ถ้าพูดถึงผู้กำกับหนัง โปรดิวเซอร์ คนเขียนบท ที่ทำหนังดีมาตลอด หนังดัง ฟอร์มใหญ่ ผ่านไปกี่ยุค ทุกคนต่างรู้กัน Steven Spielberg ยอดฝีมือแห่งวงการหนังโลก ฉายา "พ่อมดแห่งฮฮลลีวู้ด" ผู้สร้างหนังดีๆระดับขึ้นหิ้งไว้มากมายเป็นสิบยี่สิบเรื่อง ให้คนดูแฟนหนังพูดกันตลอดถึงผลงานของแก
เราต่างคุ้นเคยกับผลงานดังๆหลายเรื่องของแก เช่นเรื่อง Jaws, E.T., หนังชุด Indiana Jones, The Terminal เป็นต้น เรียกได้ว่าแกกำกับหนังสนุกได้ทุกแนว ไม่จำเจกับแนวหนังใดแนวหนังหนึ่ง ทำหนังแอ็คชั่นก็ได้ ไซไฟก็ดี หนังสัตว์ยักษ์กินคนก็ปัง หนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ก็โดน รวมถึงเรื่อง Saving Private Ryan หนังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่รวบรวมทีมนักแสดงชั้นนำของฮฮลลีวู้ดมาแสดงในหนังฟอร์มใหญ่ชุดนี้
หนังเรื่องนี้คงเป็นหนังแนวสงครามที่ใครหลายๆคนชื่นชอบ ด้วยการถ่ายทอดภาพเหตุการณ์สงครามที่ดูสมจริง โหดเลือดสาด แสดงถึงการเอาชีวิตรอดของเหล่าทหารในสมรภูมินรก แฝงความเป็นดราม่าเจาะชีวิตของทหารที่ลงตัว และแต่ละฉากในหนังนั้นก็ไม่ค่อยใช้ cg ช่วย นักแสดงตัวประกอบ ฉากต่างๆ ล้วนถ่ายทำในสถานที่จริงๆ ใช้คนมาประกอบฉากเยอะจริงๆ
หนังนำแสดงโดยดาราสายดราม่าตัวพ่อ อย่าง Tom Hanks จากเรื่อง Forrest Gump, The Green Mile, Philadelphiaในบท ร้อยเอก มิลเลอร์ ร่วมแสดง มี Tom Sizemore, Edward Burns, Barry Pepper, Matt Damon และมี Vin Diesel แสดงในบทเล็กๆสมทบด้วย
หนังเล่าเรื่องผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงปี 1943 หลังเปิดฉาก longtake สุดอลัง บุกหาดนอร์มังดี ถล่มทัพนาซีไปกว่า 20 นาที หนังเปิดเรื่องกับภารกิจของนายทหาร 8 นาย ที่ได้รับคำสั่งตรงจากนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ในการพานายทหาร เจมส์ ฟรานซิส ไรอัน น้องชายคนเล็กสุดในตระกูลไรอัน กลับสู่บ้านเกิดไปหาแม่ของเขา เนื่องจากพี่ชายทั้งสามคนของเขาตายหมดในสมรภูมิก่อนหน้าการบุกหาดเพียงไม่กี่วัน
ทั้งเรื่องเป็นการเดินทางตามหาตัวไรอัน ในแดนสมรภูมิที่เต็มไปด้วยกับดักและพวกนาซี หนังมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง แต่เวลาดูจริงๆรู้สึกว่าเร็วมาก หนังไม่มีช่วงไหนที่ดูน่าเบื่อเลย แม้กระทั่งซีนดราม่า ด้วยการแสดงระดับเทพของ Tom Hanks ทำให้เราอินกับตัวละครนี้มาก และนักแสดงคนอื่นๆในทีมของแก ก็แสดงดีกันหมด ทุกคนต่างมีคาแร็คเตอร์ที่เด่นชัดต่างออกไป
