[CR] Review ร้าน GAGGAN Progressive Indian Cuisine

G A G G A N
Progressive Indian Cuisine
————
Ranking

1st :: Asia’s 50 Best Restaurant (4 consecutive years, 2015-2018)
แต่ปี 2019 นี้ ที่ 1 ตกเป็นของร้าน Odette ที่ Singapore และ Gaggan ได้ที่ 2 ค่ะ
5th :: World’s Best Restaurant
2 Michelin Star


หลังจากรู้ว่า ร้านจะปิดในปี 2020 และย้ายไป Fukuoka ก็เลยไปทานสักหน่อยค่ะ
เราไปทานเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้ว ซึ่งวันที่ไปทานเป็นวันแรกที่เปลี่ยนเมนูใหม่
ที่ร้านจะเปลี่ยนเมนู 60% - 70% ของเมนูทั้งหมด ทุกๆ 4-5 เดือน
ซึ่ง ณ วันนี้เอง ถ้าเพื่อนๆ ไปทานก็จะมีเมนูที่เรารีวิวบางส่วนเท่านั้นค่ะ ส่วนหนึ่งที่มารีวิวตอนนี้ นอกจากความขี้เกียจแล้ว (แฮะๆ) ถ้าเฉลยว่าได้ทานอะไรก่อน มันจะไม่ตื่นเต้นอ่ะค่ะ ต้องไปสัมผัสแบบ surprise เอาเอง

อาหารมี 25 คอร์ส จานจุ๋มจิ๋ม แต่อิ่มอยู่ ใช้เวลาทานทั้งหมดประมาณ 3.30 ชั่วโมง
เริ่มแรกจะให้เมนูมาเป็น emoji ไม่บอกส่วนประกอบ (แต่มีเฉลยตอนหลังนะ)
Chef ว่าอยากให้ Amazing และเปิดใจรับรสสัมผัส ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และ เอนจอยกับบรรยากาศในทุกๆ จานค่ะ
อาหารมีกลิ่นอายของ อินเดีย ผสม ญี่ปุ่น บางจาน มี Inspiration มาจากเพลงและภาพยนต์


อาหารส่วนใหญ่ใช้เทคนิค Molecular Gastronomy
คือการนำวิทยาศาสตร์มาเป็นเทคนิคการทำอาหาร ให้มีรูป รส ที่แปลกใหม่
พูดง่ายๆ คือ เราจะได้กิน  แกงที่มาในรูปแบบฟอง ซุปอยู่ในก้อนเจลาตินดึ๋งๆ
น้ำจิ้มในรูปแบบเม็ด มูสอาหารคาวในช็อคโกแลต
ถือเป็นประสบการณ์ทานอาหารที่แปลกใหม่มาก
ส่วนใหญ่ เป็น Finger food ใช้มือกิน บางจานต้องเลีย บางจานพนักงานบอกต้องรีบกิน อย่าถ่ายรูปนาน
Presentation เอาดาวไปล้านดวง งานเผาไฟ งานอโรมา งานดรายไอซ์ งานcolorful มาครบ!!

---ราคา ณ วันที่เราจอง คือกลางปี 2018 = 6,500++ ต่อคนไม่รวมเครื่องดื่ม
(ปัจจุบัน ราคาขึ้นไปอยู่ที่ 8,000++ ต่อคนไม่รวมเครื่องดื่ม และต้องจ่ายราคาเต็มเพื่อคอนเฟิร์ม )
Mocktail 2 แก้ว 800฿ // น้ำซ่า Sparkling 2 ขวด 500฿ // ชาเขียว แก้วละ 200฿
,มื้อนั้น ปิดแบบ เจ็บแต่จบ ที่ 17,xxx ฿ ค่าาาาาาา

---จองใน website only และรอ Confirmation email จากทางร้าน
---มีพนักงานบริการ 4 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น อินเดีย
พนักงานไทยตบมุกกับเราลื่นมาก นางมาสายตลก
แต่คนไทยยังอธิบายอาหารไม่ค่อยดี อาจจะเป็นเพราะวันนั้นเป็นวันแรกที่เปลี่ยนเมนูใหม่
มีพี่ราวี พนักงานคนอินเดียที่ดูแลโต๊ะเรา อธิบายชัดเจนกว่า
--- Dinner only มีสองรอบ คือ 5:30 และ 9:30
ระยะเวลาในการกิน 3.30 ชั่วโมง (ถ้ากินรอบสามทุ่มครึ่งนี่จะหลับคาโต๊ะมั้ย)
---ปิดวันอาทิตย์ นะคะ
---ที่จอดรถหน้าร้านไม่กี่คัน เราไปก่อนเวลาเลยได้จอดหน้าร้านแบบสบายๆ เลย

แนะนำให้ดูสารคดี Chef’s Table Season 2 on Netflix ไปก่อนจะอินกับตัวเชฟและดื่มด่ำในบรรยากาศเพิ่มขึ้นค่ะ

