
สวัสดีจ้า กลับมาอีกแล้ว หลังดองทริปนี้มานานมากก็ได้ฤกษ์เขียนรีวิวซักที
ชวนแล้วไม่มีใครไป ก็ไปคนเดียวนี่แหละ France-Switzerland: รีเฟรชที่ฝรั่งเศส-อัพเกรดที่สวิส
Strasbourg - Bern - Thun - Interlaken - Zermatt - Lausanne - Montreux - Vevey – Paris
ทริปนี้ เราตัดสินใจไปคนเดียว เนื่องจากได้ตั๋วเครื่องบินราคาถูก ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้ถูกมากขนาดนั้น ก็คิดอยู่ว่าจะไปประเทศไหนดีเพราะมันไปได้ทั่วโลกที่สายการบินๆถึง ตอนแรกว่าจะไปอเมริกาแต่เคยไปเวิร์คแล้ว เลยลองไปประเทศที่แม่อุตส่าห์ส่งเสียมา “ฝรั่งเศส” ในใจไม่ได้หวือหวากับฝรั่งเศสนะ แต่ก็ลองไปชิมวัฒนธรรมดูซิ ว่าคนบ้านเมืองเขาเป็นยังไง แต่อยากไปประเทศอื่นอีก พอดีมีเพื่อนแต่งงานอยู่ที่สวิส เหมาะเจาะ! ที่พัก ข้าวปลาอาหารฟรี อย่างน้อยก็พึ่งพาได้ถ้ามีไรเกิดขึ้น
ตัดสินใจเดินไปบอกหัวหน้า “เอ่อ พี่คะ คือ จะขอลา..” “จะลาออกหรอ?!” “ ไม่ใช่ค่ะ ขอลาไปเที่ยว 7 วัน” หัวหน้าตกใจกว่าเดิม 5555 เพราะไม่มีคนอยู่ช่วย แต่ขอล่ะ โอกาสมาทั้งที หนูขอไปเปิดตาหน่อยค่า พอได้รับการอนุมัติ ก็ทำเรื่องขอวีซ่งวีซ่าให้เรียบร้อย เรื่องการขอวีซ่าเราใช้ TLScontact ตอนแรกที่ทำ ก็หาๆอ่านจากในพันทิพย์นี่แหละ มีคนอธิบายเรื่องวีซ่าไว้ละเอียดเยอะอยู่เหมือนกัน เราขอสกิ๊ปไปเรื่องเที่ยวเลยละกันนะ
เราวางแผนการเที่ยวเป็นจตารางแบบจริงจัง เพราะตารางรถไฟเป็นสิ่งที่ห้ามพลาดเลยแม้แต่นาทีเดียว เราจึงเขียน Timeline คำนวนระยะทาง เวลาที่ใช้เดินทางและท่องเที่ยว โดย Google map และคำนวนค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ว่าถ้าเราต้องการไปที่นี่ ที่นั่น เราจะเสียค่าเดินทาง ถูกกว่าหรือแพงกว่าการซื้อ Swiss pass ซึ่งแน่นอน Swiss pass ถูกกว่า 5555
**Swiss pass ไปซื้อที่นู่นเลยค่ะ รายละเอียดบอกอีกทีนะ
อันนี้เป็นแผนเดินทางคร่าวๆ ที่ใช้ตอนเราไปเที่ยวจริง ส่วนเวลาก็บวกลบนิดหน่อย ขึ้นกับสถานการณ์ว่าติดลมบนแค่ไหน แผนเที่ยวคร่าวๆคือ ฝรั่งเศส 3 คืน สวิส 3 คืน

ชคดีของเราที่มีเพื่อนอยู่ที่ทั้งสวิสและฝรั่งเศส วันที่ไปนอนสวิส เราเลยขออาศัยเพื่อนนอนทุกคืนเลย เหตุผลหลักๆคือค่าใช้จ่ายที่จะงอกเงยขึ้นมา ทั้งค่าอยู่และค่ากิน ส่วนเรื่องความปลอดภัย เราให้ใจสวิสไปเลย <3
แผนที่พักคือ
21: Airbnb