บางคนพร้อมออกรบจริงๆ สู้อย่างไม่กลัวตาย บางคนก็สู้เพื่อเอาตัวรอดตามสถานการณ์ บางคนก็ขี้ขลาดตาขาว หรือไม่เตรียมใจมารบ ถูกเกณฑ์มา ซึ่งตรงนี้ผมชอบนะ ได้เห็นแง่มุมต่างๆของพวกทหารที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่มีแต่ตัวละครบ้าระห่ำแบบ แรมโบ้ อย่างเดียว ในสงครามจริงๆ คงมีหลากหลายคนที่ไม่จำใจมารบ หรือ มีความหวาดกลัวในสงคราม
เรื่องนี้ตัวละคร เจมส์ ไรอัน ที่แสดงโดย Matt Damon คือ main หลักของเรื่อง ที่ทำให้ 8 นายทหารออกตามหา และผมชอบตรงที่ 8 คนในทีม บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับภารกิจที่ได้รับในการช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ละคนล้วนแต่อยากกลับบ้าน เบื่อกับการสู้รบฆ่าฟันกับฝ่ายตรงข้าม มันแสดงถึงบทของแต่ละตัวละครออกมาได้ดี
รวมถึงบทของพระเอกของเรา ร้อยเอก มิลเลอร์ ที่ภายนอกดูแข็งแกร่ง เป็นหัวหน้าทีม แต่ใจจริงแกก็หวาดกลัวกับสงครามมิใช่น้อย เห็นได้ในหลายฉากที่แกมือสั่น หรือ ฉากที่แกได้รับจดหมายจากครอบครัวของแก แล้วแอบลูกน้องมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ทำให้เราเห็นว่าจริงๆ ตัวละครนี้ก็ไม่อยากรบเสี่ยงตายหรอก แต่ด้วยความจำเป็น และการหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกน้องเห็นมุมที่อ่อนแอของแก ซึ่งระดับกงดาราสายดราม่าตัวพ่ออย่าง Tom Hanks แกถ่ายทอดการแสดงออกมาได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว
มันไม่ใช้หนังแอ็คชั่นสงครามดูเอามันอย่างเดียว หนังยังแทรกบทดราม่า แง่มุางมคิดต่างๆของเหล่าทหารที่มาตกอยู่ในสงครามด้วย ซึ่งสตีเว่นแกถ่ายทอดความรู้สึกและสร้างคาแร็คเตอร์แต่ละคนได้ดีมาก
หนังสงครามหลายเรื่องก็จะมีฉากการสู้รบที่ดุเดือด โหดร้าย เลือดสาด กันอยู่แล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้ผมว่ามันมีหลายฉากที่โหดมากๆเลยนะ แต่มันก็มีความโหดที่สมเหตุสมผลไม่ใช่ใส่มาให้ดูเพื่อความสยองขวัญหรือสะใจอย่างเดียว เช่น ฉากเปิดเรื่องบุกหาดนอร์มังดี พวกนาซีอยู่บนชัยภูมิที่ดีกว่า มีป้อมปราการปืนกล ยิงถล่มใส่เรือทหารอเมริกัน ตายไม่รู้กี่พันคน ไหนจะกับระเบิดอีก เลือดนองทั้งในน้ำ บนบก ขาขาด แขนขาด ไส้ทะลัก คือ มันดูสมจริงมากในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ใส่มาเพื่อความโหดสยองแบบไม่มีเหตุผล หรือฉากที่เป็นภาพติดตาของผม คือฉากที่นายทหารอเมริกันสู้กับทหารนาซีแล้วค่อยถูกมีดปักอดตายอย่างช้าๆ แลดูโหดร้ายมากๆ และหนังมีการหลบมุมกล้องนะ ให้เห็นจะจะเลย
