ยาวหน่อยนะ แต่อยากจะเกริ่นให้ก่อนจะได้เข้าใจกัน
นี่เป็นปัญหาครอบครัวที่เรื้อรับมานานมาก เป็นแบบนี้ประมาณ3ปีกว่าได้
เราเป็นพี่คนโต จบมัธยมศึกษาตอนปลายก็ต้องทำงานไปเรียนไปโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งๆที่พ่อแม่เลี้ยงมาดีแท้ๆ
คิดว่าบ้านตัวเองมีฐานะพอกินพอใช้ วาดฝันชีวิตมหาลัยซะดิบดี สุดท้ายต้องมาทำงานเวลาเรียนแทบไม่มี เงินก็ต้องหาเองหมด
รับผิดชอบเองหมดทุกๆอย่าง เราคิดว่า ถ้าพ่อแม่สอนให้เราลำบากแต่แรกเราคงยอมรับสถานะชีวิตของตัวเองได้มากกว่านี้
อยากได้รถก็ซื้อให้ อยากได้มือถือก็ซื้อให้ โน็ตบุกราคาแสนแพงก็ซื้อมาให้ ที่ไหนได้เป็นหนี้เป็นสินทั้งนั้น จนสุดท้ายครอบครัวแตกแยก
กันเพราะเรื่องเงินๆทองๆเป็นเหตุฉนวนทั้งหมด
กลับมาปัจจุบัน น้องเรียนอยู่มัธยมตอนปลายแล้ว พวกเรามาอยู่กับฝั่งแม่และสามีใหม่
(กับพ่อใหม่ไม่มีปัญหาอะไรเลย เราออกจะขอบคุณด้วยซ้ำที่มาช่วยแบ่งเบาภาระ ถ้าไม่มีเขาพวกเราแย่กว่าทุกวันนี้แน่นอน)
ก่อนหน้านี้น้องก็ติดมือถือมาก่อนแล้วแต่ก็คิดว่าปกติทั่วไปนะ แต่หลายปีมานี้ หยุดเรียน ขาดเรียน ทุกๆอาทิตย์!!
ชอบโกหกว่าป่วย แต่ไม่ได้ป่วยจริง เราพยายามพูดคุยแล้ว ตอนแรกนึกว่ามีปัญหากับที่โรงเรียนเลยไม่อยากไป
แต่ที่ไหนได้ ก็คือตื่นสายกับติดเกมนั่นแหละ เราเสียความรู้สึกมาก กับความเป็นห่วงความหวังดีที่เราให้ จนเราไม่แยเสอะไรเลย
ปล่อยเลยตามเลย หลังๆมาก็เริ่มด่าบ้าง สั่งสอนบ้าน มันทำอะไรรู้ไหม ก็คือฟัง แค่ฟัง ฟังไปผ่านๆแค่นั้นให้จบๆไป
ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองซักนิด
พ่อกับแม่ก็ช่วยพูดกันบ่อยมากๆ จนทุกคนเค้าเอือมระอากันหมด พูดอะไรไปก็เท่านั้น ไม่เคยนำไปคิดและปรับปรุงตัวเองเลย
ทุกวันนี้เราคิดว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเป็นเพราะ พ่อแม่รังแกฉัน และการไม่มีเวลาให้ครอบครัว
กลับมาตอนแรกเราจะทิ้งละเราไม่สนความเป็นอยู่ใดๆของน้องคนนี้ละ เราย้ายออกจากห้องไปอยู่ที่อื่น กลับมาห้องเดิมอาทิตย์ละ2วัน
ห้องรก สกปรกมากๆไม่ดูแลอะไรเลย ถ้วยจานชามทิ้งวางไว้แบบนั้น ทุเรศที่สุด ด่าแล้วด่าอีก
เราก็คิดไปอีกว่าถ้าปล่อยให้มันเกิดนิสัยแบบนี้อีกต่อไปมีหวังทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาและนำพาความลำบากมาให้ครอบครัวแน่ๆ
