หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ม ห า ปุ ริ ส วิ ต ก ๘
กระทู้คำถาม
มหาสติปัฏฐาน 4
พระไตรปิฎก
ปฏิบัติธรรม
ศาสนาพุทธ
วิปัสสนากรรมฐาน
(๑)
ธรรมนี้เป็นธรรม
... ของบุคคลผู้มีความปรารถนาน้อย มิใช่ของบุคคลผู้มีความปรารถนามาก ๑
ดูกร ภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้
มีความปรารถนาน้อย
ย่อม
ไม่ปรารถนา
ว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า มีความปรารถนาน้อย
เป็นผู้
สันโดษ
ย่อม
ไม่ปรารถนา
ว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า เป็นผู้สันโดษ
เป็นผู้
สงัด
ย่อม
ไม่ปรารถนา
ว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า เป็นผู้สงัด
เป็นผู้
ปรารภความเพียร
ย่อม
ไม่ปรารถนา
ว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า ปรารภความเพียร
เป็นผู้
มีสติตั้งมั่น
ย่อม
ไม่ปรารถนา
ว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า มีสติตั้งมั่น
เป็นผู้
มีจิตมั่นคง
ย่อม
ไม่ปรารถนา
ว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า เป็นผู้มีจิตมั่นคง
เป็นผู้
มีปัญญา
ย่อม
ไม่ปรารถนา
ว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า มีปัญญา
เป็นผู้
ชอบใจในธรรมที่ ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า
ย่อม
ไม่ปรารถนา
ว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า เป็นผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า
______________________________________________________________________________________________
(๒)
... ของบุคคลผู้สันโดษ มิใช่ของบุคคลผู้ไม่สันโดษ ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรม วินัยนี้
เป็นผู้สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัช บริขาร ตามมีตามได้
______________________________________________________________________________________________
(๓)
... ของบุคคลผู้สงบสงัด มิใช่ของบุคคลผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่ ๑
ดูกรภิกษุ ท.! พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชา
เดียรถีย์ และสาวกแห่งเดียรถีย์ เข้าไปหาภิกษุนั้น
ภิกษุมีจิตน้อมไป โอนไป เงื้อมไปในวิเวก ตั้งอยู่ในวิเวก ยินดีในเนกขัมมะ
ย่อมกล่าวกถาอันปฏิสังยุต ด้วยถ้อยคำตามสมควร ในสมาคมนั้นโดยแท้
______________________________________________________________________________________________
(๔)
... ของบุคคลผู้ปรารภความเพียร มิใช่ของบุคคลผู้เกียจคร้าน ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ปรารภความเพียร
เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรม
มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม
______________________________________________________________________________________________
(๕)
... ของบุคคลผู้มีสติตั้งมั่น มิใช่ของบุคคลผู้มีสติหลงลืม ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้มีสติ ประกอบด้วยสติเครื่องรักษาตัวอย่างยิ่ง
ระลึกนึกถึงกิจที่ทำคำที่พูดแม้นานได้
______________________________________________________________________________________________
(๖)
... ของบุคคลผู้มีจิตตั้งมั่น มิใช่ของบุคคลผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้
เพราะสงัดจากกามอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงเข้าถึง
ปฐมฌาน
,
อันประกอบด้วยวิตกวิจาร,มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวกแล้วแลอยู่;
เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลงจึงเข้าถึง
ทุติยฌาน
, เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน
ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่
อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา, มีสติและสัมปชัญญะ, และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย,
ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า“เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปรกติสุข” ดังนี้เธอย่อม เข้าถึง
ตติยฌาน
แล้วแลอยู่;
เพราะละสุขเสียได้, เพราะละทุกข์เสียได้, เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน,
เธอย่อมเข้าถึง
จตุตฌาน
, ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข, มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่
______________________________________________________________________________________________
(๗)
... ของบุคคลผู้มีปัญญา มิใช่ของบุคคลผู้มีปัญญาทราม ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา ประกอบด้วยปัญญาเครื่อง
พิจารณาความเกิดและความดับ
เป็นอริยะ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ
______________________________________________________________________________________________
(๘)
... ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่ทำให้เนิ่นช้า ผู้ยินดีในธรรมที่ไม่ทำให้เนิ่นช้า
มิใช่ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่ทำให้เนิ่นช้า ผู้ยินดีในธรรมที่ทำให้เนิ่นช้า ๑
ดูกรภิกษุท. ! จิตของภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมแล่นไปเลื่อมใส ตั้งมั่นอยู่ในความดับกิเลสเป็นเครื่องเนิ่นช้า ย่อมหลุดพ้น
______________________________________________________________________________________________
" ผล ของ มหา ปุริส วิตก ๘ "
https://pantip.com/topic/38877047
ปรับปรุงจากกะทู้เดิม : " ม ห า ปุ ริ ส วิ ต ก ๘ "
https://pantip.com/topic/38254833
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ความยาก 3 ประการ
"นอบน้อมแด่ พุทธธรรมสงฆ์ อันมีคุณมากหาประมาณไม่ได้และเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า" ความยาก 3 ประการ 1.การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก 2. การที่พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นในโลกที่เป
สมาชิกหมายเลข 1772882
ทุติยโกกาลิกสูตร
ทุติยโกกาลิกสูตรที่ ๑๐ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๕ สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ข้อที่ ๕๙๘ เป็นต้นไป ---------------------------------------------------------------------- สาวัตถี
traf2003
ไม่อยากเดือดร้อน อยากมีความสุขก็ต้องละอกุศลธรรมและสร้างกุศลธรรมให้เกิดขี้น
"นอบน้อมแด่ พุทธธรรมสงฆ์ อันเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า" ................... บางส่วนจาก "เทวทหสูตร" พระสารีบุตรกล่าวว่า " ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็เมื่อบุคคลเข้าถึงอกุศลธรรมท
สมาชิกหมายเลข 1772882
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นของไม่เที่ยง
"นอบน้อมแด่ พุทธธรรมสงฆ์ อันเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า" ********** อนิจจวรรคที่ ๑ อัชฌัตติกอนิจจสูตร ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
สมาชิกหมายเลข 1772882
ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวข้องกับอัญญเดียรถีย์ไม่สามารถเข้าถึงสุญญตธรรม
" ผู้ที่มีจิตไม่มั่นคง ไม่ทราบพระสัทธรรม มีความเลื่อมใสรวนเร ย่อมมีปัญญาบริบูรณ์ไม่ได้" ปฏิสัมภิทามรรคปกรณ์นี้นั้นสมบูรณ์ด้วยอรรถะ, พยัญชนะ, ลึกซึ้ง, มีอรรถลึกซึ้ง, ประกาศโลกุตระ, ประกอบด้ว
สมาชิกหมายเลข 7840764
การเจริญฌาน ๔ อย่างสม่ำเสมอ ย่อมเป็นเหตุให้จิตโน้มไปสู่พระนิพพาน
การเจริญฌาน ๔ อย่างสม่ำเสมอ ย่อมเป็นเหตุให้จิตโน้มไปสู่พระนิพพาน ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนแม่น้ำคงคา ที่เมื่อไหลไปทางทิศตะวันออก ย่อมหลั่งไปทางทิศตะวันออก และเอ่อล้นบ่าลงสู่ทิศตะวันออกโดยธรรมชาติฉัน
สมาชิกหมายเลข 2748147
ภิกษุที่เจริญอานาปานสติทำให้มากแล้ว จึงบำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้
ภิกษุที่เจริญอานาปานสติทำให้มากแล้ว จึงบำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล้วอย่างไร ทำให้มากแล้วอย่างไร จึงบำเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์ได้ ➡ แปล: ภิกษุท
สมาชิกหมายเลข 2748147
เปิดธรรมที่ถูกปิด ความยินดีในธรรม
พุทธวจนะ ภิกษุผู้มีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดี แล้วในธรรม ค้นคว้าธรรม ระลึกถึงธรรม ย่อมไม่เสื่อมจากสัทธรรม ภิกษุไม่พึงดูหมิ่นลาภของตน ไม่พึง เที่ยวปรารถนาลาภของผู้อื่น เพราะภิกษุปรารถนาลาภของ ผู
aunemaek2
ทรงสอนกสิณ
สีสปาปรรณวรรคที่ ๔ สีสปาสูตร เปรียบสิ่งที่ตรัสรู้มีมากเหมือนใบไม้บนต้น สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แ
สมาชิกหมายเลข 8120628
เปิดธรรมที่ถูกปิด ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋ พระศาสดาตรัสวิธีสงัด จาก กาม จาก อกุศลธรรม ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋
✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋ พระศาสดาตรัสวิธีสงัดจาก กามจากอกุศลธรรม ✽ ✾ ✿ ❀ ❁ ❃ ❋ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระอนุรุทธะว่า ดีแล้วๆ อนุรุทธะ ถูกละ ที่เธอตรึกมหาปุริสวิตกว่า ธรรมนี้เป็นธรรมของบุคคลผู้มีความปรารถ
aunemaek2
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
มหาสติปัฏฐาน 4
พระไตรปิฎก
ปฏิบัติธรรม
ศาสนาพุทธ
วิปัสสนากรรมฐาน
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ม ห า ปุ ริ ส วิ ต ก ๘
ดูกร ภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความปรารถนาน้อย ย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า มีความปรารถนาน้อย
เป็นผู้สันโดษ ย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า เป็นผู้สันโดษ