22: บ้านเพื่อน
23: Zermatt
24: บ้านเพื่อน
25: บ้านเพื่อน
26: airbnb
จริงๆเราจะนอน airbnb 3 คืน แต่เนื่องด้วยเพื่อนต้องจัดงานของสถานทูต เราจึงอยู่ช่วยงานถวายดอกไม้จันทน์ พระราชพิธีถวายพระเพลิง ร.9 ที่สวิส
ขอบอกว่า airbnb มันเป็นอะไรที่คุณต้องลองจริงๆ 555 มันมีความพีคมาก เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังตามลำดับเหตุการณ์นะคะ
ตัดมาที่ขึ้นเครื่องเลยนะคะ เรามาถึงที่สนามบินบาเรนและต่อเครื่องไปที่ฝรั่งเศส สนามบิน Charles de Gaulle ประมาณ 7 โมงครึ่ง และให้เวลาตัวเองทำธุระ เสียค่าเข้าห้องน้ำไป 0,70 Euros และสำรวจอารยะสักนิด ก่อนมุ่งหน้าไปยัง Strasbourg เมืองทางตะวันตกของฝรั่งเศส เราจองขึ้นรถเวลา 11.21 น. ถึงที่หมายประมาณ 13.09 ที่ระบุไว้
ตอนไปขึ้นรถไฟ ให้มองหาป้าย SNCF/Grandes lignes/ Main lines ที่เราซื้อตั๋วเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว (ลืมบอกว่า ยิ่งซื้อตั๋วนานเท่าไหร่ยิ่งถูก เรามาซื้อเอาวันใกล้ๆ แพงเป็นเท่าเลย) รถไฟนี้จะอยู่ชั้นใต้ดิน จะรวมรถไฟหลายๆจุดหมายปลายทางในแต่ละเกต เราต้องมองป้ายว่ารถไฟที่เราจะไฟออกเกตไหน โดยจะมีจอสีฟ้าบอกเกต ก่อนเวลารถไฟออก 20 นาที เราได้นั่งริมหน้าต่าง มองวิวเพลินเลย วิวนี้แหละ ที่เราเห็นในหนัง อยากมาแทบตาย วันนี้ได้มาแล้ว ความเขียว ความธรรมชาติแบบฝรั่งๆที่เราโหยหา วันนี้ได้มาเจอของจริงแล้ว

DAY-1
Arrive at Strasbourg
มาถึง Strasbourg ตรงตามเวลาเลยค่ะ เมื่อออกจากสถานี เราก็รื้อฟื้นความจำที่เราได้จำลองเส้นทางเมื่อตอนไถ google map หลังจากออกสถานีจนถึงบ้าน ต้องบอกว่า มีประโยชน์มากจริงๆ ถ้าไปคนเดียว แนะนำให้เดินไปเดินมาใน google map พอมาถึงที่จริง เรานี่เดินปลิวเหมือนคนท้องที่เลย เพราะคุ้นหูคุ้นตาบ้านเรือนอยู่แล้ว ถึงแม้มันจะไม่ได้อัพเดตมาก แต่ตึกรามบ้านช่องก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเสียจนจำไม่ได้ บางร้านเป็นร้านใหม่ แต่บนถนนเส้นเดิม
เดินออกจากสถานีสักระยะ ก็หันหลังกลับไปถ่ายรูปสถานีรถไฟที่มโหฬารและแปลกตาด้วยรูปลักษณ์เหมือนยานแม่มาจอดไว้บนพื้นดินล้อมด้วยกระจกจนมองๆไปก็เหมือนแมลงทับตัวเขื่องเลยค่ะ
