๗. อาณิสูตร
          [๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า
ทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมา
โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก
มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา
แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มี
อักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จัก
ปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญ
ธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ
          [๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว
อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธาน
ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขา
กล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบ
ด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่ง
จิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
================
  การเรียน รูปแบบใหม่ น่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ไม่อาจเข้าใจถึง
  
  ความลึกของความหมายให้เข้าใจ เพราะ มุ้งเน้นทางเป็น นักวิชาการ มากกว่า 
  
  ที่ว่าเป็น สาวกภาษิต คือ ลูกศิษย์เรียนคำสอนของอาจารย์แบบนักวิชาการ 
  
  แบบแผนใหม่ เรียนเะท่อ วิเคราะห์ วิจัย ประเมินผล ทดลอง พัฒณาเป็นหลักสูตร 
  
  ภิกษุเห็นวิธีการแบบใหม่ ก็สนใจศึกษา วิธีการเพื่อจะนำมาใช้กับพระสูตร 
  
  แบบแผนใหม่น่าจะเป็น 1,000ปีก่อน เริ่มจาก กรีก โรมัน 
  
  ถ้าใช้รูปแบบใหม่ มาเรียนพระสูตร จะกำจัดทุกข์ได้แค่ผิวของ ทุกข์ 
  
  แบบแผนเก่าๆเช่น เข้าใจในพระสูตร ธรรม ใดแล้ว ไปขัดกับ พระสูตร ธรรม อื่น ก็คือ เข้าใจผิด 
  
  เหมือน ลำธาร แม่น้ำ ถูก ปิดกั้นด้วยเขื่อนแห่งความเข้าใจผิด ไม่อาจ รวมกันได้ กับสายอื่นๆ 
  
																															 
						
กลองอานกะ อาณิสูตร
[๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า
ทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมา
โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก
มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง
จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา
แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มี
อักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จัก
ปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญ
ธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ
[๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว
อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธาน
ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขา
กล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบ
ด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่ง
จิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ
================
การเรียน รูปแบบใหม่ น่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ไม่อาจเข้าใจถึง
ความลึกของความหมายให้เข้าใจ เพราะ มุ้งเน้นทางเป็น นักวิชาการ มากกว่า
ที่ว่าเป็น สาวกภาษิต คือ ลูกศิษย์เรียนคำสอนของอาจารย์แบบนักวิชาการ
แบบแผนใหม่ เรียนเะท่อ วิเคราะห์ วิจัย ประเมินผล ทดลอง พัฒณาเป็นหลักสูตร
ภิกษุเห็นวิธีการแบบใหม่ ก็สนใจศึกษา วิธีการเพื่อจะนำมาใช้กับพระสูตร
แบบแผนใหม่น่าจะเป็น 1,000ปีก่อน เริ่มจาก กรีก โรมัน
ถ้าใช้รูปแบบใหม่ มาเรียนพระสูตร จะกำจัดทุกข์ได้แค่ผิวของ ทุกข์
แบบแผนเก่าๆเช่น เข้าใจในพระสูตร ธรรม ใดแล้ว ไปขัดกับ พระสูตร ธรรม อื่น ก็คือ เข้าใจผิด
เหมือน ลำธาร แม่น้ำ ถูก ปิดกั้นด้วยเขื่อนแห่งความเข้าใจผิด ไม่อาจ รวมกันได้ กับสายอื่นๆ