เป็นผู้สงัด ย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า เป็นผู้สงัด
เป็นผู้ปรารภความเพียร ย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า ปรารภความเพียร
เป็นผู้มีสติตั้งมั่น ย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า มีสติตั้งมั่น
เป็นผู้มีจิตมั่นคง ย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า เป็นผู้มีจิตมั่นคง
เป็นผู้มีปัญญา ย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า มีปัญญา
เป็นผู้ชอบใจในธรรมที่ ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า ย่อมไม่ปรารถนาว่า ขอชนทั้งหลายพึงรู้เราว่า เป็นผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่เป็นเหตุให้เนิ่นช้า
______________________________________________________________________________________________
(๒) ... ของบุคคลผู้สันโดษ มิใช่ของบุคคลผู้ไม่สันโดษ ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรม วินัยนี้ เป็นผู้สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัช บริขาร ตามมีตามได้
______________________________________________________________________________________________
(๓) ... ของบุคคลผู้สงบสงัด มิใช่ของบุคคลผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่ ๑
ดูกรภิกษุ ท.! พวกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชา
เดียรถีย์ และสาวกแห่งเดียรถีย์ เข้าไปหาภิกษุนั้น
ภิกษุมีจิตน้อมไป โอนไป เงื้อมไปในวิเวก ตั้งอยู่ในวิเวก ยินดีในเนกขัมมะ
ย่อมกล่าวกถาอันปฏิสังยุต ด้วยถ้อยคำตามสมควร ในสมาคมนั้นโดยแท้
______________________________________________________________________________________________
(๔) ... ของบุคคลผู้ปรารภความเพียร มิใช่ของบุคคลผู้เกียจคร้าน ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม เพื่อความถึงพร้อมแห่งกุศลธรรม
มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรม
______________________________________________________________________________________________
(๕) ... ของบุคคลผู้มีสติตั้งมั่น มิใช่ของบุคคลผู้มีสติหลงลืม ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีสติ ประกอบด้วยสติเครื่องรักษาตัวอย่างยิ่ง
ระลึกนึกถึงกิจที่ทำคำที่พูดแม้นานได้
______________________________________________________________________________________________
(๖) ... ของบุคคลผู้มีจิตตั้งมั่น มิใช่ของบุคคลผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้
เพราะสงัดจากกามอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงเข้าถึงปฐมฌาน,
อันประกอบด้วยวิตกวิจาร,มีปีติและสุข อันเกิดจากวิเวกแล้วแลอยู่;
เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลงจึงเข้าถึงทุติยฌาน, เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน
ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุข อันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่
อนึ่ง เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา, มีสติและสัมปชัญญะ, และย่อมเสวยความสุขด้วยนามกาย,
ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า“เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นปรกติสุข” ดังนี้เธอย่อม เข้าถึงตติยฌาน แล้วแลอยู่;
เพราะละสุขเสียได้, เพราะละทุกข์เสียได้, เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งสอง ในกาลก่อน,
เธอย่อมเข้าถึงจตุตฌาน, ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข, มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่
______________________________________________________________________________________________
(๗) ... ของบุคคลผู้มีปัญญา มิใช่ของบุคคลผู้มีปัญญาทราม ๑
ดูกรภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา ประกอบด้วยปัญญาเครื่องพิจารณาความเกิดและความดับ
เป็นอริยะ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ
______________________________________________________________________________________________
(๘) ... ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่ไม่ทำให้เนิ่นช้า ผู้ยินดีในธรรมที่ไม่ทำให้เนิ่นช้า
มิใช่ของบุคคลผู้ชอบใจในธรรมที่ทำให้เนิ่นช้า ผู้ยินดีในธรรมที่ทำให้เนิ่นช้า ๑
ดูกรภิกษุท. ! จิตของภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมแล่นไปเลื่อมใส ตั้งมั่นอยู่ในความดับกิเลสเป็นเครื่องเนิ่นช้า ย่อมหลุดพ้น
______________________________________________________________________________________________
" ผล ของ มหา ปุริส วิตก ๘ " https://pantip.com/topic/38877047
ปรับปรุงจากกะทู้เดิม : " ม ห า ปุ ริ ส วิ ต ก ๘ " https://pantip.com/topic/38254833