พาใจกับจักรยานลัดฟ้าไปงานปั่นระดับโลก Cycling Shimanami 2018

สวัสดีเพื่อนๆ นักปั่น และผบ.นักปั่นทุกท่านค่ะ รีวิวนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การพาจักรยานคู่ใจของคุณ หรือของแฟนคุณไปปั่นเที่ยวญี่ปุ่น!!

กระทู้นี้ถูกดองเปรี้ยวดองเค็มไว้ตั้งแต่เดือน พย.ปี 2018 จริงๆอยากแชร์ให้อ่านได้เร็วกว่านี้ แต่ด้วยภาระหน้าที่อันมากมาย ... ในที่สุดก็เขียนไว้จนจบค่ะ จะทยอยลงนะคะ 

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่นักปั่นตัวยงและนักปั่นสายชิลหลายคนใฝ่ฝันที่จะมีโอกาสสักครั้งที่จะไปปั่นจักรยานท่ามกลางอากาศดี บรรยากาศสวยงาม มีเส้นทางแนะนำสำหรับปั่นจักรยานอยู่ทั่วประเทศ ผู้คนมีความคุ้นเคยกับการใช้จักรยานและมีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในครั้งนี้ จขกท.ได้มีโอกาสไปร่วมงานปั่นจักรยานที่นับได้ว่าเป็นงานระดับ International งานหนึ่งที่มีคนมาร่วมงานนับหมื่นคนทั้งจากในประเทศญี่ปุ่นและหลากหลายประเทศ งานนี้จัดขึ้นทุกๆ 2 ปี เป็นงานปั่นจักรยานงานเดียวของประเทศญี่ปุ่นที่ปิดถนนใช้เส้นทางปั่นบนทางด่วน Shimanami Kaido เป็นหนึ่งในเส้นทางปั่นจักรยานที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในญี่ปุ่น และมีความสวยงามติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลกอีกด้วย http://www.go-shimanami.jp/global/english/bicycle ทางด่วนเส้นทางนี้เชื่อมระหว่างเกาะเล็กเกาะน้อยบริเวณทะเลเซโตะ (Seto Inland Sea) เริ่มต้นจากเมืองโอะโนะมิจิ (Onomichi) จังหวัดฮิโรชิมา (Hiroshima Prefecture) เกาะฮอนชู (Honshu Island) <> เมืองอิมาบาริ (Imabari) จังหวัดเอะฮิเมะ (Ehime Prefecture) เกาะชิโกะคุ (Shikoku Island)

เริ่มตั้งแต่เตรียมตัวไปร่วมงานกันเลยค่ะ
งานนี้เปิดรับสมัครในช่วงเดือนเมษายน ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ปี2018 ในปีนี้ทางผู้จัดงานได้จัดเส้นทางปั่นไว้ให้ผู้สมัครเลือกตามระยะทางให้เลือก 6 เส้นทาง (Course) ระยะทางตั้งแต่ 30, 70, 110 และ 140 กม. แต่ละเส้นทางมีการกำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมงานไว้จำกัดจำนวนและได้กำหนดเงื่อนไขในการสมัครไว้ว่าหากจำนวนผู้สมัครในแต่ละเส้นทางเกินจำนวนที่กำหนดไว้จะต้องการทำการสุ่มเลือกผู้สมัครแบบ Lotto (สำหรับการสมัครในแบบ General Entry) และประกาศรายชื่อจำนวนผู้ร่วมงานทั้งหมดในช่วงกลางเดือนมิถุนายน นอกจากการสมัครในรูปแบบ General Entry ทางผู้จัดงานได้กำหนดการสมัครในอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับผู้สมัครที่ไม่ต้องการลุ้น Lotto ก็สามารถสมัครในแบบ Premium Entry ได้เลย ค่าสมัครก็จะบวกเพิ่มขึ้นไปตามแต่ละ course ที่เลือกนอกจากไม่ต้องลุ้น Lotto แล้วผู้สมัคร Premium Entry ยังจะได้รับเสื้อจักรยาน Limited Edition ประจำปีอีกด้วย ... แอบอิดฉา

