ผ่านสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา + ดีเทล มีนา 2019!

สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยนะคะ หัวเราะ เป็นแฟนคลับพันทิปมานาน
อยากจะมาแบ่งปันเรื่องผ่านสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา มีนา ที่ผ่านมานี้คะ

ก่อนอื่นต้องขอเล่าประวัติส่วนตัวคร่าวๆก่อนเนอะ เพราะส่วนตัวรู้สึกว่ามันค่อนข้างมีผลกับว่าเราจะผ่านหรือไม่
เราอายุ 24 กำลังจะ 25 เคยไปเที่ยวยุโรปมาตอนเด็กๆ และใช้ชีวิตอยู่ สิงคโปร์มาคนเดียว 8 ปี และ ญี่ปุ่นอีก 4 ปี (ไปเรียนเป็นอีกหนึ่งกระทู้ที่จะเขียนถ้าคนสนใจ 5555) เราเพิ่งจะกลับไทยมาอยู่จริงๆจังๆปี 2017 ตุลา ที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัวเล็กๆไม่ใหญ่มาก
ส่วนตัวตอนนี้เราทำงานอยู่ในหน่วยงานที่ตรงกับทางอเมริกันเลยไม่แน่ใจว่านี่เป็น advantage ไหม (หลังไมค์)

เราแพลนจะไปเที่ยวหาเพื่อนสนิทที่อเมริกา ที่รู้จักกันตอนเรียนอยู่มหาลัยที่ญี่ปุ่น รู้จักกันมา5-6ปีละ
ได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ที่พักก็มีแล้ว นอนบ้านเพื่อนเอา แพลนจะไปที่มิชิแกน เมืองห่างจาก detroit ชื่อว่า madison heights 
จะไปวันที่ 6-21 เมษาช่วงสงกราน ออกใช้เงินตัวเอง แต่ทางบ้านให้ pocket money ติดตัวอีกนิดหน่อย หน่อยจริงๆ ฮ่าาาาาาา

ก่อนจะไปทำวีซ่าบอกตรงๆว่ามั่นใจว่าน่าจะได้เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง และคิดว่าไม่น่ายากขนาดนั้น
แต่พอมาอ่านกระทู้ในพันทิปของเพื่อนๆแล้วแบบกลัวนิดๆ จริงๆก็ไม่นิดหรอก มากกกกกกกกก x 10000000 5555 แอบหลอนอะ
แต่ละคนดูเจอมาเยอะๆ เพราะจากที่อ่านรีวีวมา reject ก็ดูเยอะอยู่ แต่ยังไงเราก็ต้องไปทำอยู่ดี กลัวไปก่อนก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้วเลยพยายามคิดกลางๆ แต่ก็เนอะ พันทิปรีวิวส่วนใหญ่ค่อนข้างจะจริง 5555

วันที่ 25 กุมภา 2019
สมัครออนไลน์ DS-160 กลอกตามความจริงทุกข้อ
อ่านช้าๆ หรือถ่ายรูปไว้ทุกหน้ากันเอาไว้อ่านเพื่อลืม ใช้เวลาเยอะๆ ไม่ต้องรีบ พอสมัครเสร็จจะมีอีเมลส่งมาให้ปริ้นใบออกมา
อันนี้ต้องใช้วันสัมภาษณ์ หลังจากนั้นก็ไปจ่ายตังค์ 160 USD ที่เราจ่ายไปคือ 5,440 YHB
มันจะมี dead line วันที่ต้องจ่ายด้วยนะ น่าจะ 4-5 วันหลังจากสมัครออนไลน์ ดูดีๆ
ตอนจ่ายตังค์บอกเลยงงโคด เพราะว่าเราลืมปริ้นใบที่มีพวก swift code แอบงงแต่ก็ผ่านมันมาได้ แพงมากคืออารมณแบบว่า กู-ต้อง-ผ่าน จ้า!

