พ่อบอกว่าเราชอบมองคนอื่นในแง่ร้าย จริงเหรอ?

ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์

[ เหตุการณ์ที่ 1 ] เราจองที่นั่งบนเครื่องบินแล้ว แต่พอขึ้นเครื่อง มีคนมุสลิมมานั่งที่เรา ที่นั่งเราอยู่ริมหน้าต่าง เราก็บอกเขาดีๆ ว่านั่นคือที่นั่งเรา เขาก็ยอมลุกให้เรานั่ง เราก็ไม่อะไรกับเขาอีก
- เราไลน์บอกพ่อขำๆ ว่ามีคนหัวหมอมาแย่งที่นั่งริมหน้าต่างของเรา (คือก่อนหน้านั้นเราก็เคยโดนฝรั่งแย่งที่ครั้งนึง เขาพาแฟนคนไทยมาด้วย แล้วมาแย่งที่นั่งเราตรงริมหน้าต่างเหมือนกัน ตอนนั้นเราปล่อย ไม่พูด ยอมนั่งริมทางเดินแทน แต่รู้สึกไม่พอใจมาก คิดว่าเขาจงใจแย่ง พอมาเจอครั้งนี้อีกจึงไม่ยอมแล้ว)
- พ่อเราก็บอกว่าเรามองเขาในแง่ร้าย เขาอาจไม่ได้ตั้งใจแย่ง แต่เขาอาจไม่รู้ว่ากำลังแย่งที่คนอื่น
- เราก็บอกพ่อว่า จะไม่รู้ได้ไง บนหัวก็มีตัวอักษร A-F บอกไว้แล้วว่าที่นั่งแต่ละตัวอักษรอยู่ตรงไหน
- พ่อก็บอกอีกว่าคนไม่เคยขึ้นก็อาจไม่รู้ ใช่ว่าทุกคนจะฉลาด

[ เหตุการณ์ที่ 2 ]
- เรากับเจ้านายมีนิสัยและบุคลิกต่างกัน และเรารู้สึกว่าเราโดนเจ้านายจู้จี้เรื่องนิสัยมากๆ เขาอาจบ่นเรื่องงานบ้าง แต่ทุกครั้งที่เขาบ่นเรื่องงาน เอาจะลากเอาเรื่องนิสัยเรามาพูดด้วย ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยดีกับเขา รู้สึกว่าเขาเยอะ เอาแต่ใจ ร้าย แต่ไม่คิดว่าเขาเลว เพราะถ้าเขาอยู่ในอารมณ์ปกติ เขาก็พูดคุยกับเราดี จริงๆ เขาก็เป็นคนดี แต่เรารู้สึกว่าเรากับเขาจูนกันไม่ค่อยติด
- เราก็เล่าเรื่องหัวหน้าให้พ่อแม่ฟัง บางทีก็พูดขำๆ ว่า "อยากให้หัวหน้าเกษียณไวๆ จัง ไม่เห็นมีลูกน้องคนไหนชอบเขาเลย" หรือไม่ก็บอกว่า "เดี๋ยวซื้อของไปเซ่นไหว้หัวหน้าหน่อยดีกว่า เผื่อเขาชอบคนเอาใจ จะได้บ่นน้อยลง" หรือไม่ก็ "ทีคนเก่าๆ ทำผิดล่ะไม่ค่อยบ่น แต่พอคนใหม่ๆ ทำผิดนี่บ่นเก่งจังเลย" หรือไม่ก็ "ถ้าลูกน้องแย่นัก ทำไมไม่เลิกจ้างเลยอ่ะ บ่นอยู่ได้ ไล่ออกเลยสิ จะได้จบ" (เราเป็นคนปากร้าย แต่ปกติเราจะไม่ค่อยพูด ชอบอยู่เงียบๆ)
- พ่อก็บอกว่าเรามองหัวหน้าในแง่ร้าย หัวหน้าเขาอาจบ่นเพราะหวังดี และเขาก็ไม่ได้บ่นเราคนเดียว เขาบ่นคนอื่นๆด้วย แต่คนอื่นไม่เห็นเก็บมาคิดมากเหมือนเราเลย ตอนเราอยู่บ้านก็โดนพ่อแม่บ่น เรายังไม่เห็นมีปัญหาเลย
- เราบอกว่า ก็ตอนที่พ่อแม่บ่น เราเถียงได้นี่นา แต่กับหัวหน้า เราเถียงได้ที่ไหนล่ะ เถียงไปก็อาจซวยสิ พอเถียงไม่ได้มันก็รู้สึกเจ็บใจและกดดัน
- พ่อบอกว่า ทำไมคิดแบบนี้ จริงอยู่ที่สามารถเถียงพ่อแม่ได้ เพราะยังไงพ่อแม่ก็ต้องยอมลูกอยู่แล้ว ไม่เหมือนหัวหน้าที่ไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับเรา แต่การเถียงพ่อแม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำนี่ โดนหัวหน้าบ่นน่ะทำให้เราได้รู้ข้อบกพร่องตัวเอง และมีโอกาสพัฒนา
- เราบอกว่า ขนาดหัวหน้ายังปรับเปลี่ยนนิสัยเสียๆ ของตัวเองไม่ได้เลย แล้วทำไมเขาถึงต้องพยายามบังคับให้คนอื่นเปลี่ยนตามที่เขาถูกใจด้วย แทนที่จะโฟกัสแต่เรื่องงาน มาโฟกัสเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้

