ความรักมักมีความลับซ่อนเอาไว้เช่นใด ความสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ย่อมต้องมีความลับซ่อนเอาไว้เช่นเดียวกัน แต่ความลับทั้งสองประเภทย่อมแตกต่างกันเสมอ
ในวันที่ร้อนระอุ ย่อมต้องมีความหนาวเย็นซุกซ่อนอยู่ไม่ที่ใด ก็ที่หนึ่งเหมือนกับ ความเดิมตอนที่แล้ว ที่ซ่อนอยู่ ตรงนี้ v
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 55)
https://pantip.com/topic/38752220
บทที่ 56 ซ่อน ปรารถนา
เอกเดชมาพบกับ มร.โจวที่โกลด์เลดี้ ไนท์คลับ ขณะนั้น มร.โจวกำลังคลอเคลียกับรีเซฟชั่นสาวสวยที่มานั่งพูดคุยหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง โดยที่ผู้ช่วยสองคนที่นั่งอยู่คนละฝั่ง มร.โจวมองไปยังมือขวาคือเหอซื่อเหว่ย พยักหน้าเป็นสัญญาณให้เขาเป็นคนแจ้งตามที่เขาต้องการ
“สาวๆ ไปเตรียมตัวไปหาอะไรกินข้างนอก เพราะคุณโจวจะเหมาพวกเธอทุกคนทั้งวัน ทั้งคืน”
สาวๆ รีเซฟชั่นต่างดีใจที่มีคนมาเหมาชั่วโมงของพวกเธอ จึงรีบออกไปแต่งตัว เมื่อเหลือเพียง มร.โจว กับเอกเดชที่นั่งอยู่บนโซฟาหนานุ่ม เอกเดชจึงเดินไปหยิบขวด XO เทใส่แก้วสองใบ แล้วถือมาให้ มร.โจว เอกเดชพยายามพูดภาษาจีนกลาง เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่จะสื่อสารอย่างกระท่อนกระแท่น มร.โจวยิ้มก่อนเอ่ยเป็นภาษาไทยกลับมาแม้จะติดสำเนียงแปลกๆ แต่ก็ฟังออก
“เราคุยกันเป็นภาษาไทยก็ได้ ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ ผมได้ฝึกภาษาไทยจนพูดได้ว่า มันเป็นภาษาที่สองของผมไปแล้ว เพราะตอนที่ผมพลาดตำแหน่งนี้ให้ไอ้หลิวตง ผมคิดว่ามันมาจากความรู้เรื่องภาษาที่ผมด้อยกว่า มันจึงทำให้ผมแพ้ให้มันในการโวต ผมจึงพยายามตั้งใจเรียน จนพูดได้”
เอกเดชยิ้มกว้างก่อนยกแก้วชนแก้วในมือของ มร.โจว
“ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็คุยกันง่ายขึ้น คุณโจวครับ ผมได้ยินมาว่า เมื่อก่อน…ไอ้หลิวตงก็เคยเป็นลูกน้องชั้นปลายแถวของคุณใช่ไหมครับ”
มร.โจวยักไหล่ก่อนตอบออกมา
“หน่วยข่าวกรองของคุณเอกเดชนี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ ใช่ครับ ไอ้หลิวตงมันเคยเป็นลูกน้องของผม เรียกได้ว่า มันอยู่ในกลุ่มพวกลิ่วล้อของผมก็ว่าได้”
เอกเดชเห็นประกายตาที่เป็นประกายเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จึงจงใจเปิดแผลให้กว้างขึ้น
“แล้วทำไม เอ่อ…มันถึงได้ ปีนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่ง มังกรไม้ศิลา ซึ่งจะว่าไป มันเป็นตำแหน่งเทียบเท่ากับของคุณโจว ได้ล่ะครับ”
มร.โจว จึงกระดกแก้วจนหมด เอกเดชจึงรินสุราลงในแก้วที่ว่างนั้นต่อ ดวงตาของ มร.โจวคล้ายมีเปลวไฟออกมาเมื่อมีคนมาถามถึงเรื่องที่คิดว่าเป็นความผิดพลาดของมังกรไม้ แต่เขาก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปกติ
“มันเป็นคนมีฝีมือ แถมยังรู้จัก ฉกฉวยโอกาสที่จะสร้างผลงานให้ท่านประธานได้เห็น จนมันขึ้นมาเป็นหนึ่งในแปดมังกรของ สมาพันธ์มังกรไม้ ทั้งที่มันอายุยังน้อย คุณเอกเดชคิดว่า ควรจะเรียกคนอย่างมัน ว่าเป็นคนแบบไหนดีล่ะ”
เอกเดชนั้นเห็นความเกลียดชังในสายตาเวลาที่ มร.โจวพูดถึงสิทธิชัย เขาจึงเข้าประเด็นในการหาแนวร่วมเพื่อกำจัดศัตรูคนสำคัญทันที
