แชร์ประสบการณ์สอบ IELTS Academic (paper-based) กับ British Council ในวันสงกรานต์ 2562 (13/4/2019)
-------------------------------
** เกริ่น **
เนื่องจากมีกระทู้และบทความคุณภาพจำนวนมากที่แนะนำวิธีการเตรียมตัวสอบในส่วนของความรู้และทักษะแล้ว ผู้เขียนจึงขอเน้นเรื่องการเตรียมกาย-ใจก่อนวันสอบและประสบการณ์ในวันสอบเป็นหลัก พร้อมเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม ขอเล่าตาม chronological order เพราะคิดว่าเป็นประโยชน์กับคนที่อยากเตรียมตัวเตรียมใจแบบเรา (คนขี้ตกใจง่าย หิหิ) และขออนุญาตแถมศัพท์ภาษาอังกฤษเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย
-------------------------------
** วันก่อนวันสอบ **
เนื่องจากเราได้เตรียมตัวมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว จึงไม่ทำอะไรนักในวันก่อนสอบ นอกจากอ่านหัวข้อที่อาจเจอตอนสอบ Speaking ทำแบบสบาย ๆ เพื่อหาไอเดียในการตอบเท่านั้น กันเครื่องค้าง คิดไม่ออกตอนสอบจริง และเตรียมข้าวของดังนี้
1. เตรียมบัตรประชาชน พร้อมสำเนา (หรือใช้ passport สำหรับคนที่ลงทะเบียนด้วย passport) ไม่จำเป็นต้องเซ็นรับรองสำเนา และอย่าขีดเขียนบนภาพเด็ดขาด
2. เตรียมเสื้อกันหนาวไป (แต่เราว่าห้อง Ballroom ที่เราสอบไม่หนาวนะ อุณหภูมิกำลังดี สบาย ๆ)
3. เสื้อผ้าที่ใส่สบาย เพราะต้องนั่งแช่ตูดอยู่กับที่ราวสี่ชั่วโมง (ยิ่งถ้ากางเกงรัดพุงเราตลอดนี่อาจขาดเลือดได้ หิหิ)
4. เตรียมน้ำขวดเล็ก ดึงฉลากออก (เราว่าสำคัญนะ ร่างกายต้องการน้ำ ยิ่งใช้พลังงานสมองมากด้วย)
5. M150 พกแทนกาแฟ เพราะพกพาสะดวกและอร่อยดี จิบก่อนเข้าห้องสอบและช่วงพักเที่ยงเพื่อความตื่นตัว (อย่าดื่มมากไป เพราะจะปวดฉี่หรือใจสั่นมือสั่นได้)
6. เตรียมขนมกันหิวและช่วย boost น้ำตาลในเลือด กินก่อนเข้าห้อง (เวลาจริงแม้กินอาหารเช้าและกินก่อนเข้าห้องแล้ว สัก 11 โมงครึ่งเราก็เริ่มหิวแล้ว หิหิ)
7. ทานผลไม้ช่วยขับถ่าย เรากินมะม่วงน้ำดอกไม้สุก กำลังหน้ามะม่วงเลย กินตอนเช้าวันศุกร์ ช่วยให้ขับถ่ายดี หลีกเลี่ยงของที่จะทำให้แขกตี้ทุกชนิด งด ส้มตำ ของเผ็ด เปรี้ยว ดิบ อาหารปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ฯลฯ