ตอนแรกหาที่พักไม่เจอ บ้านเลขที่ไม่มีตามถนนที่หา ก็ถามเขาไปเรื่อย เดินวนไปวนมา จนเจอค่ะ คือเป็นเส้นผมบังภูเขาจริงๆ เขาก็เขียนแล้วว่ามีร้านอาหารอยู่ข้างล่าง โอ้ย งงในงง 5555 ตามอพาร์ตเม้นท์ airbnb พวกนี้เขาจะมีวิธีให้เข้าบ้านตามแต่ที่สะดวกกันไป อย่างที่นี่ เป็นเครื่องกดรหัส ซึ่งกว่าจะเข้าใจ function ก็ทำเอาคนอื่นมองๆอยู่เหมือนกันว่า อินี่จะมาแงะบ้านเขาป่ะเนี่ย แต่สุดท้ายก็เข้ามาจนได้ เดินขึ้นชั้น 2 แล้วเจอห้องที่ไม่ได้ปิดไว้ เดินเข้าไปข้างในได้เลยก็จะเจอพี่น้องร่วมสายพันธุ์มนุษย์ต่างรูปร่างสีผิวสีผมกันไป โฮสต์หรือคนเฝ้าเราไม่แน่ใจ เดินมาบอกให้ไปเลือกเตียงในห้องได้เลย
ห้องที่พัก มีห้องครัว ระเบียง 2 ฝั่งหน้าหลัง ห้องนอน 2 ห้อง แต่ละห้องมีเตียง 2 ชั้น 3 เตียง เท่ากับห้องนึงนอนได้ 6 คน คละชายหญิงนะจ้ะ คือตอนจองลืมคิดไปว่าคละหรือเปล่าว้า จนพี่ที่ออฟฟิศทัก แต่ก็เออ ไม่เป็นไร มันน่าจะไม่มีไร ตอเข้ามาในห้อง เราเลือกนอนเตียงบนขวามือ เตียงฝั่งตรงข้ามชั้นล่างก็มีผู้ชายอ้วนๆสูงๆจองไว้แล้ว ส่วนอีกเตียง เต็มทั้งสองชั้น
เราวางของจัดของเตรียมเที่ยวออกมาก็ว่าจะชาร์จแบตสักพักแล้วก็ค่อยออก แต่ตอนจะชาร์จแบต ปลั๊กอแดปเตอร์ของเรามันเสีย ผู้ชายที่นอนเตียงล่างเลยบอกให้ใช้ของนางได้ ก็เลยคุยกัน เขาบอกมาจากเยอรมัน เที่ยวมาเกือบทั้งยุโรปแล้ว เขาพกเครื่องสี่เหลี่ยมมาด้วย แล้วแนะนำว่าเป็นเครื่องช่วยให้ไม่นอนกรน เพราะเขากรนหนักมาก (นึกในใจ ซวยละ เตียงสั่นแน่ถ้าไม่ใส่เครื่อง) เคยหยุดหายใจไป 25 วิ บลาๆ พอชาร์จเสร็จสักพัก เราก็แยกย้ายออกเที่ยวเลยค่ะ
และนี่คือสถานีรถไฟ Strasbourg สวยดีค่ะ แต่ภายในเค้าเขียนว่าห้ามถ่ายรูปเราเลยไม่กล้าถ่ายอ่ะ

อุปกรณ์การเที่ยวครั้งนี้ มีพาวเวอร์แบงก์ 20,000 แอมป์ กล้อง sony a6000 เลนส์ samyoung 12 mm f2.8 และขาตั้งกล้อง
ระหว่างทางเดินไปที่พักก็จะเจอกับตึกแบบนี้ทั้งเมือง ภาพเพ้นท์ภายนอกอาคารโรงภาพยนต์ยังสวยเลย (CINÉMA STAR SAINT-EXUPÉRY) ชื่อโรงหนังนึกถึงนักเขียน The Little Prince เจ้าชายน้อยเลย

เพลินกับการมองบ้านเรือนเขามากเลยค่ะ ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ได้มายืนอยู่ที่นี่จริงๆ

Notre dame de Strasbourg อาสนวิหารสทราซบูร์
เดินออกจากที่พัก ก็เพิลดเพลินกับบ้านเมืองที่เป็นสีส้มๆอิฐๆ ให้บรรยากาศอุ่นๆเก่าๆ ตั้งแต่ศึกษาในเน็ต เราประทับใจความสวยงามของ Notre dame de Strasbourg มากๆ และเมื่อได้เห็นของจริง บอกเลยว่าคุ้มเหนื่อย คุ้มค่าตั๋ว สิ่งปลูกสร้างขนาดมหึมาสิ่งแรกที่เราได้เห็นในประเทศนี้ทำให้เราตะลึงมากๆ พร้อมรายละเอียดการตกแต่งที่ประณีต

ประวัติคร่าวๆ วิหารแห่งนี้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกที่มีฐานะเป็นอาสนวิหาร ตั้งอยู่ที่เมืองสทราซบูร์ แคว้นกร็องแต็สต์ ประเทศฝรั่งเศส อันเป็นที่ตั้งของอัครมุขมณฑลสทราซบูร์ ส่วนหลักของสถาปัตยกรรมเป็นแบบโรมาเนสก์ แต่ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญของสถาปัตยกรรมแบบกอทิกตอนปลายที่งดงามที่สุดแห่งหนี่ง โดยมีแอร์วีน ฟ็อน ชไตน์บัค สถาปนิกชาวเยอรมัน เป็นผู้ดูแลการออกแบบและก่อสร้างในช่วงปี ค.ศ. 1277 จนถึง ค.ศ. 1318
อาสนวิหารสทราซบูร์เคยได้รับการบันทึกเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลก ในช่วงปี ค.ศ. 1647 จนถึงปี ค.ศ. 1874 ด้วยความสูงถึง 142 เมตร ซึ่งในปัจจุบัน ถือเป็นวิหารที่สูงที่สุดอันดับที่หกของโลก และสูงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากอาสนวิหารรูอ็อง และยังถือเป็นวิหารที่สูงที่สุดที่สร้างในยุคกลาง ที่ยังคงสภาพอยู่ในปัจจุบัน (จากวิกิพี่เดียร์ค่า)

รอบๆโบสถ์มีของท่ะลึกขาย มีวงดนตรีพื้นเมืองมาเล่นให้ฟัง มีร้านอาหารเพียบ วิวดี แต่คนจอแจมากๆ มีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเป็นกรุ๊ปทัวร์จำนวนมาก เราก็ได้แต่เดินรอบๆดบสถ์ ไม่ได้เข้าไปข้างใน แค่เห็นภายนอกก็จ้องนานมากๆแล้ว

[CR] ฝรั่งเศส-สวิส ผู้หญิงคนเดียวแบ็คแพ็ค 7 วัน (ภาพเยอะมากๆ)
ชวนแล้วไม่มีใครไป ก็ไปคนเดียวนี่แหละ France-Switzerland: รีเฟรชที่ฝรั่งเศส-อัพเกรดที่สวิส
Strasbourg - Bern - Thun - Interlaken - Zermatt - Lausanne - Montreux - Vevey – Paris
ทริปนี้ เราตัดสินใจไปคนเดียว เนื่องจากได้ตั๋วเครื่องบินราคาถูก ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้ถูกมากขนาดนั้น ก็คิดอยู่ว่าจะไปประเทศไหนดีเพราะมันไปได้ทั่วโลกที่สายการบินๆถึง ตอนแรกว่าจะไปอเมริกาแต่เคยไปเวิร์คแล้ว เลยลองไปประเทศที่แม่อุตส่าห์ส่งเสียมา “ฝรั่งเศส” ในใจไม่ได้หวือหวากับฝรั่งเศสนะ แต่ก็ลองไปชิมวัฒนธรรมดูซิ ว่าคนบ้านเมืองเขาเป็นยังไง แต่อยากไปประเทศอื่นอีก พอดีมีเพื่อนแต่งงานอยู่ที่สวิส เหมาะเจาะ! ที่พัก ข้าวปลาอาหารฟรี อย่างน้อยก็พึ่งพาได้ถ้ามีไรเกิดขึ้น
