สวัสดีค่ะ ช่วงนี้เราเครียดมากๆจนไม่รู้จะจัดการกับมันอย่างไร คือเครียดกับทุกๆอย่าง จนอยากจะทิ้งๆทุกอย่างแล้วหนีไปไหนๆสักพัก
เราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ลูก 2 คน คนโตผู้ชาย 10 ขวบแล้ว คนเล็กผู้หญิง 8 ขวบ ตอนนี้เราอยู่บ้านกับแม่ของเราค่ะ แม่เป็นคนที่ขี้บ่นมากๆๆ. เราก็พยายามเข้าใจแกนะ แต่บางทีเราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เช่น ลูกคนเล็กเป็นเด็กกินยากค่ะ ไม่ว่าจะข้าว ขนมนี่ไม่ค่อยกิน ขนมก็กินบางอย่างเท่านั้น ขมนนี่ชอบแค่บางอย่างเท่านั้น. เช่นเราก็ซื้อขนมที่คิดว่าเขาชอบมาให้กินถุงนึง 5บาท เราก็บอกถ้าชอบเดี๋ยวไปซื้อใหม่นะ พอได้ยินเท่านั้นล่ะ โหยขึ้นมาเลย***กินให้มันประหยัดๆกันมั่ง 5บาทก็ตังนะ จะซื้อให้มันกินอะไรนักหนาให้มันอดๆนั่นล่ะ บลาาา ยาวไป เรามีน้องชาย 2 คน แต่ไปทำงานที่อื่น บางทีบ่นๆๆน้อง สุดท้ายสรุปจบที่เรา เราพยายามเข้าใจแม่เรานะ เราคิดว่าพ่อเราไม่ได้ดั่งใจเขา(พ่อกับแม่อยู่คนละบ้านแต่ไม่ได้เลิกกัน บ้านก็สร้างง่ายๆแบบชนบท) ลูกก็ไม่ได้ดั่งใจไงก็บ่นๆๆเยอะมาก เราตั้งแต่เลิกกับสามีก็มาอยู่กับแม่ เราทำงานเป็นครูค่ะ ก็ต้องมีหนี้สินล่ะ ตอนแรกกู้มาว่าจะซื้อรถแต่ไม่ได้ซื้อเงินก็ใช้กินใช้อยู่ล่ะ ตอนนั้นพ่อของเด็กไม่ได้ทำงานอะไรมาก แล้วมีตนเล็กก็ให้แม่เลี้ยงให้ ส่งเดือนละ 2000 ค่านม ที่เราไปบรรจุตอนแรกนี่ห่างจากบ้านไปประมาณ200กว่าโล เราจะกลับบ้านเดือนละ 2ครั้ง เพราะไม่มีค่ารถ สมัยบรรจุเงินเดือน ได้ หมื่นไม่ถึงร้อยเลย เมื่อ9ปีที่แล้ว ค่ารถ ไปกลับ 500บาท กลับเดือน 2หนแล้วที่นั่นค่าครองชีพมาก ข้างจานละ 35-40. เมื่อ9ปีที่แล้วนะคะ (ที่นั่นเป็นแหล่งท่องเที่ยว คนต่างประเทศเยอะ) แล้วช่วงนี้ เราปลูกบ้านใหม่ (ก็อยู่กับแม่ล่ะค่ะ) ก็ทะเลาะกันบ่อยมากกก ช่วงแรกๆเวลาแกว่าอะไรเราก็ไม่ได้เถียงหรอก จนเราย้ายมาอยู่ โรงเรียนใกล้บ้าน ผอ.ก็ไม่ค่อยชอบเราเท่าไร เราก็รู้ตัวนะ. ว่าตัวเองทำงานข้า ไม่ได้ดั่งใจเขา ช่วงนั้นเราทำงานพัสดุ เขาก็ว่าเรา ว่าในที่ประชุมครู.