8. ทบทวนการเดินทางอีกสักรอบ เพราะไม่เคยไปแถวโรงแรม Landmark Bangkok มาก่อน ก็ทวนว่าลงที่ BTS นานา เราดูตำแหน่งโรงแรมจาก Google Map วันจริงก็เดินไปถูกเลย แถมเห็นคนอื่น ๆ ที่ถือขวดน้ำเล็ก ๆ หรือใส่เสื้อกันหนาว หน้าตาจริงจัง ล้วนเดินไปออกทางนั้นยิ่งมั่นใจ
9. ทบทวนเลขที่นั่งสอบ ซึ่งเป็นเลขที่สำคัญมาก โดนเจ้าหน้าที่ถามตลอดและต้องกรอกลงบนกระดาษคำตอบและบนเล่มข้อสอบ นอกจากนี้ สำหรับ BC (British Council) ยังต้องใช้เลขนี้สำหรับการเช็คผลสอบทางเว็บไซต์ด้วย (หากไม่มีอดดู รอใบจริงส่งถึงบ้านเท่านั้น)
10. ทบทวนเวลาสอบ Speaking ของเราได้ 14.00 น. ซึ่งกำลังดี เพราะเลิกสอบ 3 skills แรกตอน 12.30 น. มีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงให้พักทานอาหาร เข้าห้องน้ำ พอดี ๆ (ต้องมานั่งรอคิวก่อนเวลาสอบ Speaking ครึ่งชั่วโมงโดยประมาณ ของเราคือ 13.30 น. ต้องมาที่ห้องรอแล้ว)
ในวันศุกร์ก่อนสอบทั้งวันเราก็เน้นพักผ่อน เล่นเกม ดู series เผอิญกำลังดู Grand Design Australia เป็น สารคดีชุดใน Netflix เกี่ยวกับการสร้างบ้านเก๋ ๆ ใน Australia ฝรั่งเกือบทุกคนใน series พูดสำเนียง Australian ซึ่งโชคดีมาก เพราะตอนสอบ Speaking ได้ฝรั่งสำเนียง Australian หิหิ (เราคุ้นกับ US > British > Australian)
เรานอนไม่ค่อยหลับ เพราะแถวบ้านมีจัดคอนเสิร์ตวันสงกรานต์ ดังใช้ได้ บวกกับตื่นเต้นนิดหน่อย เลยนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ แล้วฝันร้ายด้วย เล่าไว้เพราะอยากให้ทุกท่านเผื่อใจไว้สำหรับสิ่งที่ไม่คาดคิด แม้เราจะเตรีมตัวมาดีอย่างไร แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดได้เสมอ ควรฝึกทำใจ ฝึกปล่อยวาง ช่วยได้มากจริง ๆๆๆ เครียดแล้วมีแต่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง
------------------------------
** วันสอบ **
เราตื่นแต่เช้า หาอะไรรองท้อง ทำธุระต่าง ๆ ออกเดินทางแต่เนิ่น ๆ นั่งรถไฟฟ้า BTS จากหมอชิต 20 นาทีก็ถึงสถานีนานา เดินออกทางออกที่ 2 สัก 2-3 นาทีก็มาถึงโรงแรม Landmark Bangkok เข้ามาตรง lobby ก็ขึ้น lift ได้เลย ของเราขึ้นมาที่ชั้น 7 (แต่ละคนต้องดูในอีเมลว่าเขาให้ลงทะเบียนหรือสอบที่ชั้นไหน) ขึ้นมาถึงก็ดูว่ามีรายชื่อของเราบนบอร์ดไหม และได้ row หมายเลขอะไร ซึ่งคือหมายเลขที่ใช้ในการต่อแถวลงทะเบียนนั่นเอง