ตัดสินใจเดินไปบอกหัวหน้า “เอ่อ พี่คะ คือ จะขอลา..” “จะลาออกหรอ?!” “ ไม่ใช่ค่ะ ขอลาไปเที่ยว 7 วัน” หัวหน้าตกใจกว่าเดิม 5555 เพราะไม่มีคนอยู่ช่วย แต่ขอล่ะ โอกาสมาทั้งที หนูขอไปเปิดตาหน่อยค่า พอได้รับการอนุมัติ ก็ทำเรื่องขอวีซ่งวีซ่าให้เรียบร้อย เรื่องการขอวีซ่าเราใช้ TLScontact ตอนแรกที่ทำ ก็หาๆอ่านจากในพันทิพย์นี่แหละ มีคนอธิบายเรื่องวีซ่าไว้ละเอียดเยอะอยู่เหมือนกัน เราขอสกิ๊ปไปเรื่องเที่ยวเลยละกันนะ
เราวางแผนการเที่ยวเป็นจตารางแบบจริงจัง เพราะตารางรถไฟเป็นสิ่งที่ห้ามพลาดเลยแม้แต่นาทีเดียว เราจึงเขียน Timeline คำนวนระยะทาง เวลาที่ใช้เดินทางและท่องเที่ยว โดย Google map และคำนวนค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย ว่าถ้าเราต้องการไปที่นี่ ที่นั่น เราจะเสียค่าเดินทาง ถูกกว่าหรือแพงกว่าการซื้อ Swiss pass ซึ่งแน่นอน Swiss pass ถูกกว่า 5555
**Swiss pass ไปซื้อที่นู่นเลยค่ะ รายละเอียดบอกอีกทีนะ
อันนี้เป็นแผนเดินทางคร่าวๆ ที่ใช้ตอนเราไปเที่ยวจริง ส่วนเวลาก็บวกลบนิดหน่อย ขึ้นกับสถานการณ์ว่าติดลมบนแค่ไหน แผนเที่ยวคร่าวๆคือ ฝรั่งเศส 3 คืน สวิส 3 คืน
ชคดีของเราที่มีเพื่อนอยู่ที่ทั้งสวิสและฝรั่งเศส วันที่ไปนอนสวิส เราเลยขออาศัยเพื่อนนอนทุกคืนเลย เหตุผลหลักๆคือค่าใช้จ่ายที่จะงอกเงยขึ้นมา ทั้งค่าอยู่และค่ากิน ส่วนเรื่องความปลอดภัย เราให้ใจสวิสไปเลย <3
แผนที่พักคือ
21: Airbnb
22: บ้านเพื่อน
23: Zermatt
24: บ้านเพื่อน
25: บ้านเพื่อน
26: airbnb
จริงๆเราจะนอน airbnb 3 คืน แต่เนื่องด้วยเพื่อนต้องจัดงานของสถานทูต เราจึงอยู่ช่วยงานถวายดอกไม้จันทน์ พระราชพิธีถวายพระเพลิง ร.9 ที่สวิส
ขอบอกว่า airbnb มันเป็นอะไรที่คุณต้องลองจริงๆ 555 มันมีความพีคมาก เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังตามลำดับเหตุการณ์นะคะ
ตัดมาที่ขึ้นเครื่องเลยนะคะ เรามาถึงที่สนามบินบาเรนและต่อเครื่องไปที่ฝรั่งเศส สนามบิน Charles de Gaulle ประมาณ 7 โมงครึ่ง และให้เวลาตัวเองทำธุระ เสียค่าเข้าห้องน้ำไป 0,70 Euros และสำรวจอารยะสักนิด ก่อนมุ่งหน้าไปยัง Strasbourg เมืองทางตะวันตกของฝรั่งเศส เราจองขึ้นรถเวลา 11.21 น. ถึงที่หมายประมาณ 13.09 ที่ระบุไว้