จขกท.เลือกสมัครใน Course D ระยะทาง 70 กม. จุดสตาร์ทที่เมือง Imabari > สิ้นสุดที่เมือง Onomichi ในเส้นทางนี้กำหน)ดผู้เข้าร่วมปั่นจักรยานไว้ 
1,500 คน โดยเลือกสมัครแบบ General Entry ค่าสมัครเข้าร่วมงานคนละ ¥12,000 และการสมัครของผู้สมัคร 1 คนสามารถสร้างแบบฟอร์มการสมัครแบบกลุ่มได้สูงสุดถึง 5 รายชื่ออีกด้วย จขกท.สมัครไปร่วมงาน 2 คนกับแฟน (คุงสามี) ในช่วงเดือนพค.แทบจะ log-in เข้า website งานแทบจะทุกวันเพื่อติดตามยอดจำนวนผู้สมัครในแต่ละเส้นทาง เพียงไม่กี่วันหลังจากเปิดรับสมัครก็พบประกาศจำนวนผู้สมัครใน course D เต็มแล้วแต่ผู้ที่สนใจยังคงสมัครได้จนถึงวันปิดรับสมัครโดยในcourse นี้ผู้สมัครในแบบ General Entry จะต้องผ่านการสุ่ม Lotto แน่นอน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ website ทยอยประกาศ course ที่จะต้องสุ่ม Lotto จนถึงวันประกาศปิดรับสมัคร สัปดาห์ถัดมา website แจ้งกำหนดวันประกาศรายชื่อผู้สมัครในช่วงกลางเดือนมิถุนายน จขกท.ก็ได้รับอีเมลจากผู้จัดงานแจ้งผลให้ทราบว่าจขกท.ได้รับการสุ่มเลือกให้เข้าร่วมงาน เย้ๆๆๆ!! ได้ไปแล้ว กำหนดการในลำดับถัดไปทยอยประกาศออกมา หากผู้สมัครที่ต้องการไปต่อก็เริ่มกรอกฟอร์มชำระเงินกันเลยค่ะ หลังจากนั้นก็ทำตามขั้นตอนอื่นๆ ตามคำแนะนำ
หลังจากขั้นตอนในส่วนของการสมัครเข้าร่วมงานก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ นั่นคือ.....การหาตั๋วโปรสิคะ ทีนี้ก็ต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะไปลงที่เมืองไหนดี เกาะ Shikoku อยู่ใกล้กับเมือง Hiroshima อยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะคิวชู (Kyushu) และเกาะฮอนชู ฟุกุโอกะ หรือ โอซาก้าดีล่ะเนี่ย … สรุปได้ว่าเลือกที่ตั๋วโปรโมชั่นแล้วกัน!! หลังจากใช้เวลาส่องตั๋วโปรอยู่พักใหญ่ก็ได้ตั๋ว Cathay Pacific BKK-Osaka+ที่พัก 3 คืน ในราคาพึงพอใจ หลังจากนี้ก็วางแผนปั่นเที่ยวกันเลยค่ะ

จากนี้..มีเวลาอีกประมาณ 4 เดือนก็ขยันซ้อมๆ กันหน่อย ระหว่างนี้ก็ต้องติดตามข่าวสารบน website อยู่เรื่อยๆ จะมีประกาศกำหนดการให้ผู้สมัครเข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ
ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเตรียมตัวในแง่ของการเดินทางพร้อมสัมภาระอันมากมายมหาศาล!! จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่จะพาจักรยานข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลขนาดนี้ แล้ว….จะเอาจักรยานไปยังไงดีล่ะ?? เช่ากระเป๋าจักรยานคือทางออก ถ้าเราไม่ได้เดินทางบ่อยนัก การเช่านับว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากเพราะเราไม่ต้องลงทุนซื้อเองในราคาสูงเพื่อใช้งานไม่กี่ครั้งต่อปีก็ดูไม่คุ้ม ROI แล้วที่ไหนมีให้เช่าบ้างล่ะ?? เรื่องนี้ต้องถามอากู๋ กู๋รู้ทุกเรื่อง ในที่สุดจขกท.ก็หาเช่ากระเป๋าได้จาก Bike Journey Box เจ้าของใจดี คุยง่าย … แอบช่วยขายชองนิดนึง กระเป๋าจักรยาน Move คือใช้ง่ายมากค่ะ ขนาดอาจจะดูใหญ่โตนิดนึงแต่ก็ลากได้ไม่อยากค่ะ สไตล์หญิงอึดแบบจขกท.แล้วลากกระเป๋าตัวเอง size 24” พร้อมกระเป๋าจักรยานได้แบบชิลๆ ที่เหลือก็คือ ไปถึงญี่ปุ่นแล้วเราจะเดินทางพร้อมกระเป๋าจักรยานใบโตนี้ได้อย่างไร ก็เลยต้องหาข้อมูลจากแมวดำคาบลูก ขนส่งชื่อดังประจำญี่ปุ่นที่ใครก็รู้จักถึงกับต้องโทรศัพท์ข้ามประเทศไปสนทนากันเลยทีเดียว …. และก็ได้คำตอบว่า “ขนาดกระเป๋าใหญ่ขนาดนี้ ทางเราไม่ได้ให้บริการ” จบข่าว!!!!