พอจ่ายเงินเสร็จเราก็จะต้องเอา receipt number ไปใส่ในเว็ปแล้วก็เลือกวันสัมภาษณ์มี
choice ให้แค่ 19 หรือ 25 มีนา เราเลยเลือกว่าที่ 19 9โมงเช้า แทนจากนั้นก็รอจ้า........................ระหว่างนั้นก็เตรียมเอกสารไปพลาง
และนี่คือสิ่งที่เราเอาไปด้วยในวันจริง

v
v
v

1.) DS-160 
2.) ใบ recommendtion จากที่ทำงาน (เป็นใบที่บอกทางสถานถูตว่าจะกลับมาไทย และไม่ได้หนีไปนวด 555)
3.) รูปถ่าย 2x2 (ที่โดนเจ้าหน้าที่สั่งให้ไปถ่ายใหม่ อ่านต่อข้างล่าง -_-)
4.) Bank Book (ของพ่อ 3เล่ม จริงๆควรเอา bank statement ไป แต่ลืม พอคิดได้เอาตอนเช้าเลยแว๊นไปหาพ่อยืมของเขามาใช้ชั่วคราว 5555)
5.) Passport ทุกเล่มที่มี แต่เราเอาไป 2เล่ม อีกเล่มนานมาแล้ว แต่เล่มนั้นมีวีซ่ายุโรปเสียดายมาก
6.) Flight ticket (ที่เขาไม่ขอดู อืม -__-)
7.) ใบนัดสัมภาษณ์ อันนี้ต้องเอามานะเพราะเขาจะใช้แสกนบาร์โคด
8.) ทะเบียนบ้าน ไม่รู้เอาไปทำไมเหมือนกันคิดแค่ว่าจะยืนยันว่าเรามีบ้านและยังไงก็กลับจ้า (ไม่ขอดู)
9.) ใบเสร็จจ่ายเงินค่าสัมภาษณ์วีซ่า (ไม่ขอดู)

เยอะไหม 55555 เอาจริงๆ พวกนี้เอาไปดีกว่าโดน reject เพราะของไม่ครบเพราะงั้นเอาไปเถอะะะะะะะ ไม่ได้หนักขนาดนั้น

เช้าวันที่ 19 มีนา อันสดใส เราแต่งตัวค่อนข้าง formal เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ แล้วก็พกสูทสีดำไปด้วย เพื่อเอาไว้ เราว่าการแต่งกายค่อนข้างช่วย เพราะ first impression is always important! ออฟฟิสเราอยู่ตึก GPF witthayu ติดกับสถานทูตเลย เราเลยขอลางานครึ่งวัน ใครที่ไม่ได้อยู่แถวนี้ก็นั่ง BTS มาลงเพลินจิตแล้วต่อมอไซเข้าไปหรือเดิน ถ้าไหว ไม่ไกลขนาดนั้น แต่เพื่อเหงื่อแตกหรือฝุ่นเยอะ 555 เรามาถึงออฟฟิสตัวเองก่อน

เก็บของ สวยๆ แล้วก็ค่อยเดินไปหน้าสถานทูต ปรากฎว่าลืมบัตรประชาชนจ้า
เพราะไม่ได้เอากระเป๋าตังมาเพราะเห็นเพื่อนๆในพันทิปบอกเขาไม่รับฝาก -_-
เลยต้องเดินกลับไปเอาบัตรประชาชน แล้วก็ลืมอีกจ้าลืม bank statement ซึ่งทำตอนนี้คงไม่ทัน ก็เลยตัดสินใจนั่งวินไปหาพ่อเพื่อยืม bank
book ออฟฟิสครอบครัวดันอยู่ใกล้ๆออฟฟิสเราพอดี พ่อเราก็โคดน่ารักอุส่ามารอส่งให้จะได้ไม่ต้องเรียกวินอีก จริงๆต้องใช้ Bank statement นะคะเพื่อนๆ