ตอนไปขึ้นรถไฟ ให้มองหาป้าย SNCF/Grandes lignes/ Main lines ที่เราซื้อตั๋วเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว (ลืมบอกว่า ยิ่งซื้อตั๋วนานเท่าไหร่ยิ่งถูก เรามาซื้อเอาวันใกล้ๆ แพงเป็นเท่าเลย) รถไฟนี้จะอยู่ชั้นใต้ดิน จะรวมรถไฟหลายๆจุดหมายปลายทางในแต่ละเกต เราต้องมองป้ายว่ารถไฟที่เราจะไฟออกเกตไหน โดยจะมีจอสีฟ้าบอกเกต ก่อนเวลารถไฟออก 20 นาที เราได้นั่งริมหน้าต่าง มองวิวเพลินเลย วิวนี้แหละ ที่เราเห็นในหนัง อยากมาแทบตาย วันนี้ได้มาแล้ว ความเขียว ความธรรมชาติแบบฝรั่งๆที่เราโหยหา วันนี้ได้มาเจอของจริงแล้ว
DAY-1
Arrive at Strasbourg
มาถึง Strasbourg ตรงตามเวลาเลยค่ะ เมื่อออกจากสถานี เราก็รื้อฟื้นความจำที่เราได้จำลองเส้นทางเมื่อตอนไถ google map หลังจากออกสถานีจนถึงบ้าน ต้องบอกว่า มีประโยชน์มากจริงๆ ถ้าไปคนเดียว แนะนำให้เดินไปเดินมาใน google map พอมาถึงที่จริง เรานี่เดินปลิวเหมือนคนท้องที่เลย เพราะคุ้นหูคุ้นตาบ้านเรือนอยู่แล้ว ถึงแม้มันจะไม่ได้อัพเดตมาก แต่ตึกรามบ้านช่องก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเสียจนจำไม่ได้ บางร้านเป็นร้านใหม่ แต่บนถนนเส้นเดิม
เดินออกจากสถานีสักระยะ ก็หันหลังกลับไปถ่ายรูปสถานีรถไฟที่มโหฬารและแปลกตาด้วยรูปลักษณ์เหมือนยานแม่มาจอดไว้บนพื้นดินล้อมด้วยกระจกจนมองๆไปก็เหมือนแมลงทับตัวเขื่องเลยค่ะ
ตอนแรกหาที่พักไม่เจอ บ้านเลขที่ไม่มีตามถนนที่หา ก็ถามเขาไปเรื่อย เดินวนไปวนมา จนเจอค่ะ คือเป็นเส้นผมบังภูเขาจริงๆ เขาก็เขียนแล้วว่ามีร้านอาหารอยู่ข้างล่าง โอ้ย งงในงง 5555 ตามอพาร์ตเม้นท์ airbnb พวกนี้เขาจะมีวิธีให้เข้าบ้านตามแต่ที่สะดวกกันไป อย่างที่นี่ เป็นเครื่องกดรหัส ซึ่งกว่าจะเข้าใจ function ก็ทำเอาคนอื่นมองๆอยู่เหมือนกันว่า อินี่จะมาแงะบ้านเขาป่ะเนี่ย แต่สุดท้ายก็เข้ามาจนได้ เดินขึ้นชั้น 2 แล้วเจอห้องที่ไม่ได้ปิดไว้ เดินเข้าไปข้างในได้เลยก็จะเจอพี่น้องร่วมสายพันธุ์มนุษย์ต่างรูปร่างสีผิวสีผมกันไป โฮสต์หรือคนเฝ้าเราไม่แน่ใจ เดินมาบอกให้ไปเลือกเตียงในห้องได้เลย
ห้องที่พัก มีห้องครัว ระเบียง 2 ฝั่งหน้าหลัง ห้องนอน 2 ห้อง แต่ละห้องมีเตียง 2 ชั้น 3 เตียง เท่ากับห้องนึงนอนได้ 6 คน คละชายหญิงนะจ้ะ คือตอนจองลืมคิดไปว่าคละหรือเปล่าว้า จนพี่ที่ออฟฟิศทัก แต่ก็เออ ไม่เป็นไร มันน่าจะไม่มีไร ตอเข้ามาในห้อง เราเลือกนอนเตียงบนขวามือ เตียงฝั่งตรงข้ามชั้นล่างก็มีผู้ชายอ้วนๆสูงๆจองไว้แล้ว ส่วนอีกเตียง เต็มทั้งสองชั้น
