.............( สัญญา หน้าฝน )............
................หนุ่มเมืองกรุง มาขอหมั้น ชบา เรื่องนี้ ทำเอา หนุ่มบุญเหลือ นั่งน้ำตาตกใน เมื่อตอนใกล้เที่ยง รถเก๋งใหม่เอี่ยม คันใหญ่ สองคัน เข้ามาจอดหน้าบ้าน ตาปั่น ผู้เป็นพ่อ ของหญิงสาว ทำเอายุ้งข้าวที่เอียงอยู่ ดูโทรมไปถนัดตา
ชาวบ้านจับกลุ่มคุยกัน ตามโต๊ะใต้ต้นไม้ และร้านค้า เรื่องสาวเจ้า ที่โชคดี ได้คู่หมั้นมีฐานะมั่นคง ต่างกับ หนุ่มชาวนา อย่าง เจ้าบุญเหลือ ที่มีนา มรดก ตกทอด จากปู่ย่าตายาย อยู่แปลงนึง ก็ทำได้มั่งไม่ได้มั่ง เพราะฝนแล้ง ติดกันมาหลายปี
ตาปั่น กับยายทอง พ่อและแม่ ของ ชบา วุ่นรับแขก ที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ยุ่งกันไปหมดทั้งบ้าน ส่วนผู้มาเยือน ก็ดีแสนดี ไม่ถือสา แก้วน้ำนานาชนิด ทั้งพลาสติก และอลูมิเนียม ยกดื่มกันอย่างไม่มีเคอะเขิน แต่ปฏิเสธ ข้าวปลาอาหาร ที่เจ้าบ้านจะจัดเตรียม ให้เหตุผลว่า ต้องรีบเดินทาง เพราะใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าจะถึงกรุงเทพ
ชบา จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง ผิวพรรณ และหน้าตาดี จนไม่น่าเชื่อ ว่าเป็นลูกชาวนา และด้วยความขยันขันแข็ง เกินกว่าวัยยี่สิบของเธอ เมื่อฝนแล้ง นาทำไม่ได้ สาวเจ้าก็ไปหา งานที่ กรุงเทพ รุ่นพี่ ที่ไปอยู่ก่อนหน้า พาเข้าสมัคร ตำแหน่งประชาสัมพันธ์ ที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ผ่านได้โดยไม่ยากเย็น
งานที่ต้องพบปะกับคนมากหน้า หลายตา ทำให้เธอได้เจอกับ วิชัย หนุ่มหล่อ มาดเข้ม เจ้าของร้าน ขายเสื้อผ้านำเข้าจากต่างประเทศ ราคาชิ้นนึง หลายพันบาท เขาจึงเป็น ผู้ที่มีฐานะ ค่อนข้างดี คนหนึ่ง
วิชัย ตกหลุมรัก ชบา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และเวียนมาหาเธอ ในที่ทำงานบ่อย ๆ มีของฝาก ติดมือมา ทุกครั้ง ด้วยความหวัง ว่าสาวเจ้า จะใจอ่อนลงสักวัน
ฝ่ายชบา ก็วางตัว เป็นกลาง ๆ พูดคุย โดยเว้นระยะห่างพอประมาณ ไม่แสดงกิริยา ว่าชอบ หรือไม่ชอบ อย่าง ออกหน้าออกตา
สิ่งใดได้มายาก สิ่งนั้นย่อมมีค่า และเป็นที่ต้องการ มากขึ้นด้วยคุณค่าของตัวเอง วิชัย เอ่ยปาก ว่าจะไปสู่ขอ สาวเจ้า กับพ่อและแม่ ของเธอ ชบา ได้แต่ยิ้มน้อย ๆ ไม่ตอบรับ ว่าอย่างไร
ฝนตกลงมา หลายครั้งติดกัน ทางบ้านส่งข่าว ให้คนที่ทำงานอยู่เมืองกรุง ทยอยกันกลับบ้านเกิด รวมทั้ง ชบา
เกือบปี ที่บุญเหลือ และชบา ไม่ได้พบหน้ากัน เขายังจำวัน ไปส่งหญิงสาว ที่ท่ารถได้ ใจมันหาย ทั้งที่รู้ ว่าไม่ได้เป็นการจากกันชั่วกาล แต่ด้วยความจน และฝนฟ้าที่ไม่เป็นใจ ทำให้เขารู้สึกหวั่น ว่าจะเสียเธอไป เพราะสัญญาที่ว่า จะไปสู่ขอ ชบานั้น ถูกเลื่อนมาแล้ว ถึงสามคราว
“พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ฉัน ไปไม่นานก็กลับ” หญิงสาว ส่งเสียงหวานปลอบใจ “พี่กลัว กลัวคนจะมาแย่ง ชบา ไปจากพี่” เขากังวลจริง ๆ “มันอยู่ที่ตัว ชบา นะพี่ ชบาไม่มองใคร มันก็แค่นั้น” ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง ไม่อยากให้คนรักไป แต่ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะรั้งเธอ “รอฝนมา ชบา ก็กลับ พี่อย่าลืมสัญญานะ” เขาใจชื้น เมื่อนึกถึงวันที่จะได้เจอกัน “จ๊ะ ขายข้าวได้เมื่อไร พี่จะไปขอ ชบา ทันที” เขาให้สัญญา ก่อน ส่งหญิงสาวขึ้นรถ และมองเธอ จนลับสายตา
สองวันหลังจากหญิงสาวกลับมา บุญเหลือไม่ได้ไปหา เพราะเห็นว่า บ้านอยู่ห่างกันไม่ไกล จังหวะที่เขาก็เตรียมข้าวของ เพื่อจะทำนา รอฝนอีกครั้ง น้ำก็จะพอดีกับการ ไถ และหว่าน ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ เพราะระยะนี้ เมฆฝน ตั้งเค้ามาทุกวัน ตั้งใจไว้ว่า ไถไปสักรอบนึงก่อน จึงจะนำข่าวดีไปบอกเธอ ว่าขายข้าวปีนี้ มีเงินพอ ที่จะมาขอ แน่นอน
จนกระทั่งรถเก๋งคันงาม สองคัน เข้ามาในหมู่บ้าน และไปที่บ้านของชบา เรี่ยวแรง ของชายหนุ่ม ก็เหือดแห้ง ไปโดยสิ้นเชิง
เมฆครึ้มดำ ปกคลุม ทั่วบริเวณ ฟ้าร้อง ครืน ครืน ใกล้เข้ามา ละอองฝน เริ่มโปรยเป็นฝอย กลิ่นดินชื้น หอมเข้าจมูกพร้อมไอเย็น สักครู่หนึ่ง น้ำฝน ก็เปลี่ยนเป็นเม็ดใหญ่ ๆ เทลงมา เสียงดังซ่า ๆ ๆ กลบเสียงรอบข้าง จนไม่ได้ยินอย่างอื่น นอกจาก เสียงสายน้ำกระทบหลังคา และใบไม้ รอบตัว
บุญเหลือ ยังคงนั่งนิ่ง อยู่บนห้างนา ลมเย็นพัดพาละอองน้ำ มากระทบกาย จนเปียกปอน แต่ไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่ม ในใจชายหนุ่ม บรรเทาลงไปแต่อย่างใด หยาดฝน กระเซ็นชุ่มใบหน้า รวมกับหยดน้ำตา ไหลลงมาเป็นทาง
ฝนเบาเม็ด ก่อนจะหยุดสนิท หยาดน้ำเกาะปลายหญ้าคา ที่มุงห้างนาไว้ ก่อนจะหยดลงพื้นดิน ทีละหยด ลมเย็นพัดไปทั่วท้องทุ่ง แสงอาทิตย์ยามเย็น ส่องลอดปุยเมฆลงมา กระทบ หมอกบาง ๆ ที่ลอยอยู่เหนือกอไผ่ ไอเย็นชุ่มฉ่ำ โรยตัวอยู่รอบกาย และรู้สึกได้มากขึ้น เมื่อสูดลมหายใจเข้าไป
ชายหนุ่มไม่ได้รับรู้ ถึงสิ่งรอบตัว ความคิด วนเวียนอยู่กับภาพที่ได้เห็น เมื่อตอนก่อนฝนตกไม่นาน รถเก๋งคันงามสองคัน ถอยออกจากบ้านของหญิงสาว โดยมีสาวเจ้า ยืนยิ้ม พร้อมทั้งโบกมือ ส่งผู้มาเยือน ข้าง ๆ เธอนั้น ตาปั่น และยายทอง ยืนอยู่ ด้วยใบหน้า ที่เบิกบานพอกัน
