(ผมไม่ได้ติดตามกระทู้มาโดยตลอด อาจจะมีผู้เคยโพสต์ เคยกล่าว ซึ่งผมไม่เห็น หากซ้ำก็ต้องขออภัย ขอให้ถือว่าเป็นอีกเสียงหนึ่ง ที่เห้นด้วยและรับรองยืนยันความเห็นนั้นอีกที)
เนื่องจากประเทศนี้ปกครองด้วยกฎหมายและ กฎหมายสูงสุดคือ รัฐธรรมนูญ โดย มาตรา ๕ ได้บัญญัติรับรองไว้ว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทําใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทํานั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้
และ กฎหมายสูงสุดนี้
ได้บัญญัติวิธีคิด สส รายชื่อไว้ใน ม.๙๑ หลักๆ อยู่ใน (๑) - (๔) เป็นภาษาที่ง่าย ไม่ต้องแปลความให้เยิ่นเย้อ จนคนดูงง สรุปอีกทีจากม้าขาว กลายเป็นม้าดำ ดูแค่นี้ก็จะทราบเจตนารมณ์ แนวคิด และวิธีง่ายๆ ในการตรวจสอบว่า การคิดวิธีใด ถูกหรือผิดได้อย่างง่ายดาย
โดยง่ายที่สุดคือ บอกได้ว่า สูตรไหนผิด อย่างแน่นอน เพื่อเป็นเครื่องมือในการจับกลโกงของแก็งค์มิจฉาชีพ
ผมจะไม่กล่าวในรายละเอียดเพราะชัดเจนอยู่แล้ว แต่จะเน้นให้ท่านดู (๔) ตอนท้าย ที่ระบุการจัดสรร สส บัญชีรายชื่อ จากกรณีที่มีพรรคที่ได้ สส เขตเกิน จำนวน สส พึงมี ให้กับพรรคที่มี สส เขต น้อยกว่า สส พึงมี โดย ได้เน้นย้ำไว้ในตอนท้ายว่า ภายหลังการจัดสรรดังว่ามานั้น ๋จะ "
ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจํานวนที่จะพึงมีได้ตาม (๒)" นี่คือ จบกระบวนการคิด ไม่ว่าจะใช้สูตรใด ผลจะต้องไม่ผิดไปจากนี้ หากผิดจากนี้ นั่นคือ ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ แม้ว่า จะเป็น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนดรายละเอียดไว้ ใน ม.๑๒๘ ก็เป็นเพียงการกำหนดรายละเอียดบางประการ ตามที่รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายแม่ ได้ให้มี พรป.ดังกล่าว ในตอนท้ายของ รัฐธรรมนูญ ม.๙๑ นี้เอง ที่ว่า "การนับคะแนน หลักเกณฑ์และวิธีการคํานวณ การคิดอัตราส่วน และการประกาศผลการเลือกตั้งให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร"
ในจุดนี้ มีนักฎหมายจบนอกคนหนึ่งออกมายืนยันว่า สุดท้ายจะจบที่ กกต โดยอ้าง ข้อความนี้เอง แต่เขาจะลืมหรือแกล้งลืมก็ไม่ทราบได้ เพราะ
กฎหมายลูกที่ออกมานั้น จะลบล้าง ข้อความที่บัญญํติไว้ในรัฐธรรมนูญมิได้ การกำหนดจึงเป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้น ซึ่ง
แท้ที่จริงแล้ว ม.๑๒๘ เอง ก็ไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด แต่มีการทำมึน ว่า ตีความ ม.๑๒๘ ไม่ออก ไม่รู้จะใช้สู่ตรไหน ก็ไปอ้าง เรื่อง เจตนารมณ์ของคนร่าง ซึ่งคนร่างก็มี สูตรอยู่แล้ว แต่ท่านอยู่ลืมว่า
สูตรนี้ ไม่ใช่ตัวกฎหมายที่จะเอามาอ้างได้ หากสงสัย อันเนื่องจากข้อคาม ม.๑๒๘ เองอาจมีรายละเอียดค่อนข้างซับซ้อน
