อยากขอร้องว่าก่อนจะตัดสิน อยากให้ช่วยอ่านรายละเอียดก่อนนะครับ
ผมมีแนวคิดรักนวลสงวนตัว ไม่ใจเร็วหรือชิงสุกก่อนห่าม(หัวโบราณ) เลยอยากได้หญิงพรหมจรรย์(หมายถึงไม่ใจง่าย มีแนวคิดเดียวกับผม มีคู่ชีวิตคนเดียว ไม่ใช่แค่เรื่องเยื่อ)
ถามว่าทำไมผมอยาก ส่วนตัวบอกเลยนะว่าภูมิใจในฐานะผู้ชายที่ได้เป็นคนแรกของเธอ
แต่เวลาจีบใครก็ตาม พอถามว่าซิงไหม ส่วนใหญ่มักจะโดนว่าเห็นแก่ตัว แม้ใช้คำสุภาพอื่นๆหรือหาจังหวะเหมาะสมแล้วก็ตาม(อันนี้เล่าคร่าวๆ)
บางคนเขาเข้าใจเพราะเรียนรู้จากนิสัยผม บางคนเห็นผมซื่อก็โกหก หลอก แต่สุดท้ายเขาก็หายไป บางคนก็กลับมาสารภาพว่าตอนแรกโกหกเพราะคิดว่าผมหวังฟันแล้วทิ้ง หวัง บางคนถึงกับคิดว่าแบดบอยมาล่าหญิงด้วยซ้ำ กรรมแท้55
แต่พอรู้จักจริงๆกลับบอกเราว่าไม่ใช่คนแบบนั้นเลยมาขอโทษ บางคนก็บอกรู้สึกละอายใจที่ตัวเองดีไม่พอ ผมก็บอกเรื่องแบบนี้ไม่มีใครผิด เป็นที่แนวคิด เขาก็มีคุณค่าในตัวเองเต็มเปี่ยม
ผมอยากเป็นเพื่อนกับพวกเขานะ นิสัยดีกันทั้งนั้น แต่แปลกที่หลายคนมักจะหายไปเงียบๆ บางคนก็หายไปเลย คิดว่าเขาคงคิดว่าผมจะตัดใจไปเอง แต่ผมไม่ชอบวิธีการแบบนี้ ทำไมไม่คุยให้รู้เรื่องว่าหายไปเพราะอะไร พอตามเจอเขาถึงยอมบอกว่าไม่เหมาะกับเราบ้าง คือถ้าคุยกันตรงๆก็เข้าใจนะ แต่ส่วนใหญ่มักหายไปไม่บอกกล่าวกันเลย เลยทำให้คาใจ บางทีก็สงสัยว่าเราทำอะไรผิด(ผมมักหันกลับมาดูตัวเองก่อนเสมอ)
ขอบอกก่อนว่าความซิงเนี่ยไม่เกี่ยวกับเรื่อง รัก หรือ ไม่รัก
ความรักมันไม่ได้วัดกันที่เรื่องนี้เรื่องเดียว
แต่ความรัก มันคือทุกๆเรื่อง ซึ่งสำคัญทั้งนั้น นิสัย ความคิด ใช้ชีวิต การปรับตัว ความเหมาะสม อบอุ่น สุขกายสบายใจ สุภาพ ให้เกียรติ ให้โอกาส จริงใจ เห็นใจ อภัย รู้สึกปลอดภัย ยอมรับตัวตนไม่ฝืนทน เป็นตัวเอง ความเข้ากันหรืออื่นๆ หากผู้อ่านอยากเสนอแนะก็เสริมมาได้ครับ
วกกลับมาเรื่องซิงไม่ซิง
ถามว่าซิงแล้วดีกว่ายังไง
เรื่องแรก เกียรติศักดิ์ศรีผู้ชาย-หญิงที่มีแนวคิดยึดถือความบริสุทธิ์ วงศ์ตระกูล หน้าพ่อแม่ ชื่อเสียงนามสกุล
หากจะถามว่าคุณอยากได้ ผญ เคยมีอะไรกับ ผช มาก่อนเจอคุณไหม? ใช่ บางคนอยาก แต่กับผมแล้วไม่ใช่