จากนั้นเราก็กลับมาสถานทูต โอ้ยยยยย what a journey! คือแบบ เพื่อนๆต้องนอนเร็วๆและมีสตินะคะ 5555 อย่าเอาเราเป็นตัวอย่าง (-_-")
หลังจากนั้นก็ต่อคิวรับตัวหนีบ
เขาจะหนีบตรงพาสปอร์ต ของเราติว่า 9.00 คือเก้าโมง แล้วก็เดินเข้าไปในสถานทูต
โทรศัพท์ปิดเครื่องนะจ๊ะ แล้วก็ no food no drink ผญข้างหน้าเราต้องกระดกน้ำจนหมดถึงจะเข้าได้ พอเสร็จปุ๊บ สแกนตงสแกนตัว
เหมือนก่อนขึ้นเครื่องเลย เขาจะให้เหมือนสายรัดข้อมือ ของเราเขียนว่า E15 จากนั้นก็เดินเข้าไปจ้า
นั่งรออีกนานมากกกกกกกกกกกก คนเยอะด้วย ไม่น่าเชื่อจะมีคนอยากไปเมกาขนาดนี้ 555 

รู้งี้นั่งรอที่ออฟฟิสดีกว่า
เรานัด 9 โมง ก็ได้เข้า 9 ตรงเป๊ะ แบบดีมาก
เพราะฉนั้นใครจะไปสัมภาษณ์บอกเลยไปก่อนเวลาจริง 15 นาทีพอ ไม่ต้องมาก่อนเวลาเร็วเกิน เพราะยังไงก็ไม่ได้เข้านะจ๊ะ  (-__-)

จากนั้นเขาก็จะเรียกคน พี่ผญในห้องเล็กๆเขาจะประกาศ "คนที่นัด 9 โมง ยื่น passport ค่าาาาา" 
เราก็เดินเข้าไปในช่อง พี่ผญ เขาจะให้เลขใบตาม EMS ถ้าผ่านวีซ่า
จะได้ตาม passport ได้ ตอนนั้นบอกตรงโคดตื่นเต้นนนน 

เดินไปข้างใน มีแถว zic zac ยาวไปเรื่อยๆ ด้วยความชอบเผือกส่วนตัว เราก็สังเกตุหมด จะมีช่องเหมือนบูธรับยา 5 ช่อง
อันนี้เป็นต่างชาติหมด แล้วก็จะมีฝั่งขวาประมาณ 5-6 บูธ เป็นคนไทย ห้องไม่ใหญ่มาก อารมณ์เหมือนช่องรับยาโรงพยาบาลอะไรอย่างนั้นแหละ

เราก็ต่อแถวไปพอถึงตาเรา เจอคนไทยผญ
อายุน่าจะสัก 40 ปลายๆ น่าตาสวยดีแต่พูดจาไม่ค่อยน่ารักเลย เพราะเขาดูดุๆคนก่อนหน้าเราด้วย 
เขาบอกขอ passport หน่อยคะ แล้วก็ให้เราวางนิ้วมือ 4 นิ้ว มือซ้าย มือขวา แล้วก็ขอรูปถ่าย เราก็ยื่นให้ ปุ๊บ 

นางบอกว่ารูปใช้ไม่ได้ เราแบบ what the hell? HOW? แต่เราก็ไม่อยากดราม่า เลยถามว่าก็ถ่ายตามร้านเลยนะคะ ทำไมถึงผิด
นางก็สวนกลับมาเลยจ้า "ร้านไหนถ่ายแบบนี้หัวเบี้ยว ร้าานน้องไปอยู่หลังเขาไหนมาจ๊ะ ฮุๆๆๆๆๆ" -__- เราก็แบบ
อยากเถียงมาก เพราะไม่เบี้ยวโว้ยยยย  เลยพยายามฝืนทนต่อไป ยิ้มมมมมม (^____^++++) 

