[SR] รีวิว Subaru Forester ล็อตแรก ประกอบไทย กับ SUV ขับเคลื่อน 4 ล้อ แท้ๆ ที่ราคาถูกสุดในไทย

กระทู้รีวิว

หลังจากที่ TC Subaru ได้ทำการเปิดตัวโรงงานประกอบไทย เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อ เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
โดยรถรุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทย นั่นคือ 2019 Subaru Forester ใหม่


ซึ่งหากย้อนกลับไปช่วงปลายปีที่แล้ว ทางทีมงาน Pantip Garage เราได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบ
All New Forester นี้มาแล้ว ที่ไต้หวัน ซึ่งขณะนั้นเป็นการเผยโฉมครั้งแรกในอาเซียน https://pantip.com/topic/37943747
และ ถัดมากับการทดสอบ All New Forester e-Boxer ที่สิงคโปร์  https://pantip.com/topic/38490770

แต่ถึงอย่างไรก็ดี 2 ครั้งนั้น เราทดสอบกันเพียงในสนาม เป็นเวลาสั้นๆ
ซึ่งอาจจะไม่ได้ฟีลลิ่ง การขับใช้งานจริงบนถนน แต่อย่างใด


ล่าสุดไม่นานมานี้ทางทีมงาน Pantip Garage เราได้มีโอกาสไปร่วมทดสอบ เจ้า Forester ใหม่ โฉมประกอบไทย กันเสียที หลังจากที่เปิดตัวพร้อมราคาไปแล้วในงาน Motor Expo 2018 ปลายปีที่ผ่านมา

ซึ่งเราจะมาขอทำรีวิวกับการใช้งานบนถนนเมืองไทย กันในครั้งนี้ครับ


การทดสอบในครั้งนี้เป็นรูปแบบ 1 Day Trip เริ่มต้นจาก ศูนย์ Subaru เสรีไทย ไปยังจุดหมายปลายทางที่บางแสน โดยใช้เส้นมอเตอร์เวย์ 
และวิ่งกลับมาทางเดิม ศูนย์เสรีไทย

เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา ขอมาเข้าที่ตัวรถกันเลยครับ

เริ่มที่รูปลักษณ์ กันก่อน



ผมต้องขอบอกว่า All New Forester ยังคงมีดีไซน์ แบบรถคุณผู้ใหญ่ ที่ดูภาพลักษณ์ออกแนวสุขุม
อาจจะไม่ได้ดูเท่ ลุควัยรุ่นเหมือนอย่าง XV

เพราะ Forester เน้นทำตลาด US มาตั้งแต่โฉมก่อน หน้าตาจึงออกมาอารมณ์ประมาณนี้

แต่จุดเด่น ของมัน อยู่ที่เรื่องของการใช้งานจริงเป็นหลัก โดยในโฉม All New นี้ ได้ปรับปรุงมิติ ใหญ่ขึ้นทุกด้าน เมื่อเทียบกับโฉมเก่า

ขณะที่ ระยะฐานล้อ ซ้าย-ขวา เมื่อเทียบกับ คู่แข่ง SUV ญี่ปุ่นด้วยกัน ถือว่าสั้นสุด

ด้านความสูงนั้น ถือว่าสูงเป็นอันดับ 2

ส่วนความยาวตัวรถเป็นอันดับ 2    แต่ถ้าวัดฐานล้อ จะเป็นอันดับ 3

ส่วนจุดเด่นของเขาเลย คือ Ground Clearance ระยะสูงจากพื้นเป็นอันดับ 1 เทียบ กับรถ PPV ได้เลย ซึ่งจะสะดวกต่อการลุย ปีนป่าย ต่างๆ

ต่อมาเป็นพื้นที่เก็บสัมภาระนั้น ใหญ่ เป็นอันดับ 2

เอ้า แล้วมาดู ราคาเทียบกันบ้าง  จะเห็นได้ว่า Forester ใหม่ ราคาเริ่มต้นนั้น หากเทียบกับคันอื่นๆ
ก็ไม่ได้แพงไปกว่าคู่แข่งเลย และ เมื่อเทียบกับโฉมก่อน ถือว่าถูกลงมาพอสมควร

แล้วถ้าเทียบกับ PPV บ้างล่ะ ก็จะอยู่ระดับกลางๆ เพราะ PPV ราคาหลากหลายมาก ตั้งแต่ประมาณ 1 ล้าน ไปจนถึงระดับ 1.8 ล้าน
ทำไมถึงนำมาเทียบกับ PPV ก็เพราะ คนซื้อรถแนวนี้ เน้นลุย ปีนป่าย นั้นเอง
ซึ่ง Ground Clearance ของ Forester ถือได้ว่า พอๆ กับ PPV ทั้งหลายเลย

ต่อมาเทียบราคา Forester 2.0 L กับรุ่นเริ่มต้น SUV ญี่ปุ่นคันอื่น กันเสียหน่อย
พบว่า กำลังเครื่องอาจจะไม่ได้โดดเด่น อะไร แต่ Subaru ได้ AWD นั่นเอง