จริงๆก็คงไม่มีใครมาประกาศตัวเองว่าซิงไม่ซิงให้ชาวบ้านรู้หรอก แต่ถามว่าภูมิใจไหมที่ได้เป็นคนแรกของกันและกันและเคียงคู่กันไปตลอดชีวิต ซึ่งต้องผ่านกระบวนการคิดไตร่ตรอง ควบคุมอารมณ์ รักตัวเองเป็น เห็นคุณค่าร่างกายส่วนสำคัญ(ในฐานะผู้หญิง ตามสรีร อวัยวะอยู่ภายใน ก่อนมีก็ควรรู้ชัดก่อนว่าผู้ชายไม่มีโรค โดยการไปตรวจ ขั้นตอนนี้ต้องผ่านความไว้เนื้อเชื่อใจ เปิดใจพร้อมหาทางป้องกันที่ดีหรือแก้ปัญหากรณีมีโรคทางกรรมพันธุ์ เป็นการวางแผนครอบครัวอนาคตไปในตัว)
มันเป็นเรื่องของความเสี่ยง หาก ผช เคยมีกับใครมา ก็เสี่ยงมีเชื้อติดมา ในกรณี ผญ ก็เช่นกัน มันติดแฝงกันมาได้โดยไม่รัตัว
จะเรียกว่า คนซิง คือคนสะอาด ปลอดเชื้อกามโรค ก็ไม่ผิด
ยิ่ง ผช หรือ ผญ ก็ตาม ที่มีอะไรกับใครมามากๆ หลากหลายคน ยิ่งจำนวนมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เรื่องถัดมานี่เป็นการเรียนรู้กันเลย ไม่มีประสบการณ์มาเจอกัน คงจะตื่นเต้น ใจสั่น เก้ๆกังๆ เขอะเขิน อายที่ต่างคนต่างทำไม่เป็น 555 มันคงตลกดี น่ารัก และมีความสุขไม่น้อย ที่รัว่ามันเป็นธรรมชาติชีวิตที่ไม่มีใครเป็นหรือเก่งมาก่อน ต้องหัดเรียนรู้ไปด้วยกัน(ประสบกามทางเพศ)
เรื่องรสนิยมความชอบ คุยกันก่อนได้ในเชิงทฤษฎี
เรื่องต่อมาคือปัญหาความสัมพันธ์กับคนรักเก่า ไม่มีอดีตที่กระทบจิตใจ ไม่มีปัญหาคนรักเก่ามาเกทับประเด็นที่เคยผ่านใครมาก่อน หรือประสบการณ์เก่าเป็นข้อเปรียบเทียบ
ไหนๆพล่ามยาวก็ขออนุญาตบ่นไปด้วยเลย รู้สึกว่าอะไรๆก็ต้องใช้เวลานะ ที่ผ่านมาก็ใช้เวลาเรียนรู้หลายคนไปมาก ยิ่งนานจะยิ่งรู้สึกกลัวว่าคู่ชีวิตเราจะมีมั้ยน้า บางคนเข้ากันได้เลยแต่อายุห่างไป เขาไม่โอเคก็ยังไม่ใช่อีก จะบอกว่าจริงๆก็เจอคนดีๆมาเยอะ แต่ส่วนใหญ่เขาจะอายุห่างกับเรามากหน่อยแล้วรู้สึกไกลไปมั้ง (ตัดประเด็นเลี้ยงต้อยไปด้วยเผื่อใครจะแนะนำแบบนี้ อิอิ)
บางคนก็ชอบบอกว่าผมอยู่ในโลกจินตนาการ แต่ผมว่าไม่ใช่ครับ ครอบครัวผมนี่ไงตัวอย่าง(ที่น้อยมากในสังคมปัจจุบัน) หรือครอบครัวคนอื่นก็มีนะ คิดคล้ายๆผม ในชีวิตก็รู้จักคนคิดคล้ายๆกันเยอะอยู่