บ่อยมาก ว่าเราแบเสียงดังมาก จนครูๆที่นั่นเขาแบบเห็นใจว่าโดนหนัก เขาเคยถามว่าลูกหลับแล้วทำไมไม่เอางานขึ้นมาทำ (ตอนนั้นลูกเรา ขวบกว่าๆแล้วเป็นเด็กกินยากนอนมาก มากบางที 4ทุ่มก็ไม่ยอมนอน ) แต่เราขึ้นสอนนะ งานจะยังไงไม่รู้ถึงชม.ไปสอน แต่เขาไม่ยักกะว่าคนที่ทำงานแล้วไม่ขึ้นสอนนะ เราก็เออแปลกว่ะ (คิดในใจ) หน้าที่หลักคือสอนป่าววะ. กลับไปเรา ทำอีกหลายอย่างนะ ล้างขวดนม ซักผ้าลูก ต้องป้อนข้าวอีก เยอะอ่ะ แถมที่ รร.ยังมีตัวชงให้อีก 2คนค่ะ อย่านึกว่าครูผู้หญิงนะคะครูผู้ชายค่ะช่างชง เติมไฟใส่ฟืน ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน ช่วงนั้นเราเครียดเราจะเล่นเกม ชูก้าอ่ะค่ะที่เล่นในเฟส ครูคนนั้นแกล้งพูดแบบเสียงดังๆให้ผอ.ได้ยินว่าตอนกลางคืนเห็นออนตลอดนะ เล่นแต่เกม (ลืมบอกไปว่าช่วงนั้นพ่อของเด็กไม่ยอมเลิกกับเรามาก่อกวนตลอดเช่นตอนดึกๆมาเรียกเรียกไม่ตอบเขย่าหน้าต่างห้อง ทุกอย่างประดังประเดมากๆ)พอ2คนนั้นย้ายไปเลยโล่งมั่กๆ ไม่มีคนเติมไฟใส่ฟืนก็เบาไปเยอะ. ตอนนั้นเครียดมากๆ เครียดกว่านี้อีก ที่ทำงานโดนว่า กลับโดนบ่น เราคิดไม่มีที่ไหนที่เราสามารถอยู่ได้อย่างมีตวามสุขเลย ที่ทำงานก็เครียด อยู่บ้านก็เครียด ที่บ้านเราแม่มีอาชีพทำไร บางทีช่วงหยุดนะเราก็ไปช่วยตลอด เช่นขึ้นน้ำอ้อย เราก็ไป จนตอนหลังแม่ว่าอะไรไม่รู้ แล้วเขาหันมาถามจะไปขึ้นน้ำอ้อยไปช่วยได้ไหม เราเลยบอก เราเลยบอกไม่ไปหรอก (เสียง2) และตอนหลังก็มีปัญหาสุขภาพก็ไม่เคยไปช่วยเลย แรกๆเราไม่เคยเถียงแม่เลย ตอนเรามีรถเก๋งคันเก่าอยู่คัน เราเครียดๆก็พาลูกไปกินข้าวนอกบ้าน กินเคเอฟซีบ้าง เดินห้างบ้าง แม่เราก็บ่นอีก เช่น จะไปกินอะไรนักหนา ขับรถออกไปก็เสียตังแล้วไหนจะค่า น้ำมันค่าข้าว บลาๆ พูดอยู่อย่างนี้ ตลอด พอเริ่มบ่นเรื่องอะไรไม่รู้ ก็ต้องมีอย่างนี้ตามตลอด จนเราทนไม่ไหวละ ถ้าไม่พูดเขาก็บ่นอย่างนี้ไปอีกนาน เราก็ เสียง2เลย แม่ เสียงสูง หนูถามแม่หน่อย เวลาแม่เตรียดแม่ไปเล่นไพ่ แม่ไปกินเหล้ากินเบียร์กับเพื่อนกับหมู่ของแม่ ถ้าหนูไปนั่นกิรเหล้าไปเล่นไพ่อย่างแม่ได้ไหม หนูเครียดหนูพาลูกไปกินข้าวนอกบ้านมื้อเดียว ได้ไปไหนๆบ้าง นั่นคือการคลายเครียดของหนู แม่จะอะไรนักหนา อยู่โรงเรีบนก็เครียด แม่คิดว่า ผอ.