เราวางของจัดของเตรียมเที่ยวออกมาก็ว่าจะชาร์จแบตสักพักแล้วก็ค่อยออก แต่ตอนจะชาร์จแบต ปลั๊กอแดปเตอร์ของเรามันเสีย ผู้ชายที่นอนเตียงล่างเลยบอกให้ใช้ของนางได้ ก็เลยคุยกัน เขาบอกมาจากเยอรมัน เที่ยวมาเกือบทั้งยุโรปแล้ว เขาพกเครื่องสี่เหลี่ยมมาด้วย แล้วแนะนำว่าเป็นเครื่องช่วยให้ไม่นอนกรน เพราะเขากรนหนักมาก (นึกในใจ ซวยละ เตียงสั่นแน่ถ้าไม่ใส่เครื่อง) เคยหยุดหายใจไป 25 วิ บลาๆ พอชาร์จเสร็จสักพัก เราก็แยกย้ายออกเที่ยวเลยค่ะ
และนี่คือสถานีรถไฟ Strasbourg สวยดีค่ะ แต่ภายในเค้าเขียนว่าห้ามถ่ายรูปเราเลยไม่กล้าถ่ายอ่ะ
ระหว่างทางเดินไปที่พักก็จะเจอกับตึกแบบนี้ทั้งเมือง ภาพเพ้นท์ภายนอกอาคารโรงภาพยนต์ยังสวยเลย (CINÉMA STAR SAINT-EXUPÉRY) ชื่อโรงหนังนึกถึงนักเขียน The Little Prince เจ้าชายน้อยเลย
เพลินกับการมองบ้านเรือนเขามากเลยค่ะ ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ได้มายืนอยู่ที่นี่จริงๆ
Notre dame de Strasbourg อาสนวิหารสทราซบูร์
เดินออกจากที่พัก ก็เพิลดเพลินกับบ้านเมืองที่เป็นสีส้มๆอิฐๆ ให้บรรยากาศอุ่นๆเก่าๆ ตั้งแต่ศึกษาในเน็ต เราประทับใจความสวยงามของ Notre dame de Strasbourg มากๆ และเมื่อได้เห็นของจริง บอกเลยว่าคุ้มเหนื่อย คุ้มค่าตั๋ว สิ่งปลูกสร้างขนาดมหึมาสิ่งแรกที่เราได้เห็นในประเทศนี้ทำให้เราตะลึงมากๆ พร้อมรายละเอียดการตกแต่งที่ประณีต
อาสนวิหารสทราซบูร์เคยได้รับการบันทึกเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลก ในช่วงปี ค.ศ. 1647 จนถึงปี ค.ศ. 1874 ด้วยความสูงถึง 142 เมตร ซึ่งในปัจจุบัน ถือเป็นวิหารที่สูงที่สุดอันดับที่หกของโลก และสูงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากอาสนวิหารรูอ็อง และยังถือเป็นวิหารที่สูงที่สุดที่สร้างในยุคกลาง ที่ยังคงสภาพอยู่ในปัจจุบัน (จากวิกิพี่เดียร์ค่า)
รอบๆโบสถ์มีของท่ะลึกขาย มีวงดนตรีพื้นเมืองมาเล่นให้ฟัง มีร้านอาหารเพียบ วิวดี แต่คนจอแจมากๆ มีนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันเป็นกรุ๊ปทัวร์จำนวนมาก เราก็ได้แต่เดินรอบๆดบสถ์ ไม่ได้เข้าไปข้างใน แค่เห็นภายนอกก็จ้องนานมากๆแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้