[ เหตุการณ์ที่ 3 ]
ผู้บริหารคนหนึ่งแอบถามเราว่า ทำไมเราไม่เรียนต่อ ป.โท ล่ะ จะได้มีโอกาสไปเติบโตที่อื่น เพราะอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เติบโตมากนักหรอก
- เราไปเล่าให้พ่อฟัง และบอกว่า สงสัยเขาผู้บริหารที่นี่คงไม่ต้องการเราแล้วมั้ง ก็เลยพูดเหมือนอยากให้เราไปจากที่นี่ซะ (เรายังไม่เรียน ป.โท เพราะกลัวจะไม่รอด เพราะแค่ทำงานอย่างเดียวก็เครียดแล้ว อีกอย่างค่าเทอม ป.โท ภาคพิเศษก็แพงมากด้วย เรายังไม่มีงบ จะขอทุนก็มีเงื่อนไขมากมายที่เราไม่อยากได้ และอีกอย่างคือคิดตามพ่อว่า ต่อให้จบ ป.โท ก็ไม่ได้แปลว่าจะก้าวหน้าเรื่องงาน เพราะประสบการณ์สำคัญกว่าตำรา)
- พ่อว่าเรามองผู้บริหารในแง่ร้าย เขาพูดแค่นี้ แต่เรากลับคิดไปถึงขนาดว่าเขาอยากให้เราออกจากงาน คิดมากเกินไปแล้ว

[ เหตุการณ์ที่ 4 อันนี้แถม เราไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง ]
เราคุยกับคนในเน็ต แต่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เขาแสดงตัวว่าเขาเป็นผู้ชาย และทำงานแล้ว เราไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่ แต่คิดว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตอนคุยกันเขามีท่าทีคล้ายจะจีบเรา (ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะเราไม่สามารถเล่าส่วนนี้ให้คนอื่นเข้าใจง่ายๆได้) และเวลาเราคิดอะไร เขาก็มักคล้อยตามเรา และเอาความคิดเราเป็นแบบอย่าง ตอนนั้นเรารู้สึกดีกับเขา จะบอกว่าชอบก็ได้ แต่เราก็ไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์กับเขาจนกว่าจะแน่ใจว่าจริงๆแล้วเขาเป็นใคร ต่อมาเราเห็นเขาจีบผู้หญิงคนอื่น เที่ยวหยอดคำหวาน และคุยกับเราน้อยลง แถมเวลาคุยกับเรา เขาก็ชอบเผลอเรียกเราด้วยชื่อของผู้หญิงที่เขาจีบ
- ในใจเรารู้สึกไม่ชอบที่เขาเป็นแบบนี้ เพราะตอนแรกมีท่าทีเหมือนจะจีบเรา แล้วต่อมาก็ไปจีบผู้หญิงคนอื่น แปลว่าที่เขาทำกับเรามันคือหมาหยอกไก่เหรอ ที่แท้ก็เป็นคนแบบนี้เองเหรอ ไม่นึกถึงความรู้สึกของเราบ้างเลยใช่ไหม คอยดูเถอะ เราจะคุยหยอกและหว่านเสน่ห์กับผู้ชายคนอื่นให้เขาเห็นบ้าง ไม่อยากคุยอะไรกับเขาอีกแล้วถ้าไม่จำเป็น และมันพาลให้เราแอบรู้สึกตะหงิดๆต่อผู้หญิงที่เขาจีบด้วย
- แต่ในสมองของเรา ที่ตัดเรื่องความสู้สึกส่วนตัวออกไปแล้ว ก็คิดว่า ผู้หญิงที่เขาจีบไม่ได้ทำอะไรผิด เขาคงไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้เคยมีท่าทีเหมือนจะจีบเรา และผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ยั่วเขาด้วย ไม่ได้มีท่าทียอมให้เขาง่ายๆ ผู้ชายคนนั้นเป็นฝ่ายเริ่มก่อน และบางทีเราอาจเข้าข้างตัวเองก็ได้ที่คิดว่าเขาจะจีบเรา จริงๆ เขาอาจไม่ได้คิดอะไรเลย แต่เราแอบหวั่นไหวไปเองต่างหาก ยังไงก็คุยกับเขาน้อยลงละกัน ความรู้สึกหวั่นไหวจะได้หายไป เพราะยังไงเราก็ไม่ได้จะสานสัมพันธ์กับเขานี่หว่า

รู้ว่าพิมพ์ยาวมาก ขี้เกียจอ่านล่ะสิ แต่ถ้าอ่านไหวก็ทนอ่านหน่อยนะ เพราะเราก็อยากรู้ความคิดของคนอื่นเหมือนกัน ว่าเวลาเจอแบบเราแล้วจะรู้สึกยังไง บางทีความคิดจากสมอง กับความรู้สึกจากใจ มันก็ขัดแย้งกันได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่