และเดินหน้าต่อไปที่ตู้ถ่ายรูปซึ่งตั้งอยู่ในห้องนั้นนั่นแหละ พอดีห้องนั้นมี photo booth ให้ถ่ายพอดีเราเลยเดินไปกำลังจะถ่าย
150 บาท เชี้ยยยย มีตังติดตัวแค่ 100 เดียว....ยิ้มสิคะ พอดีตรงนั้นเหมือนมีบูธเล็กสำหรับจ่ายเงินเราเลยไปขอยืมเงินน้องพนักงานเขา
น้องเขาคงจะงงอะนะ แบบ who are you คือใคร? 5555 เราเลยบอกว่าเราทำงานอยู่ตรงนี้ตึกข้างๆ เดี๋ยวผ่านวีซ่าเราจะเอาเงินมาคืนตอนเที่ยง เขาก็ยังไม่เชื่อ เราเลยเอานามบัตรให้ เขาเลยเอาเงินมาให้เรา ขอบคุณมากนะคะน้อง!

พอเราถ่ายรูปเสร็จปุ๊บ ก็เอารูปไปคืนพี่ผญ เขาบอก "เห็นไหมรูปของเราสวยกว่าที่ยูถ่ายอีก" เราก็แบบ ค่ะะะๆๆๆๆๆๆ
just shut up and let me go pls (-___-)

จากช่องนั้นเราก็ไปต่อไปช่องคุณฝรั่งที่จะสแกนบาร์โคดใบ interview เร็วมากๆ คนนี้ใจดี เสร็จปุ๊บ ก็มาของจริงละ

เราเห็นมี4 บูธที่เปิด แต่บูธช่องที่3ปิด ช่อง1 น่าจะเป็นลูกครึ่งผช สูงๆ ใส่แว่น ช่องที่2 เป็นคนอายุเยอะหน่อย
ดูใจดีสุดเพราะเห็นผ่านทุกคน ช่องที่3 ปิด ช่องที่4 เป็นผชคนเอเชียน น่าจะเป็นเกาหลีที่ทุกๆคนพูดถึงในพันทิป ดูโหดจริงถามเยอะพอๆกับคนแรก
มีผญที่กำลังสัมภาษณ์อยู่กับคนแรก แต่งตัวดีมาก สวยด้วยแต่ดูท่าไม่น่าผ่าน เพราะได้ยินนางอ้อนวอนขอโอกาส เขาก็เลยถามกลับว่าที่ผ่านมาปีที่แล้วไปเที่ยวต่างประเทศที่ไหนมาบ้าง นางก็บอก เวียดนาม จีน เกาหลี สิงคโปร์ ไม่ผ่านจ้า นางส่ายหัวเลย เห็นใจเหมือนกันนะ

ตอนนั้นเราคิดอย่างเดียวในใจคือ ขอคุณลุงฝรั่งช่อง 2 ที่ดูใจดีๆ เถอะๆๆๆๆ แต่แบบพ่างงงงง
ตู้ที่ 3 เปิด ผญ เอเชีย ผิวแทนๆ ผมสีดำยาวๆ จ้าา เราแบบไม่ทันละกูทำเต็มที่ละกัน

สู้ๆเดินตรงเข่าไปมั่นใจ ยิ้มมมมม ยิ้ม

officer: สวัสดีค่ะ (พูดภาษาไทยสำเนียงฝรั่ง)
เรา: สวัสดีค่ะ (เสียงดังฟังชัด)
officer: ไปทำอะไรที่อมเริกาค่ะ
เรา: ไปเยี่ยมเพื่อนแล้วก็ไปเที่ยวค่ะ
officer: ไปกี่วันค่ะ 
เรา: 6-21 ค่ะ
officer: เพื่อนทำงานอะไรค่ะ
เรา: tata technology ค่ะ
officer: So do you speak english (พูดอิ้งละ) (พูดภาษาอังกฤษได้ไหมค่ะ)
เรา: YESSS!!! (ได้สิค่ะ เสียงดังฟังชัดมั่นใจ 5555)
offcer: How long are you going to the states for ? (ไปอเมริกานานเท่าไหร่ค่ะ)

(ตอนนั้นเราคิดในใจ อ้าวยูเพิ่งถามไอเองเลยคิดว่าสงสัยจะลองเทสภาษาเราว่าเราจะตอบตรงไหม ฉลาดไปอี๊ก!)