เนื่องจากเรามาถึงก่อน 8 โมงเสียอีก เลยมีเวลาสบาย ๆ เพราะเขาปิดประตูไม่ให้เข้าลงทะเบียนตอน 8.30 น. ก่อนเข้าห้องสอบเราก็กินเค้กกล้วยอันเล็ก ๆ กันหิว จิบ M150 นิดหน่อย แล้วก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ในส่วนของห้องน้ำที่ชั้น 7 ที่เป็นชั้นที่เราลงทะเบียนห้องน้ำน้อย เราเลยลงไปที่ชั้น 3 ดู ปรากฏว่าที่ชั้น 3 มีห้องน้ำหลายจุดและมีห้องย่อยหลายห้องมาก แถมสะอาด สะดวก น่าใช้มั่ก แต่ว่าร้อนอบอ้าวมาก ไม่แน่ใจว่าปกติมีแอร์ไหม
เสร็จแล้วเราก็เตรียมของเข้าห้องสอบ ได้แก่ หลักฐานยืนยันตัวตนพร้อมสำเนา เสื้อหนาว น้ำเปล่าขวดเล็กแกะฉลากออก แล้วก็เข้าแถวฝากกระเป๋า ตอนฝากกระเป๋าที่นี่จะมีหลายแถว แต่ละแถวมีสี tag เช่น สีชมพู สีเหลือง เมื่อฝากกระเป๋าแล้วยังไปเข้าห้องน้ำหรือทำนู่นทำนี่ได้ บางคนที่ลืมถ่ายเอกสารบัตรประชาชนหรือ passport ก็สามารถไปถ่ายได้ มีบริการอยู่ในห้องใกล้ ๆ ลิฟต์ มีห้องพร้อมที่นั่งจำนวนมากให้แก่ผู้ปกครองหรือผู้ที่มาเข้าสอบได้นั่งพักด้วย
โปรดระวังว่า ถ้าผ่านขั้นตอนลงทะเบียนแล้วจะไม่สามารถออกมาจากห้องสอบได้อีกจนกว่าจะเข้าสู่ part 2 คือช่วงสอบ Reading ดังนั้นก่อนต่อแถวลงทะเบียนก็เช็คว่าตัวเองพร้อมไหม ตอนต่อแถวให้ต่อตามหมายเลข row ที่ได้
ขอพูดนอกเรื่องว่า ของ BC จะมีการจัดการที่เป็นระบบ เรียบร้อย กระฉับกระเฉงดี แต่เราก็อาจจะ biased เพราะวันนี้รู้สึกดีกว่าตอนที่เคยไปสอบ IDP ปีก่อน (เราเคยสอบ IELTS ครั้งแรกที่ IDP 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2) อาจจะเป็นที่อารมณ์และบรรยากาศของวันนั้นที่ festive หน่อย ๆ (ขออนุญาตแถมศัพท์)
ตอนลงทะเบียนรอคิวนานใช้ได้ เพราะแต่ละคนก็มีข้อติดขัดต่างกันไป พอถึงคิวเรา คิดว่าเราเตรียมตัวมาอย่างดี ไร้ปัญหา ปรากฏว่า พอยื่นหลักฐานให้พี่คนที่หนึ่งตรวจสอบ เราก็รู้เลยว่ามีปัญหา เพราะเขาห้ามขีดเส้นทับภาพในสำเนาตามที่เรา ๆ มักทำกัน เลยต้องออกจากแถวไปหาสำเนามาใหม่ กว่าจะกลับมาต่อแถวอีกที คนในห้องลงทะเบียนก็เริ่มซาและปิดประตูไม่ให้เข้าแล้ว คราวนี้รอนานเลย เพราะแถวยาว เราเป็นคนท้าย ๆ
พอถึงจุดลงทะเบียนก็ยื่นหลักฐานให้ตรวจสอบพร้อมสแกนนิ้วมือสี่ครั้ง แล้วก็ถ่ายรูป ห้ามยิงฟัน สำหรับคนผมยาวต้องเก็บผมให้เรียบร้อย ต้องเห็นหู ถอดแว่นออก แล้วก็ย้ายมาอีกเก้าอี้เพื่อเซ็นชื่อกับจำเลขที่นั่ง เสร็จแล้วก็ต่อแถวตรวจค้น อย่าเพิ่งใส่เสื้อกันหนาว เพราะเดี๋ยวต้องถอดให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ต้องล้วงกระเป๋าโชว์ว่าไม่มีของอะไรด้วย จึงเข้าได้ พอถึงประตู เจ้าหน้าที่จะถามเลขที่นั่งเพื่อพาเราไปนั่ง เราจะไม่รู้ที่นั่งของตนเองเลย ไม่มีแผนผังแปะไว้ตรงบอร์ด
