ลูกสอบได้ที่1...2ปีซ้อน...ลูกขอโทรศัพท์..

ย้อนกลับไป..ป.1.ได้.ที่3ป.2.
ได้..ที่.3...ป.3ได้ที่.3....พอป.4เขาอยากได้โทรศัพท์ผมบอกให้ติด1ใน5.จะซื้อให้..แต่เขาได้ที่1...ผมก็ยังไม่ให้..พอป.5ได้ที่.1อีก..ผมก็กำลังจะหาหาให้เพราะที่ผ่านมาเขาทำการบ้านโดยหาข้อมูลในกู้เกิ้ล..แต่เขาใช้แค่วันที่ผมวันหยุดแค่1วัน..เขายืมคอมบ้านป้า..ค้นคว้า..ซึ่งไปบ่อยมันไม่ดีเอาเสียเลย..ปีนี้ป.6แล้ว..เขาขอ..มันจำเป็น..นะพ่อ..เพื่อนๆเขามีกันทุกคนยกเว้นลูกผม..ผมอยากให้ถึงเวลาก่อน..ซึ่งตอนนี้มันคงถึงเวลา..เพราะเขาเรียนได้ที่1ในห้อง.2ปีติด..ผมได้แต่คิดว่าไอ้นี่มันแน่วุ้ย...คิดว่า1ใน5ก็พอแล้ว..เพื่อนๆว่าผมจะให้เขาได้หรือยัง..ถึงเวลาหรือยัง..ใครมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง...แต่ห่วงสายตาเขา.เพราะเขาชอบดูทั้งวันในวันที่ผมหยุดงาน..

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ความคิดจากคนเป็นลูกนะครับ
คุณต้องทำตามสัญญานะครับ
ความคิดเห็นที่ 2
คุณเป็นคุณพ่อแล้วนะครับ ทำไมถึงผิดสัญญาลูกละครับ ถ้าไม่คิดจะให้ ก็อย่าทำข้อตกลงแบบนี้ เป็นผู้ใหญ่ รักษาคำพูดหน่อยครับ ถ้าไม่รักษาคำพูด ลูกจะเอาอะไรมาเชื่อถือครับ
ความคิดเห็นที่ 12
คงโตมาเป็นคนแบบผมหละมั้ง 555
ตั้งเป้านู่นนี่นั่น ถ้าทำได้ ก็จะได้ตามที่ขอ ตอนนั้นผมขอ GameBoy
พอทำได้สุดท้ายก็ไม่ได้ พอไม่ได้ผมก็เริ่มขอน้อยลงๆ ขอเล็กลงเรื่อยๆ ขอแบบไม่หวัง แค่ตอบๆไป ให้พอใจ ว่าขอ
พอโตขึ้นมาบอกให้ผมทำให้ได้เท่านี้สิ จะหามาให้เลย
แต่เคยผิดหวังมาแล้วไง ทำไมผมต้องเชื่อ ทำไมผมต้องทำตามที่ขอ
ผมก็ไม่ทำ ไม่รู้จะเหนื่อยพยายามทำไม ผมจึงพยายามแค่ในสิ่งที่ผมต้องการ และสบาย

ทุกวันนี้ก็เลยกลายเป็นเด็กไม่ดี ไม่ถามความเห็น จะซื้ออะไรก็ซื้อ ความคิดเห็นของพ่อแม่ไม่จำเป็นกับผมอีกต่อไป

ไม่คาดหวัง ก็จะไม่ผิดหวัง
ความคิดเห็นที่ 29
โทรศัพท์เป็นดาบสองคม มีการใช้งานที่ดี ก็ต้องมีด้านที่เราห่วงติดมาด้วย ถูกไหมครับ  

ผมสนับสนุนไปทางการทำตามสัญญา แต่ต้องคิดถึงกรอบการใช้งานอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลเสียที่จะตามมาครับ
ขออ้างอิงจากบทความของหมอมินบานเย็น เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขานะครับ เพราะหมออธิบายไว้ชัดมาก




เรื่องของโทรศัพท์มือถือ เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่มหาศาล จากประสบการณ์ที่ได้ตรวจคนไข้เด็กและวัยรุ่น การที่ผู้ใหญ่จะซื้อโทรศัพท์มือถือให้เด็กเฉยๆ โดยไม่มีข้อตกลงก่อน ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปได้เลย ยิ่งเป็นครอบครัวที่พ่อแม่ทำแต่งาน ไม่มีเวลาให้ ตามใจลูกโดยไม่ค่อยมีการให้ระเบียบวินัยที่ชัดเจนด้วยแล้ว จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ กล่าวคือเด็กมักจะเล่นมากจนติด การเรียนแย่ลง สัมพันธภาพกับผู้ใหญ่ก็แย่ ทะเลาะกัน หงุดหงิดกัน

จริงๆแล้ว หมอไม่ได้ห้ามที่ผู้ใหญ่จะซื้อมือถือให้เด็ก เพียงแต่ก่อนที่จะซื้อให้นั้นต้องมีการเตรียมพร้อมก่อน

อย่างแรกที่สำคัญมากคือ สัมพันธภาพและความใกล้ชิดทางจิตใจ พบว่าพ่อแม่ที่มีเวลาให้ลูก พูดคุยทำกิจกรรมร่วมกัน มีความเอาใจใส่ทางอารมณ์ความรู้สึก และไม่ลืมที่จะฝึกให้ลูกมีระเบียบวินัย รู้จักควบคุมตัวเอง มีความรับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง มักจะไม่ค่อยมีปัญหาเล่นมือถือจนติดและเกิดปัญหาเท่าไหร่

