[CR] แอ่วเจียงใหม่ ตวยฮอยวรรณกรรม ตาม "กลิ่นกาสะลอง"

...กาสะลองขาวนวลผ่องเหน็บเกศา
เจ้าปลดมาให้พี่เชยรำลึกได้
กลิ่นเจ้าอยู่แล้วตัวเจ้าอยู่หนใด
ขอตามรักทุกชาติไปเจ้าเนื้อนวล...

สวัสดีเจ้า มาป๊ะกันแหมแล้วเน้อ
วันนี้จะขอรีวิวทริปเอาใจชาวพันทิปสายเที่ยว สายหนังสือ และสายละคร
ซึ่งมีชื่อทริปว่า ทริป "แอ่วเจียงใหม่ ตามรอยวรรณกรรม ตามกลิ่นกาสะลอง"
ใช่แล้วค่ะ
การเที่ยวครั้งนี้เป็นการเที่ยวตามรอยหนังสือและละครเรื่อง กลิ่นกาสะลอง
ซึ่งจะออนแอร์ทางช่อง 3 คืนวันนี้แล้ว !!!
แต่เนื่องจากไปตามรอยก่อนละครออกอากาศ สถานที่ที่ไปจึงจะไปตามหนังสือและสังเกตจากทีเซอร์ละครค่ะ
พร้อมกันหรือยังคะ... ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลยยย

ปล. ภาพถ่ายจากไอโฟนและกล้องดิจิตอลธรรมดา
หากไม่สวยอย่างไรก็ขอสูมาาาาเต๊อะเจ้าาา...


ก่อนอื่น ขอเล่าเกี่ยวกับหนังสือเรื่องนี้ก่อนแล้วกันนะคะ

"กลิ่นกาสะลอง" เป็นนวนิยาย จากปลายปากกาของคุณเนียรปาตี เป็นเรื่องราวของ
ทินกฤต (กฤต) นายแพทย์หนุ่ม ซึ่งเป็นคู่รักเกือบจะหมั้นหมายของ พริมพิศา
(พริมพี่/ปีบ) แพทย์หญิงเพื่อนสนิท
ที่คบหากันมานานแต่ทว่าไม่มีวี่แววจะลงเอยแต่งงานสักทีทั้งที่ทุกอย่างก็ดูจะลงตัวแล้ว
จนกระทั่งทินกฤตได้มาเจอที่ดินผืนหนึ่งในเชียงใหม่
ก็ถูกใจและสร้างบ้านที่นั่น แต่เขาต้องทำงานที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
แต่แล้วก็มีเหตุให้ทินกฤต พริมพี่ ภาคภูมิ หมอก (เพื่อนของกฤตกับพริมพี่) ต้องไปเชียงใหม่
ซึ่งการกลับไปครั้งนี้ก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย 
ทั้งเขาและพริมพี่ฝันถึงเรื่องราวบางอย่างในอดีต
ได้กลับไปล่วงรู้อดีตชาติ ได้เห็นเรื่องราวของหมอจากบางกอกชื่อ หมอทรัพย์
และพบว่าในอดีตนั้นมีผู้หญิงที่ดวงหน้าละม้ายคล้ายพิมพิศา ถึงสองคน 
ซ้องปีบ...กาสะลอง พี่น้องฝาแฝด
ซึ่งหมอทรัพย์ดันไปเข้าใจผิด เพราะรักอีกคนแต่จีบอีกคน
นำมาซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย เป็นผลพวงมาถึงชาติปัจจุบันและอนาคต!!!
เรื่องจะเป็นยังไงขอไม่เล่าต่อ แต่เป็นเรื่องราวถึง 3 ภพ 3 ชาติเลยทีเดียวค่ะ
ขอบอกเลยว่าสนุกค่ะ เวอร์ชั่นละครก็น่าจะสนุกไม่แพ้กัน 
เพราะเห็นเพิ่มเติมฉากฟ้อนเจิง ฟ้อนดาบแบบล้านนาเข้ามา
แล้วได้พี่เจมส์ มาร์ ซึ่งเห็นฝีมือจากเรื่องข้าบดินทร์แล้ว อยากรีบข้ามเวลาไปตอนละครออนแอร์เลยค่ะ


เอาล่ะค่ะ เริ่มเที่ยวกันดีกว่า
สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่ไปตามรอยก็คือ "ถนนคนเดินท่าแพค่ะ"
ถ้าตามหนังสือ จะเป็นฉากที่ทินกฤต พริมพี่ และเพื่อนๆ แวะเที่ยวกัน
นอกจากนี้ "ย่านท่าแพ" ยังเป็นที่ตั้งของบ้านหมอทรัพย์อีกด้วยค่ะ

"...ถนนในเมืองที่กันไว้เป็นพื้นที่สำหรับถนนคนเดินเป็นรูปกากบาท มีจุดตัดอยู่ที่สี่แยกกลางเวียง
คนที่จะมาเดินเล่น เลือกซื้อของต้องหาที่จอดรถอยู่บริเวณรอบๆ..." กลิ่นกาสะลอง น.104