สิ่งที่บอกได้จากคนซิงนี่มีหลายอย่างนะ เรื่องทัศนคติ การถูกเลี้ยงดูมา การจัดการชีวิต การเลี้ยงลูกในอนาคต มีลูก ก็สอนลูกได้ เอาประสบการณ์ตัวเองบอกได้เต็มปากว่าพ่อแม่กว่าจะมีลูกได้นี่ผ่านอะไรกันมาเยอะนะ ทั้งการเรียนรู้กัน ศึกษากันมาจนมั่นใจว่าเราคือคู่แท้ ครอบครัวยอมรับ แต่งงานกัน อดทนรู้จักหักห้ามใจเพื่อมาเป็นของกันและกันทั้งร่างกายและจิตใจ และหนูก็เกิดมาจากการวางแผนครอบครัวมาอย่างดีแล้ว ลูกถึงรัสึกอบอุ่น รักพ่อแม่รักครอบครัว ภูมิใจที่เกิดมาในบ้านเราแบบนี้(ช่างโรแมนติก)
ขอบ่นไปด้วย555
ตระกูลผมนี่แทบจะเรียกว่าใกล้สูญพันธุ์ก็ว่าได้ มีค่านิยม ธรรมเนียมปฏิบัติ เคร่งครัดประเพณีกันมาช้านาน คัดกรองคนเข้าบ้านพิถีพิถัน
ยอมหักไม่ยอมงอ ต้องให้ได้คนดี บางทีมันอาจเป็นชะตากรรมที่ยากจะหลีกเลี่ยง ผมก็กดดันนะ ก็อยากสบายๆกับการหาคู่ชีวิต
แต่ก็แบกรับความหวังไว้มากมายเหมือนกัน การที่สืบทอดกันมาได้ 20 กว่ารุ่น บรรพบุรุษก่อตั้งมา 700 กว่าปี แล้วจะมาจบที่รุ่นเรามันก็ยังไงอยู่ ก็อยากให้มีลูกหลานที่คงคุณภาพสืบทอดต่อไป
ทุกวันนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนจากแต่ก่อนเยอะ ความคิดคนเสรีขึ้น สื่อกว้างขวาง มีผลกระทบต่อคนรุ่นใหม่ที่อาจทำให้อยากรู้อยากลอง ใจเร็ว หรือการอบรมเลี้ยงดูผู้ปกครองไม่ทั่วถึงบุตรหลานเนื่องจากมุ่งงาน เวลาน้อย เราก็พยายามปรับตัว อันไหนหยวนได้ก็ปล่อยบ้างถ้าไม่ทำลายชื่อเสียงหรือกระทบจิตใจ
ผช สมัยนี้ก็เห็นแก่ตัวเยอะ หลอก ผญ ซื่อๆ ผญ รักจริงจิตใจบริสุทธิ์ใสสะอาดบางทีก็พลาด คนดีๆซิงๆถึงเหลือน้อย ก็คงไม่มีใครอยากพลาดหรอก
ทุกวันนี้ผู้คนแนวคิดผัวเดียวเมียเดียวน้อยลง สภาพแวดล้อม เพื่อนบ้างอะไรบ้าง การจะหาคนใจหนักแน่น คิดตรงกัน ความเป็นไปได้น้อยจริงๆ ยิ่งคนใหญ่หรือผมเองก็อยากได้คู่รักที่หน้าตาค่อนข้างดี(ไม่ใช่ขนาดนางฟ้าหรือพิมพ์นิยมนะ เป็นธรรมชาติและไม่ศัลยกรรม) น่ารักๆ การมองรูปภายนอกด้วย การจะเจอยิ่งน้อยลงไปอีก
(ส่วนตัวผิวขาว หน้าตากลางๆ เป็นไปได้ก็พอๆกับตัวเอง)
แต่มานึกทีไรก็ภูมิใจนะที่เกิดมาในตระกูลแบบนี้ มีพ่อแม่มีครอบครัวเครือญาติแบบนี้ ตั้งแต่เกิดมาที่เห็นพ่อแม่ก็แสดงความรักกันแบบจริงใจ ดูอบอุ่นใสๆยังกับหนุ่มสาวเลย ดูต่างคนเขาก็ภูมิใจในคู่แท้คนเดียวในชีวิตเขา
