ผมพบโอกาสที่จะทำให้ทุกคนสามารถช่วยลดฝุ่นควันได้
ด้วยแค่น้ำและพลังงานที่เราปล่อยทิ้งขว้าง
โดยไอเดียนี้สามารถลดPM2.5ได้70%เลยทีเดียว
ขอแรงสนับสนุนช่วยกันแชร์ไปนะครับ

แบบสั้นๆ ลองดูคลิปก่อนได้ครับ
หรือดูผลลัพท์ ข้ามไปคอมเมนต์ที่ 3 กับ 7 ได้เลยครับ

สวัสดีครับพี่น้องชาวพันทิปทุกคน
(เกริ่นที่มาเบื้องหลังของปัญหาสักหน่อยนะครับยาว ไม่อยากอ่านน้ำข้ามไปก่อนได้เลยครับ)
จากเมื่อต้นปีเราได้เห็นกันแล้วว่าปัญหาฝุ่นควัน มลภาวะทางอากาศและPM2.5นั้นรุนแรงขนาดไหน
ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงเวลานั้นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่แต่ละคนก็ต้องดูแลตัวเองกันไป
ถามว่าเป็นปัญหาเฉพาะหน้าเกิดขึ้นฉับพลันทันด่วนจริงๆหรือ?
จากที่ค้นหาข้อมูล ส่วนตัวว่าจริงครึ่ง-ไม่จริงครึ่ง
ไฟไหม้ป่า เผาป่า เผาไร่ อาจเป็นตัวการใหญ่ แต่...
ผมก็เผามาตั้งแต่ผมเกิด ก็ไม่รู้สึกว่ามันแย่เหมือนไม่กี่ปีให้หลังมานี้
เลยค้นหาต่อ มลภาวะทางอากาศก็มีหลายส่วน
ทั้งฝุ่นควัน อย่างเจ้าPM10 PM2.5 PM1.0
ไหนจะก๊าซพิษ อย่างNO2 CO2 CO ฯลฯ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้อีก
โดยผมเองหาตัวเลขมลภาวะทั้งหมดรวมๆยังไม่เจอ
แต่มีตัวเลขหนึ่งที่น่าตกใจมากคือ ปริมาณคาร์บอนคงเหลือที่เราเพิ่มขึ้นในบรรยากาศ
จากบทความเกี่ยวกับ Atmospheric carbon cycle
โดยปริมาณคาร์บอนที่มนุษย์สร้างจากกิจกรรมที่"่ไม่ใช่ธรรมชาติ" เช่นเผา ควันรถ ควันอุตสาหกรรม ฯลฯ
เราปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศกว่าปีละ 9 กิ๊กกะตัน (9พันล้านตัน)

(รูปที่1: ปริมาณCarbonในวัฎจักร)
แม้ธรรมชาติเองสามารถเยียวยาได้ เช่นต้นไม้ ฝน ทะเล
แต่นักวิจัยชี้ให้เห็นว่าธรรมชาติไม่สามารถดูดซับให้เร็วพอกับที่เราปล่อยออกไป!
โดยรูปที่1นี้อธิบายว่า ในทุกๆปีจะมีปริมาณคาร์บอนส่วนเกินกว่า4กิกะตัน! คงค้างเพิ่มในบรรยากาศ
4พันล้านตัน ท๊อปอัพไปเรื่อยๆๆ ทุกปีๆ!
นี่คงเป็นอีกสาเหตุให้ทุกปีอากาศมันแย่ลงเรื่อยๆ
ถ้าไม่หาทางชะลอให้น้อยลง หรือหาทางช่วยเอาออกบ้าง
ระหว่างนั้นก็มีคำถามค้างคาในใจตลอด...
มันใช่เหรอ!?
ดังก้องอยู่ในหัว เพราะวันหนึ่งผมเดินผ่านถังขยะแล้วเจอหน้ากากใช้แล้วกองพะเนิน
กลับมาบ้านเลยพลิกดูหลังซอง... Polypropylene!
ไอ้เจ้าหน้ากากนี่ ก็คงอยู่ไปอีกหลายสิบปี หลายร้อยปี เหมือนเพื่อนๆพลาสติกของมัน
ไม่ก็ถูกเอาไปเผา กลายเป็นมลภาวะอื่นใดอีก...
.
.
.
นี่พวกเราแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่มาโดยตลอด!?