ภายในห้องโดยสาร ต้องบอกว่ากว้างขวางมากๆ นั่งสบายๆ และ Headroom ก็สูงมากๆ ด้วย
พื้นที่เก็บสัมภาระท้าย กว้างใหญ่ และแนวยาว นั้นมากถึง 1.3 ม. วางถุงกอล์ฟนอนลงไปได้


สำหรับรุ่น S จุดที่เพิ่มเติมมาเป็นออปชั่นภายนอก ได้แก่
มือจับโครมเมียม
ชายสเกิร์ตข้าง
ล้ออัลลอย 18”
ประตูท้าย เปิด-ปิด ไฟฟ้า
ระบบ X-Mode จะเพิ่มฟังก์ชั่น Dirt Snow, Dirt MUD

 
ภายในห้องโดยสาร ดูเรียบๆ เนี๊ยบๆ ไม่ถึงกับหรู แต่ก็ดูใช้งานได้สะดวก ซึ่งดีไซน์ภายใน ถูกถอดแบบจาก Concept

หน้าจอมัลติมีเดีย Touch Screen ตรงกลาง

ด้านใต้เป็นแอร์ออโต แบบ แยก Zone

ด้านบนเป็นจอ MID แสดงข้อมูล เกี่ยวกับตัวรถ อาทิ ระบบขับเคลื่อน, อุณหภูมิ, บอกเวลา เป็นต้น

มองต่ำลงมา เป็น ชุดเกียร์ Lineartronic CVT ใหม่ ที่ Subaru

เคลมว่าปรับชิ้นส่วนใหม่ถึง 80% มาพร้อม Manual Mode เปลี่ยนเกียร์เองได้ผ่าน Paddle Shift


ที่แผง X Mode ก็จะแตกต่างกันใน รุ่น L และ S คือ S จะมี Dirt Snow, Dirt MUD มาให้ด้วย


แอร์ตอนหลัง มาพร้อมช่องจ่ายไฟ USB ถึง 2 ช่อง ไม่ต้องมาแย่งกันชาร์จ

แต่แอบรู้สึกว่าพัดลมแอร์ตอนหลัง ค่อนข้างเบาไปนิด ต้องเร่งพัดลมที่ตอนหน้า ซึ่งผู้ขับด้านหน้าก็ จะรู้สึกเย็นได้


แผงสวิทช์ด้านข้างพวงมาลัย ในรุ่น 2.0 S มีปุ่มเปิดประตูท้าย
รวมถึง Memory จำความสูงของการเปิดประตูหลัง, และปิด ระบบ TCS
เพิ่มเข้ามา (รุ่น L ปุ่ม ปิด TCS จะอยู่ที่แป้นวงกลม X-Mode)

ต่อกันที่ขุมพลัง Boxer 4 สูบนอน อันเป็นเอกลักษณ์ ขนาด 2.0 ลิตร ความจุจริง 1,995cc หัวฉีดตรง Direct Injection
มีกำลัง 156 PS@6,000rpm และแรงบิด 196 Nm@4,000rpm ส่งกำลังผ่านเกียร์ X-Tronic CVT 7 Speed ลงสู่ล้อทั้ง 4
มันมี Top Speed ตามเคลมที่ 193 กม./ชม. ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเคลมที่ 7.2 ลิตร/100 กม. (13.88 กม./ลิตร) 

หลายคนคงอาจจะมองว่ารถ SUV คันโต ยุคนี้ 2.0 คงอืด ไม่เพียงพอ กับการใช้งานแล้ว
ซึ่งผม ก็คงต้องบอกว่า มันจริงส่วนหนึ่ง หาก ต้องเอาไปปีนป่าย หรือต้องขับไต่ขึ้นทางชัน
ยังไงเครื่องเล็กกว่า ทอร์คย่อมน้อยกว่า ออกตัวก็คงสู้พวกเครื่องใหญ่ หรือ รถเครื่องดีเซล ไม่ได้  

สำหรับในทริปนี้ รถคันหนึ่ง จะต้องนั่ง 3-4 คน คันผมนั่ง 4 คน และ มีสัมภาระท้ายอีก เมื่อต้องการเร่งแซงแบบเร่งด่วน
ถ้าจะเอาให้ทันใจ ทันท่วงที คงจะไม่ง่าย คงต้องรอเค้นความเร็วกันเสียหน่อย


แต่ถ้าขับชิลๆ ไปเรื่อยๆ สบายๆ แซงในจังหวะที่เหมาะสม ขับแบบคนปกติทั่วไป ก็ถือว่าไปได้เรื่อยๆ
ความเร็วก็จะค่อยๆไหลมาให้ใช้อย่างต่อเนื่อง แต่มาแบบสมูทๆ ตามสไตล์เกียร์ CVT ไม่ได้มีกระชากให้เราเห็นแต่อย่างใด


หากรู้สึกว่าขับปกติใน โหมด I แล้ว จะเร่งแซงต้อง Kick Down ซึ่งพบว่า มันอาจจจะตอบสนองไม่ทันใจ
ก็ ให้คุณกดปุ่ม S ที่พวงมาลัยฝั่งขวา จะช่วยให้การตอบสนองดียิ่งขึ้น มีการ Hold รอบเครื่องให้เราพร้อมใช้งานในจังหวะทะยานเร่งแซง
เรียกได้ว่า ขับสนุกขึ้นมาอีกหน่อย กับสไตล์สปอร์ต