ถึงที่นั่งแล้วก็รอ ไม่มีการเปิด CD ให้ทดสอบหูฟังแต่อย่างใด นั่งเฉย ๆ อาจตรวจสอบดินสอเปลี่ยนไส้ว่ามีไส้เพียงพอใช้ (แต่เราก็ไม่เคยใช้เกินสองอันเลย) อาจจะคลายสายที่พันของหูฟังออก เพื่อจะได้ไม่ดึงรั้งตอนฟัง
เมื่อคนสุดท้ายเข้ามา เจ้าหน้าที่ก็จะทักทายและอ่านกฎให้ฟัง ที่นี่มี slide show ให้ดูบนฉาก projector ด้วย อ่านชัดมาก ตอนที่สอบของ IDP เป็นครูฝรั่งมาอ่านกฎให้ฟัง แต่ที่นี่เป็นเจ้าหน้าที่คนไทยอ่านกฎพร้อม slide show ซึ่งก็ชัดเจนดี และค่อย ๆ ไป มีเวลารอให้เรากรอกข้อมูลบนกระดาษคำตอบไปทีละ step รับรองว่าถ้าทำตามจะไม่ลืมกรอกหรือฝนตรงไหนเลย
มีการเปิด check หูฟัง หากของใครมีปัญหาก็ยกมือบอกได้ เขาก็จะเปลี่ยนให้และทดสอบใหม่ ของเรามีปัญหาคือ ดังหูซ้าย แต่หูขวาเหมือนจะเบามากหรือไม่ดัง แต่เราก็ไม่ได้ยกมือ เพราะฟังได้ และคิดว่า ใช่ว่าเอาอันใหม่มาจะไม่มีปัญหาขณะใช้สอบ เลยไม่ได้เปลี่ยน เรียกว่า complacent ก็ได้ หิหิ
(มีต่อจ้า)
[CR] ประสบการณ์การสอบ IELTS (โคตรละเอียด) กับ British Council ในวันสงกรานต์ 2562 (13/4/2019)
-------------------------------
** เกริ่น **
เนื่องจากมีกระทู้และบทความคุณภาพจำนวนมากที่แนะนำวิธีการเตรียมตัวสอบในส่วนของความรู้และทักษะแล้ว ผู้เขียนจึงขอเน้นเรื่องการเตรียมกาย-ใจก่อนวันสอบและประสบการณ์ในวันสอบเป็นหลัก พร้อมเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม ขอเล่าตาม chronological order เพราะคิดว่าเป็นประโยชน์กับคนที่อยากเตรียมตัวเตรียมใจแบบเรา (คนขี้ตกใจง่าย หิหิ) และขออนุญาตแถมศัพท์ภาษาอังกฤษเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย
-------------------------------
** วันก่อนวันสอบ **
เนื่องจากเราได้เตรียมตัวมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว จึงไม่ทำอะไรนักในวันก่อนสอบ นอกจากอ่านหัวข้อที่อาจเจอตอนสอบ Speaking ทำแบบสบาย ๆ เพื่อหาไอเดียในการตอบเท่านั้น กันเครื่องค้าง คิดไม่ออกตอนสอบจริง และเตรียมข้าวของดังนี้
1. เตรียมบัตรประชาชน พร้อมสำเนา (หรือใช้ passport สำหรับคนที่ลงทะเบียนด้วย passport) ไม่จำเป็นต้องเซ็นรับรองสำเนา และอย่าขีดเขียนบนภาพเด็ดขาด