“มันก็เป็นคน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ฉวยโอกาส หน้าด้าน ถึงมีสติปัญญา แต่ก็ไม่ควรให้มันอยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ มันสมควรต้องถูกกำจัดโดยเร็วครับ”
มร.โจวหยิบแก้วสุราขึ้นมาหมุนวนให้มันไหลวนไปมาภายในแก้ว แล้วเอ่ยออกมา
“ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบใจที่มันขึ้นมาร่วมในตำแหน่งแปดเทพมังกร แต่ผมจะไม่มีวันลงมือกำจัดมันด้วยมือ หรือร่วมมือกับคนนอกเพื่อจะทำอะไรแบบนั้นอย่างแน่นอน เสียใจด้วยนะครับที่ผมต้องพูดตรงๆ กับคุณเอกเดช ถึงผมเองก็อยากฉีกร่างมันให้เป็นชิ้นๆ ด้วยมือของผมเอง”
เอกเดชยิ้ม ก่อนรินสุราลงในแก้วของตนอีกจนเกือบเต็ม
“คุณโจวเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมนัดคุณมาคุยที่นี่มิใช่ต้องการให้คุณมาร่วมกับผมเพื่อกำจัด ไอ้หลิวตง แต่เป็นการ ขออนุญาติต่อคุณ ถ้ามีอะไรเกิดกับมันในตอนที่มันอยู่ใน… คุก ครับคุณโจว”
มร.โจวยิ้มเล็กน้อยก่อนยกแก้วสุราดื่มเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวออกมา เพื่อให้เอกเดชทราบข้อมูลสำคัญ
“ถ้าคุณเอกเดชหมายถึง จะส่งคนของคุณไปจัดการไอ้หลิวตงในคุกละก็ ผมคิดว่า คุณคงเสียเวลาเปล่า เพราะเมื่อก่อนตอนที่มันอยู่ไต้หวัน ไอ้หมอนี่มันมีชื่อว่า นักโทษล่องหน หรือ บางคนก็เรียกมันว่า ไอ้ผีร้ายจอมเจ้าเล่ห์”
เอกเดชขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังแย้มยิ้มเป็นปกติ เพราะข้อมูลนี้ทำให้เขาฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา แล้วเอกเดชจึงวางแก้วลงบนโต๊ะ มือทั้งสองประสานกันที่ด้านหน้า
“คุณโจว ช่วยขยายความตรงนี้ให้ผมเข้าใจ สักหน่อยได้ไหมครับ”
เมื่อ มร.โจวดื่มจนหมด เขาก็วางแก้วลงตรงหน้า ก่อนขยับใบหน้าไปใกล้เอกเดช แล้วเอ่ยออกมาเน้นๆ
“ก็ไอ้หลิวตง มันไม่เคยอยู่ในคุกเกินสามวันยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นทางมังกรไม้จึงไม่ได้พยายามมายื่นเรื่องประกันตัวให้มัน แม้จะมีเรื่องวุ่นวายแค่ไหน ถึงผมจะถูกสั่งให้มาช่วย แต่ก็เพียงแค่ช่วยอำนวยความสะดวกถ้ามันร้องขอมา แต่มันก็…ไม่ได้ติดต่อคนของผมเลย คุณเอกเดชคิดว่ามันแปลกไหมครับ”
เอกเดชจ้องมองดวงตา มร.โจว นิ่ง ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแม้ไม่เต็มเสียงนักในมือยกขวด XO รินเติมลงในแก้วของ มร.โจว ครึ่งแก้ว
“มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกครับ ถ้ามันหนีออกมา มันก็คงเป็นเรื่องใหญ่ แล้วตำรวจจะไม่ส่งคนตามล่ามัน เมื่อมันแหกคุกออกมาหรือไง ผมไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้แน่ๆ”
มร.โจวพูดสวนทันที ในขณะที่หยิบแก้วสุราขึ้นมาแกว่งอย่างช้าๆ
“คุณเอกเดชเข้าใจผิดแล้ว ที่คิดว่ามันจะใช้วิธีการแหกคุกอย่างที่คุณเข้าใจ มันมีวิธีที่ง่ายและได้ผลมากกว่านั้นเยอะ”
เอกเดชลูบคาง ก่อนเหลือบตาขึ้นมอง เอ่ยออกมา
“หรือมันจะใช้วิธีต่อรองกับเจ้าของคดี เพื่อทำคดีนี้ด้วยตนเอง หรือร่วมกับตำรวจทำอีกคดีที่ใหญ่กว่า…หรือครับ”
มร.โจวไม่ตอบ เขายกแก้วสุราขึ้นมาดื่มอีกครั้ง แล้วเอ่ยออกมา