มาดูเมนูที่เราได้ทานกันค่ะ
 ** ภาพไม่ค่อยสวย บางภาพไม่ชัดขออภัยนะคะ

เริ่มจาก Cocktail 2 ที่งาน Presentation อลังการควันยิ่งใหญ่ แก้วแรกเป็น เบสแตงกวา ผสมกับอะไรอีกจำไม่ได้แต่ อร่อยมาก แก้วที่สองเป็น เบสมะพร้าวรสชาตินุ่มนวล ราคาแก้วละประมาณ 400 บาท ค่ะ
 
1.Winter in Thailand Amuse bouche
เป็นมูสส้มยูสุ หวานๆ เปรี้ยวๆ สดชื่นมากๆ

2. Yogurt Explosion
เป็น Signature Menu ของเชฟ ใช้วิธีการใช้แคลเซียมรักษารูปทรงของโยเกิร์ต ซึ่งปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ทุกคนจะต้องให้บ๊วบไปทั้งลูกแล้วกัดให้แตกจะเป็นรสชาติที่ว้าวมากๆ

3. Lick it up
ทั้งร้านกระหึ่มด้วยเพลง lick it up ของ วง Kiss แบบ Rock Rock กายละเอียดของเราได้ลุกขึ้นสะบัดหัวไปตามจังหวะเพลงแล้ว
แต่กายหยาบสำนึกได้ว่าเป็น Fine dining เลยนั่งเรียบร้อยและยิ้มมุมปากเบาๆ
จานเสริฟมาตามภาพ วิธีการทานคือ เลียค่ะ คนไทยอย่างเราถนัดอยู่แล้วเรื่องเลียแข้งเลียขา นับประสาอะไรกับจานธรรมดาๆ มาค่ะ 555555 (ขำๆ นะคะ) รสชาติที่สัมผัสได้ตอนนั้นคือ มั่วไปหมด เพราะเราเลียทีเดียว จนภายหลังมาเฉลยส่วนผสมทำจาก green peas, mango puree, fenugreek, mushroom and tomato ค่ะ

4. Chili egg
จานนี้ทำจากมันฝรั่งเส้นทอด ส่งไข่ด้านนอกเป็น white chocolate ส่วนด้านในเป็นน้ำเปรี้ยวๆ กลิ่นสมุนไพรอินเดียค่ะ

5. Idli sambar
แกงฟองมาแล้วจ้า น่าจะเป็นแกงอินเดียมีรสเผ็ด ด้านล่างเป็นเหมือน spong cake ทำจากข้าวและถั่ว lentil หมักนุ่มๆ

6. Bombay bhel sandwich
Texture ด้านนอกเป็นแป้งแน่นๆ กรุบๆ ภายในเป็นเหมือนแจมสมุนไพรอินเดียอีกแล้ว ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่เลย

7. egg tart ghewar
เป็นแป้งกรอบ inspire มาจาก ขนมพื้นเมืองของอินเดีย เรียกว่า Ghewar tart ด้านในเป็น texture เนียนๆ ทำจากไข่และนม

8. Charcoal Pyaz Kachori
เป็นขนมแป้งทอดของทางอินเดีย แป้งทอดกรอบๆ ด้านนอก สอดใส้ด้วยมันฝรั่งผัดผงกระหรี่
และผงสีดำด้านบนถ้าจำไม่ผิดน่าจะทำมาจากหัวหอม อร่อยมากค่ะจานนี้

9. White asparagus - No it's cauliflower !
เสริฟแบบ อลังการงานสร้างอีกแล้วจานนี้ ดิฉันก็หยิบมือถือมาถ่ายรูปรัวๆ อีกเครื่องนึงก็ลง ig story จนพนักงานต้องบอกว่า
ทานก่อนเถิดลูกกกกก จะละลายหมดแล้ว มันคือออ ไอติมทำจาก cauliflower นั่นเองค่า

10. Cheese porcini pao
จานนนี้ ดียยยยย มากกกกกก ซาลาเปาแป้งหนานุ่ม กินโดนใส้แล้วต้องสะดุ้งเพราะมันฟินแบบจริงจัง ใส้เห็ดและชีสลาวา อร่อยนัวมากค่ะ

11. Eggplant pomegranate sundae
เหมือนจะเป็นซูชิโรล แต่ไม่ใช่ เหมือนจะเป็นไอติมก็ไม่เชิง ด้านบนเป็นทับทิม ด้านในเป็น มะเขือยาวปรุงรสแบบเย็น สดชื่นๆ มีรสส้มยูซุด้วย

12. Puchka liver mulled wine
แป้งทรงกลมกรอบนอก ด้านในเป็นใส้ตับบดปรุงรส จานนี้ไม่มีกลิ่นเครื่องเทศอินเดีย ได้รสตับชัดเจน อร่อยดีค่ะ งานตกแต่งจานก็ละเอียดสวยงาม