2. เตรียมเสื้อกันหนาวไป (แต่เราว่าห้อง Ballroom ที่เราสอบไม่หนาวนะ อุณหภูมิกำลังดี สบาย ๆ)
3. เสื้อผ้าที่ใส่สบาย เพราะต้องนั่งแช่ตูดอยู่กับที่ราวสี่ชั่วโมง (ยิ่งถ้ากางเกงรัดพุงเราตลอดนี่อาจขาดเลือดได้ หิหิ)
4. เตรียมน้ำขวดเล็ก ดึงฉลากออก (เราว่าสำคัญนะ ร่างกายต้องการน้ำ ยิ่งใช้พลังงานสมองมากด้วย)
5. M150 พกแทนกาแฟ เพราะพกพาสะดวกและอร่อยดี จิบก่อนเข้าห้องสอบและช่วงพักเที่ยงเพื่อความตื่นตัว (อย่าดื่มมากไป เพราะจะปวดฉี่หรือใจสั่นมือสั่นได้)
6. เตรียมขนมกันหิวและช่วย boost น้ำตาลในเลือด กินก่อนเข้าห้อง (เวลาจริงแม้กินอาหารเช้าและกินก่อนเข้าห้องแล้ว สัก 11 โมงครึ่งเราก็เริ่มหิวแล้ว หิหิ)
7. ทานผลไม้ช่วยขับถ่าย เรากินมะม่วงน้ำดอกไม้สุก กำลังหน้ามะม่วงเลย กินตอนเช้าวันศุกร์ ช่วยให้ขับถ่ายดี หลีกเลี่ยงของที่จะทำให้แขกตี้ทุกชนิด งด ส้มตำ ของเผ็ด เปรี้ยว ดิบ อาหารปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ ฯลฯ
8. ทบทวนการเดินทางอีกสักรอบ เพราะไม่เคยไปแถวโรงแรม Landmark Bangkok มาก่อน ก็ทวนว่าลงที่ BTS นานา เราดูตำแหน่งโรงแรมจาก Google Map วันจริงก็เดินไปถูกเลย แถมเห็นคนอื่น ๆ ที่ถือขวดน้ำเล็ก ๆ หรือใส่เสื้อกันหนาว หน้าตาจริงจัง ล้วนเดินไปออกทางนั้นยิ่งมั่นใจ
9. ทบทวนเลขที่นั่งสอบ ซึ่งเป็นเลขที่สำคัญมาก โดนเจ้าหน้าที่ถามตลอดและต้องกรอกลงบนกระดาษคำตอบและบนเล่มข้อสอบ นอกจากนี้ สำหรับ BC (British Council) ยังต้องใช้เลขนี้สำหรับการเช็คผลสอบทางเว็บไซต์ด้วย (หากไม่มีอดดู รอใบจริงส่งถึงบ้านเท่านั้น)
10. ทบทวนเวลาสอบ Speaking ของเราได้ 14.00 น. ซึ่งกำลังดี เพราะเลิกสอบ 3 skills แรกตอน 12.30 น. มีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงให้พักทานอาหาร เข้าห้องน้ำ พอดี ๆ (ต้องมานั่งรอคิวก่อนเวลาสอบ Speaking ครึ่งชั่วโมงโดยประมาณ ของเราคือ 13.30 น. ต้องมาที่ห้องรอแล้ว)
ในวันศุกร์ก่อนสอบทั้งวันเราก็เน้นพักผ่อน เล่นเกม ดู series เผอิญกำลังดู Grand Design Australia เป็น สารคดีชุดใน Netflix เกี่ยวกับการสร้างบ้านเก๋ ๆ ใน Australia ฝรั่งเกือบทุกคนใน series พูดสำเนียง Australian ซึ่งโชคดีมาก เพราะตอนสอบ Speaking ได้ฝรั่งสำเนียง Australian หิหิ (เราคุ้นกับ US > British > Australian)