ด้วยแต้มบุญที่ยังเหลืออยู่ทำให้พอจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง ใช่แล้ว..เรามีเพื่อนเป็นจนท.บนอากาศยานสายการบินแห่งชาติญี่ปุ่นนี่นะ (แปลง่ายๆ คือนางเป็นแอร์โฮสเตส) นางให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีไปติดต่อสอบถามที่สนามบินให้จนได้เรื่องได้ราวว่า ที่สนามบิน Kansai International Airport มีบริการส่งและฝากสัมภาระ ส่วนความรวดเร็วในการจัดส่งนั้น แล้วแต่พื้นที่ปลายทางและกำลังเงินของผู้ส่ง นั่นงาย ดูทรงแล้วเราน่าจะรอดแล้วล่ะ เรื่องกระเป๋าจักรยานจบไปที่เหลือก็เรื่องแผนการเดินทางแล้วล่ะ จาก Kansai จะไปที่เกาะได้ยังไง จะชินคันเซนดีมั้ย ดูไปดูมาด้วยเวลาที่มีอยู่ไม่มากนัก การต่อเครื่องในประเทศน่าจะดีกว่า จุดหมายคือสนามบินเมือง Matsuyama ที่อยู่ใกล้เมือง Imabari มากที่สุด จะได้มีเวลาเหลือไปเที่ยวชมเมืองบ้าง ในจังหวัดโอซาก้านอกจากสนามบินคันไซแล้วยังมีสนามบินอิตามิ (Itami Airport) หรือ Itami International Airport เป็นสนามบินเก่าแก่ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี คศ.1939  ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอซาก้า สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกทั้งทางรถไฟ และ Airport Limousine Bus ค่าโดยสาร ผู้ใหญ่คนละ ¥1,950 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 70 นาที ซื้อตั๋วขึ้นรถได้ที่ชั้น 1 ด้านหน้า Terminal 2
ที่พักในคืนแรกที่เมือง Matsuyama จขกท.จองโรงแรมใกล้สถานีรถราง Hommachi 3 ตรงข้ามกับ Shiroyama Park สำหรับคืนที่ 2 จขกท.พยายามหาที่พักในเมืองอิมาบาริ ตตตตแต่….. ยังหาไม่ได้เลย เข้าใจว่าด้วยปริมาณคนเข้าร่วมงานเยอะขนาดนี้ทำให้โรงแรมถูกจองไว้เกือบเต็มหมด ห้องที่เหลือว่างอยู่ก็ราคาสูงเกินไปเพราะตั้งใจว่าจะพักในเมืองนี้ 2 คืน สรุปว่าตัดสินใจจองที่พักเมืองข้างเคียง ใกล้สถานีรถไฟ JR Nyugawa ถัดไปจากสถานี JR Imabari 3 สถานี ดูจากแผนที่ระยะห่างแค่ประมาณ 19 กม.จากบริเวณงาน Japanese Prefecture Government Office จากประสบการณ์การปั่นจักรยานมาหลายปีถ้าไม่สามารถหาที่พักใหม่ในเมืองอิมาบาริได้จริงๆ ก็น่าจะปั่นมาจุดสตาร์ทได้ ซึ่งต่อมามันก็มีเรื่องพีคๆ เกิดขึ้นจนได้ซึ่งเดี๋ยวจะเล่าต่อไป!

จนถึงวันเดินทาง การ check-in สัมภาระพร้อมจักรยานเป็นไปด้วยดีไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น นอกจากประสบการณ์ใหม่ที่ว่าการโหลดกระเป๋าขนาดใหญ่กว่าปกติของสนามบินสุวรรณภูมิบ้านเรานั้นจะไม่สามารถเข้าสายพานปกติได้ เมื่อ check-in สัมภาระเรียบร้อยแล้วเจ้าของจะต้องนำสัมภาระไปโหลดที่ช่อง Y2 บริเวณก่อนถึงช่องทางผู้โดยสารขาออกนะคะ
กระเป๋าจักรยานก็จะใหญ่ประมาณนี้....