13. Sea urchin and hay ice cream
ไข่หอยเม่นคือของจริง แต่สาหร่ายคือลวงตาเพราะทำมาจากแอปเปิ้ล ทุกอย่างเมื่อทานด้วยกันแล้วอร่อย มากๆ

14. Otoro sushi
จานนี้ โอโทโร่ ก็คือของจริง แต่ที่จกตาเป็น ข้าวที่ไม่ใช่ข้าวแต่ทำมาจาก dashi meringue ใส่โชยุและส้มยูซุ เริ่ดๆ

15. Winter carrots soup อันนี้ก็โดนหลอกอีก นั่งยันนอนยันว่ายังงัยมัยก็คือ ซุปมะเขือเทศ
แต่ก็ผิดแล้วผิดอีก เพราะมันคือแครอท เฮ้อออออ รสชาติดี เข้ม เปรี้ยว เผ็ดนิดนึง และมีกลิ่นเครื่องเทศอินเดีย

16. Prawn Balchao
กุ้งลายเสือย่างแบบทันดูร์ ทานกับแกงเผ็ดๆ เรียกว่า Balchao curry
กุ้งตัวใหญ่และสดเนื้อแน่น แกงจะคล้ายๆ แกงกะหรี่แต่มีรสเผ็ดกว่าค่ะ

17. Scallops and cold coconut curry
แกงกะทิ หอยเชลล์แบบเย็น ใส่มะพร้าวเผาป่นมาด้วย อะไร สดชื่น ครีมมี่จนถึงที่สุดแบบ
เราแอบเลี่ยนเล็กน้อย จึงขอสั่งชาเขียวเย็นหนึ่งแก้วค่ะ 5555 ได้ค่ะ แก้วละ 200 บาทค่ะ (แพงเน้อ)
<img class="img-in-post in-tiny-editor">
18. Tibetian momo pork vindaloo
มันคือแป้งเกี๊ยวแต่หนากว่าหน่อย ซอสเป็นซอสมะเขือเทศใส่น้ำส้มสายชู จานนี้สำหรับเราเฉยๆ ค่ะ

19. Lamb chop chili and lime
ขาแกะปรุงสมุนไพรย่างมาหอมมากๆ นุ่มมากละลายในปากไม่มีกลิ่นสาป ซอสด้านนอกรสเผ็ดเกินไปนิดนึงสำหรับเราค่ะ
<img class="img-in-post in-tiny-editor"> <img class="img-in-post in-tiny-editor"> <img class="img-in-post in-tiny-editor"> <img class="img-in-post in-tiny-editor"> <img class="img-in-post in-tiny-editor"> <img class="img-in-post in-tiny-editor">

20. Sea bass Bengali paturi
ห่อหมกใบตองย่างนั่นเอง ด้านในเป็นปลาเนื้อขาวนุ่ม สดหวานหอม รสซอสกลมกล่อม ไม่โดดสมุนไพรเกินไป จานนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจานที่ชอบค่ะ

21. Grandma egg my death star 
เปิดมาชั้นบนเป็นข้าว Basmati ชั้นล่างเป็นไข่แดงบนแกงผักโขมสีเขียวๆรสเค็มๆ ใส่ข้าวลงไปคลุกกับแกงและคนไข่แดงเข้าด้วยกัน


22. This rose has no thorn
ขนมหวานจานแรก เป็นดอกกุหลาบทำมาจากมาชเมลโล่ค่ะ หวานๆ Texture สำหรับเราว่าแข็งๆ แห้งๆ ไปหน่อย แต่รูปร่างหน้าตาสวยงามมากค่ะ

23. Achu murukku strawberry yogurt
สตรอเบอรี่แยม บนขนมเหมือนขนมดอกจอกของไทย กัดเข้าไปเป็นไอติมโยเกิร์ตอยู่ด้านล่าง อร่อยมาก
เราชอบขนมหวานจานนี้ที่สุด
Achu murukku หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Rose Cookie คือขนมอินเดีย ทำจากแป้งทอดคล้ายๆ ขนมดอกจอกบ้านเราเลย

24. Yin Yang salted pepper popcorn
น่าจะเป็นไอติม เสริฟมาเย็นๆ แต่ Texture เป็นแป้งๆ ร่วนๆ ผงๆ 
เฉลยมาว่า เป็น รส salted pepper อีกฝั่งเป็น รส popcorn)

25. Dark side of the moon
ขนมหวานจานสุดท้าย เปิดตัวด้วยเพลงของ Pink Floyd หน้าตาเป็นก้อนดำๆ เย็นๆ เหมือนไอติมแต่ไม่ใช่ เหมือเมอแรงก็ไม่เชิง 
น้ำสีรุ้งหวานๆ อร่อยดีค่ะ
<img class="img-in-post in-tiny-editor"> <img class="img-in-post in-tiny-editor">

สรุปแล้วถือเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดีมากค่ะ
ขอบคุณที่รับชมรีวิวนะคะ
ชื่อสินค้า:   Gaggan Progressive Indian Cuisine
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่