ภาวะสายตาสั้นเทียม
ภาวะสายตาสั้นเทียม เกิดจากการหดตัวผิดปกติของกล้ามเนื้อขนาดเล็กในลูกตา โดยปกติเมื่อเรามองสิ่งที่อยู่ใกล้ กล้ามเนื้อเล็กๆ ในตาจะหดตัวเพื่อให้เลนส์ตาโป่งออก ทำให้สภาพตาช่วงเวลานั้นเหมือนคนสายตาสั้น เราจึงมองเห็นของที่อยู่ใกล้ชัดขึ้น แต่พอเราเลิกมองใกล้กล้ามเนื้อเหล่านี้ก็จะคลายตัวโดยอัตโนมัติ ทำให้เรามองเห็นสิ่งของที่อยู่ไกลชัดขึ้น ซึ่งปกติแล้วกล้ามเนื้อส่วนนี้จะหดและคลายตัวสลับกันไปมาตลอด
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นเทียมนั้น มาจากพฤติกรรมการใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่หยุดพักโดยเฉพาะการมองจอคอมพิวเตอร์นั่งจ้องมือถือ สมาร์ทโฟน หรืออ่านหนังสือนอกจากนี้โรคที่เกี่ยวข้องกับสมองการเกิดโรคตาบางชนิด เช่น ภาวะสายตาเอียง หรือยารักษาโรคบางชนิดเช่น ยาคลายเครียด, ยาคลายกล้ามเนื้อก็สามารถทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นเทียมได้เช่นกัน

ภาวะสายตาสั้นเทียมและสายตาสั้นจริง ส่วนที่เหมือนกันคือมองไกลไม่ชัดทั้งคู่ แต่สำหรับสายตาสั้นเทียมนั้นมีข้อสังเกตคือ จะมีอาการมองไม่ชัดค่อนข้างจะทันที ขณะที่สายตาสั้นจริงจะค่อยๆ มองไม่ชัดมานาน นอกจากนี้สายตาสั้นเทียม ยังมีอาการปวดตาปวดหัว บางครั้งมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยหลังจากใช้สายตานานๆ
การปรับพฤติกรรมการใช้งานสายตาโดยไม่ใช้สายตาติดต่อกันนานเกิน 2 ชั่วโมงพักสายตาทุก15-20 นาที มองไปที่ไกลๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อตาคลายตัว รวมถึงไม่ใช้สายตาในที่มืดหรือแสงจ้ามากเกินไป สวมแว่นตาเพื่อกรองแสง หรือการใช้น้ำตาเทียมหล่อเลี้ยงลูกตาให้ชุ่มชื้นก็ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดสายตาสั้นเทียมได้เช่นกัน
ดังนั้นหากสงสัยว่ามีภาวะสายตาสั้นเทียมหรือไม่? แนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินอาการและหาทางแก้ไขปัญหา เพราะภาวะสายตาสั้นเทียมหากสะสมอาการต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นสายตาสั้นจริงได้นะครับ
ปวดตาปวดหัว คลื่นไส้อาเจียนหลังใช้สายตานานๆ
ภาวะสายตาสั้นเทียม เกิดจากการหดตัวผิดปกติของกล้ามเนื้อขนาดเล็กในลูกตา โดยปกติเมื่อเรามองสิ่งที่อยู่ใกล้ กล้ามเนื้อเล็กๆ ในตาจะหดตัวเพื่อให้เลนส์ตาโป่งออก ทำให้สภาพตาช่วงเวลานั้นเหมือนคนสายตาสั้น เราจึงมองเห็นของที่อยู่ใกล้ชัดขึ้น แต่พอเราเลิกมองใกล้กล้ามเนื้อเหล่านี้ก็จะคลายตัวโดยอัตโนมัติ ทำให้เรามองเห็นสิ่งของที่อยู่ไกลชัดขึ้น ซึ่งปกติแล้วกล้ามเนื้อส่วนนี้จะหดและคลายตัวสลับกันไปมาตลอด
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นเทียมนั้น มาจากพฤติกรรมการใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่หยุดพักโดยเฉพาะการมองจอคอมพิวเตอร์นั่งจ้องมือถือ สมาร์ทโฟน หรืออ่านหนังสือนอกจากนี้โรคที่เกี่ยวข้องกับสมองการเกิดโรคตาบางชนิด เช่น ภาวะสายตาเอียง หรือยารักษาโรคบางชนิดเช่น ยาคลายเครียด, ยาคลายกล้ามเนื้อก็สามารถทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นเทียมได้เช่นกัน
ภาวะสายตาสั้นเทียมและสายตาสั้นจริง ส่วนที่เหมือนกันคือมองไกลไม่ชัดทั้งคู่ แต่สำหรับสายตาสั้นเทียมนั้นมีข้อสังเกตคือ จะมีอาการมองไม่ชัดค่อนข้างจะทันที ขณะที่สายตาสั้นจริงจะค่อยๆ มองไม่ชัดมานาน นอกจากนี้สายตาสั้นเทียม ยังมีอาการปวดตาปวดหัว บางครั้งมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยหลังจากใช้สายตานานๆ
การปรับพฤติกรรมการใช้งานสายตาโดยไม่ใช้สายตาติดต่อกันนานเกิน 2 ชั่วโมงพักสายตาทุก15-20 นาที มองไปที่ไกลๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อตาคลายตัว รวมถึงไม่ใช้สายตาในที่มืดหรือแสงจ้ามากเกินไป สวมแว่นตาเพื่อกรองแสง หรือการใช้น้ำตาเทียมหล่อเลี้ยงลูกตาให้ชุ่มชื้นก็ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดสายตาสั้นเทียมได้เช่นกัน
ดังนั้นหากสงสัยว่ามีภาวะสายตาสั้นเทียมหรือไม่? แนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินอาการและหาทางแก้ไขปัญหา เพราะภาวะสายตาสั้นเทียมหากสะสมอาการต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นสายตาสั้นจริงได้นะครับ