย้ำช้าๆๆ !!)
ซึ่งผมไม่สามารถอยู่ได้ เทรดมาทั้งเดือนบ้างครั้งได้แค่ 100usd บ้างครั้งSL กว่าจะ recover มาได้ก็ใช้เวลาหลายวัน กว่าจะเท่าเดิมและเริ่มทำกำไรต่อได้
ผมไม่มีงานอื่นเลยนอกจาก เทรด forex รายได้มีแค่อย่างเดียว บางครั้งผมก็เทรดแบบ ovt บ้าง ซึ่งได้ก็ได้ไป แต่พอผิดทาง sl กว่าจะทำ recover ได้ก็นานพอดูครับ เล่นเอาเสียเวลาไปหลาย
ตอนนี้เริ่มเข้าปีที่สี่ (ปีนี้ ปีแห่งทางแยกและการตัดสินใจ)
ตอนนี้ทั้งกำไรและขาดทุนสะสม ของผมโดยรวม ขาดทุนสะสมรวมทั้งหมด ประมาน1หมื่นusd กำไรสะสมโดยรวม5-6พันusd สรุปตลอด4ปีนี้ผมขาดทุนอยู่4-5พันusd
ซึ่งตอนนี้ผมท้อมากครับ ด้วยอายุที่มากขึ้นทุกๆวัน ถ้าอยากหางานใหม่ ความรู้ตลอด4ปีมานี้ มันเอาไปใช้หางานหรือยืนสมัครอื่นไม่ได้เลย และด้วยเงินต้นเท่านี้ วิธีเทรดแบบนี้ โอเคในระยะยาว มันโตขึ้นแน่ๆ แต่ความเป็นจริงคือผมไม่สามารถอยู่ได้ด้วยเงินแค่นี้ได้ ด้วยค่าใช้จ่ายหลายๆอย่าง ตอนนี้ผมก็อายุ24แล้ว ผมควรรีบยอมรับความจริงดีไมครับว่า บางทีผมอาจไม่เหมาะกับทางนี้ ถ้าผมดื้อยังไงก็จะเทรดเลี้ยงตัวเองให้ได้โดยใช่วิธีที่เสียงน้อยที่สุด อย่างน้อยผมก็ต้องมีเงินเทรด1แสนusd โน้นละครับถึงจะสามารถอยู่ได้ กำไรเดือนละ 1% 1พัน usd / เดือน หรือมีเพื่อนๆพี่ๆคนไหนเคยผ่านอะไรแบบนี้มาแล้วบ้างครับ ช่วยแนะนำผมหน่อย ตอนนี้ผมเข้าใจเลยทำไมผู้ใหญ่ถึงอยากให้ลูกๆมีงานที่ตายตัวและมั่นคง