ฉากสุดท้ายที่ ร้อบเอก มิลเลอร์ ที่ไปขึงระเบิดตรงสะพาน แล้วดันโดนยิงก่อน แกคลานพะงาบๆไป ก่อนใช้ปืนพก M1911 ของแก ยิงรถถัง ระเบิด ตู้ม คือ ตอนแรกดูผม งง มากกับฉากนี้ มาดูอีกรอบ อ๋อ เครื่องบินมาทิ้งระเบิด ฮ่าๆ คือ ฉากนี้ผมชอบมากๆนะ มิลเลอร์ แกยอมทำทุกอย่างให้ภารกิจสำเร็จ ช่วยไรอันกลับบ้านอย่างปลอดภัย สู้จนตัวตาย ก่อนจะตายก็ขอยิงสักเปรี้ยงก็ยังดี
การนำเสนอของหนังก็ดูอาร์ตมากๆ ไรอันวัยชราพร้อมครอบครัวเดินทางไปเคารพสุสานของร้อยเอก มิลเลอร์ แล้วกล้องก็ซูมเข้าไปในตาของไรอัน แล้วย้อนกลับไปในเหตุการณ์สงคราม ตอนจบก็ซูมตาไรอันตอนเป็นทหาร ออกมาในวัยชรา คือ คนแสดงตอนหนุ่มกับตอนแก่ หน้าคล้ายกันมาก คือ ถ้า Matt Damon แก่ลงอายุ 70-80 ก็หน้าตาเหมือนตาลุงที่แสดงนี่แหละ
สตีเว่นแกเคยให้สัมภาษณ์ใน film magazine ว่า หนังสามเรื่องที่ทำยากที่สุดในชีวิตการกำกับหนังการสร้างหนังของแก มีอยู่สามเรื่อง คือ เรื่อง Jaws, Saving Private Ryan และเรื่อง Ready Player One
เพราะเรื่องนี้ แทบทุกฉากทีมงานต้อง build สถานที่ต่างๆขึ้นเอง ทุกรายละเอียด ตึก บ้าน ซากตึกที่ถล่ม ซึ่งใช้งบการสร้างไปคุ้มมาก ทุกรายละเอียดดูสมจริง ไหนจะเรื่องของ รถถัง อาวุธต่างๆ ก็เอาของจริงมาใช้ทั้งนั้น ลำพังเพียงค่าตัว Tom Hanks คนเดียวก็แพงแล้ว ไหนจะสร้างทุกเหตุการณ์ตามสถานการณ์ต่างๆให้ดูสมจริงอีก ค่ายหนังต้องออกงบไปดยอะเลย ถ้าไม่ใช่ระดับผู้กำกับมือทองอย่าง สตีเว่น นะ หนังคงทำออกมาไม่ได้ระดับหนังขึ้นหิ้งถึงทุกวันนี้แน่
ผมดูหนังแนวทหาร สงครามโลกครั้งที่สอง มาหลายเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนที่ดูแล้วประทับใจเท่าเรื่องนี้แล้ว ทุกองค์ประกอบของหนัง บทดราม่า การนำเสนอในมุมของตัวละครหลัก การดำเนินเรื่อง ฉากแอ็คชั่น ความสมจริง เรียกได้ว่าเป็นหนังสงครามที่เพอร์เฟ็กต์มากๆเรื่องหนึ่งในฮฮลลีวู้ด ผมให้คะแนน 10/10 ครับ
ปล. ไม่รู้มีใครคิดแบบผมรึเปล่า ไม่อยากใ้ห้ แจ็คสัน มือสไนเปอร์ในเรื่อง ตายเลย คือ ชอบหลายตัวละครที่ใช้สไนเปอร์เทพๆในหนังอย่างเรื่อง Enemy At The Gates, Shooter, Lone Survivor, American Sniper รวมถึงบทของ แจ็คสัน คือสอยพวกนาซีตายไปหลายสิบคน เชียร์แกอยากให้รอด สุดท้าย ตอนหลังไม่น่ามาถูกรถถังไทเกอร์ถล่มเลย โถ่วๆ