“พี่อย่าลืมสัญญานะ” เสียงหวานแว่ว ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำ บุญเหลือ หายใจเข้าลึก และปล่อยออกมายาว คำพูดของเธอ เป็นแค่ลมปาก อย่างนั้นหรือ พี่ไม่ลืมหรอก ชบา พี่ไม่เคยลืมแม้แต่นาทีเดียว ว่าใจพี่ มีแต่ชบา แต่สิ่งที่ได้กลับมา มันคืออะไร สามปีที่ผ่าน เธอรอไม่ได้ ก็ใช่ เพราะพี่เอง ที่ไม่ทำตามสัญญา
ชายหนุ่ม รำพึงรำพัน พลางเหม่อมอง ท้องนาด้วยตาที่พร่ามัว หมดแล้วทุกสิ่ง เฝ้าหลงคอย มานาน สุดท้าย ก็จบลงด้วยน้ำตา ฝนหลั่งมาคราวนี้ ไม่ได้ทำให้สุขใจ แม้แต่นิดเดียว เพราะมองไม่เห็นประโยชน์ ที่จะทำอะไรต่อไป
จากชายที่เคยขยันขันแข็ง สู้งานทุกอย่าง ไม่เคยท้อ กลายมาเป็น คนสิ้นเรี่ยวแรง นั่งก้มหน้าอยู่บนห้างนา อย่างหมดอาลัย ความชุ่มฉ่ำรอบตัว ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขา สดชื่นไปด้วย แต่อย่างไร
“พี่บุญเหลือ” เสียงหวานคุ้นหู ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้ง เมื่อหันมาเห็น สาวคนรักยืนอยู่ เขาจ้องมองเธอนิ่ง พร้อมทั้งพูดขึ้นเบา ๆ “ชบา” “จ้ะ ชบาเอง พี่นึกว่าใครล่ะจ๊ะ” “เปล่า” เขาตอบพลาง ก้มหน้ามองดินนิ่ง ไม่พูดอะไรต่อ
ท้องฟ้าเริ่มสลัว นกกระยางสีขาวฝูงใหญ่ บินสูงลิบ มุ่งหน้ากลับที่อยู่ นกกระจิบส่งเสียงเซ็งแซ่ อยู่บนยอดหญ้า เสียงเขียดนา ร้องแจ้ว ๆ แข่งกับเสียงจิ้งหรีด ระงมไปทั่วท้องทุ่ง
“จะแต่งเมื่อไรล่ะ” ชายหนุ่มถามขึ้นมา หลังชั่งใจอยู่นาน “ปลายปีนี้ จ้ะพี่” หญิงสาวตอบ “เค้าบอกเหรอ” เสียงชายหนุ่มแผ่ว “เปล่าจ้ะ ชบาบอกเอง” หูเขาอื้อ แทบไม่ได้ยินเสียงหญิงสาว “ชบา บอก คุณวิชัย ว่า จะแต่งกับ พี่บุญเหลือ ปลายปีนี้”
เหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาใน อก ชายหนุ่มตะลึงกับคำที่ได้ยิน จ้องมองหญิงสาว ตาไม่กระพริบ ใจเต้นแรง ความรู้สึก ต่าง ๆ ประดังเข้ามา เกินกว่าจะบรรยาย ออกมาได้
“พี่...พี่นึก ว่า ชบา รับปากไปกับเขา” บุญเหลือยังคิดว่านี่คือความฝัน “จริง ๆ แล้ว คุณ วิชัย ก็เป็นคนดีนะ” หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้นิดนึง “แต่ชบา เป็นลูกชาวนา เกิดที่นี่ โตที่นี่” เธอมองหน้าชายหนุ่ม “ชบา รัก และผูกพันกับบ้านนา จะให้ไปอยู่เมืองกรุง คงวางตัวลำบาก” ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่ง ไม่พูดอะไร “และ ที่สำคัญ” หญิงสาวหยุดนิดนึง “ชบา มีพี่อยู่แล้วทั้งคน”
“ชบา พี่ เอ้อ พี่.......” เขาอึกอัก พูดไม่เป็นคำ “พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เตรียมตัวให้ทันเหอะ เดี๋ยวสิ้นปี คุณวิชัย เค้ามาอีก ชบาไม่รู้ด้วยนะ” หญิงสาวพูดหยอก ขำกับท่าทาง ชายคนรัก “จ้ะ จ้ะ” บุญเหลือ กระโดดลงห้างนา ทำท่าเดินไปทางคันไถ “พี่จะไปไหนน่ะ” คนรักสาว ถามยิ้ม ๆ ด้วยความสงสัย” “ไปไถนาจ้ะ” ชายหนุ่มหันมาตอบ “โธ่ พี่ นี่มันมืดแล้ว รอเช้าก็ทันจ้า” แล้วเธอก็หัวเราะร่วน พร้อมทั้งเสียงชายหนุ่ม ที่หัวเราะตาม ด้วยความเขิน กับ ความ ลนลาน ของตัวเอง
