ว่าตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อไปดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา
วันนี้นพ.พลเดช จะทำงานที่สช.เป็นวันสุดท้าย พร้อมกับบอกว่าเขาได้เก็บข้าวของ เคลียร์พื้นที่ห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว เพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับผู้ที่จะเข้ามาเป็นรักษาการเลขาธิการสช.แทน และเพื่อที่จะเริ่มกระบวนการสรรหาเลขาธิการคนใหม่ต่อไป
ทั้งนี้ตาม มาตรา 32 ของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ 2550 ระบุไว้ว่า เมื่อเลขาธิการพ้นจากตำแหน่ง ให้รองเลขาธิการ พ้นจากตำแหน่งด้วย นั่นหมายความว่า รองเลขาธิการในปัจจุบันของสช.ทั้ง 4 คน จะพ้นสภาพไปโดยอัตโนมัติ เป็นการปิดฉากสช.ยุคพลเดช ซึ่งว่ากันว่า "อู้ฟู่" พอสมควร เพราะได้งานจากโครงการประชารัฐเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมถึงได้ทำงานใหญ่อย่าง เขตสุขภาพเพื่อประชาชน
สำหรับ นพ.พลเดช ปัจจุบันอายุ 63 ปี ถือเป็นคนเดือนตุลาฯ ผ่านเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 โดย "เข้าป่า" ร่วมอุดมการณ์กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่จ.ชัยภูมิ ส่วนเพื่อนรักอย่าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุรีย์เดช หรือหมอมิ้ง คนสนิทของทักษิณ ชินวัตร เข้าป่าที่อีสานใต้ แถบ จ.อุบลราชธานี
หลังออกจากป่า นพ.พลเดช เข้ามารับราชการที่กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระยะหนึ่ง และเมื่อทักษิณ เดินหน้านโยบาย "กองทุนหมู่บ้าน" เขาก็ไปเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
เมื่อทักษิณถูกรัฐประหารโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หมอพลเดช ไปเป็นเลขานุการรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้กับ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ผู้กว้างขวางแห่งวงการเอ็นจีโอ และในเวลาต่อมา ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.พัฒนาสังคมฯ ในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นช่วงสั้นๆ
หลังพ้นรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ นพ.พลเดช กลับไปสร้างเครือข่ายภายใต้มูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (แอลดีไอ) ซึ่งก่อนหน้านี้ มีผู้อาวุโสอย่าง ศ.เสน่ห์ จามริก และ ไพบูลย์ เป็นผู้ดูแล โดยหมอพลเดช รับบทบาทเป็นเลขาธิการมูลนิธิ สนับสนุนเรื่องการให้ความเข้มแข็งกับประชาสังคม และชุมชน รวมถึงทำงานอย่างการสนับสนุนสิทธิชุมชนท้องถิ่น เกษตรกรรมยั่งยืน หรือป่าชุมชน
เมื่อสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ก่อตั้งขึ้นในปี 2551 พลเดช ไปเป็นประธานกรรมการนโยบาย และมีบทบาทอย่างสูงในการกำหนดทิศทางไทยพีบีเอส ตั้งแต่ยุคที่เทพชัย หย่อง เป็นผู้อำนวยการ หลังจากนั้นในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พลเดช ได้รับเชิญไปเป็นกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ ซึ่งมี นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ผู้ยิ่งใหญ่แห่งองค์กรตระกูลส.เป็นประธาน
ในเวลานี้เอง ที่เขา "ตกผลึก" คิดคำว่า "ประชารัฐ" ขึ้นมา โดยยึดหลักการ "ประสานพลัง" จากภาคเอกชน และภาครัฐ ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์กับสังคม ซึ่งกลายเป็นว่าสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเข้ารับตำแหน่ง เกิดสนใจ "ซื้อ" แนวคิดนี้ ทำให้พลเดช กลายเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการทำนโยบายประชารัฐ ซึ่งเป็นการ "ประสานประโยชน์" ร่วมกันระหว่างกลุ่มทุน อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เอสซีจี ไทยเบฟเวอเรจ กลุ่มเซ็นทรัล ฯลฯ กับรัฐบาลคสช. จนเกิดเป็นบริษัทประชารัฐร่วมพัฒนา ในหลายจังหวัด รวมถึงโครงการที่ใช้ชื่อว่า"ประชารัฐ" นำหน้า จนกลายเป็นหนึ่งในจุดแข็งของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ประกาศตัว