"...สินค้าที่วางขาย มีทั้งข้าวของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ
ของแฮนด์เมดที่คนขายนั่งทำให้เห็น รับออเดอร์กันตรงนั้น..." กลิ่นกาสะลอง น.105

สำหรับการเที่ยวที่ถนนคนเดินท่าแพ มีทุกวันอาทิตย์นะคะ แต่วันปกติช่วงกลางวันกลางคืน ก็จะมีนักท่องเที่ยวไปถ่ายรูปกันที่ป้ายประตู
เป็นซิกเนอเจอร์ว่า... มาถึงแล้วนะ  นอกจากพื้นที่ตรงนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ด้วยนะคะ
เพราะประตูท่าแพ คือ 1 ใน 5 ประตูเมืองเชียงใหม่ เดิมมีชื่อว่า "ประตูเชียงเรือก" สันนิษฐานกันว่าน่าจะมีการสร้างตั้งแต่สมัยของพญามังราย 
แต่คูเมือง ประตูเมืองและกำแพงเมืองที่เราเห็นกันนี้ เป็นโบราณสถานที่ผ่านบูรณะ รื้อสร้างแล้วนะคะ

"ซ้องปีบไม่ได้ไปหาหมอทรัพย์ที่โรงพยาบาลอีก หากนางมาย่านท่าแพ บริเวณถนนเส้นนั้น
ถ้ามิใช่วัดที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาผสมพม่าแล้ว ก็เป็นห้องแถวที่ทำด้วยไม้ กั้นแบ่งเป็นห้องๆ
จะมีบ้างที่เป็นตึกปูนกึ่งไม้สร้างแบบล้านนาผสมฝรั่ง ซ้องปีบรู้เพียงเลาๆ ว่า
นายหมอหนุ่ม อาศัยอยู่แถวนี้ แต่นางไม่รู้ว่าอยู่คูหาไหน..." กลิ่นกาสะลอง น.359

2. วัดชัยมงคล 
         วัดชัยมงคล ตั้งอยู่ในตำบลช้างคลาน เป็นสถานที่สำคัญของเรื่องเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะว่าเป็นวัดที่อยู่ใกล้กับบ้านของ ซ้องปีบ - กาสะลอง
และเป็นวัดที่ทำให้พริมพี่รู้สึกแปลกๆ เมื่อเข้ามาภายในวัด เพราะรู้สึกคุ้นเคยว่าเป็นบ้านของเธอนั่นเอง 
นอกจากการมาไหว้พระ ทำบุญทั่วไปแล้ว ชาวเชียงใหม่จะนิยมมาปล่อยนก ปล่อยปลาที่วัดแห่งนี้
และนักท่องเที่ยวก็นิยมมานั่งเรือล่องแม่น้ำปิง เพราะวัดแห่งนี้มีท่าเรือ และเรือท่องเที่ยวไว้บริการค่ะ


"...วิจิตราบอกทางให้คนกุมพวงมาลัยบังคับรถให้แล่นไปตามถนน เจริญประเทศ จุดหมายคือวัด "ชัยมงคล”
วัดริมน้ําที่เหล่าพุทธศาสนิกชนนิยม มาทําบุญสะเดาะเคราะห์ ถวายสังฆทาน ปล่อยนก ปล่อยเต่า ปลาไหล
และหอยขม แต่วันนี้คณะศรัทธาดูจะมากโขอยู่..." กลิ่นกาสะลอง น.116

"...คณะศรัทธาที่มาทําบุญและเยี่ยมชมศาสนสถานแห่งนี้กระจาย กันไปยังมุมต่าง ๆ เพื่อมิให้แออัดกัน
บ้างก็ไหว้พระบรมรูปองค์พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ห้า โต๊ะหมู่บูชามีแจกันดอกไม้ซ้ายขวาปักช่อกุหลาบสีชมพู..." น.117


"...ตะวันร้อนแรงค่อยราแสงคล้อยตกไปหลังแนวดอยสุเทพ บรรยากาศยามสนธยาสะลุ้มสะลิ้ม
พระสงฆ์จากวัดฟากตรงข้ามลําน้ําปิง กําลังทําวัตรเย็นได้ยินมาถึงท่าน้ําอีกฝั่ง หลังจากกิ๋นข้าวแลงเรียบร้อย
กาสะลอง จึงออกมานั่งเล่นที่ท่าน้ำรับลมเย็น..." กลิ่นกาสะลอง น.167


ท่าน้ำวัดชัยมงคล จะเป็นจุดที่สามารถปล่อยนก ปล่อยปลา และให้อาหารปลาค่ะ
ริมน้ำมีร้านกาแฟในเรือจอดอยู่
ราคาเครื่องดื่มไม่แพงค่ะ เมนูเย็น กาแฟเย็น โกโก้เย็น ชาเขียนเย็นตั่งต่าง 50 บาท
มีบาร์เล็กๆ ให้นั่งดื่มโกโก้เย็นๆ ชมทัศนียภาพของแม่น้ำปิง
สุดสายตาตรงนู้นก็คือ "ขัวเหล็ก" หรือ "สะพานเหล็ก"
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปิงที่สร้างจากเหล็ก
เป็นสถานที่ที่นิยมถ่ายหนัง ถ่ายละคร ถ้าจำไม่ผิด ภาพยนตร์เรื่องเพื่อนสนิท ก็ถ่ายทำที่ขัวเหล็กด้วยนะคะ