นอกจากความนุ่มนวล ในการขับขี่โดยทั่วไปในโหมด I แล้ว จุดที่รู้สึกน่าประทับใจ ต่อมา ก็เรื่องของการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารที่โดยรวมถือว่าทำได้ดีในระดับไม่แพ้รถยุโรป ทั้งเสียงจากใต้พื้นตัวรถ หรือ จากลมปะทะ จากการขับที่ความเร็วสูง (ช่วงผมขับได้ขับเร็วสุด 140 กม./ชม.) ก็ยังไม่รู้สึกเสียงดังจากลมปะทะ แต่อย่างใด โดยรวมถือว่าทำได้ค่อนข้างประทับใจ กับรถ SUV คันโต เช่นนี้

พวงมาลัยผ่อนแรงไฟฟ้า รัศมีวงเลี้ยว 5.4 ม. ซึ่งดูจะแคบกว่ารถ SUV ญี่ปุ่น ในคลาสเดียวกัน คันอื่นๆ อยู่เล็กน้อย
เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 5.5 - 5.6 ม.

การใช้งาน พวงมาลัยผ่อนแรงได้เบามือดี ในจังหวะสาววงเลี้ยว ซึ่งโดยรวมแล้ว น่าจะพอเหมาะพอกับมือคุณผู้หญิง 
เพราะ ไม่รู้สึกหนักเกินไป และยิ่งขับในเมืองรถติดๆ ก็ช่วยมอบความผ่อนคลายรวมถึงให้ความคล่องตัวได้เป็นอย่างดี

และ เมื่อขับที่ความเร็วสูง ก็ดูตึง ดูหนืดมือมากยิ่งขึ้น
แต่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกแน่นแข็งจนเกินไป โดยรวมการหักเลี้ยวต่างๆ ไม่ได้ดูคมกริบ ตอบสนองเฉียบคมนัก
โดยรวมกับการใช้งานถือว่า มันเหมาะสมแล้วกับสไตล์รถ SUV 
เพราะ สามารถประคับประคองพวงมาลัยได้ไม่ยากเย็นจนเกินไป ไม่รู้สึกตอบสนองไว จนขับแล้วต้องเกร็งเครียด

และก็ ไม่ได้รู้สึกเหมือนรถบางค่ายที่ พวงมาลัยตอบสนองจนแทบจะเรียกได้ว่าไร้ชีวิตชีวา

ระบบกันสะเทือนช่วงล่างอิสระ หน้า-หลัง ด้านหลังเป็นปีกนกคู่


ซึ่งแน่นอนว่า ชื่อเสียงของดาวลูกไก่ การันตีได้ เป็นอย่างดี หนึบแน่น เกาะถนน ไว้ใจได้  และในโฉมนี้ เป็น Global Platform ด้วย โดยรวม ส่วนตัวผมคิดว่า มันอาจจะไม่ได้นิ่มสบาย จนเรียกได้ว่า ยวบยาบ แบบ Forester XT (ตัวเทอร์โบ นำเข้าจากญี่ปุ่น)


คันนี้มันดูมีความเป็น SUV ที่ดีขึ้น ดูแน่นเฟิร์ม แต่ยังซับแรงได้ดี
ขับรูดพวกรอยต่อถนน ที่ระะดับความเร็ว 120 กม./ชม. ยังไม่รู้สึกสะเทือน อึดอัด สะเทือนท้องไส้

สรุปแล้ว 2019 Subaru Forester แม้ว่าจะเป็นรถที่หน้าตาอาจจะดูผู้ใหญ่ไปเสียหน่อย หรือ พูดตรงๆ ไม่เกรงใจ (มันดูแก่) หน้าตาอาจไม่ค่อยโดนคนไทยนัก


แต่ถ้ามามองถึงฟังก์ชั่นในการใช้งานแล้ว เจ้าป่าคันนี้ นับได้ว่าเป็นรถ SUV ขับเคลื่อน 4 ล้อแท้ (Full Time All Wheel Drive) 
ที่มีราคาถูกที่สุด แต่ในด้านสมรรถนะ บอกเลยว่าไม่ได้ถูกตามราคา

โดยรวมถือได้ว่าเป็นรถที่มีประสิทธิภาพในด้านการขับขี่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของรถญี่ปุ่น ในคลาสเดียวกัน

และด้วยเอกลักษณ์ของ Subaru ที่ไม่เหมือนคนอื่นทั้ง Boxer และ Symmetrical AWD ก็ถือได้ว่า กับราคาเริ่มต้นเพียงแค่นี้ก็คุ้มค่าพอสมควรเลย 
ชื่อสินค้า:   2019 Subaru Forester
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • TC Subaru เชิญทางทีมงาน Pantip Garage ไปร่วมทดสอบ All New Subaru Forester รุ่นประกอบในประเทศ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่