Saving Private Ryan ผ่าสมรภูมินรก (1998) ผลงานอีกเรื่องระดับขึ้นหิ้งของพ่อมดแห่งฮฮลลีวู้ด
เราต่างคุ้นเคยกับผลงานดังๆหลายเรื่องของแก เช่นเรื่อง Jaws, E.T., หนังชุด Indiana Jones, The Terminal เป็นต้น เรียกได้ว่าแกกำกับหนังสนุกได้ทุกแนว ไม่จำเจกับแนวหนังใดแนวหนังหนึ่ง ทำหนังแอ็คชั่นก็ได้ ไซไฟก็ดี หนังสัตว์ยักษ์กินคนก็ปัง หนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ก็โดน รวมถึงเรื่อง Saving Private Ryan หนังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่รวบรวมทีมนักแสดงชั้นนำของฮฮลลีวู้ดมาแสดงในหนังฟอร์มใหญ่ชุดนี้
หนังเรื่องนี้คงเป็นหนังแนวสงครามที่ใครหลายๆคนชื่นชอบ ด้วยการถ่ายทอดภาพเหตุการณ์สงครามที่ดูสมจริง โหดเลือดสาด แสดงถึงการเอาชีวิตรอดของเหล่าทหารในสมรภูมินรก แฝงความเป็นดราม่าเจาะชีวิตของทหารที่ลงตัว และแต่ละฉากในหนังนั้นก็ไม่ค่อยใช้ cg ช่วย นักแสดงตัวประกอบ ฉากต่างๆ ล้วนถ่ายทำในสถานที่จริงๆ ใช้คนมาประกอบฉากเยอะจริงๆ
หนังนำแสดงโดยดาราสายดราม่าตัวพ่อ อย่าง Tom Hanks จากเรื่อง Forrest Gump, The Green Mile, Philadelphiaในบท ร้อยเอก มิลเลอร์ ร่วมแสดง มี Tom Sizemore, Edward Burns, Barry Pepper, Matt Damon และมี Vin Diesel แสดงในบทเล็กๆสมทบด้วย
หนังเล่าเรื่องผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆในสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่สอง ช่วงปี 1943 หลังเปิดฉาก longtake สุดอลัง บุกหาดนอร์มังดี ถล่มทัพนาซีไปกว่า 20 นาที หนังเปิดเรื่องกับภารกิจของนายทหาร 8 นาย ที่ได้รับคำสั่งตรงจากนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ในการพานายทหาร เจมส์ ฟรานซิส ไรอัน น้องชายคนเล็กสุดในตระกูลไรอัน กลับสู่บ้านเกิดไปหาแม่ของเขา เนื่องจากพี่ชายทั้งสามคนของเขาตายหมดในสมรภูมิก่อนหน้าการบุกหาดเพียงไม่กี่วัน
ทั้งเรื่องเป็นการเดินทางตามหาตัวไรอัน ในแดนสมรภูมิที่เต็มไปด้วยกับดักและพวกนาซี หนังมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมง แต่เวลาดูจริงๆรู้สึกว่าเร็วมาก หนังไม่มีช่วงไหนที่ดูน่าเบื่อเลย แม้กระทั่งซีนดราม่า ด้วยการแสดงระดับเทพของ Tom Hanks ทำให้เราอินกับตัวละครนี้มาก และนักแสดงคนอื่นๆในทีมของแก ก็แสดงดีกันหมด ทุกคนต่างมีคาแร็คเตอร์ที่เด่นชัดต่างออกไป