วันนี้นพ.พลเดช จะทำงานที่สช.เป็นวันสุดท้าย พร้อมกับบอกว่าเขาได้เก็บข้าวของ เคลียร์พื้นที่ห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว เพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับผู้ที่จะเข้ามาเป็นรักษาการเลขาธิการสช.แทน และเพื่อที่จะเริ่มกระบวนการสรรหาเลขาธิการคนใหม่ต่อไป
ทั้งนี้ตาม มาตรา 32 ของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ 2550 ระบุไว้ว่า เมื่อเลขาธิการพ้นจากตำแหน่ง ให้รองเลขาธิการ พ้นจากตำแหน่งด้วย นั่นหมายความว่า รองเลขาธิการในปัจจุบันของสช.ทั้ง 4 คน จะพ้นสภาพไปโดยอัตโนมัติ เป็นการปิดฉากสช.ยุคพลเดช ซึ่งว่ากันว่า "อู้ฟู่" พอสมควร เพราะได้งานจากโครงการประชารัฐเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมถึงได้ทำงานใหญ่อย่าง เขตสุขภาพเพื่อประชาชน
สำหรับ นพ.พลเดช ปัจจุบันอายุ 63 ปี ถือเป็นคนเดือนตุลาฯ ผ่านเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 โดย "เข้าป่า" ร่วมอุดมการณ์กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ที่จ.ชัยภูมิ ส่วนเพื่อนรักอย่าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุรีย์เดช หรือหมอมิ้ง คนสนิทของทักษิณ ชินวัตร เข้าป่าที่อีสานใต้ แถบ จ.อุบลราชธานี
หลังออกจากป่า นพ.พลเดช เข้ามารับราชการที่กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระยะหนึ่ง และเมื่อทักษิณ เดินหน้านโยบาย "กองทุนหมู่บ้าน" เขาก็ไปเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
เมื่อทักษิณถูกรัฐประหารโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หมอพลเดช ไปเป็นเลขานุการรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้กับ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ผู้กว้างขวางแห่งวงการเอ็นจีโอ และในเวลาต่อมา ได้รับแต่งตั้งเป็น รมช.พัฒนาสังคมฯ ในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นช่วงสั้นๆ
หลังพ้นรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ นพ.พลเดช กลับไปสร้างเครือข่ายภายใต้มูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา (แอลดีไอ) ซึ่งก่อนหน้านี้ มีผู้อาวุโสอย่าง ศ.เสน่ห์ จามริก และ ไพบูลย์ เป็นผู้ดูแล โดยหมอพลเดช รับบทบาทเป็นเลขาธิการมูลนิธิ สนับสนุนเรื่องการให้ความเข้มแข็งกับประชาสังคม และชุมชน รวมถึงทำงานอย่างการสนับสนุนสิทธิชุมชนท้องถิ่น เกษตรกรรมยั่งยืน หรือป่าชุมชน
เมื่อสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ก่อตั้งขึ้นในปี 2551 พลเดช ไปเป็นประธานกรรมการนโยบาย และมีบทบาทอย่างสูงในการกำหนดทิศทางไทยพีบีเอส ตั้งแต่ยุคที่เทพชัย หย่อง เป็นผู้อำนวยการ หลังจากนั้นในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พลเดช ได้รับเชิญไปเป็นกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ ซึ่งมี นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ผู้ยิ่งใหญ่แห่งองค์กรตระกูลส.เป็นประธาน
ในเวลานี้เอง ที่เขา "ตกผลึก" คิดคำว่า "ประชารัฐ" ขึ้นมา โดยยึดหลักการ "ประสานพลัง" จากภาคเอกชน และภาครัฐ ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์กับสังคม ซึ่งกลายเป็นว่าสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อเข้ารับตำแหน่ง เกิดสนใจ "ซื้อ" แนวคิดนี้ ทำให้พลเดช กลายเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการทำนโยบายประชารัฐ ซึ่งเป็นการ "ประสานประโยชน์" ร่วมกันระหว่างกลุ่มทุน อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เอสซีจี ไทยเบฟเวอเรจ กลุ่มเซ็นทรัล ฯลฯ กับรัฐบาลคสช. จนเกิดเป็นบริษัทประชารัฐร่วมพัฒนา ในหลายจังหวัด รวมถึงโครงการที่ใช้ชื่อว่า"ประชารัฐ" นำหน้า จนกลายเป็นหนึ่งในจุดแข็งของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์