ระหว่างการเดินทางเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี อาหารมื้อแรกบนเครื่อง Cathay กินอิ่มนอนหลับสบายพร้อมไอศกรีมไฮเก้นดาส ถ่ายรูปไม่ทัน 555 แวะต่อเครื่องฮ่องกงก็สะดวกดี มีเวลานอนเล่น ไฟลท์ดึกๆ แบบนี้ผู้โดยสารก็ยังเต็มลำ
เช้าแล้วที่สนามบินคันไซยังไม่อยากตื่นเลยเพิ่งจะตี 4 บ้านเรา เดินเนือยๆ มาผ่านตม.แบบใช้เวลาไม่นานแต่ที่นานกว่าคือการรอคิวห้องน้ำ แหะ แหะ ตื่นค่ะตื่น ตามแผนของเรา Landing แล้ว รับกระเป๋าจักรยานตรงไหน? คำถามนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าลงไปที่ Belt แล้วไม่เจอค่อยไปถามเอาข้างหน้าแล้วกัน …
แต่แล้วก็ต้องสะไพร้ เอ้ย เซอร์ไพร้ส์! กระเป๋าจักรยานลงมาแล้ววางอย่างเรียบร้อยตรงช่อง Belt flight ที่เราโดยสารมารอบนี้กระเป๋าเดินทางตามออกมาแบบไม่ต้องเดินหาให้ตื่นเต้นเหมือนไฟลท์รอบที่แล้วๆๆ สเตปถัดไปออกไปแล้วต้องหาที่ส่งกระเป๋าจักรยานตามแผนเดินออกมาช่องผู้โดยสารขาออกมองซ้ายขวา หาป้าย Information น่ะสิ! หันขวาเดินสุดทางตามป้ายก็เจอแล้ว Baggage Delivery Service วิธีการส่งก็ไม่ยาก เอาที่อยู่โรงแรมให้จนท.ไป แจ้งชื่อ เบอร์โทร แล้วก็วันที่เราอยากให้กระเป๋าถึงปลายทางเท่านั้นเอง ค่าเสียหายสำหรับจักรยาน 2 คัน ¥7,200 ถือว่าไม่น่าตกใจเมื่อคูณกลับเป็นเงินไทยแล้ว

Task 2 นี่ขั้นตอนสำคัญมากกก หาจิบกาแฟก่อนสิคะ กาแฟอร่อยๆ จะเยียวยาทุกสิ่ง! พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันได้แล้วสิ …. ไปค่ะ หาซื้อตั๋ว Limousine Bus กันค่ะ จะได้หลับต่อยาวๆ zzzzzzzzzzzzzz
แล้วก็ยาวจริง สะดุ้งตื่นมาอีกที รถติดค่ะ!! เพิ่งเคยเห็นรถติดในญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เช็ค google ดูเห็นว่ามีอุบัติเหตุบนทางด่วน ดีนะที่จองไฟลท์ไว้ช่วง 
11 โมงครึ่ง ก็ยังพอมีเวลาให้ลุ้น ฮา… สรุปว่าไม่ได้วิ่งสู้ฟัดตามสไตล์จีจี้ทัวร์ ไปถึงสนามบินอิตามิ ประมาณ 10 โมง ใช้เวลาเช็คอินไม่นานก็เรียบร้อย ไฟลท์ ANA ที่จองไว้เป็นเครื่องบินแบบใบพัด เห็นแล้วนึกถึงเครื่องใบพัดบูทีคแอร์ไลน์ของไทยที่เคยนั่งจาก กทม.ไปสมุยเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ไฟลท์นี้ผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งและด้วยความที่มาเช็คอินช้าและไม่สามารถทำเช็คอินออนไลน์ได้ จึงทำให้จขกท.ได้ที่นั่ง 2 ที่ท้ายสุด ซึ่งก็ดีค่ะเพราะเราจะได้รับกลิ่นขนมที่น้องๆ แอร์อุ่นเตรียมเสริ์ฟลูกค้าอย่างใกล้ชิด การเดินทางไปสนามบิน Matsuyama ใช้เวลาบิน 50 นาที ระหว่างทางก็ชมวิวไปได้เรื่อยๆ ตั้งแต่ Kobe ยาวลงมาจนถึง Onomichi มองเห็นสะพาน Shimanami Kaido อยู่ลิบๆ ตั้งแต่มาถึงก็เพิ่งจะได้ควักกล้องมากดชัตเตอร์รัวๆ ก็ตอนนี้แหละ! ไม่นานก็ลงจอดที่สนามบิน Matsuyama เมืองนี้อยู่ห่างจากเมือง Imabari ประมาณ 40 กม. อยู่ในเขตจังหวัด Ehime เช่นเดียวกัน

หลายคนอาจจะยังนึกไม่ออกว่าแล้วเมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้างล่ะ จังหวัด Ehime ขึ้นชื่อว่าเป็น The Land of Mikans (Satsuma Mandarins) เรื่องส้มส้มที่เมืองนี้บอกเลยว่าเลอค่ามาก (อยากเติม ก.ไก่ อีก 20 ตัวเลย) มีผลิตภัณฑ์หลายอย่างให้ลองชิม เช่น ซอฟท์ครีม คุกกี้ เปลือกส้มอบแห้ง และอีกมากมายให้ช้อปชิมได้ตั้งแต่เครื่องแลนด์ดิ้งเลยค่ะ อีกหนึ่งอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้คือรถรางโดยสารภายในเมืองที่ยังคงใช้โดยสารจริง มีทั้งหมด 6 สายใกล้กับเมือง Matsuyama เองก็จุดท่องเที่ยวที่เรียกว่าเป็นสวรรค์ของเหล่าทาสแมวที่อาจจะอยากไปเยี่ยมเยือนเหล่ามิ้วน้อยได้ที่เกาะ Muzuki และ เกาะ Aoshima อีกด้วย 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่