วิธีดูเจตนารมณ์ง่ายสุดก็คือ กลับไปดูที่กฎหมายแม่ คือ รัฐธรรมนูญ นั่นเอง นั่นคือ ม.๙๑ เขียนไว้ชัดเจน พร้อมทั้งวิธีตรวจสอบว่า สูตรการจัดสรรใดที่ไม่ถูกไว้ ให้เสร็จสรรพ
จะขอเน้นย้ำอีกที่ว่า เหตุที่ ตอนท้าย ม.๙๑ (๔)เน้นย้ำว่าพรรคจะต้องได้สส จากการจัดสรรไม่เกิน(๒)นั่น
เพราะสส พึงมีเป็นขีดสูงสุดที่พรรคต่างๆ ควรจะได้ สส มีข้อยกเว้นเพียงกรณีที่พรรคนั้นได้สส เขต จะไม่ตกอยู่ภายใต้ ขีดจำกัดนี้ แต่ก็จะส่งผลให้ไม่ได้รับการจัดสรร สส บัญชีรายชื่อ นั่นเอง และต้องนำไปเกลี่ยจัดสรรให้พรรคที่เได้ สส ยังไม่ครบ จำนวน สส พึงมี ซึ่งก็
จะไปจบที่ การจัดสรรนั้น จะต้องไม่เกิน สส พึงมี ตาม (๒) ซึ่งคำนวณได้ไม่ยากเลย เด็กประถมก็คิดได้ ซึ่งหากคิดแล้วไม่ถึง ๑ ก็แสดงว่า ไม่มีสิทธิได้ สส เลย (นอกจาก จะได้ สส เขต ซึ่งเป็นข้อยกเว้นของ หลัก สส พึงมี) ส่วน จะได้ สส บัญชีรายชื่อเท่าไร ในรัฐธรรมนํญ ก็ได้บัญญัติไว้คร่าว ๆ ใน (๔) นั้นเองว่า ให้ตามอัตราส่วน ถามว่า อัตราส่วนอย่างไร ก็ต้องกลับไปดูที่ พรรคที่ มี สส พึงมีใด ได้รับการจัดสรรแล้วยังไม่ครบ ยังขาดอยู่เท่าไรจะครบ สส พึงมี ซึ่งแต่ละพรรค จะไม่เท่ากัน ตรงนี้ คือ อัตราส่วน ซึ่งใน ม.๑๒๘ ของ พรป.สส. ก็ได้กำหนดไว้ แต่หลักการจะต้องเน้นน้ำอีกที ซึ่งก็ตรงตาม รัฐธรรมนูญ ม.๙๑ (๔) ตอนท้าย นั้นเอง
สรุปอีกทีรัฐธรรมนูญ ม.๙๑ (๒) ได้ให้จำนวน สส พึงมี หรือ ง่ายๆ คือ พรรค ที่ได้ผลหารตั้งแต่ ๑ ขึ้นไป นั่นคือ มีสิทธิได้ สส จำนวนเท่านั้น (เว้นแต่จะได้ สส เขตเกิน) ส่วน ม.๙๑ (๔) ระบุว่า หลังการจัดสรรจากพรรคที่มี สส เขตเกิน สส พึงมี จะต้องไม่ทำให้ได้ สส เกิน สส พึงมีตาม (๒) สรุปจาก ทั้ง (๒) และ (๔) จะได้ว่า (๒) ได้บอก ว่า จำนวน พรรคใดจะมี สส พึงมีเท่าไร ขั้นต่ำคือ ๑ สูงก็ตามที่เป็นจำนวน สส พึงมีนั้น และ ใน(๔) ก็ได้เน้นย้ำอีกทีว่า การให้ สส รายชื่อพรรค ที่มี สส เขต น้อยกว่า สส พึงมี( นั่นคือ พรรค นั้น จะต้องผ่านการมี สส พึงมี ตาม (๒) มาก่อน จุดนี้เองที่มีการคิดกันผิด ทำให้ผลพิสดารหหัศจรรย์ แต่ขัดรัฐธรรมนู๋ญ) รายละเอียดการจัดสรร ก็ไปดูที่ พรป.ม.๑๒๘ แต่จะต้องไม่ขัด รัฐธรรมนูญ ม.๙๑ ดังว่ามา
ปล. สุดท้าย อยากจะฝากไปถึง กกต. ว่า คนในประเทศนี้ทราบดีว่าพวกท่านได้รับการแต่งตั้งจากใคร และ ใคร จะได้รับประโยชน์ จากการคิด สส รายชื่อ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และอย่าลืมว่า ความผิดอาญามีอายุความ ไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี และไม่มีผู้มีอำนาจใดอยู่ได้นานขนาดนั้นแน่ จึงขอให้คิดให้ดี ผลจากการกระทำของท่าน ย่อมเป็น กรรม ที่จะส่งผลต่อตัวท่านเอง ครอบครัว และประเทศชาติ และตกอยู่กับพวกเราทุกคน ...ด้วยรักและหวังดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มาตรา ๙๑ การคํานวณหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง
ให้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑) นําคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งหารด้วยห้าร้อยอันเป็นจํานวนสมาชิกทั้งหมดของสภาผู้แทนราษฎร
(๒) นําผลลัพธ์ตาม (๑) ไปหารจํานวนคะแนนรวมทั้งประเทศของพรรคการเมืองแต่ละพรรค
ที่ได้รับจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทุกเขต จํานวนที่ได้รับให้ถือเป็นจํานวน
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้
(๓) นําจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองจะพึงมีได้ตาม (๒) ลบด้วยจํานวน
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งหมดที่พรรคการเมืองนั้นได้รับเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้ง
ผลลัพธ์คือจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับ
(๔) ถ้าพรรคการเมืองใดมีผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
เท่ากับหรือสูงกว่าจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (๒) ให้พรรคการเมืองนั้น
มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามจํานวนที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และไม่มีสิทธิได้รับ
การจัดสรรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และให้นําจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชี
รายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองที่มีจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง
ต่ํากว่าจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคการเมืองนั้นจะพึงมีได้ตาม (๒) ตามอัตราส่วน แต่ต้อง
ไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจํานวนที่จะพึงมีได้ตาม (๒)
(๕) เมื่อได้จํานวนผู้ได้รับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองแล้ว ให้ผู้สมัคร
รับเลือกตั้งตามลําดับหมายเลขในบัญชีรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้น
เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ในกรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใดตายภายหลังวันปิดรับสมัครรับเลือกตั้งแต่ก่อนเวลาปิดการลงคะแนน
ในวันเลือกตั้ง ให้นําคะแนนที่มีผู้ลงคะแนนให้มาคํานวณตาม (๑) และ (๒) ด้วย
การนับคะแนน หลักเกณฑ์และวิธีการคํานวณ การคิดอัตราส่วน และการประกาศผลการเลือกตั้ง
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
กฎหมายว่าด้วยการคิด สส ปาร์ตี้ลิสต์