จึงเป็นจุดเริ่มต้นความพยามหาโอกาสที่จะมลภาวะโดยที่มีเป้าหมายว่า
"มันต้องไม่สร้างปัญหาใหม่อีก และถ้าเป็นไปได้ลดปัญหาก่อนที่มันจะออกมาสร้างปัญหา"
เลยเริ่มลองพินิจพิเคราะห์ว่า
ปัญหาใหม่มาจากไหน?
พบว่าส่วนมากมักมาจากความพยามสร้างสิ่งใหม่ โดยเฉพาะวัสดุใหม่
วัสดุที่ไม่ใช่วัสดุธรรมชาติเพื่อสนองความต้องการเฉพาะส่วน
เช่นเสริมความแข็งแรง ทนทาน ตัวอย่างเช่น พลาสติก ยางรถยนต์ ฯลฯ
.
.
.
ผมเลยคิดว่าการจะลดปัญหา ต้องพยามหาสิ่งที่มันเบสิคสุดๆ
แต่สรรค์สร้างความไม่ธรรมดาลงไปบนโปรเซสแทน
เพื่อให้
สามารถลดปัญหา โดยไม่เกิดปัญหาใหม่
จนเมื่อช่วงก่อนสงกรานต์
เจอจนได้ วัสดุที่เบสิคสุดๆ...
"น้ำ"
น้ำธรรมดาๆ ที่ปกคลุมโลกกว่า75%
และเป็นส่วนประกอบของตัวเรากว่า70%นี่แหละน่าจะเวิร์ค
แต่จะทำยังงัยให้น้ำธรรมดาเพิ่มศักยภาพได้?
เอามาพ่นเหมือนที่ทำกัน? ก็อาจได้ แต่ยังงัย
ก็ต้องหาพลังงานแต่ถ้าต้องใส่พลังงานเข้าไปอีก เช่นไฟฟ้า
ก็อาจสร้างปัญหามลภาวะอื่นตามมา... (คิดเยอะไปไหมเรา)
ขนาดเกริ่นยังยาวขนาดนี้ มีแต่น้ำ -_-'
แต่คิดว่าคงพอทำให้เห็นปัญหาของปัญหาจริงๆ
เดี๋ยวมาต่อนะครับ สักครู่...
พบโอกาสแก้ปัญหาฝุ่นควันระยะยาวโดยไม่สร้างปัญหาใหม่ เบื้องต้นทดสอบแล้วลดได้กว่า70% ต้องการความช่วยเหลือจากทุกคนครับ :)
ด้วยแค่น้ำและพลังงานที่เราปล่อยทิ้งขว้าง
โดยไอเดียนี้สามารถลดPM2.5ได้70%เลยทีเดียว
ขอแรงสนับสนุนช่วยกันแชร์ไปนะครับ
แบบสั้นๆ ลองดูคลิปก่อนได้ครับ
หรือดูผลลัพท์ ข้ามไปคอมเมนต์ที่ 3 กับ 7 ได้เลยครับ
สวัสดีครับพี่น้องชาวพันทิปทุกคน
(เกริ่นที่มาเบื้องหลังของปัญหาสักหน่อยนะครับยาว ไม่อยากอ่านน้ำข้ามไปก่อนได้เลยครับ)
จากเมื่อต้นปีเราได้เห็นกันแล้วว่าปัญหาฝุ่นควัน มลภาวะทางอากาศและPM2.5นั้นรุนแรงขนาดไหน
ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงเวลานั้นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่แต่ละคนก็ต้องดูแลตัวเองกันไป
ถามว่าเป็นปัญหาเฉพาะหน้าเกิดขึ้นฉับพลันทันด่วนจริงๆหรือ?
จากที่ค้นหาข้อมูล ส่วนตัวว่าจริงครึ่ง-ไม่จริงครึ่ง
ไฟไหม้ป่า เผาป่า เผาไร่ อาจเป็นตัวการใหญ่ แต่...