“ผมคงบอกไม่ได้ว่ามันจะใช้วิธีนั้นหรือเปล่า แต่ผมจะบอกอะไรคุณเอกเดชให้ทราบเรื่องหนึ่ง ตอนที่ผมอยู่ที่ไต้หวัน ท่านประธานก็คุยกับผมเรื่องคดีของมัน รู้ไหมว่าผมพูดอะไรกับท่านประธานเฉินบ้าง”
เอกเดชจ้องหน้า มร.โจวนิ่ง ก่อนส่ายศีรษะช้าๆ เขาจึงยิ้มแล้วตอบออกมาอีกครั้ง
“ผมก็บอกกับท่าน ตามที่ใจท่านคิด ก็คือ ไอ้หลิวตง ไม่ได้เป็นคนลงมือ หรือบงการฆ่า ดร.อะไรนั่น เพราะมันสามารถฆ่าใครก็ได้ด้วยวิธีการที่แนบเนียนจนไร้หลักฐานมาถึงตัวมัน ถ้ามันต้องการ ที่สำคัญข้างกายมันมีมือสังหารมือพระกาฬอย่างไอ้หมาป่าจางหลี่ แล้วมันจะเอาหลักฐานที่มัดตัวมาทิ้งในบ้านของมันหรือ ผมจึงบอกท่านประธานไปว่า ไอ้หลิวตงคงเหยียบตีนใครสักคนที่เกลียดจนอยากให้มันนอนอยู่ในคุก”
เอกเดชจึงเข้าใจในทันใดว่า สมาพันธ์ห้ามังกรนั้นไม่ใช่แค่องค์การนอกกฎหมายธรรมดา เพราะที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยเสือ สิงห์ รวมทั้งสัตว์ร้ายที่มีเหลี่ยมมากมาย เอกเดชจึงยิ้มกว้างแล้วยกมือทั้งสองข้างต่อหน้า มร.โจวแล้วเอ่ยออกมา
“คุณโจว ไม่ว่าเพื่ออะไรก็ตาม ผมถือว่า มันคือข้อมูลที่ล้ำค่า ที่เพื่อนแท้จะมอบให้กัน ดังนั้นทุกอย่างที่คุณดื่ม กิน หาความสำราญในวันนี้ ผมขอเป็นเจ้ามือทั้งหมด แล้วก็ของขวัญสุดพิเศษจากผมนายเอกเดชคนนี้”
แล้วเอกเดชก็ตบมือเสียงดังสามครั้ง หญิงสาวหน้าตางดงามสวมเสื้อแพรเบาบางหลากสี ก็เดินเข้ามาภายในห้องเจ็ดนาง หญิงสาวที่ได้ฉายาว่านางฟ้าทั้งเจ็ด ก็เปลื้องเสื้อออกเพื่อโชว์ความลับที่ซ่อนภายในใต้ผ้าที่เบาบางนั้นให้ มร .โจวได้ชื่นชม เอกเดชผายมือออก เพื่อจะบอกว่าแขกคนสำคัญว่า
“นางฟ้าทั้งเจ็ดเป็นของคุณโจวในคืนนี้ จะทำอะไรกับเธอก็แล้วแต่ความปรารถนานะครับ เพราะในนี้มีพร้อมทุกอย่าง ที่คุณโจว ต้องการ”
เอกเดชใช้มือเลื่อนลิ้นชักโต๊ะรับแขกข้างหน้าออก ก็ปรากฎแส่หางม้า เทียนไข กุญแจมือ ผ้าปิดตา รวมทั้งอุปกรณ์มากมายหลายชนิดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
มร.โจวใบหน้านิ่งเหมือนไม่ยินดียินร้าย แม้มีหญิงสาวร่างกายเปลือยเปล่าเข้าไปคลอเคลียบีบนวดอย่างเอาอกเอาใจ ราวกับว่าเขาคือจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ในหมู่นางสนม ก่อนที่เขาจะแย้มยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่กว้างกว่าครั้งแรกมากมายหลายเท่า
พร้อมทั้งยกแก้วสุราขึ้นต่อหน้าเอกเดชพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ร้ายลึก เอกเดชจึงหยิบแก้วของตนขึ้นมาชน เสียงแก้วที่ชนกันดัง ปิ๊ง!!ใสกังวาล รอยยิ้มของเอกเดชนั้นก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน เพราะมันคือดิวเพื่อผลประโยชน์ตอบแทนทั้งสองฝ่ายนั่นเองแล้วเอกเดชก็เดินออกจากห้องที่มีบริกรที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเพื่อมิให้ใครเข้าไปรบกวน เสียงหัวเราะของ มร.โจวดังขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆ ในนั้น เอกเดชออกคำสั่งกับชายทั้งสองด้วยเสียงราบเรียบ
“ดูแลแขกของฉันให้ดี อย่าทำให้คุณโจวไม่พอใจเด็ดขาด เข้าใจใช่ไหมว่าเรื่องนี้มันสำคัญมากแค่ไหน”
บริกรสองคนยิ้มรับ ในคำสั่งจากนายใหญ่ เพราะไนท์คลับแห่งนี้ก็เป็นของเอกเดช หนึ่งในสองเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม
“ไม่ต้องกังวลครับ เพราะผมทำตามข้อมูลจากเจ้านายอย่างละเอียด คุณโจวจะต้องประทับใจของขวัญสุดพิเศษ จากเจ้านายอย่างแน่นอนครับ”
เอกเดชชำเลืองมองไปด้านหลังยิ้มที่มุมปากแล้วก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขามีเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน อีกหลายเรื่อง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องสืบให้แน่ชัดว่า ศัตรูหมายเลขหนึ่งของตน อยู่ในคุกจริงหรือไม่
++++++++++++++
เช้าวันรุ่งขึ้นเอกเดชเรียกไกรเข้ามาพบที่บ้านพักของตนในกรุงเทพ เอ่ยถามถึงข่าวความคืบหน้าที่ตามล่า จอมกับดรุณี และมาริสา ว่าได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
“ตอนนี้ที่เท่าที่ทางกองทัพสมิงได้ส่งข่าวมา คิดว่าน่าจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับนังมาริสาก่อน เพราะในสมุดบันทึกของไอ้ปรีชา มีระบุที่พักใน เขาสอยดาว สี่แห่ง ศรีราชา สองแห่ง เชียงใหม่ สองแห่ง สตูล หนึ่งแห่ง โคราช สองแห่ง พิษณุโลก หนึ่งแห่ง ส่วนไอ้จอมกับนังดรุณีตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวมันเลยครับ”
เอกเดชเงยหน้ามองไกรอย่างไม่พอใจ
“ดูเหมือนมันยังไม่คืบหน้าเลยนะ แค่ระบุจังหวัดมาข้าก็เวียนหัวจะแย่ แล้วในบันทึกของไอ้ปรีชา มันคงระบุไว้ด้วยใช่ไหม ว่าไอ้ที่กบดานของนังมาริสามันอยู่ตรงส่วนไหนบ้าง”
ไกรถอนหายใจ ก่อนเอ่ยออกมา
“ในบันทึกเขียนแค่จำนวนบ้านพักของมัน แต่ไม่ระบุว่า มันตั้งอยู่ตรงจุดไหน”
เอกเดชทุบโต๊ะดังตึง สบถออกมาทันที
“ทีกูแทงหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ แล้วอะไรที่บอกว่ามันคืบหน้า บอกมาให้กูชื่นใจหน่อยสิ”
ไกรขยับเดินเข้าไปใกล้ แล้วรายงานด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ความจริงที่ไอ้สุบินมันแจ้งผมมาก็พอจะมีเค้าว่าน่าจะเป็นไปได้มากเหมือนกันครับ เพราะมันคิดว่า นังมาริสาน่าจะไปที่เขาสอยดาวมากกว่าที่อื่น”
เอกเดชเริ่มสนใจ ขยับมือขึ้นลงเพื่อให้ไกรพูดต่อ
“ตอนนี้ไอ้สุบินเลยให้กำลังของมันตามนังมาริสาที่เขาสอยดาวเป็นส่วนใหญ่ ผมคิดว่าคงจะได้ข่าวยืนยันในไม่ช้านี้ครับ”
เอกเดชพยักหน้า แล้วจึงมองไปที่เก้าอี้ เป็นความหมายให้ไกรไปหยิบเก้าอี้มานั่งตรงหน้า ไกรจึงเดินไปยกเก้าอี้มาวางตรงหน้าแล้วนั่งลง เอกเดชจึงเอ่ยถามความเห็นออกมา
“เมื่อคืนข้าไปพบไอ้โจว มังกรไม้เพชร ที่โกลด์เลดี้มา มันบอกข้อมูลที่น่าสนใจให้ข้าต้องคิดเรื่องหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่ามันจะพอเป็นไปได้หรือเปล่า ข้าเลยอยากขอความเห็นจากเอ็งสักหน่อยไอ้ไกร”
ไกรคิ้วขมวด
“ข้อมูล ข้อมูลอะไรหรือครับ”
เอกเดชขยับนิ้วไปมา
“ไอ้โจวมันบอกว่า ไอ้สิทธิชัย ไม่เคยติดคุกที่ไต้หวันนานๆ มันจะติดคุกก็ไม่เกินสามวัน แล้วมันก็ออกมาจากคุกพร้อมกับไปจัดการกับกลุ่มนักเลงที่ตำรวจที่นั่นต้องการตัว และมันก็ทำสำเร็จ มันถึงได้เป็น มังกรไม้ศิลาที่ไต้หวัน เอ็งว่ามันพอจะเป็นไปได้หรือเปล่า”
ไกรใช้ความคิดครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยออกมา
“มันก็อาจเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะมันอาจมีสายสัมพันธ์กับตำรวจยศใหญ่ๆ ที่โน้นถึงทำเรื่องพวกนั้นได้ ว่าแต่ทำไมพี่เอกถึงถามผมแบบนี้ล่ะครับ”