เนื่องจากประเทศนี้ปกครองด้วยกฎหมายและ กฎหมายสูงสุดคือ รัฐธรรมนูญ โดย มาตรา ๕ ได้บัญญัติรับรองไว้ว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทําใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทํานั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้
และ กฎหมายสูงสุดนี้ ได้บัญญัติวิธีคิด สส รายชื่อไว้ใน ม.๙๑ หลักๆ อยู่ใน (๑) - (๔) เป็นภาษาที่ง่าย ไม่ต้องแปลความให้เยิ่นเย้อ จนคนดูงง สรุปอีกทีจากม้าขาว กลายเป็นม้าดำ ดูแค่นี้ก็จะทราบเจตนารมณ์ แนวคิด และวิธีง่ายๆ ในการตรวจสอบว่า การคิดวิธีใด ถูกหรือผิดได้อย่างง่ายดาย โดยง่ายที่สุดคือ บอกได้ว่า สูตรไหนผิด อย่างแน่นอน เพื่อเป็นเครื่องมือในการจับกลโกงของแก็งค์มิจฉาชีพ
ผมจะไม่กล่าวในรายละเอียดเพราะชัดเจนอยู่แล้ว แต่จะเน้นให้ท่านดู (๔) ตอนท้าย ที่ระบุการจัดสรร สส บัญชีรายชื่อ จากกรณีที่มีพรรคที่ได้ สส เขตเกิน จำนวน สส พึงมี ให้กับพรรคที่มี สส เขต น้อยกว่า สส พึงมี โดย ได้เน้นย้ำไว้ในตอนท้ายว่า ภายหลังการจัดสรรดังว่ามานั้น ๋จะ "ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจํานวนที่จะพึงมีได้ตาม (๒)" นี่คือ จบกระบวนการคิด ไม่ว่าจะใช้สูตรใด ผลจะต้องไม่ผิดไปจากนี้ หากผิดจากนี้ นั่นคือ ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ แม้ว่า จะเป็น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๑ กำหนดรายละเอียดไว้ ใน ม.๑๒๘ ก็เป็นเพียงการกำหนดรายละเอียดบางประการ ตามที่รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายแม่ ได้ให้มี พรป.ดังกล่าว ในตอนท้ายของ รัฐธรรมนูญ ม.๙๑ นี้เอง ที่ว่า "การนับคะแนน หลักเกณฑ์และวิธีการคํานวณ การคิดอัตราส่วน และการประกาศผลการเลือกตั้งให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร"
ในจุดนี้ มีนักฎหมายจบนอกคนหนึ่งออกมายืนยันว่า สุดท้ายจะจบที่ กกต โดยอ้าง ข้อความนี้เอง แต่เขาจะลืมหรือแกล้งลืมก็ไม่ทราบได้ เพราะ กฎหมายลูกที่ออกมานั้น จะลบล้าง ข้อความที่บัญญํติไว้ในรัฐธรรมนูญมิได้ การกำหนดจึงเป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้น ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ม.๑๒๘ เอง ก็ไม่ได้ขัดรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด แต่มีการทำมึน ว่า ตีความ ม.๑๒๘ ไม่ออก ไม่รู้จะใช้สู่ตรไหน ก็ไปอ้าง เรื่อง เจตนารมณ์ของคนร่าง ซึ่งคนร่างก็มี สูตรอยู่แล้ว แต่ท่านอยู่ลืมว่า สูตรนี้ ไม่ใช่ตัวกฎหมายที่จะเอามาอ้างได้ หากสงสัย อันเนื่องจากข้อคาม ม.๑๒๘ เองอาจมีรายละเอียดค่อนข้างซับซ้อน วิธีดูเจตนารมณ์ง่ายสุดก็คือ กลับไปดูที่กฎหมายแม่ คือ รัฐธรรมนูญ นั่นเอง นั่นคือ ม.๙๑ เขียนไว้ชัดเจน พร้อมทั้งวิธีตรวจสอบว่า สูตรการจัดสรรใดที่ไม่ถูกไว้ ให้เสร็จสรรพ