กลิ่นไอดิน หลังฝน หอมเข้าจมูก ความชื้น โรยอยู่รอบตัว พื้นดิน และใบไม้โดยรอบ ชุ่มฉ่ำ ทำจิตใจสดชื่นตามไปด้วย จิ้งหรีดส่งเสียงร่าเริง เมื่อ ยอดหญ้า เต็มไปด้วยหยดน้ำ กบร้องแว่ว ๆ อยู่กลางบึง ปลาโดดน้ำดังโผง เขียดที่เซ็งแซ่อยู่รอบ ๆ ตกใจเงียบไปอึดใจ แล้วก็พากันร้องประสานเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ทำท้องทุ่งยามเย็น มีชีวิตชีวา ดั่งมีเสียงดนตรี จากธรรมชาติ บรรเลงให้ฟัง ไม่ขาดตอน
แสงสุดท้าย ลับทิวไม้เบื้องหน้าไป พร้อมกับความมืด ที่คืบคลานเข้ามาแทน แต่ในใจของหนุ่มสาว กลับมีประกายสดใส ที่เกิดจาก คำมั่นสัญญา และความรัก ตราบใด ในโลกนี้ ยังคงมี รักแท้ แสงประกาย อันเจิดจ้านั้น จะคงอยู่ ในใจ ของ คู่รัก ทุกคู่ นาน เท่า นาน ...................@@
ลุงแผน
๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒
..........ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ที่มีให้ มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ..........
...................................................................................
..........ขออภัยครับ แก้บรรทัด ติดกัน
.....เรื่องสั้น........ เรื่อง.......สัญญา หน้าฝน........@@ โดย ลุงแผน
.............( สัญญา หน้าฝน )............
................หนุ่มเมืองกรุง มาขอหมั้น ชบา เรื่องนี้ ทำเอา หนุ่มบุญเหลือ นั่งน้ำตาตกใน เมื่อตอนใกล้เที่ยง รถเก๋งใหม่เอี่ยม คันใหญ่ สองคัน เข้ามาจอดหน้าบ้าน ตาปั่น ผู้เป็นพ่อ ของหญิงสาว ทำเอายุ้งข้าวที่เอียงอยู่ ดูโทรมไปถนัดตา
ชาวบ้านจับกลุ่มคุยกัน ตามโต๊ะใต้ต้นไม้ และร้านค้า เรื่องสาวเจ้า ที่โชคดี ได้คู่หมั้นมีฐานะมั่นคง ต่างกับ หนุ่มชาวนา อย่าง เจ้าบุญเหลือ ที่มีนา มรดก ตกทอด จากปู่ย่าตายาย อยู่แปลงนึง ก็ทำได้มั่งไม่ได้มั่ง เพราะฝนแล้ง ติดกันมาหลายปี
ตาปั่น กับยายทอง พ่อและแม่ ของ ชบา วุ่นรับแขก ที่มาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ยุ่งกันไปหมดทั้งบ้าน ส่วนผู้มาเยือน ก็ดีแสนดี ไม่ถือสา แก้วน้ำนานาชนิด ทั้งพลาสติก และอลูมิเนียม ยกดื่มกันอย่างไม่มีเคอะเขิน แต่ปฏิเสธ ข้าวปลาอาหาร ที่เจ้าบ้านจะจัดเตรียม ให้เหตุผลว่า ต้องรีบเดินทาง เพราะใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าจะถึงกรุงเทพ