บางคนพร้อมออกรบจริงๆ สู้อย่างไม่กลัวตาย บางคนก็สู้เพื่อเอาตัวรอดตามสถานการณ์ บางคนก็ขี้ขลาดตาขาว หรือไม่เตรียมใจมารบ ถูกเกณฑ์มา ซึ่งตรงนี้ผมชอบนะ ได้เห็นแง่มุมต่างๆของพวกทหารที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่มีแต่ตัวละครบ้าระห่ำแบบ แรมโบ้ อย่างเดียว ในสงครามจริงๆ คงมีหลากหลายคนที่ไม่จำใจมารบ หรือ มีความหวาดกลัวในสงคราม
เรื่องนี้ตัวละคร เจมส์ ไรอัน ที่แสดงโดย Matt Damon คือ main หลักของเรื่อง ที่ทำให้ 8 นายทหารออกตามหา และผมชอบตรงที่ 8 คนในทีม บางคนก็ไม่เห็นด้วยกับภารกิจที่ได้รับในการช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ละคนล้วนแต่อยากกลับบ้าน เบื่อกับการสู้รบฆ่าฟันกับฝ่ายตรงข้าม มันแสดงถึงบทของแต่ละตัวละครออกมาได้ดี
รวมถึงบทของพระเอกของเรา ร้อยเอก มิลเลอร์ ที่ภายนอกดูแข็งแกร่ง เป็นหัวหน้าทีม แต่ใจจริงแกก็หวาดกลัวกับสงครามมิใช่น้อย เห็นได้ในหลายฉากที่แกมือสั่น หรือ ฉากที่แกได้รับจดหมายจากครอบครัวของแก แล้วแอบลูกน้องมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ทำให้เราเห็นว่าจริงๆ ตัวละครนี้ก็ไม่อยากรบเสี่ยงตายหรอก แต่ด้วยความจำเป็น และการหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกน้องเห็นมุมที่อ่อนแอของแก ซึ่งระดับกงดาราสายดราม่าตัวพ่ออย่าง Tom Hanks แกถ่ายทอดการแสดงออกมาได้ดีเยี่ยมอยู่แล้ว
มันไม่ใช้หนังแอ็คชั่นสงครามดูเอามันอย่างเดียว หนังยังแทรกบทดราม่า แง่มุางมคิดต่างๆของเหล่าทหารที่มาตกอยู่ในสงครามด้วย ซึ่งสตีเว่นแกถ่ายทอดความรู้สึกและสร้างคาแร็คเตอร์แต่ละคนได้ดีมาก
หนังสงครามหลายเรื่องก็จะมีฉากการสู้รบที่ดุเดือด โหดร้าย เลือดสาด กันอยู่แล้ว แต่สำหรับเรื่องนี้ผมว่ามันมีหลายฉากที่โหดมากๆเลยนะ แต่มันก็มีความโหดที่สมเหตุสมผลไม่ใช่ใส่มาให้ดูเพื่อความสยองขวัญหรือสะใจอย่างเดียว เช่น ฉากเปิดเรื่องบุกหาดนอร์มังดี พวกนาซีอยู่บนชัยภูมิที่ดีกว่า มีป้อมปราการปืนกล ยิงถล่มใส่เรือทหารอเมริกัน ตายไม่รู้กี่พันคน ไหนจะกับระเบิดอีก เลือดนองทั้งในน้ำ บนบก ขาขาด แขนขาด ไส้ทะลัก คือ มันดูสมจริงมากในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ใส่มาเพื่อความโหดสยองแบบไม่มีเหตุผล หรือฉากที่เป็นภาพติดตาของผม คือฉากที่นายทหารอเมริกันสู้กับทหารนาซีแล้วค่อยถูกมีดปักอดตายอย่างช้าๆ แลดูโหดร้ายมากๆ และหนังมีการหลบมุมกล้องนะ ให้เห็นจะจะเลย