จะขอเน้นย้ำอีกที่ว่า เหตุที่ ตอนท้าย ม.๙๑ (๔)เน้นย้ำว่าพรรคจะต้องได้สส จากการจัดสรรไม่เกิน(๒)นั่นเพราะสส พึงมีเป็นขีดสูงสุดที่พรรคต่างๆ ควรจะได้ สส มีข้อยกเว้นเพียงกรณีที่พรรคนั้นได้สส เขต จะไม่ตกอยู่ภายใต้ ขีดจำกัดนี้ แต่ก็จะส่งผลให้ไม่ได้รับการจัดสรร สส บัญชีรายชื่อ นั่นเอง และต้องนำไปเกลี่ยจัดสรรให้พรรคที่เได้ สส ยังไม่ครบ จำนวน สส พึงมี ซึ่งก็จะไปจบที่ การจัดสรรนั้น จะต้องไม่เกิน สส พึงมี ตาม (๒) ซึ่งคำนวณได้ไม่ยากเลย เด็กประถมก็คิดได้ ซึ่งหากคิดแล้วไม่ถึง ๑ ก็แสดงว่า ไม่มีสิทธิได้ สส เลย (นอกจาก จะได้ สส เขต ซึ่งเป็นข้อยกเว้นของ หลัก สส พึงมี) ส่วน จะได้ สส บัญชีรายชื่อเท่าไร ในรัฐธรรมนํญ ก็ได้บัญญัติไว้คร่าว ๆ ใน (๔) นั้นเองว่า ให้ตามอัตราส่วน ถามว่า อัตราส่วนอย่างไร ก็ต้องกลับไปดูที่ พรรคที่ มี สส พึงมีใด ได้รับการจัดสรรแล้วยังไม่ครบ ยังขาดอยู่เท่าไรจะครบ สส พึงมี ซึ่งแต่ละพรรค จะไม่เท่ากัน ตรงนี้ คือ อัตราส่วน ซึ่งใน ม.๑๒๘ ของ พรป.สส. ก็ได้กำหนดไว้ แต่หลักการจะต้องเน้นน้ำอีกที ซึ่งก็ตรงตาม รัฐธรรมนูญ ม.๙๑ (๔) ตอนท้าย นั้นเอง
สรุปอีกทีรัฐธรรมนูญ ม.๙๑ (๒) ได้ให้จำนวน สส พึงมี หรือ ง่ายๆ คือ พรรค ที่ได้ผลหารตั้งแต่ ๑ ขึ้นไป นั่นคือ มีสิทธิได้ สส จำนวนเท่านั้น (เว้นแต่จะได้ สส เขตเกิน) ส่วน ม.๙๑ (๔) ระบุว่า หลังการจัดสรรจากพรรคที่มี สส เขตเกิน สส พึงมี จะต้องไม่ทำให้ได้ สส เกิน สส พึงมีตาม (๒) สรุปจาก ทั้ง (๒) และ (๔) จะได้ว่า (๒) ได้บอก ว่า จำนวน พรรคใดจะมี สส พึงมีเท่าไร ขั้นต่ำคือ ๑ สูงก็ตามที่เป็นจำนวน สส พึงมีนั้น และ ใน(๔) ก็ได้เน้นย้ำอีกทีว่า การให้ สส รายชื่อพรรค ที่มี สส เขต น้อยกว่า สส พึงมี( นั่นคือ พรรค นั้น จะต้องผ่านการมี สส พึงมี ตาม (๒) มาก่อน จุดนี้เองที่มีการคิดกันผิด ทำให้ผลพิสดารหหัศจรรย์ แต่ขัดรัฐธรรมนู๋ญ) รายละเอียดการจัดสรร ก็ไปดูที่ พรป.ม.๑๒๘ แต่จะต้องไม่ขัด รัฐธรรมนูญ ม.๙๑ ดังว่ามา
ปล. สุดท้าย อยากจะฝากไปถึง กกต. ว่า คนในประเทศนี้ทราบดีว่าพวกท่านได้รับการแต่งตั้งจากใคร และ ใคร จะได้รับประโยชน์ จากการคิด สส รายชื่อ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และอย่าลืมว่า ความผิดอาญามีอายุความ ไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี และไม่มีผู้มีอำนาจใดอยู่ได้นานขนาดนั้นแน่ จึงขอให้คิดให้ดี ผลจากการกระทำของท่าน ย่อมเป็น กรรม ที่จะส่งผลต่อตัวท่านเอง ครอบครัว และประเทศชาติ และตกอยู่กับพวกเราทุกคน ...ด้วยรักและหวังดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้