ชบา จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง ผิวพรรณ และหน้าตาดี จนไม่น่าเชื่อ ว่าเป็นลูกชาวนา และด้วยความขยันขันแข็ง เกินกว่าวัยยี่สิบของเธอ เมื่อฝนแล้ง นาทำไม่ได้ สาวเจ้าก็ไปหา งานที่ กรุงเทพ รุ่นพี่ ที่ไปอยู่ก่อนหน้า พาเข้าสมัคร ตำแหน่งประชาสัมพันธ์ ที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ผ่านได้โดยไม่ยากเย็น
งานที่ต้องพบปะกับคนมากหน้า หลายตา ทำให้เธอได้เจอกับ วิชัย หนุ่มหล่อ มาดเข้ม เจ้าของร้าน ขายเสื้อผ้านำเข้าจากต่างประเทศ ราคาชิ้นนึง หลายพันบาท เขาจึงเป็น ผู้ที่มีฐานะ ค่อนข้างดี คนหนึ่ง
วิชัย ตกหลุมรัก ชบา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และเวียนมาหาเธอ ในที่ทำงานบ่อย ๆ มีของฝาก ติดมือมา ทุกครั้ง ด้วยความหวัง ว่าสาวเจ้า จะใจอ่อนลงสักวัน
ฝ่ายชบา ก็วางตัว เป็นกลาง ๆ พูดคุย โดยเว้นระยะห่างพอประมาณ ไม่แสดงกิริยา ว่าชอบ หรือไม่ชอบ อย่าง ออกหน้าออกตา
สิ่งใดได้มายาก สิ่งนั้นย่อมมีค่า และเป็นที่ต้องการ มากขึ้นด้วยคุณค่าของตัวเอง วิชัย เอ่ยปาก ว่าจะไปสู่ขอ สาวเจ้า กับพ่อและแม่ ของเธอ ชบา ได้แต่ยิ้มน้อย ๆ ไม่ตอบรับ ว่าอย่างไร
ฝนตกลงมา หลายครั้งติดกัน ทางบ้านส่งข่าว ให้คนที่ทำงานอยู่เมืองกรุง ทยอยกันกลับบ้านเกิด รวมทั้ง ชบา
เกือบปี ที่บุญเหลือ และชบา ไม่ได้พบหน้ากัน เขายังจำวัน ไปส่งหญิงสาว ที่ท่ารถได้ ใจมันหาย ทั้งที่รู้ ว่าไม่ได้เป็นการจากกันชั่วกาล แต่ด้วยความจน และฝนฟ้าที่ไม่เป็นใจ ทำให้เขารู้สึกหวั่น ว่าจะเสียเธอไป เพราะสัญญาที่ว่า จะไปสู่ขอ ชบานั้น ถูกเลื่อนมาแล้ว ถึงสามคราว
“พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ฉัน ไปไม่นานก็กลับ” หญิงสาว ส่งเสียงหวานปลอบใจ “พี่กลัว กลัวคนจะมาแย่ง ชบา ไปจากพี่” เขากังวลจริง ๆ “มันอยู่ที่ตัว ชบา นะพี่ ชบาไม่มองใคร มันก็แค่นั้น” ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง ไม่อยากให้คนรักไป แต่ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะรั้งเธอ “รอฝนมา ชบา ก็กลับ พี่อย่าลืมสัญญานะ” เขาใจชื้น เมื่อนึกถึงวันที่จะได้เจอกัน “จ๊ะ ขายข้าวได้เมื่อไร พี่จะไปขอ ชบา ทันที” เขาให้สัญญา ก่อน ส่งหญิงสาวขึ้นรถ และมองเธอ จนลับสายตา
สองวันหลังจากหญิงสาวกลับมา บุญเหลือไม่ได้ไปหา เพราะเห็นว่า บ้านอยู่ห่างกันไม่ไกล จังหวะที่เขาก็เตรียมข้าวของ เพื่อจะทำนา รอฝนอีกครั้ง น้ำก็จะพอดีกับการ ไถ และหว่าน ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ เพราะระยะนี้ เมฆฝน ตั้งเค้ามาทุกวัน ตั้งใจไว้ว่า ไถไปสักรอบนึงก่อน จึงจะนำข่าวดีไปบอกเธอ ว่าขายข้าวปีนี้ มีเงินพอ ที่จะมาขอ แน่นอน