เรานอนไม่ค่อยหลับ เพราะแถวบ้านมีจัดคอนเสิร์ตวันสงกรานต์ ดังใช้ได้ บวกกับตื่นเต้นนิดหน่อย เลยนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ แล้วฝันร้ายด้วย เล่าไว้เพราะอยากให้ทุกท่านเผื่อใจไว้สำหรับสิ่งที่ไม่คาดคิด แม้เราจะเตรีมตัวมาดีอย่างไร แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดได้เสมอ ควรฝึกทำใจ ฝึกปล่อยวาง ช่วยได้มากจริง ๆๆๆ เครียดแล้วมีแต่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง
------------------------------
** วันสอบ **
เราตื่นแต่เช้า หาอะไรรองท้อง ทำธุระต่าง ๆ ออกเดินทางแต่เนิ่น ๆ นั่งรถไฟฟ้า BTS จากหมอชิต 20 นาทีก็ถึงสถานีนานา เดินออกทางออกที่ 2 สัก 2-3 นาทีก็มาถึงโรงแรม Landmark Bangkok เข้ามาตรง lobby ก็ขึ้น lift ได้เลย ของเราขึ้นมาที่ชั้น 7 (แต่ละคนต้องดูในอีเมลว่าเขาให้ลงทะเบียนหรือสอบที่ชั้นไหน) ขึ้นมาถึงก็ดูว่ามีรายชื่อของเราบนบอร์ดไหม และได้ row หมายเลขอะไร ซึ่งคือหมายเลขที่ใช้ในการต่อแถวลงทะเบียนนั่นเอง
เนื่องจากเรามาถึงก่อน 8 โมงเสียอีก เลยมีเวลาสบาย ๆ เพราะเขาปิดประตูไม่ให้เข้าลงทะเบียนตอน 8.30 น. ก่อนเข้าห้องสอบเราก็กินเค้กกล้วยอันเล็ก ๆ กันหิว จิบ M150 นิดหน่อย แล้วก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ในส่วนของห้องน้ำที่ชั้น 7 ที่เป็นชั้นที่เราลงทะเบียนห้องน้ำน้อย เราเลยลงไปที่ชั้น 3 ดู ปรากฏว่าที่ชั้น 3 มีห้องน้ำหลายจุดและมีห้องย่อยหลายห้องมาก แถมสะอาด สะดวก น่าใช้มั่ก แต่ว่าร้อนอบอ้าวมาก ไม่แน่ใจว่าปกติมีแอร์ไหม
เสร็จแล้วเราก็เตรียมของเข้าห้องสอบ ได้แก่ หลักฐานยืนยันตัวตนพร้อมสำเนา เสื้อหนาว น้ำเปล่าขวดเล็กแกะฉลากออก แล้วก็เข้าแถวฝากกระเป๋า ตอนฝากกระเป๋าที่นี่จะมีหลายแถว แต่ละแถวมีสี tag เช่น สีชมพู สีเหลือง เมื่อฝากกระเป๋าแล้วยังไปเข้าห้องน้ำหรือทำนู่นทำนี่ได้ บางคนที่ลืมถ่ายเอกสารบัตรประชาชนหรือ passport ก็สามารถไปถ่ายได้ มีบริการอยู่ในห้องใกล้ ๆ ลิฟต์ มีห้องพร้อมที่นั่งจำนวนมากให้แก่ผู้ปกครองหรือผู้ที่มาเข้าสอบได้นั่งพักด้วย
โปรดระวังว่า ถ้าผ่านขั้นตอนลงทะเบียนแล้วจะไม่สามารถออกมาจากห้องสอบได้อีกจนกว่าจะเข้าสู่ part 2 คือช่วงสอบ Reading ดังนั้นก่อนต่อแถวลงทะเบียนก็เช็คว่าตัวเองพร้อมไหม ตอนต่อแถวให้ต่อตามหมายเลข row ที่ได้
