Subaru Forester รถดี (จริงเหรอ) ที่ไม่ค่อยจะเจอบนท้องถนนแล้ว

กระทู้คำถาม
ผมก็หาดูไปเรื่อยๆ จะหารถมาสำรองแทนคันที่เพิ่งขายไป
ค้นชื่อดูแล้วมันขึ้นที่หน้าเฟส. ก็เลยคุยกับคนขายที่อยู่ชลบุรี ตอนนี้ที่นี่สามารถซ่อมบำรุงได้แล้วนะ
ตอนนั้น (2019) ยังแค่ขายเฉยๆ เคยลองแล้วหน้ามืดจอง XV ไป แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจอยากได้ Forester ตัวเก่า (ส่วนลด 2 แสน)
เอาเข้าจริงๆ ก็ยังไม่กล้าเสี่ยง 1. ศูนย์บริการ 2. อะไหล่ 3. ความอืด 4. ราคาน้ำมัน เลยปล่อยเงินจองไป 5000 บาท

ตอนนี้ก็เลยมาหาข้อมูลใหม่ ตัวไมเนอร์เชนจ์ Eyesight 4.0 มีส่วนลด 200000 บาท เหมือนก่อนนู้นนนนน
ก็ลังเลนะ แต่ตอนนี้ตัดความกังวลออกไปเหลือ 1. .......... 2. อะไหล่ 3. ความอืด 4. ราคาน้ำมัน

พักหลังๆ ไม่ค่อยเจอรุ่นนี้แฮะ มีแต่รถไฟฟ้า ไฮบริด รถสัญชาติจีน บนถนนเยอะขึ้นเลย 
หรือว่าเทรนด์มันเปลี่ยนไปจริงๆ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เชื่อมั้ยว่าคนที่ซื้อยี่ห้อนี้ เหตุผลข้อแรกของบางคนคือ "ไม่อยากขับรถยี่ห้อที่พบเห็นได้ทั่วไป" ง่ายๆแค่นี้จริงๆ อย่างอื่นคือปัจจัยรอง
ความคิดเห็นที่ 10
คนที่ซื้อxvหรือforester ผมว่าเขารู้นะว่าเขาต้องการอะไร
รู้จุดด้อยของรถและจุดเด่นของรถ รับจุดด้อยได้ ไม่ใช่ทุกคนหรอกมํงที่ต้องการรถที่สวยแต่รูป หรือต้องการรถแรงๆเอามาอวดมาข่มกัน
โตโยต้า โคโรลา ที่คนไทยบอกไม่สวย สู้ ซีวิค มาสด้าไม่ได้ แต่ยอดขายทั่วโลกสูงกว่าอีก2ยี่ห้อคนละเรื่องเลย มันก็บอกอะไรเราได้ลายอย่าง
ว่าความสวย ความแรง มันไม่ใช่ทั้งหมดของรถยนต์ที่คนต้องการ
คนเราก็มีควมต้องการที่ต่างกัน ไม่อย่างนั้นบนถนนคงมีรถแค่1-2ยี่ห้อ
ชอบ ถูกใจก็ซื้อ มันไม่มียี่ห้อไหนที่ดีไปหมดทุกอย่าง

ที่จริง ต่างประเทศมันมี xv ตัวใหม่ออกมาแล้ว ไม่ได้ใช้ชื่อxvแล้ว  แต่ไม่รู้เมื่อไหร่จะเข้าไทย สวยใช่ได้เลย
ความคิดเห็นที่ 4
สำหรับผม ผมว่า มันน่ากลัวน้อยกว่า Mazda นะ

สิ่งที่คุณต้องยอมรับให้ได้ก่อนซื้อ

1. อัตราเร่ง .. ออกตัวกระทืบคันเร่งสุด ยังไม่ค่อยอยากจะวิ่งเลย แต่ในคลับบอกว่า เอาไป remap ดีขึ้นอีกพอสมควร คุณไปลองขับก่อนว่า รับได้ไหม ? ดูจากตัวเร่งแล้ว พอลอยตัวได้ อัตราเร่งแซงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่

2. การดูแล .. โดยพื้นฐานรถไม่จุกจิก แต่อะไหล่ต้องเปลี่ยนตามกำหนด ไม่ทนแบบ Toyota แต่ไม่เปราะแบบ Nissan ครับ เอาว่า สักแสนกม. ก็ได้ซ่อมบู๊ชช่วงล่าง ซึ่งมีแยกขายเป็นชิ้นๆ ไม่ต้องยกปีก
- ค่าดูแลเช็คระยะ จะแพงกว่า รถตลาดสัก 30%

3. น้ำมัน ..  ถ้าวิ่งในเมือง รถติดบ่อย ก็คิดหนักนิด น่าจะเลขตัวเดียว แต่ถ้าทางไกล 13 - 15 กม./ลิตร ก็พอๆกับ CR-V G3 - G4 2.0 ล่ะครับ

ข้อแลกเปลี่ยนของมัน ก็คือ ภายในกว้างๆโล่งๆ นั่งสบาย โดยเฉพาะคนนั่งเบาะหลัง รวมถึง ช่วงล่างที่ไว้ใจได้สูง ครับ

ส่วนเหตุที่มันขายไม่ดี ก็จากสาเหตุข้างบนแหละ เพราะข้างบนคือ สิ่งที่คนทั่วไปอยากได้ ครับ แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อตามคนส่วนใหญ่ทั้งหมดหนิ ใช่ไหมครับ ?

คุณซื้อ subaru นะ ไม่ได้ซื้อ Ford (เก๋ง) หรือ Chevrolet สักหน่อย นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่