จนกระทั่งรถเก๋งคันงาม สองคัน เข้ามาในหมู่บ้าน และไปที่บ้านของชบา เรี่ยวแรง ของชายหนุ่ม ก็เหือดแห้ง ไปโดยสิ้นเชิง
เมฆครึ้มดำ ปกคลุม ทั่วบริเวณ ฟ้าร้อง ครืน ครืน ใกล้เข้ามา ละอองฝน เริ่มโปรยเป็นฝอย กลิ่นดินชื้น หอมเข้าจมูกพร้อมไอเย็น สักครู่หนึ่ง น้ำฝน ก็เปลี่ยนเป็นเม็ดใหญ่ ๆ เทลงมา เสียงดังซ่า ๆ ๆ กลบเสียงรอบข้าง จนไม่ได้ยินอย่างอื่น นอกจาก เสียงสายน้ำกระทบหลังคา และใบไม้ รอบตัว
บุญเหลือ ยังคงนั่งนิ่ง อยู่บนห้างนา ลมเย็นพัดพาละอองน้ำ มากระทบกาย จนเปียกปอน แต่ไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่ม ในใจชายหนุ่ม บรรเทาลงไปแต่อย่างใด หยาดฝน กระเซ็นชุ่มใบหน้า รวมกับหยดน้ำตา ไหลลงมาเป็นทาง
ฝนเบาเม็ด ก่อนจะหยุดสนิท หยาดน้ำเกาะปลายหญ้าคา ที่มุงห้างนาไว้ ก่อนจะหยดลงพื้นดิน ทีละหยด ลมเย็นพัดไปทั่วท้องทุ่ง แสงอาทิตย์ยามเย็น ส่องลอดปุยเมฆลงมา กระทบ หมอกบาง ๆ ที่ลอยอยู่เหนือกอไผ่ ไอเย็นชุ่มฉ่ำ โรยตัวอยู่รอบกาย และรู้สึกได้มากขึ้น เมื่อสูดลมหายใจเข้าไป
ชายหนุ่มไม่ได้รับรู้ ถึงสิ่งรอบตัว ความคิด วนเวียนอยู่กับภาพที่ได้เห็น เมื่อตอนก่อนฝนตกไม่นาน รถเก๋งคันงามสองคัน ถอยออกจากบ้านของหญิงสาว โดยมีสาวเจ้า ยืนยิ้ม พร้อมทั้งโบกมือ ส่งผู้มาเยือน ข้าง ๆ เธอนั้น ตาปั่น และยายทอง ยืนอยู่ ด้วยใบหน้า ที่เบิกบานพอกัน
“พี่อย่าลืมสัญญานะ” เสียงหวานแว่ว ยังดังก้องอยู่ในความทรงจำ บุญเหลือ หายใจเข้าลึก และปล่อยออกมายาว คำพูดของเธอ เป็นแค่ลมปาก อย่างนั้นหรือ พี่ไม่ลืมหรอก ชบา พี่ไม่เคยลืมแม้แต่นาทีเดียว ว่าใจพี่ มีแต่ชบา แต่สิ่งที่ได้กลับมา มันคืออะไร สามปีที่ผ่าน เธอรอไม่ได้ ก็ใช่ เพราะพี่เอง ที่ไม่ทำตามสัญญา
ชายหนุ่ม รำพึงรำพัน พลางเหม่อมอง ท้องนาด้วยตาที่พร่ามัว หมดแล้วทุกสิ่ง เฝ้าหลงคอย มานาน สุดท้าย ก็จบลงด้วยน้ำตา ฝนหลั่งมาคราวนี้ ไม่ได้ทำให้สุขใจ แม้แต่นิดเดียว เพราะมองไม่เห็นประโยชน์ ที่จะทำอะไรต่อไป
จากชายที่เคยขยันขันแข็ง สู้งานทุกอย่าง ไม่เคยท้อ กลายมาเป็น คนสิ้นเรี่ยวแรง นั่งก้มหน้าอยู่บนห้างนา อย่างหมดอาลัย ความชุ่มฉ่ำรอบตัว ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขา สดชื่นไปด้วย แต่อย่างไร
“พี่บุญเหลือ” เสียงหวานคุ้นหู ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้ง เมื่อหันมาเห็น สาวคนรักยืนอยู่ เขาจ้องมองเธอนิ่ง พร้อมทั้งพูดขึ้นเบา ๆ “ชบา” “จ้ะ ชบาเอง พี่นึกว่าใครล่ะจ๊ะ” “เปล่า” เขาตอบพลาง ก้มหน้ามองดินนิ่ง ไม่พูดอะไรต่อ