ขอพูดนอกเรื่องว่า ของ BC จะมีการจัดการที่เป็นระบบ เรียบร้อย กระฉับกระเฉงดี แต่เราก็อาจจะ biased เพราะวันนี้รู้สึกดีกว่าตอนที่เคยไปสอบ IDP ปีก่อน (เราเคยสอบ IELTS ครั้งแรกที่ IDP 1 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2) อาจจะเป็นที่อารมณ์และบรรยากาศของวันนั้นที่ festive หน่อย ๆ (ขออนุญาตแถมศัพท์)
ตอนลงทะเบียนรอคิวนานใช้ได้ เพราะแต่ละคนก็มีข้อติดขัดต่างกันไป พอถึงคิวเรา คิดว่าเราเตรียมตัวมาอย่างดี ไร้ปัญหา ปรากฏว่า พอยื่นหลักฐานให้พี่คนที่หนึ่งตรวจสอบ เราก็รู้เลยว่ามีปัญหา เพราะเขาห้ามขีดเส้นทับภาพในสำเนาตามที่เรา ๆ มักทำกัน เลยต้องออกจากแถวไปหาสำเนามาใหม่ กว่าจะกลับมาต่อแถวอีกที คนในห้องลงทะเบียนก็เริ่มซาและปิดประตูไม่ให้เข้าแล้ว คราวนี้รอนานเลย เพราะแถวยาว เราเป็นคนท้าย ๆ
พอถึงจุดลงทะเบียนก็ยื่นหลักฐานให้ตรวจสอบพร้อมสแกนนิ้วมือสี่ครั้ง แล้วก็ถ่ายรูป ห้ามยิงฟัน สำหรับคนผมยาวต้องเก็บผมให้เรียบร้อย ต้องเห็นหู ถอดแว่นออก แล้วก็ย้ายมาอีกเก้าอี้เพื่อเซ็นชื่อกับจำเลขที่นั่ง เสร็จแล้วก็ต่อแถวตรวจค้น อย่าเพิ่งใส่เสื้อกันหนาว เพราะเดี๋ยวต้องถอดให้เจ้าหน้าที่ตรวจ ต้องล้วงกระเป๋าโชว์ว่าไม่มีของอะไรด้วย จึงเข้าได้ พอถึงประตู เจ้าหน้าที่จะถามเลขที่นั่งเพื่อพาเราไปนั่ง เราจะไม่รู้ที่นั่งของตนเองเลย ไม่มีแผนผังแปะไว้ตรงบอร์ด
ถึงที่นั่งแล้วก็รอ ไม่มีการเปิด CD ให้ทดสอบหูฟังแต่อย่างใด นั่งเฉย ๆ อาจตรวจสอบดินสอเปลี่ยนไส้ว่ามีไส้เพียงพอใช้ (แต่เราก็ไม่เคยใช้เกินสองอันเลย) อาจจะคลายสายที่พันของหูฟังออก เพื่อจะได้ไม่ดึงรั้งตอนฟัง
เมื่อคนสุดท้ายเข้ามา เจ้าหน้าที่ก็จะทักทายและอ่านกฎให้ฟัง ที่นี่มี slide show ให้ดูบนฉาก projector ด้วย อ่านชัดมาก ตอนที่สอบของ IDP เป็นครูฝรั่งมาอ่านกฎให้ฟัง แต่ที่นี่เป็นเจ้าหน้าที่คนไทยอ่านกฎพร้อม slide show ซึ่งก็ชัดเจนดี และค่อย ๆ ไป มีเวลารอให้เรากรอกข้อมูลบนกระดาษคำตอบไปทีละ step รับรองว่าถ้าทำตามจะไม่ลืมกรอกหรือฝนตรงไหนเลย
มีการเปิด check หูฟัง หากของใครมีปัญหาก็ยกมือบอกได้ เขาก็จะเปลี่ยนให้และทดสอบใหม่ ของเรามีปัญหาคือ ดังหูซ้าย แต่หูขวาเหมือนจะเบามากหรือไม่ดัง แต่เราก็ไม่ได้ยกมือ เพราะฟังได้ และคิดว่า ใช่ว่าเอาอันใหม่มาจะไม่มีปัญหาขณะใช้สอบ เลยไม่ได้เปลี่ยน เรียกว่า complacent ก็ได้ หิหิ
(มีต่อจ้า)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น