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 56)
ในวันที่ร้อนระอุ ย่อมต้องมีความหนาวเย็นซุกซ่อนอยู่ไม่ที่ใด ก็ที่หนึ่งเหมือนกับ ความเดิมตอนที่แล้ว ที่ซ่อนอยู่ ตรงนี้ v
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 55)
https://pantip.com/topic/38752220
บทที่ 56 ซ่อน ปรารถนา
เอกเดชมาพบกับ มร.โจวที่โกลด์เลดี้ ไนท์คลับ ขณะนั้น มร.โจวกำลังคลอเคลียกับรีเซฟชั่นสาวสวยที่มานั่งพูดคุยหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง โดยที่ผู้ช่วยสองคนที่นั่งอยู่คนละฝั่ง มร.โจวมองไปยังมือขวาคือเหอซื่อเหว่ย พยักหน้าเป็นสัญญาณให้เขาเป็นคนแจ้งตามที่เขาต้องการ
“สาวๆ ไปเตรียมตัวไปหาอะไรกินข้างนอก เพราะคุณโจวจะเหมาพวกเธอทุกคนทั้งวัน ทั้งคืน”
สาวๆ รีเซฟชั่นต่างดีใจที่มีคนมาเหมาชั่วโมงของพวกเธอ จึงรีบออกไปแต่งตัว เมื่อเหลือเพียง มร.โจว กับเอกเดชที่นั่งอยู่บนโซฟาหนานุ่ม เอกเดชจึงเดินไปหยิบขวด XO เทใส่แก้วสองใบ แล้วถือมาให้ มร.โจว เอกเดชพยายามพูดภาษาจีนกลาง เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่จะสื่อสารอย่างกระท่อนกระแท่น มร.โจวยิ้มก่อนเอ่ยเป็นภาษาไทยกลับมาแม้จะติดสำเนียงแปลกๆ แต่ก็ฟังออก
“เราคุยกันเป็นภาษาไทยก็ได้ ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ ผมได้ฝึกภาษาไทยจนพูดได้ว่า มันเป็นภาษาที่สองของผมไปแล้ว เพราะตอนที่ผมพลาดตำแหน่งนี้ให้ไอ้หลิวตง ผมคิดว่ามันมาจากความรู้เรื่องภาษาที่ผมด้อยกว่า มันจึงทำให้ผมแพ้ให้มันในการโวต ผมจึงพยายามตั้งใจเรียน จนพูดได้”
เอกเดชยิ้มกว้างก่อนยกแก้วชนแก้วในมือของ มร.โจว
“ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็คุยกันง่ายขึ้น คุณโจวครับ ผมได้ยินมาว่า เมื่อก่อน…ไอ้หลิวตงก็เคยเป็นลูกน้องชั้นปลายแถวของคุณใช่ไหมครับ”
มร.โจวยักไหล่ก่อนตอบออกมา
“หน่วยข่าวกรองของคุณเอกเดชนี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ ใช่ครับ ไอ้หลิวตงมันเคยเป็นลูกน้องของผม เรียกได้ว่า มันอยู่ในกลุ่มพวกลิ่วล้อของผมก็ว่าได้”
เอกเดชเห็นประกายตาที่เป็นประกายเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จึงจงใจเปิดแผลให้กว้างขึ้น
“แล้วทำไม เอ่อ…มันถึงได้ ปีนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่ง มังกรไม้ศิลา ซึ่งจะว่าไป มันเป็นตำแหน่งเทียบเท่ากับของคุณโจว ได้ล่ะครับ”
มร.โจว จึงกระดกแก้วจนหมด เอกเดชจึงรินสุราลงในแก้วที่ว่างนั้นต่อ ดวงตาของ มร.โจวคล้ายมีเปลวไฟออกมาเมื่อมีคนมาถามถึงเรื่องที่คิดว่าเป็นความผิดพลาดของมังกรไม้ แต่เขาก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปกติ
“มันเป็นคนมีฝีมือ แถมยังรู้จัก ฉกฉวยโอกาสที่จะสร้างผลงานให้ท่านประธานได้เห็น จนมันขึ้นมาเป็นหนึ่งในแปดมังกรของ สมาพันธ์มังกรไม้ ทั้งที่มันอายุยังน้อย คุณเอกเดชคิดว่า ควรจะเรียกคนอย่างมัน ว่าเป็นคนแบบไหนดีล่ะ”
เอกเดชนั้นเห็นความเกลียดชังในสายตาเวลาที่ มร.โจวพูดถึงสิทธิชัย เขาจึงเข้าประเด็นในการหาแนวร่วมเพื่อกำจัดศัตรูคนสำคัญทันที