3. ข่วงเมรุ - กาดหลวง (ตลาดวโรรส) / ตลาดต้นลำไย
         กาดหลวง หรือ ตลาดวโรรส เป็น 1 แลนด์มาร์กของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเชียงใหม่ เพราะตลาดแห่งนี้คือศูนย์รวมของฝากไม่ว่าจะเป็นผลไม้อบแห้ง แคบหมู ไส้อั่ว ข้าวซอยตัด นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รวมไปถึง ผ้า อาหาร แห้ง สด เดิมกาดหลวงเป็นแหล่งการค้าที่ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ นอกจากนี้ตรงข้ามกาดวโรรสก็คือกาดต้นลำไย มีสินค้าคล้ายกับกาดหลวง ตั้งอยู่ฝั่งแม่น้ำปิง อีกด้านของกาดหลวง มีตรอกเล่าโจ๊ว สำหรับจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง เช่น เสื้อผ้าพื้นเมือง ผ้าทอมือของชาติพันธุ์ มีไอศกรีมกะทิเจ้าอร่อยในตรอกนี้ด้วย 


กาดกลวงปรากฏในนวนิยายเรื่องนี้ในพาร์ทอดีต โดยกล่าวถึง "ข่วงเมรุ" ซึ่งข่วงเมรุนี้คือชื่อเดิมของกาดหลวง
สาเหตุที่เรียกว่าข่วงเมรุนั้น เพราะว่าบริเวณนี้เคยเป็นสุสานของเจ้านายฝ่ายเหนือ และเคยเป็นพื้นที่ ที่เจ้าแก้วนวรัฐเคยใช้สำหรับจัดงานพิธีพระราชทานเพลิงศพเจ้าอินทวิชยานนท์ผู้เป็นบิดา ต่อมาเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้านครเชียงใหม่ได้ซื้อที่แห่งนี้ต่อ และพัฒนาปรับปรุงเป็นตลาด หรือ กาด โดยใช้ชื่อตามพระนามของพระองค์ 
“...กาด” เป็นช่วงกว้าง อันเป็นพื้นที่สําหรับปลงศพเจ้านายแต่เดิม ที่ตรงกาดจึงเรียกกันว่า ข่วงเมรุ แต่แล้วพระราชชายาเจ้าดารารัศมีโปรด ให้ย้ายสถานที่ปลงศพเจ้านายไปที่วัดสวนดอก แถบข่วงเมรุจึงเป็นที่ว่างให้ ชาวบ้านใช้เป็นสถานที่ซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า พ่อค้าแม่ขายหาบของมา วางแผ่ตลอดแนวกําแพงตั้งแต่หน้าคุ้มไปจนถึงช่วงกว้างมีต้นลําไยสูงใหญ่สาม ต้น อีกทั้งฝั่งตรงข้ามก็เป็นท่าเทียบ เรือหางแมงป่อง สินค้าจากบางกอกมาขึ้น ท่าที่นั่น ริมฝั่งแม่น้ําปิงจึงเต็มไปด้วยเฮือนแพ เปิดหน้าบ้านเป็นร้านขายของ แล้วใช้ด้านในเป็นที่พักอาศัย..." กลิ่นกาสะลอง น.153

เรือหางแมงป่อง
เป็นยานพาหนะสำคัญในเรื่องเลยก็ว่าได้ค่ะ อ่านไปก็จะเจอคำนี้บ่อยๆ
เพราะเป็นเรือที่ชาวจีนและพ่อค้าในอดีตมักจะขนส่งสินค้ามาทางแม่น้ำปิง รวมถึง "อาทรัพย์" ตัวละครหลักในเรื่องนี้ด้วย
ท่าน้ำปิงจังจะมีเรือหางแมงป่องมาจอดเนืองๆ ปัจจุบันยังมีเรือหางแมงป่องในรูปแบบบริการด้านการท่องเที่ยวค่ะ
และนี่คือเรือหางแมงป่องจำลองที่ถ่ายภาพมาจากหอศิลปวัฒนธณรมเชียงใหม่ (ไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะไม่ได้แพลนว่าจะเอามาลงรีวิว)
ไม่มีสถานที่นี้ในนวนิยาย ไม่ทราบว่าในละครมีมั้ย ถ้ามีเดี๋ยวมารีวิวนะคะ 


ยังมี อีกหลายสถานที่ ที่ไปตามรอยมา
เดี๋ยวมารีวิวต่อในคอมเมนต์นะคะ
ชื่อสินค้า:   กลิ่นกาสะลอง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่