เขารักหนุนักหรือไงเขาด่าจะตายอยู่แล้ว . หลังจากนั้นก็มีบ้างมาเรื่อยๆที่ทะลาะกัน จนสุดท้ายเขาบ่นอะไรไม่รู้จำไม่ได้เรื่องก็มาจากเพื่อนน้าข้างบ้านนั่นล่ะ ฟังเขาแล้วมาบ่นเราต่อ เขาขึ้นด้วยเรื่องอะไรไม่รู้ แต่เราเคืองมากๆแล้วก็เครียดด้วย เรากัดฟันเพื้อลดเสียง พูดว่าถ้าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ตายๆกันไปทั้งแม่ทั้งลูก(ลูกเรา2คน)น่ันจะไม่ทิ้งไว้เป็นภาระใครด้วย ตายมันให้หมด. แล้วก็มองไปที่ราวชั้นลอยของบ้าน พูดต่อ ผูกคอตายเรียงกันไปนั่นล่ะ 3แม่ลูก ลูกเอาไปไม่ทิ้งไว้ให้ใครหรอก แบบตาเราแบบขวางมาก. แม่ก็เงียบไป เพราะเราไม่เคยทำแบบอาการนี้เลยเพราะเราอาจจะเถียงเขาบ้างแต่ไม่เคย ยืนจังก้าแล้วเถียงแบบตาโกรธมากกัดฟันพูดทุกคำ และเราก็คิดนะ มองขื่อมองคานไว้กะตายให้มันลือกันไปทั้งหมู่บ้านเลย ผูกคอเรียงกันมันตรงราวบันไดเลย 3ศพ มองๆไว้แล้วด้วยว่าอันผูกแล้วมันจะไม่หักลงมา (กะตายแบบธรรมดาโลกไม่จำ) ตั้งแต่นั้น มาเถียงทุกคำพูดอย่าได้บ่นเชียว รู้นะว่าบาปกรรมรู้นะไม่ดี แต่ไม่ไหวจิงๆ พยายามนะแแต่คงไม่พอ พอพวกน้า(น้าเราเป็นสาวโสดเขาจะมีเพื่อนมาอยู่อีก2คน 2คนนี้จะพูดมาก แม่เราชอบฟัง2คนนี้พูดแล้วมาบ่นเรา แต่น้าแท้ๆนั่ไม่ค่อยพูด) มีอยูครั้งเราพูดมากะแม่แล้วก็มาบ่นแม่ว่าใครๆเขาก็เอาไปพูดหมดแล้วว่าดูอีตรูบ้านนั้นสิเถียงแม่ให้แว้ดๆ เราฟังจบยืนหน้าบ้านหันไปทางบ้านน้า ท้าวเอว พูดว่าใคร ใครหน้าไหนมันพูด มันเคยรู้ไหมอยู่แม่ เขาเป็นเป็นยังไง ไม้รู้ไม่ต้องมาพูด (ไม่เคยทำกิริยาอย่างนั้นเลยตั่งแต่เล็กยัน30กว่าๆนี่ล่ะที่ทำครั้งแรกจิงๆโมโหมาก) จนตอนนี้หล่ะค่ะ พยายามนะพยายามไม่ฟังไม่สน จะได้ไม่ต้องเถียงเขาอดไม่ได้จิงๆ เวลาทีมีปัญหานี่เราไม่เคยเอามาปรึกษาแม่ เลยค่ะ เราเคยพูดตุยปรึกษากับแม่แล้ว พอเวลาผ่านไปเขาจะเอาเรื่องนั้นมาด่าเรา เช่นเราเคยปรึกษา เแม่ก็จะมันเป็นอย่างนี้ไง สันดานอะไรประมาณนี้ถ้ามีใครถามทำไมไม่พูดคุยเราเคยค่ะ พยายามแล้ว เราก็คิดว่าไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยากนะ ตอนนั้นเรื่องคิดฆ่าตัวตายนี่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเพราะในความรู้สึ จนผ่านไปหลายปี ถึงกล้า จนตอนนี้เราพูดกับแม่เลยว่าตอนนั้นนี่คือสุดที่สุดๆของหนู
เครียดมากๆจะทำอย่างไรดี
เราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวค่ะ ลูก 2 คน คนโตผู้ชาย 10 ขวบแล้ว คนเล็กผู้หญิง 8 ขวบ ตอนนี้เราอยู่บ้านกับแม่ของเราค่ะ แม่เป็นคนที่ขี้บ่นมากๆๆ. เราก็พยายามเข้าใจแกนะ แต่บางทีเราก็ไม่ไหวเหมือนกัน เช่น ลูกคนเล็กเป็นเด็กกินยากค่ะ ไม่ว่าจะข้าว ขนมนี่ไม่ค่อยกิน ขนมก็กินบางอย่างเท่านั้น ขมนนี่ชอบแค่บางอย่างเท่านั้น. เช่นเราก็ซื้อขนมที่คิดว่าเขาชอบมาให้กินถุงนึง 5บาท เราก็บอกถ้าชอบเดี๋ยวไปซื้อใหม่นะ พอได้ยินเท่านั้นล่ะ โหยขึ้นมาเลย***กินให้มันประหยัดๆกันมั่ง 5บาทก็ตังนะ จะซื้อให้มันกินอะไรนักหนาให้มันอดๆนั่นล่ะ บลาาา ยาวไป เรามีน้องชาย 2 คน แต่ไปทำงานที่อื่น บางทีบ่นๆๆน้อง สุดท้ายสรุปจบที่เรา เราพยายามเข้าใจแม่เรานะ เราคิดว่าพ่อเราไม่ได้ดั่งใจเขา(พ่อกับแม่อยู่คนละบ้านแต่ไม่ได้เลิกกัน บ้านก็สร้างง่ายๆแบบชนบท) ลูกก็ไม่ได้ดั่งใจไงก็บ่นๆๆเยอะมาก เราตั้งแต่เลิกกับสามีก็มาอยู่กับแม่ เราทำงานเป็นครูค่ะ ก็ต้องมีหนี้สินล่ะ ตอนแรกกู้มาว่าจะซื้อรถแต่ไม่ได้ซื้อเงินก็ใช้กินใช้อยู่ล่ะ ตอนนั้นพ่อของเด็กไม่ได้ทำงานอะไรมาก แล้วมีตนเล็กก็ให้แม่เลี้ยงให้ ส่งเดือนละ 2000 ค่านม ที่เราไปบรรจุตอนแรกนี่ห่างจากบ้านไปประมาณ200กว่าโล เราจะกลับบ้านเดือนละ 2ครั้ง เพราะไม่มีค่ารถ สมัยบรรจุเงินเดือน ได้ หมื่นไม่ถึงร้อยเลย เมื่อ9ปีที่แล้ว ค่ารถ ไปกลับ 500บาท กลับเดือน 2หนแล้วที่นั่นค่าครองชีพมาก ข้างจานละ 35-40. เมื่อ9ปีที่แล้วนะคะ (ที่นั่นเป็นแหล่งท่องเที่ยว คนต่างประเทศเยอะ) แล้วช่วงนี้ เราปลูกบ้านใหม่ (ก็อยู่กับแม่ล่ะค่ะ) ก็ทะเลาะกันบ่อยมากกก ช่วงแรกๆเวลาแกว่าอะไรเราก็ไม่ได้เถียงหรอก จนเราย้ายมาอยู่ โรงเรียนใกล้บ้าน ผอ.ก็ไม่ค่อยชอบเราเท่าไร เราก็รู้ตัวนะ. ว่าตัวเองทำงานข้า ไม่ได้ดั่งใจเขา ช่วงนั้นเราทำงานพัสดุ เขาก็ว่าเรา ว่าในที่ประชุมครู.บ่อยมาก ว่าเราแบเสียงดังมาก จนครูๆที่นั่นเขาแบบเห็นใจว่าโดนหนัก เขาเคยถามว่าลูกหลับแล้วทำไมไม่เอางานขึ้นมาทำ (ตอนนั้นลูกเรา ขวบกว่าๆแล้วเป็นเด็กกินยากนอนมาก มากบางที 4ทุ่มก็ไม่ยอมนอน ) แต่เราขึ้นสอนนะ งานจะยังไงไม่รู้ถึงชม.ไปสอน แต่เขาไม่ยักกะว่าคนที่ทำงานแล้วไม่ขึ้นสอนนะ เราก็เออแปลกว่ะ (คิดในใจ) หน้าที่หลักคือสอนป่าววะ. กลับไปเรา ทำอีกหลายอย่างนะ ล้างขวดนม ซักผ้าลูก ต้องป้อนข้าวอีก เยอะอ่ะ แถมที่ รร.ยังมีตัวชงให้อีก 2คนค่ะ อย่านึกว่าครูผู้หญิงนะคะครูผู้ชายค่ะช่างชง เติมไฟใส่ฟืน ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน ช่วงนั้นเราเครียดเราจะเล่นเกม ชูก้าอ่ะค่ะที่เล่นในเฟส ครูคนนั้นแกล้งพูดแบบเสียงดังๆให้ผอ.ได้ยินว่าตอนกลางคืนเห็นออนตลอดนะ เล่นแต่เกม (ลืมบอกไปว่าช่วงนั้นพ่อของเด็กไม่ยอมเลิกกับเรามาก่อกวนตลอดเช่นตอนดึกๆมาเรียกเรียกไม่ตอบเขย่าหน้าต่างห้อง ทุกอย่างประดังประเดมากๆ)พอ2คนนั้นย้ายไปเลยโล่งมั่กๆ ไม่มีคนเติมไฟใส่ฟืนก็เบาไปเยอะ. ตอนนั้นเครียดมากๆ เครียดกว่านี้อีก ที่ทำงานโดนว่า กลับโดนบ่น เราคิดไม่มีที่ไหนที่เราสามารถอยู่ได้อย่างมีตวามสุขเลย ที่ทำงานก็เครียด อยู่บ้านก็เครียด ที่บ้านเราแม่มีอาชีพทำไร บางทีช่วงหยุดนะเราก็ไปช่วยตลอด เช่นขึ้นน้ำอ้อย เราก็ไป จนตอนหลังแม่ว่าอะไรไม่รู้ แล้วเขาหันมาถามจะไปขึ้นน้ำอ้อยไปช่วยได้ไหม เราเลยบอก เราเลยบอกไม่ไปหรอก (เสียง2) และตอนหลังก็มีปัญหาสุขภาพก็ไม่เคยไปช่วยเลย แรกๆเราไม่เคยเถียงแม่เลย ตอนเรามีรถเก๋งคันเก่าอยู่คัน เราเครียดๆก็พาลูกไปกินข้าวนอกบ้าน กินเคเอฟซีบ้าง เดินห้างบ้าง แม่เราก็บ่นอีก เช่น จะไปกินอะไรนักหนา ขับรถออกไปก็เสียตังแล้วไหนจะค่า น้ำมันค่าข้าว บลาๆ พูดอยู่อย่างนี้ ตลอด พอเริ่มบ่นเรื่องอะไรไม่รู้ ก็ต้องมีอย่างนี้ตามตลอด จนเราทนไม่ไหวละ ถ้าไม่พูดเขาก็บ่นอย่างนี้ไปอีกนาน เราก็ เสียง2เลย แม่ เสียงสูง หนูถามแม่หน่อย เวลาแม่เตรียดแม่ไปเล่นไพ่ แม่ไปกินเหล้ากินเบียร์กับเพื่อนกับหมู่ของแม่ ถ้าหนูไปนั่นกิรเหล้าไปเล่นไพ่อย่างแม่ได้ไหม หนูเครียดหนูพาลูกไปกินข้าวนอกบ้านมื้อเดียว ได้ไปไหนๆบ้าง นั่นคือการคลายเครียดของหนู แม่จะอะไรนักหนา อยู่โรงเรีบนก็เครียด แม่คิดว่า ผอ.