ฉากสุดท้ายที่ ร้อบเอก มิลเลอร์ ที่ไปขึงระเบิดตรงสะพาน แล้วดันโดนยิงก่อน แกคลานพะงาบๆไป ก่อนใช้ปืนพก M1911 ของแก ยิงรถถัง ระเบิด ตู้ม คือ ตอนแรกดูผม งง มากกับฉากนี้ มาดูอีกรอบ อ๋อ เครื่องบินมาทิ้งระเบิด ฮ่าๆ คือ ฉากนี้ผมชอบมากๆนะ มิลเลอร์ แกยอมทำทุกอย่างให้ภารกิจสำเร็จ ช่วยไรอันกลับบ้านอย่างปลอดภัย สู้จนตัวตาย ก่อนจะตายก็ขอยิงสักเปรี้ยงก็ยังดี
การนำเสนอของหนังก็ดูอาร์ตมากๆ ไรอันวัยชราพร้อมครอบครัวเดินทางไปเคารพสุสานของร้อยเอก มิลเลอร์ แล้วกล้องก็ซูมเข้าไปในตาของไรอัน แล้วย้อนกลับไปในเหตุการณ์สงคราม ตอนจบก็ซูมตาไรอันตอนเป็นทหาร ออกมาในวัยชรา คือ คนแสดงตอนหนุ่มกับตอนแก่ หน้าคล้ายกันมาก คือ ถ้า Matt Damon แก่ลงอายุ 70-80 ก็หน้าตาเหมือนตาลุงที่แสดงนี่แหละ
สตีเว่นแกเคยให้สัมภาษณ์ใน film magazine ว่า หนังสามเรื่องที่ทำยากที่สุดในชีวิตการกำกับหนังการสร้างหนังของแก มีอยู่สามเรื่อง คือ เรื่อง Jaws, Saving Private Ryan และเรื่อง Ready Player One
เพราะเรื่องนี้ แทบทุกฉากทีมงานต้อง build สถานที่ต่างๆขึ้นเอง ทุกรายละเอียด ตึก บ้าน ซากตึกที่ถล่ม ซึ่งใช้งบการสร้างไปคุ้มมาก ทุกรายละเอียดดูสมจริง ไหนจะเรื่องของ รถถัง อาวุธต่างๆ ก็เอาของจริงมาใช้ทั้งนั้น ลำพังเพียงค่าตัว Tom Hanks คนเดียวก็แพงแล้ว ไหนจะสร้างทุกเหตุการณ์ตามสถานการณ์ต่างๆให้ดูสมจริงอีก ค่ายหนังต้องออกงบไปดยอะเลย ถ้าไม่ใช่ระดับผู้กำกับมือทองอย่าง สตีเว่น นะ หนังคงทำออกมาไม่ได้ระดับหนังขึ้นหิ้งถึงทุกวันนี้แน่
ผมดูหนังแนวทหาร สงครามโลกครั้งที่สอง มาหลายเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนที่ดูแล้วประทับใจเท่าเรื่องนี้แล้ว ทุกองค์ประกอบของหนัง บทดราม่า การนำเสนอในมุมของตัวละครหลัก การดำเนินเรื่อง ฉากแอ็คชั่น ความสมจริง เรียกได้ว่าเป็นหนังสงครามที่เพอร์เฟ็กต์มากๆเรื่องหนึ่งในฮฮลลีวู้ด ผมให้คะแนน 10/10 ครับ
ปล. ไม่รู้มีใครคิดแบบผมรึเปล่า ไม่อยากใ้ห้ แจ็คสัน มือสไนเปอร์ในเรื่อง ตายเลย คือ ชอบหลายตัวละครที่ใช้สไนเปอร์เทพๆในหนังอย่างเรื่อง Enemy At The Gates, Shooter, Lone Survivor, American Sniper รวมถึงบทของ แจ็คสัน คือสอยพวกนาซีตายไปหลายสิบคน เชียร์แกอยากให้รอด สุดท้าย ตอนหลังไม่น่ามาถูกรถถังไทเกอร์ถล่มเลย โถ่วๆ