ต่อมาที่หมอคิดว่าควรจะมี คือ “สัญญาการใช้โทรศัพท์มือถือ” หรือ Cell phone contract เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติร่วมกันสำหรับครอบครัว ซึ่งอาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับพ่อแม่คนไทย แต่ในต่างประเทศมีการใช้กันมาก

หมอขอยกตัวอย่างสัญญาการใช้ ซึ่งควรมีการนั่งเขียนร่วมกันกับเด็ก และลงลายมือชื่อ ติดไว้ที่ข้างฝาบ้านตรงที่ทุกคนในบ้านจะเห็น ทำไว้หลายๆชุดก็ดี เผื่อหาย ย้ำว่าต้องทำก่อนที่จะซื้อมือถือให้เด็ก

.

สัญญาการใช้โทรศัพท์มือถือ

1.โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ เป็นความพิเศษที่พ่อแม่มอบให้ลูก ไม่ใช่สิทธิ จึงไม่ได้หมายความว่าลูกจะเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือนี้ ดังนั้นพ่อแม่มีสิทธิ์เอาโทรศัพท์มือถือคืนได้ทุกเวลา เมื่อพ่อแม่เห็นว่ามีเหตุผลสมควร

2.สิ่งที่เป็นความรับผิดชอบของลูก

- ต้องรับโทรศัพท์ทุกครั้งถ้าพ่อหรือแม่โทรมา หากมีเหตุผลจำเป็นที่รับไม่ได้ ให้ส่งข้อความบอกหรือโทรหาทันทีเมื่อมีโอกาส
- ใช้โทรศัพท์ตามกฎเกณฑ์ของสถานที่ เช่น โรงเรียน โบสถ์ วัด ห้องสมุด โรงหนัง
- บอกให้พ่อแม่ทราบเมื่อมีข้อความ สายเข้า หรือการติดต่อทางโซเชียลมีเดียจากคนไม่รู้จัก
- ดูแลรักษาโทรศัพท์ให้ดี ถ้าทำเสียหายหรือทำหายไป เป็นความรับผิดชอบของหนูที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายนั้นๆ
- พ่อแม่มีสิทธิ์ตรวจสอบโทรศัพท์ได้ทุกเวลาที่คิดว่าสมควร
- ช่วงระยะเวลาหลัง.... ทุ่ม ห้ามเล่นโทรศัพท์มือถือ เพราะเป็นเวลาเข้านอน ก่อนนอนลูกจะนำโทรศัพท์มือถือมาให้พ่อแม่เก็บไว้
- จำกัดเวลาการใช้โทรศัพท์มือถือตามที่พ่อแม่กำหนด
- ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือขณะรับประทานอาหาร ทำการบ้าน ระหว่างการเดิน การขี่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ (เติมได้อีก) และช่วงเวลานอน
- ไม่ส่งข้อความหรือลงรูปภาพที่ไม่เหมาะสม ที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับคนอื่นๆ หรือตัวเอง

3.สิ่งที่เป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่

- มีสติ ไม่แสดงอารมณ์ที่รุนแรง เมื่อลูกทำผิดจากกฎเกณฑ์ที่กำหนด คุยกับลูกด้วยเหตุผล
- มีความหนักแน่นและสม่ำเสมอในการทำตามข้อตกลงร่วมกันในสัญญานี้
- รับฟังลูก เมื่อลูกเล่าให้ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ลูกไม่สบายใจในการเล่นอินเทอร์เน็ต
- เรียนรู้สิ่งใหม่ๆในเรื่องเทคโนโลยีเพื่อที่พ่อแม่จะได้เข้าใจว่าลูกกำลังทำอะไรอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต
- เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้โทรศัพท์มือถือให้ลูกเห็น เช่นไม่ใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างมื้ออาหารหรือกิจกรรมต่างๆในครอบครัว มีมารยาทในการใช้โทรศัพท์มือถือในที่สาธารณะ

4.หากลูกไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันนี้ พ่อแม่อาจทำโทษด้วยการริบโทรศัพท์มือถือตามระยะเวลาที่สมควร หรือเก็บคืนได้หากมีความจำเป็น

ลงลายมือชื่อไว้ทั้งพ่อแม่และเด็ก

ชื่อพ่อ.................... ชื่อแม่...................... ชื่อลูก...................... วันที่ .....................

.

บางคนถามว่าการทำสัญญาแบบนี้ดูโหดร้ายและจริงจังเกินไปสำหรับเด็กหรือเปล่า เหมือนกับพ่อแม่ไม่ไว้วางใจเขา ตรงนี้หมอคิดว่าไม่ใช่เรื่องโหดร้าย เพียงแต่ว่าที่ทำก็เพื่อเป็นผลประโยชน์กับเด็ก เพราะเราก็รู้ดีว่าการใช้โทรศัพท์มือถือนั้นมันสนุกสนานเพียงไหน และมันทำให้เราเสียเวลาไปพอสมควร (ขนาดหมอเองก็เป็นค่ะ ทำงานเสร็จช้าเพราะมัวแต่เล่นโซเชียล) นับประสาอะไรกับลูกหลานของเรา เขามีเวลาเกือบทั้งชีวิตที่จะใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ในช่วงที่เขายังต้องเรียนหนังสือและยังไม่มีประสบการณ์ในโลกใบนี้เพียงพอ การใช้โทรศัพท์มือถือนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างยิ่ง

#หมอมินบานเย็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่