ท้องฟ้าเริ่มสลัว นกกระยางสีขาวฝูงใหญ่ บินสูงลิบ มุ่งหน้ากลับที่อยู่ นกกระจิบส่งเสียงเซ็งแซ่ อยู่บนยอดหญ้า เสียงเขียดนา ร้องแจ้ว ๆ แข่งกับเสียงจิ้งหรีด ระงมไปทั่วท้องทุ่ง
“จะแต่งเมื่อไรล่ะ” ชายหนุ่มถามขึ้นมา หลังชั่งใจอยู่นาน “ปลายปีนี้ จ้ะพี่” หญิงสาวตอบ “เค้าบอกเหรอ” เสียงชายหนุ่มแผ่ว “เปล่าจ้ะ ชบาบอกเอง” หูเขาอื้อ แทบไม่ได้ยินเสียงหญิงสาว “ชบา บอก คุณวิชัย ว่า จะแต่งกับ พี่บุญเหลือ ปลายปีนี้”
เหมือนมีแสงสว่างแวบเข้ามาใน อก ชายหนุ่มตะลึงกับคำที่ได้ยิน จ้องมองหญิงสาว ตาไม่กระพริบ ใจเต้นแรง ความรู้สึก ต่าง ๆ ประดังเข้ามา เกินกว่าจะบรรยาย ออกมาได้
“พี่...พี่นึก ว่า ชบา รับปากไปกับเขา” บุญเหลือยังคิดว่านี่คือความฝัน “จริง ๆ แล้ว คุณ วิชัย ก็เป็นคนดีนะ” หญิงสาวขยับเข้ามาใกล้นิดนึง “แต่ชบา เป็นลูกชาวนา เกิดที่นี่ โตที่นี่” เธอมองหน้าชายหนุ่ม “ชบา รัก และผูกพันกับบ้านนา จะให้ไปอยู่เมืองกรุง คงวางตัวลำบาก” ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่ง ไม่พูดอะไร “และ ที่สำคัญ” หญิงสาวหยุดนิดนึง “ชบา มีพี่อยู่แล้วทั้งคน”
“ชบา พี่ เอ้อ พี่.......” เขาอึกอัก พูดไม่เป็นคำ “พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เตรียมตัวให้ทันเหอะ เดี๋ยวสิ้นปี คุณวิชัย เค้ามาอีก ชบาไม่รู้ด้วยนะ” หญิงสาวพูดหยอก ขำกับท่าทาง ชายคนรัก “จ้ะ จ้ะ” บุญเหลือ กระโดดลงห้างนา ทำท่าเดินไปทางคันไถ “พี่จะไปไหนน่ะ” คนรักสาว ถามยิ้ม ๆ ด้วยความสงสัย” “ไปไถนาจ้ะ” ชายหนุ่มหันมาตอบ “โธ่ พี่ นี่มันมืดแล้ว รอเช้าก็ทันจ้า” แล้วเธอก็หัวเราะร่วน พร้อมทั้งเสียงชายหนุ่ม ที่หัวเราะตาม ด้วยความเขิน กับ ความ ลนลาน ของตัวเอง
กลิ่นไอดิน หลังฝน หอมเข้าจมูก ความชื้น โรยอยู่รอบตัว พื้นดิน และใบไม้โดยรอบ ชุ่มฉ่ำ ทำจิตใจสดชื่นตามไปด้วย จิ้งหรีดส่งเสียงร่าเริง เมื่อ ยอดหญ้า เต็มไปด้วยหยดน้ำ กบร้องแว่ว ๆ อยู่กลางบึง ปลาโดดน้ำดังโผง เขียดที่เซ็งแซ่อยู่รอบ ๆ ตกใจเงียบไปอึดใจ แล้วก็พากันร้องประสานเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ทำท้องทุ่งยามเย็น มีชีวิตชีวา ดั่งมีเสียงดนตรี จากธรรมชาติ บรรเลงให้ฟัง ไม่ขาดตอน
แสงสุดท้าย ลับทิวไม้เบื้องหน้าไป พร้อมกับความมืด ที่คืบคลานเข้ามาแทน แต่ในใจของหนุ่มสาว กลับมีประกายสดใส ที่เกิดจาก คำมั่นสัญญา และความรัก ตราบใด ในโลกนี้ ยังคงมี รักแท้ แสงประกาย อันเจิดจ้านั้น จะคงอยู่ ในใจ ของ คู่รัก ทุกคู่ นาน เท่า นาน ...................@@
ลุงแผน
๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒
..........ขอบพระคุณ สำหรับกำลังใจจากทุกท่าน ที่มีให้ มาโดยตลอด ขอบคุณมาก ๆ ครับ..........