“มันก็เป็นคน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ฉวยโอกาส หน้าด้าน ถึงมีสติปัญญา แต่ก็ไม่ควรให้มันอยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ มันสมควรต้องถูกกำจัดโดยเร็วครับ”
มร.โจวหยิบแก้วสุราขึ้นมาหมุนวนให้มันไหลวนไปมาภายในแก้ว แล้วเอ่ยออกมา
“ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบใจที่มันขึ้นมาร่วมในตำแหน่งแปดเทพมังกร แต่ผมจะไม่มีวันลงมือกำจัดมันด้วยมือ หรือร่วมมือกับคนนอกเพื่อจะทำอะไรแบบนั้นอย่างแน่นอน เสียใจด้วยนะครับที่ผมต้องพูดตรงๆ กับคุณเอกเดช ถึงผมเองก็อยากฉีกร่างมันให้เป็นชิ้นๆ ด้วยมือของผมเอง”
เอกเดชยิ้ม ก่อนรินสุราลงในแก้วของตนอีกจนเกือบเต็ม
“คุณโจวเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมนัดคุณมาคุยที่นี่มิใช่ต้องการให้คุณมาร่วมกับผมเพื่อกำจัด ไอ้หลิวตง แต่เป็นการ ขออนุญาติต่อคุณ ถ้ามีอะไรเกิดกับมันในตอนที่มันอยู่ใน… คุก ครับคุณโจว”
มร.โจวยิ้มเล็กน้อยก่อนยกแก้วสุราดื่มเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวออกมา เพื่อให้เอกเดชทราบข้อมูลสำคัญ
“ถ้าคุณเอกเดชหมายถึง จะส่งคนของคุณไปจัดการไอ้หลิวตงในคุกละก็ ผมคิดว่า คุณคงเสียเวลาเปล่า เพราะเมื่อก่อนตอนที่มันอยู่ไต้หวัน ไอ้หมอนี่มันมีชื่อว่า นักโทษล่องหน หรือ บางคนก็เรียกมันว่า ไอ้ผีร้ายจอมเจ้าเล่ห์”
เอกเดชขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ใบหน้ายังแย้มยิ้มเป็นปกติ เพราะข้อมูลนี้ทำให้เขาฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา แล้วเอกเดชจึงวางแก้วลงบนโต๊ะ มือทั้งสองประสานกันที่ด้านหน้า
“คุณโจว ช่วยขยายความตรงนี้ให้ผมเข้าใจ สักหน่อยได้ไหมครับ”
เมื่อ มร.โจวดื่มจนหมด เขาก็วางแก้วลงตรงหน้า ก่อนขยับใบหน้าไปใกล้เอกเดช แล้วเอ่ยออกมาเน้นๆ
“ก็ไอ้หลิวตง มันไม่เคยอยู่ในคุกเกินสามวันยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นทางมังกรไม้จึงไม่ได้พยายามมายื่นเรื่องประกันตัวให้มัน แม้จะมีเรื่องวุ่นวายแค่ไหน ถึงผมจะถูกสั่งให้มาช่วย แต่ก็เพียงแค่ช่วยอำนวยความสะดวกถ้ามันร้องขอมา แต่มันก็…ไม่ได้ติดต่อคนของผมเลย คุณเอกเดชคิดว่ามันแปลกไหมครับ”
เอกเดชจ้องมองดวงตา มร.โจว นิ่ง ก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแม้ไม่เต็มเสียงนักในมือยกขวด XO รินเติมลงในแก้วของ มร.โจว ครึ่งแก้ว
“มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกครับ ถ้ามันหนีออกมา มันก็คงเป็นเรื่องใหญ่ แล้วตำรวจจะไม่ส่งคนตามล่ามัน เมื่อมันแหกคุกออกมาหรือไง ผมไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้แน่ๆ”
มร.โจวพูดสวนทันที ในขณะที่หยิบแก้วสุราขึ้นมาแกว่งอย่างช้าๆ
“คุณเอกเดชเข้าใจผิดแล้ว ที่คิดว่ามันจะใช้วิธีการแหกคุกอย่างที่คุณเข้าใจ มันมีวิธีที่ง่ายและได้ผลมากกว่านั้นเยอะ”
เอกเดชลูบคาง ก่อนเหลือบตาขึ้นมอง เอ่ยออกมา
“หรือมันจะใช้วิธีต่อรองกับเจ้าของคดี เพื่อทำคดีนี้ด้วยตนเอง หรือร่วมกับตำรวจทำอีกคดีที่ใหญ่กว่า…หรือครับ”
มร.โจวไม่ตอบ เขายกแก้วสุราขึ้นมาดื่มอีกครั้ง แล้วเอ่ยออกมา
“ผมคงบอกไม่ได้ว่ามันจะใช้วิธีนั้นหรือเปล่า แต่ผมจะบอกอะไรคุณเอกเดชให้ทราบเรื่องหนึ่ง ตอนที่ผมอยู่ที่ไต้หวัน ท่านประธานก็คุยกับผมเรื่องคดีของมัน รู้ไหมว่าผมพูดอะไรกับท่านประธานเฉินบ้าง”