แต่กว่าจะเจอคู่แท้ตัวเอง ที่สังเกตญาติพี่น้อง ดูจะลำบากพอควร พี่ๆกว่าจะได้แต่งกันนี่อายุ 30-40+ ทั้งนั้น บางคนก็มีญาติแนะนำให้ แต่ผมอยากใช้ความสามารถตัวเองไปก่อน
เรื่องการปรับตัวยุคสมัยเนี่ยพ่อแม่ผมเข้าใจนะ ยังเคยบอกเลยว่าถ้าสองครอบครัวต่างฝ่ายต่างรับรู้ยอมรับและมีสิ่งรับประกันแล้วว่าจะรวมเป็นครอบครัวเดียวกัน(เหมือนตกลงเป็นคู่ครองกันนั่นแหละ) ก็อาจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างอิสระโดยไม่ต้องพิธีรีตองถึงขั้นแต่งงานหรือมีอะไรหลังแต่งก็ได้
ปัญหาที่ผ่านมานี่คือ เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาเรียนรู้คน ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะได้คำตอบและรู้จักกันจริงๆในระยะเวลาอันสั้นจากอีกฝ่าย
อย่างที่กล่าวไปคือ หากประกาศเจตนารมณ์แต่แรก ไม่โดนโกหก ก็ถูกเข้าใจผิดเจตนา หรือหากไม่ถามก่อนก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายมารักเราไปแล้วแล้วเราถึงถาม มันจะเสียความรู้สึก เสียเวลาทั้งคู่
ถ้าไม่เพราะดวง โชคชะตา เวรกรรม หรือพระเจ้ากำหนดมา คิดว่าจะมีทางลัดใดบ้างที่จะได้มาซึ่งความจริงของคำตอบของผู้หญิง ว่าเธอบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า ผมสังเกตคนไม่เก่งด้วย
ป.ล. ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนโลกส่วนตัวสูงก็คงดีนะ 5555 สายอนิเมะ-มังงะ หรือชอบดนตรีด้วยคงจะแจ่ม คิดว่าน่าจะเข้ากันได้ดี ผมชอบอยู่ดึกๆด้วยสิ แต่ไม่ใช่มนุษย์เสาหินกลัวแสงหรือเป็นผีดิบอะไรหรอก กลางคืนมันเงียบสงบ ทำงานอ่านหนังสือมันมีสมาธิดี (ส่วนกลางวัน ..zZzz แต่ถ้ามีงานก็ต้องตื่นไหว555)
ป.ล. ใน ป.ล. ไม่ได้มาหาคู่ในนี้ และ ผมอายุ 24
คิดว่าสาวๆรุ่นราวคราวเดียวหรือเด็กกว่า มีคนแบบนี้อยู่เยอะมั้ยนะ
สรุปกระทู้นี้เหมือนมาบ่น+เล่าเรื่องในบ้านตัวเอง แต่ก็ยังต้องการคำตอบและคำแนะนำ
กรุณามีมารยาท และใช้คำสุภาพนะครับ หากจะด่าว่าอะไรขอให้มีเหตุผลและใช้ปัญญาในการตอบ
ขอขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเห็นครับ
อยากเปิดบริสุทธิ์ผู้หญิง เป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวไหมครับ?