คือมอเราอะ รับปริญญาเสร็จแล้วใช่ไหม เราก็เลยไปคืนครุย ตอนเช่าก็ไม่มีปัญหาแต่มามีปัญหาตอนคืนนี้แหละค่ะ
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่าเราเองก็หาข้อมูลมาหลายๆร้าน แต่ร้านนี้ก็ถือว่าเป็นร้านดังร้านนึง
ซึ่งเราเองก็เคยอ่านรีวิวมาบ้าง มีทั้งด้านดีและไม่ดี แต่เราก็เลือกที่จะมองข้ามด้านไม่ดีไปนะ
เพราะอย่างว่า เราเองก็อยากได้ชุดที่มันสวยๆจากร้านที่หลายๆคนไว้ใจอ่ะ
ตอนไปเช่าเราก็พอจะดูออกแหละ ว่าป้าเจ้าของร้านเป็นคนยังไง แต่เราก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะเราอยากได้ของร้านเขา
ก่อนออกจากร้านเขาก็แนะนำปกติ ว่าชุดห้ามรีดนะ ห้ามเอาไดร์เป่า เดี๋ยวผ้ามันจะเสีย
เราก็รับรู้และก็ไม่เคยเอาไปซักไปรีดเลยสักครั้ง ไปถ่ายนอกรอบทีไร กลับมาบ้านอย่างมากก็เอาผ้าเช็ด แล้วก็เก็บใส่ตู้
จนวันที่เราเอาไปคืน ลูกจ้างก็ดูๆครุย แล้วมันมีรอยตรงชายครุยที่เขาเช็ดแล้วไม่ออก เอาไปให้ป้าแกดู
ป้าแกบอกเราว่า "ป้าก็ไม่อยากพูดหรอกนะ แต่มันเป็นรอยเตา" คือเรางงมาก เพราะเราไม่เคยรีดเลยสักครั้ง
เราก็ยืนยันว่าเราไม่เคยรีด นางบอกต้องไปถามที่บ้านแล้วแหละ ถ้าไม่ใช่เราก็ต้องเป็นคนที่บ้าน
เราก็อธิบายไปว่าเราดูแลคนเดียว และเราไม่เคยรีดแน่นอน
ป้าแกก็นิ่งนะ นางก็กองครุยของเราไว้ตรงนั้น และไปรับลูกค้าคนอื่นต่อ ยังไงก็ไม่มีทางคืนเงินมัดจำเราแน่ๆ
(ค่าเช่าครุย1000 ค่ามัดจำอีก2000) นางให้เรารอสักพักเราเลยถามว่า แล้วถ้าจะหักเงิน จะหักเท่าไหร่
เพราะเราไม่อยากเสียเวลา เราให้ที่บ้านจอดรถรอไว้แล้วเราเดินเข้ามาในร้านคนเดียวเพราะคิดว่ายังไงชุดเราก็ไม่มีปัญหา
นางตอบประมาณว่าครุยนางประเมินค่าไม่ได้จ้ะ เรานี่แบบแทบจะมองบน จนพ่อเราเดินมาถึงที่ร้าน เพราะเราโทรไปบอกว่าเขาไม่ยอมคืนมัดจำเรา
พ่อเราก็ไม่พอใจนะ เพราะแบบเราไม่ได้ทำจริงๆอะ มาพูดแบบนี้ก็เหมือนมากล่าวหาเรา
พ่อเราเลยลองเอาผ้าจากที่ร้านนั่นแหละ ที่ลูกจ้างนางเช็ดไม่ออกอะ มาเช็ดๆจนออก เราเลยเอาไปให้ป้าแกดู
ป้าแกไม่พูดอะไรนะ แต่เอาเงินค่ามัดจำคืนเรามา2000 แล้วบอกเราว่ารู้ไหมว่ารอยอะไร "รอยเหยียบ"
เราเลยตอบกลับไปว่า "คือถ้าบอกหนูว่ารอยเหยียบหนูโอเคนะ แต่มาบอกว่ารอยเตา คือไม่ใช่อะ เราไม่ได้ทำ"
นางก็เฉย ไม่มีขอโทษอะไรสักคำ เราแบบอิหยังอะ คือถ้าเรายอม เท่ากับเราเสียเงิน2000ไปฟรีๆเลยนะ แล้วถ้ามีคนเจอเหตุการณ์แบบเรา
แล้วยอมอะ ก็เท่ากับว่าป้าแกได้เงินไปฟรีๆตั้งคนละ2000เลยนะ ทั้งๆที่ชุดแค่เช็ดดีๆหน่อยรอยก็ออกแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ เราแนะนำว่าไปเช่าร้านอื่นดีกว่า เราเพิ่งรู้จากเพื่อนด้วยว่าร้านนี้ค่าเช่ากับมัดจำแพงกว่าร้านอื่น
เพื่อนเราเช่าร้านครุยมาเอมาค่ามัดจำถูกกว่านี้อีก ได้ถุงใส่ครุยด้วยนะ เราเคยพาเพื่อนไปลองกระโปรงร้านครุยมาเอ ที่ท่าพระจันทร์
คนขายแนะนำดีมากๆ น่าจะเป็นสามีภรรยากัน ให้เพื่อนเราลองก่อนได้เลย ถ้าใส่ไม่ได้ไม่ต้องเอาไปเพราะเพื่อนเราตัวเล็ก
พอลองแล้วไม่โอเค เขายังแนะนำให้เพื่อนเราไปซื้อที่อื่นอีกต่างหาก คือถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะเลือกร้านครุยร้านอื่นแทน
ชุดสวยเหมือนกัน ไม่ต้องไปเสียสุขภาพจิตด้วย
ที่เรามาบอกทุกคนในนี้ เราไม่ได้ต้องการดิสเครดิตร้านหรืออะไรนะ แต่เราเจอเหตุการณ์แบบนี้มาจริงๆ แล้วถ้าใครเจอแบบเรา
ถ้ามั่นใจว่าไม่ผิดจริงๆ เราอย่าไปยอมนะ เงิน2000เราว่าก็ไม่น้อย ไปเสียอะไรที่เรามีความสุขมากกว่าที่จะต้องมาเสียอะไรแบบนี้
เงินเราเราไม่สิทธิ์ได้คืน ส่วนหนึ่งที่ร้านอยู่ได้เราว่าเพราะเขาทำแบบนี้แหละ เพราะงั้นถ้าเราไม่ผิดจริงๆเราต้องสู้นะ เพื่อเงินของเรา555555
ถ้าใครเจอเหตุการณ์แบบเรามาแชร์กันได้นะ แต่ถ้าใครไม่เจอก็ถือว่าโชคดีไป ยังไงก็ยินดีกับบัณฑิตที่จบใหม่ทุกคนนะจ้ะ ;)))
แชร์ประสบการณ์สุดแย่กับร้านเช่าครุยถุงสีส้มแถวท่าพระจันทร์
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่าเราเองก็หาข้อมูลมาหลายๆร้าน แต่ร้านนี้ก็ถือว่าเป็นร้านดังร้านนึง
ซึ่งเราเองก็เคยอ่านรีวิวมาบ้าง มีทั้งด้านดีและไม่ดี แต่เราก็เลือกที่จะมองข้ามด้านไม่ดีไปนะ
เพราะอย่างว่า เราเองก็อยากได้ชุดที่มันสวยๆจากร้านที่หลายๆคนไว้ใจอ่ะ
ตอนไปเช่าเราก็พอจะดูออกแหละ ว่าป้าเจ้าของร้านเป็นคนยังไง แต่เราก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะเราอยากได้ของร้านเขา
ก่อนออกจากร้านเขาก็แนะนำปกติ ว่าชุดห้ามรีดนะ ห้ามเอาไดร์เป่า เดี๋ยวผ้ามันจะเสีย
เราก็รับรู้และก็ไม่เคยเอาไปซักไปรีดเลยสักครั้ง ไปถ่ายนอกรอบทีไร กลับมาบ้านอย่างมากก็เอาผ้าเช็ด แล้วก็เก็บใส่ตู้
จนวันที่เราเอาไปคืน ลูกจ้างก็ดูๆครุย แล้วมันมีรอยตรงชายครุยที่เขาเช็ดแล้วไม่ออก เอาไปให้ป้าแกดู
ป้าแกบอกเราว่า "ป้าก็ไม่อยากพูดหรอกนะ แต่มันเป็นรอยเตา" คือเรางงมาก เพราะเราไม่เคยรีดเลยสักครั้ง
เราก็ยืนยันว่าเราไม่เคยรีด นางบอกต้องไปถามที่บ้านแล้วแหละ ถ้าไม่ใช่เราก็ต้องเป็นคนที่บ้าน
เราก็อธิบายไปว่าเราดูแลคนเดียว และเราไม่เคยรีดแน่นอน
ป้าแกก็นิ่งนะ นางก็กองครุยของเราไว้ตรงนั้น และไปรับลูกค้าคนอื่นต่อ ยังไงก็ไม่มีทางคืนเงินมัดจำเราแน่ๆ
(ค่าเช่าครุย1000 ค่ามัดจำอีก2000) นางให้เรารอสักพักเราเลยถามว่า แล้วถ้าจะหักเงิน จะหักเท่าไหร่
เพราะเราไม่อยากเสียเวลา เราให้ที่บ้านจอดรถรอไว้แล้วเราเดินเข้ามาในร้านคนเดียวเพราะคิดว่ายังไงชุดเราก็ไม่มีปัญหา
นางตอบประมาณว่าครุยนางประเมินค่าไม่ได้จ้ะ เรานี่แบบแทบจะมองบน จนพ่อเราเดินมาถึงที่ร้าน เพราะเราโทรไปบอกว่าเขาไม่ยอมคืนมัดจำเรา
พ่อเราก็ไม่พอใจนะ เพราะแบบเราไม่ได้ทำจริงๆอะ มาพูดแบบนี้ก็เหมือนมากล่าวหาเรา
พ่อเราเลยลองเอาผ้าจากที่ร้านนั่นแหละ ที่ลูกจ้างนางเช็ดไม่ออกอะ มาเช็ดๆจนออก เราเลยเอาไปให้ป้าแกดู
ป้าแกไม่พูดอะไรนะ แต่เอาเงินค่ามัดจำคืนเรามา2000 แล้วบอกเราว่ารู้ไหมว่ารอยอะไร "รอยเหยียบ"
เราเลยตอบกลับไปว่า "คือถ้าบอกหนูว่ารอยเหยียบหนูโอเคนะ แต่มาบอกว่ารอยเตา คือไม่ใช่อะ เราไม่ได้ทำ"
นางก็เฉย ไม่มีขอโทษอะไรสักคำ เราแบบอิหยังอะ คือถ้าเรายอม เท่ากับเราเสียเงิน2000ไปฟรีๆเลยนะ แล้วถ้ามีคนเจอเหตุการณ์แบบเรา
แล้วยอมอะ ก็เท่ากับว่าป้าแกได้เงินไปฟรีๆตั้งคนละ2000เลยนะ ทั้งๆที่ชุดแค่เช็ดดีๆหน่อยรอยก็ออกแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ เราแนะนำว่าไปเช่าร้านอื่นดีกว่า เราเพิ่งรู้จากเพื่อนด้วยว่าร้านนี้ค่าเช่ากับมัดจำแพงกว่าร้านอื่น
เพื่อนเราเช่าร้านครุยมาเอมาค่ามัดจำถูกกว่านี้อีก ได้ถุงใส่ครุยด้วยนะ เราเคยพาเพื่อนไปลองกระโปรงร้านครุยมาเอ ที่ท่าพระจันทร์
คนขายแนะนำดีมากๆ น่าจะเป็นสามีภรรยากัน ให้เพื่อนเราลองก่อนได้เลย ถ้าใส่ไม่ได้ไม่ต้องเอาไปเพราะเพื่อนเราตัวเล็ก
พอลองแล้วไม่โอเค เขายังแนะนำให้เพื่อนเราไปซื้อที่อื่นอีกต่างหาก คือถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะเลือกร้านครุยร้านอื่นแทน
ชุดสวยเหมือนกัน ไม่ต้องไปเสียสุขภาพจิตด้วย
ที่เรามาบอกทุกคนในนี้ เราไม่ได้ต้องการดิสเครดิตร้านหรืออะไรนะ แต่เราเจอเหตุการณ์แบบนี้มาจริงๆ แล้วถ้าใครเจอแบบเรา
ถ้ามั่นใจว่าไม่ผิดจริงๆ เราอย่าไปยอมนะ เงิน2000เราว่าก็ไม่น้อย ไปเสียอะไรที่เรามีความสุขมากกว่าที่จะต้องมาเสียอะไรแบบนี้
เงินเราเราไม่สิทธิ์ได้คืน ส่วนหนึ่งที่ร้านอยู่ได้เราว่าเพราะเขาทำแบบนี้แหละ เพราะงั้นถ้าเราไม่ผิดจริงๆเราต้องสู้นะ เพื่อเงินของเรา555555
ถ้าใครเจอเหตุการณ์แบบเรามาแชร์กันได้นะ แต่ถ้าใครไม่เจอก็ถือว่าโชคดีไป ยังไงก็ยินดีกับบัณฑิตที่จบใหม่ทุกคนนะจ้ะ ;)))