เขารักหนุนักหรือไงเขาด่าจะตายอยู่แล้ว . หลังจากนั้นก็มีบ้างมาเรื่อยๆที่ทะลาะกัน จนสุดท้ายเขาบ่นอะไรไม่รู้จำไม่ได้เรื่องก็มาจากเพื่อนน้าข้างบ้านนั่นล่ะ ฟังเขาแล้วมาบ่นเราต่อ เขาขึ้นด้วยเรื่องอะไรไม่รู้ แต่เราเคืองมากๆแล้วก็เครียดด้วย เรากัดฟันเพื้อลดเสียง พูดว่าถ้าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ตายๆกันไปทั้งแม่ทั้งลูก(ลูกเรา2คน)น่ันจะไม่ทิ้งไว้เป็นภาระใครด้วย ตายมันให้หมด. แล้วก็มองไปที่ราวชั้นลอยของบ้าน พูดต่อ ผูกคอตายเรียงกันไปนั่นล่ะ 3แม่ลูก ลูกเอาไปไม่ทิ้งไว้ให้ใครหรอก แบบตาเราแบบขวางมาก. แม่ก็เงียบไป เพราะเราไม่เคยทำแบบอาการนี้เลยเพราะเราอาจจะเถียงเขาบ้างแต่ไม่เคย ยืนจังก้าแล้วเถียงแบบตาโกรธมากกัดฟันพูดทุกคำ และเราก็คิดนะ มองขื่อมองคานไว้กะตายให้มันลือกันไปทั้งหมู่บ้านเลย ผูกคอเรียงกันมันตรงราวบันไดเลย 3ศพ มองๆไว้แล้วด้วยว่าอันผูกแล้วมันจะไม่หักลงมา (กะตายแบบธรรมดาโลกไม่จำ) ตั้งแต่นั้น มาเถียงทุกคำพูดอย่าได้บ่นเชียว รู้นะว่าบาปกรรมรู้นะไม่ดี แต่ไม่ไหวจิงๆ พยายามนะแแต่คงไม่พอ พอพวกน้า(น้าเราเป็นสาวโสดเขาจะมีเพื่อนมาอยู่อีก2คน 2คนนี้จะพูดมาก แม่เราชอบฟัง2คนนี้พูดแล้วมาบ่นเรา แต่น้าแท้ๆนั่ไม่ค่อยพูด) มีอยูครั้งเราพูดมากะแม่แล้วก็มาบ่นแม่ว่าใครๆเขาก็เอาไปพูดหมดแล้วว่าดูอีตรูบ้านนั้นสิเถียงแม่ให้แว้ดๆ เราฟังจบยืนหน้าบ้านหันไปทางบ้านน้า ท้าวเอว พูดว่าใคร ใครหน้าไหนมันพูด มันเคยรู้ไหมอยู่แม่ เขาเป็นเป็นยังไง ไม้รู้ไม่ต้องมาพูด (ไม่เคยทำกิริยาอย่างนั้นเลยตั่งแต่เล็กยัน30กว่าๆนี่ล่ะที่ทำครั้งแรกจิงๆโมโหมาก) จนตอนนี้หล่ะค่ะ พยายามนะพยายามไม่ฟังไม่สน จะได้ไม่ต้องเถียงเขาอดไม่ได้จิงๆ เวลาทีมีปัญหานี่เราไม่เคยเอามาปรึกษาแม่ เลยค่ะ เราเคยพูดตุยปรึกษากับแม่แล้ว พอเวลาผ่านไปเขาจะเอาเรื่องนั้นมาด่าเรา เช่นเราเคยปรึกษา เแม่ก็จะมันเป็นอย่างนี้ไง สันดานอะไรประมาณนี้ถ้ามีใครถามทำไมไม่พูดคุยเราเคยค่ะ พยายามแล้ว เราก็คิดว่าไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยากนะ ตอนนั้นเรื่องคิดฆ่าตัวตายนี่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเพราะในความรู้สึ จนผ่านไปหลายปี ถึงกล้า จนตอนนี้เราพูดกับแม่เลยว่าตอนนั้นนี่คือสุดที่สุดๆของหนู