ผมก็เผามาตั้งแต่ผมเกิด ก็ไม่รู้สึกว่ามันแย่เหมือนไม่กี่ปีให้หลังมานี้
เลยค้นหาต่อ มลภาวะทางอากาศก็มีหลายส่วน
ทั้งฝุ่นควัน อย่างเจ้าPM10 PM2.5 PM1.0
ไหนจะก๊าซพิษ อย่างNO2 CO2 CO ฯลฯ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้อีก
โดยผมเองหาตัวเลขมลภาวะทั้งหมดรวมๆยังไม่เจอ
แต่มีตัวเลขหนึ่งที่น่าตกใจมากคือ ปริมาณคาร์บอนคงเหลือที่เราเพิ่มขึ้นในบรรยากาศ
จากบทความเกี่ยวกับ Atmospheric carbon cycle
โดยปริมาณคาร์บอนที่มนุษย์สร้างจากกิจกรรมที่"่ไม่ใช่ธรรมชาติ" เช่นเผา ควันรถ ควันอุตสาหกรรม ฯลฯ
เราปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศกว่าปีละ 9 กิ๊กกะตัน (9พันล้านตัน)
แม้ธรรมชาติเองสามารถเยียวยาได้ เช่นต้นไม้ ฝน ทะเล
แต่นักวิจัยชี้ให้เห็นว่าธรรมชาติไม่สามารถดูดซับให้เร็วพอกับที่เราปล่อยออกไป!
โดยรูปที่1นี้อธิบายว่า ในทุกๆปีจะมีปริมาณคาร์บอนส่วนเกินกว่า4กิกะตัน! คงค้างเพิ่มในบรรยากาศ
4พันล้านตัน ท๊อปอัพไปเรื่อยๆๆ ทุกปีๆ!
นี่คงเป็นอีกสาเหตุให้ทุกปีอากาศมันแย่ลงเรื่อยๆ
ถ้าไม่หาทางชะลอให้น้อยลง หรือหาทางช่วยเอาออกบ้าง
ระหว่างนั้นก็มีคำถามค้างคาในใจตลอด...
มันใช่เหรอ!?
ดังก้องอยู่ในหัว เพราะวันหนึ่งผมเดินผ่านถังขยะแล้วเจอหน้ากากใช้แล้วกองพะเนิน
กลับมาบ้านเลยพลิกดูหลังซอง... Polypropylene!
ไอ้เจ้าหน้ากากนี่ ก็คงอยู่ไปอีกหลายสิบปี หลายร้อยปี เหมือนเพื่อนๆพลาสติกของมัน
ไม่ก็ถูกเอาไปเผา กลายเป็นมลภาวะอื่นใดอีก...
.
.
.
นี่พวกเราแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่มาโดยตลอด!?
จึงเป็นจุดเริ่มต้นความพยามหาโอกาสที่จะมลภาวะโดยที่มีเป้าหมายว่า
"มันต้องไม่สร้างปัญหาใหม่อีก และถ้าเป็นไปได้ลดปัญหาก่อนที่มันจะออกมาสร้างปัญหา"
เลยเริ่มลองพินิจพิเคราะห์ว่า ปัญหาใหม่มาจากไหน?
พบว่าส่วนมากมักมาจากความพยามสร้างสิ่งใหม่ โดยเฉพาะวัสดุใหม่
วัสดุที่ไม่ใช่วัสดุธรรมชาติเพื่อสนองความต้องการเฉพาะส่วน
เช่นเสริมความแข็งแรง ทนทาน ตัวอย่างเช่น พลาสติก ยางรถยนต์ ฯลฯ
.
.
.
ผมเลยคิดว่าการจะลดปัญหา ต้องพยามหาสิ่งที่มันเบสิคสุดๆ
แต่สรรค์สร้างความไม่ธรรมดาลงไปบนโปรเซสแทน
เพื่อให้สามารถลดปัญหา โดยไม่เกิดปัญหาใหม่
จนเมื่อช่วงก่อนสงกรานต์
เจอจนได้ วัสดุที่เบสิคสุดๆ...
"น้ำ"
น้ำธรรมดาๆ ที่ปกคลุมโลกกว่า75%
และเป็นส่วนประกอบของตัวเรากว่า70%นี่แหละน่าจะเวิร์ค
แต่จะทำยังงัยให้น้ำธรรมดาเพิ่มศักยภาพได้?
เอามาพ่นเหมือนที่ทำกัน? ก็อาจได้ แต่ยังงัย
ก็ต้องหาพลังงานแต่ถ้าต้องใส่พลังงานเข้าไปอีก เช่นไฟฟ้า
ก็อาจสร้างปัญหามลภาวะอื่นตามมา... (คิดเยอะไปไหมเรา)
ขนาดเกริ่นยังยาวขนาดนี้ มีแต่น้ำ -_-'
แต่คิดว่าคงพอทำให้เห็นปัญหาของปัญหาจริงๆ
เดี๋ยวมาต่อนะครับ สักครู่...