เรา: 2 weeks 6-21 april (6-21 เมษาค่ะ)
offcer: nice! how did you know this person? (รู้จักเพื่อนคนนี้ได้ยังไงค่ะ)
เรา: friends from my first year of uni in Japan (เพื่นคนนี้รู้จักกันตั้งแต่ปี1 มีมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นค่ะ)
officer: so you speak Japanese ? (คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยงั้นสิ)
เรา: Yes! (ค่ะ เกือนตอบว่า ไฮ้!!! แล้ว)
officer: Nice! Who's covering your expenses (เยี่ยมใครออกค่าเดินทางให้คุณ ยิ้มด้วย)
เรา: Myself and my parents also giving me pocketmoney (ฉันจ่ายเองแล้วที่บ้านก็ให้ด้วยนิดหน่อย)

ตอนนั้นเราคิดในใจอย่าขอดู bankstatement ลูกเด้อออออ ไม่มี และ bank book ก็ไม่ใช้ของตัวเองด้วย T_T

offcer: ok you're in (ได้ละ)
เรา: กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ Thankyou very much ka
officer: you're welcome ! (ยินดีค่ะ)

สรุปจากที่ไปมาเองส่วนตัว 
เอกสารต้องเตรียมให้พร้อม สำคัญหมด
เอาไปเกินดีกว่าเอาไปขาด รูปมาถ่ายที่สถานถูตได้ไม่ซี แต่เอาเงินสดเข้ามาด้วยยยย! 
การแต่งตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ลุคเป็น first impression สร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง ความมั่นใจต้องเต็ม 100% เพราะมันแสดงออกชัดมาก
ตั้งแต่รอเข้าคิว ตั้งสติดีๆ พยายามสบตาคนสัมภาษณ์ พูดช้าๆ ชัดๆ และสำคัญที่สุดคือต้องพูดความจริงไม่โกหก
จริงๆถ้าเรามั่นซะอย่างเขาจะไม่ถามอะไรเยอะเพราะทุกอย่างมัน base อยู่ใน DS-160 ที่เรากรอกไป

เราไปสัมภาษณ์วันที่ 19 ได้ passport กลับมาวันที่ 21 เร็วโคดดดดดดด!!!!
ตอนนั้นก็ลุ้นนะว่าจะได้กี่ปี เพราะตอนนี้เห็นว่าทางสถานทูติลดลงเหลือ 5ปี, 1ปี กับน้อยสุด 6 เดือน เศร้า
สรุปดูข้างล่างจ้าาา

v
v
v

ได้ 10 ปีจ้าาาาาาา ฮู่วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ^____^ (จริงๆมันเป็นสีแต่เราสแกนเครื่องขาวดำ)

กระทู้คนอื่นอ่านได้แต่อย่าเอามาเก็บมาคิดให้เครียด
เพราะมันแล้วแต่คนจริงๆ บางคนว่ายาก บางคนว่าง่าย อยู่ที่ตัวคุณเองล้วนๆ
ทุกคนรีวีวไม่เหมือนกัน เราอยากมาแชร์จากมุมมองคนที่ผ่านวีซ่าบ้างเพราะเห็นหลายกระทู้ไม่ผ่านเยอะ 
ลองมองจากมุมของฝั่งเขาว่าเพราะอะไรเขาถึงต้อง strict ขนาดนี้ เนอะๆ ใจเขาใจเรา 
ทำเต็มที่ไม่ได้ก็ค่อยกลับมาใหม่ อย่าถ้อ ใครที่กำลังจะไปสัมภาษณ์สู้ๆกันนะคะ มีไรถามตอยกลับได้เลยนะคะ 
GOOD LUCK !!!!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่