เอกเดชจ้องหน้า มร.โจวนิ่ง ก่อนส่ายศีรษะช้าๆ เขาจึงยิ้มแล้วตอบออกมาอีกครั้ง
“ผมก็บอกกับท่าน ตามที่ใจท่านคิด ก็คือ ไอ้หลิวตง ไม่ได้เป็นคนลงมือ หรือบงการฆ่า ดร.อะไรนั่น เพราะมันสามารถฆ่าใครก็ได้ด้วยวิธีการที่แนบเนียนจนไร้หลักฐานมาถึงตัวมัน ถ้ามันต้องการ ที่สำคัญข้างกายมันมีมือสังหารมือพระกาฬอย่างไอ้หมาป่าจางหลี่ แล้วมันจะเอาหลักฐานที่มัดตัวมาทิ้งในบ้านของมันหรือ ผมจึงบอกท่านประธานไปว่า ไอ้หลิวตงคงเหยียบตีนใครสักคนที่เกลียดจนอยากให้มันนอนอยู่ในคุก”
เอกเดชจึงเข้าใจในทันใดว่า สมาพันธ์ห้ามังกรนั้นไม่ใช่แค่องค์การนอกกฎหมายธรรมดา เพราะที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยเสือ สิงห์ รวมทั้งสัตว์ร้ายที่มีเหลี่ยมมากมาย เอกเดชจึงยิ้มกว้างแล้วยกมือทั้งสองข้างต่อหน้า มร.โจวแล้วเอ่ยออกมา
“คุณโจว ไม่ว่าเพื่ออะไรก็ตาม ผมถือว่า มันคือข้อมูลที่ล้ำค่า ที่เพื่อนแท้จะมอบให้กัน ดังนั้นทุกอย่างที่คุณดื่ม กิน หาความสำราญในวันนี้ ผมขอเป็นเจ้ามือทั้งหมด แล้วก็ของขวัญสุดพิเศษจากผมนายเอกเดชคนนี้”
แล้วเอกเดชก็ตบมือเสียงดังสามครั้ง หญิงสาวหน้าตางดงามสวมเสื้อแพรเบาบางหลากสี ก็เดินเข้ามาภายในห้องเจ็ดนาง หญิงสาวที่ได้ฉายาว่านางฟ้าทั้งเจ็ด ก็เปลื้องเสื้อออกเพื่อโชว์ความลับที่ซ่อนภายในใต้ผ้าที่เบาบางนั้นให้ มร .โจวได้ชื่นชม เอกเดชผายมือออก เพื่อจะบอกว่าแขกคนสำคัญว่า
“นางฟ้าทั้งเจ็ดเป็นของคุณโจวในคืนนี้ จะทำอะไรกับเธอก็แล้วแต่ความปรารถนานะครับ เพราะในนี้มีพร้อมทุกอย่าง ที่คุณโจว ต้องการ”
เอกเดชใช้มือเลื่อนลิ้นชักโต๊ะรับแขกข้างหน้าออก ก็ปรากฎแส่หางม้า เทียนไข กุญแจมือ ผ้าปิดตา รวมทั้งอุปกรณ์มากมายหลายชนิดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
มร.โจวใบหน้านิ่งเหมือนไม่ยินดียินร้าย แม้มีหญิงสาวร่างกายเปลือยเปล่าเข้าไปคลอเคลียบีบนวดอย่างเอาอกเอาใจ ราวกับว่าเขาคือจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ในหมู่นางสนม ก่อนที่เขาจะแย้มยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่กว้างกว่าครั้งแรกมากมายหลายเท่า
พร้อมทั้งยกแก้วสุราขึ้นต่อหน้าเอกเดชพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ร้ายลึก เอกเดชจึงหยิบแก้วของตนขึ้นมาชน เสียงแก้วที่ชนกันดัง ปิ๊ง!!ใสกังวาล รอยยิ้มของเอกเดชนั้นก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน เพราะมันคือดิวเพื่อผลประโยชน์ตอบแทนทั้งสองฝ่ายนั่นเองแล้วเอกเดชก็เดินออกจากห้องที่มีบริกรที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเพื่อมิให้ใครเข้าไปรบกวน เสียงหัวเราะของ มร.โจวดังขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะคิกคักของสาวๆ ในนั้น เอกเดชออกคำสั่งกับชายทั้งสองด้วยเสียงราบเรียบ
“ดูแลแขกของฉันให้ดี อย่าทำให้คุณโจวไม่พอใจเด็ดขาด เข้าใจใช่ไหมว่าเรื่องนี้มันสำคัญมากแค่ไหน”
บริกรสองคนยิ้มรับ ในคำสั่งจากนายใหญ่ เพราะไนท์คลับแห่งนี้ก็เป็นของเอกเดช หนึ่งในสองเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม
“ไม่ต้องกังวลครับ เพราะผมทำตามข้อมูลจากเจ้านายอย่างละเอียด คุณโจวจะต้องประทับใจของขวัญสุดพิเศษ จากเจ้านายอย่างแน่นอนครับ”
เอกเดชชำเลืองมองไปด้านหลังยิ้มที่มุมปากแล้วก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะเขามีเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน อีกหลายเรื่อง ที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องสืบให้แน่ชัดว่า ศัตรูหมายเลขหนึ่งของตน อยู่ในคุกจริงหรือไม่
++++++++++++++
เช้าวันรุ่งขึ้นเอกเดชเรียกไกรเข้ามาพบที่บ้านพักของตนในกรุงเทพ เอ่ยถามถึงข่าวความคืบหน้าที่ตามล่า จอมกับดรุณี และมาริสา ว่าได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
“ตอนนี้ที่เท่าที่ทางกองทัพสมิงได้ส่งข่าวมา คิดว่าน่าจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับนังมาริสาก่อน เพราะในสมุดบันทึกของไอ้ปรีชา มีระบุที่พักใน เขาสอยดาว สี่แห่ง ศรีราชา สองแห่ง เชียงใหม่ สองแห่ง สตูล หนึ่งแห่ง โคราช สองแห่ง พิษณุโลก หนึ่งแห่ง ส่วนไอ้จอมกับนังดรุณีตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวมันเลยครับ”
เอกเดชเงยหน้ามองไกรอย่างไม่พอใจ
“ดูเหมือนมันยังไม่คืบหน้าเลยนะ แค่ระบุจังหวัดมาข้าก็เวียนหัวจะแย่ แล้วในบันทึกของไอ้ปรีชา มันคงระบุไว้ด้วยใช่ไหม ว่าไอ้ที่กบดานของนังมาริสามันอยู่ตรงส่วนไหนบ้าง”
ไกรถอนหายใจ ก่อนเอ่ยออกมา
“ในบันทึกเขียนแค่จำนวนบ้านพักของมัน แต่ไม่ระบุว่า มันตั้งอยู่ตรงจุดไหน”
เอกเดชทุบโต๊ะดังตึง สบถออกมาทันที
“ทีกูแทงหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ แล้วอะไรที่บอกว่ามันคืบหน้า บอกมาให้กูชื่นใจหน่อยสิ”
ไกรขยับเดินเข้าไปใกล้ แล้วรายงานด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ความจริงที่ไอ้สุบินมันแจ้งผมมาก็พอจะมีเค้าว่าน่าจะเป็นไปได้มากเหมือนกันครับ เพราะมันคิดว่า นังมาริสาน่าจะไปที่เขาสอยดาวมากกว่าที่อื่น”
เอกเดชเริ่มสนใจ ขยับมือขึ้นลงเพื่อให้ไกรพูดต่อ
“ตอนนี้ไอ้สุบินเลยให้กำลังของมันตามนังมาริสาที่เขาสอยดาวเป็นส่วนใหญ่ ผมคิดว่าคงจะได้ข่าวยืนยันในไม่ช้านี้ครับ”
เอกเดชพยักหน้า แล้วจึงมองไปที่เก้าอี้ เป็นความหมายให้ไกรไปหยิบเก้าอี้มานั่งตรงหน้า ไกรจึงเดินไปยกเก้าอี้มาวางตรงหน้าแล้วนั่งลง เอกเดชจึงเอ่ยถามความเห็นออกมา
“เมื่อคืนข้าไปพบไอ้โจว มังกรไม้เพชร ที่โกลด์เลดี้มา มันบอกข้อมูลที่น่าสนใจให้ข้าต้องคิดเรื่องหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่ามันจะพอเป็นไปได้หรือเปล่า ข้าเลยอยากขอความเห็นจากเอ็งสักหน่อยไอ้ไกร”
ไกรคิ้วขมวด
“ข้อมูล ข้อมูลอะไรหรือครับ”
เอกเดชขยับนิ้วไปมา
“ไอ้โจวมันบอกว่า ไอ้สิทธิชัย ไม่เคยติดคุกที่ไต้หวันนานๆ มันจะติดคุกก็ไม่เกินสามวัน แล้วมันก็ออกมาจากคุกพร้อมกับไปจัดการกับกลุ่มนักเลงที่ตำรวจที่นั่นต้องการตัว และมันก็ทำสำเร็จ มันถึงได้เป็น มังกรไม้ศิลาที่ไต้หวัน เอ็งว่ามันพอจะเป็นไปได้หรือเปล่า”
ไกรใช้ความคิดครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยออกมา
“มันก็อาจเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะมันอาจมีสายสัมพันธ์กับตำรวจยศใหญ่ๆ ที่โน้นถึงทำเรื่องพวกนั้นได้ ว่าแต่ทำไมพี่เอกถึงถามผมแบบนี้ล่ะครับ”