เพราะงั้นเลยต้องให้เรียนรู้ชีวิตโดยการบังคับให้ไปทำงานช่วยแม่ขายของ หรือไปทำพาร์ทไทม์ช่วงปิดเทอม
เราอยากให้มันรู้ว่าจุดยืนครอบครัวตัวเองอยู่ตรงไหน และจะได้มีภูมิคุ้มกันในการทำงานเพราะที่บ้านส่งเสียให้ได้แค่ม.6เท่านั้น
จะได้ทำใจได้ไว ยอมรับสถานะความแตกต่างระหว่างตัวเองและเพื่อนรอบข้างที่มีฐานะความเป็นอยู่ที่มากกว่าหลายเท่า
จะได้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ น้อยอกน้อยใจในฐานะบ้านของตัวเองให้น้อยที่สุด และยอมรับสถานะของตัวเองได้มากขึ้น
มากกว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ จนบัดนี้เรายังยอมรับตัวเองไม่ได้เลยว่ามันเกิดความรู้สึกมาเป็นช่วงๆทำไมเราไม่ได้เรียนกับเพื่อน
ทำไมเป็นเราต้องมาทำงานคนเดียวในกลุ่มเพื่อน มันน้อยอกน้อยใจไปหมด เพื่อนๆไปเรียนกันหมด เรากลับมาทำงาน
เวลาอ่านหนังสือแทบจะไม่มี เราตัดขาดกับเพื่อนทุกคนหลังจบ ม.ปลาย ไม่รับรู้ความเป็นไปของเพื่อนทุกคน
เพราะเราอิจฉาพวกเขา นี่คือสิ่งที่เราเป็นและรู้สึกอยู่ และเราอยากตายๆให้พ้นไปซะชีวิตแบบนี้
เราไม่อยากให้มันมารู้สึกเหมือนเรา เราพยายามพลักดันให้น้องมันทำตัวให้ดีขึ้น พูดถึงประสบการณ์ชีวิตตัวเองให้ฟัง
จนแล้วจนรอดทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้น ทุกวันนี้น้องมันก็หลับดึกตื่นสาย เล่นมือถือวนไป และคิดว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดปิดเทอม...
จนปัญญาแล้วนะเรื่องตัวเองก็มีให้คิดมากพอแล้ว ยังต้องมาวางแผนชีวิตอีกคนให้มันไม่ตกต่ำไปมากกว่านี้
พ่อกับแม่ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้ได้ คนธรรมดาไม่มีความรู้อะไร อ่านหนังสือได้ไม่มาก อธิบายหลักการอะไรไปก็ไม่ค่อยเข้าใจ
บางครั้งก็อยากจะเอาหนังสือสอนลูกไปให้อ่านด้วยซ้ำ
อยากจะรบกวนคนเป็นพ่อเป็นแม่หรือหมอหรือใครก็แล้วแต่ที่สามารถช่วยเราคิดทางแก้ปัญหานี้ให้หน่อย
บ้านฐานะไม่ดีแต่ลูกติดมือถือ ไม่ยอมช่วยทางบ้านทำงาน จะแก้ปัญหาอย่างไรดี
นี่เป็นปัญหาครอบครัวที่เรื้อรับมานานมาก เป็นแบบนี้ประมาณ3ปีกว่าได้
เราเป็นพี่คนโต จบมัธยมศึกษาตอนปลายก็ต้องทำงานไปเรียนไปโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งๆที่พ่อแม่เลี้ยงมาดีแท้ๆ
คิดว่าบ้านตัวเองมีฐานะพอกินพอใช้ วาดฝันชีวิตมหาลัยซะดิบดี สุดท้ายต้องมาทำงานเวลาเรียนแทบไม่มี เงินก็ต้องหาเองหมด
รับผิดชอบเองหมดทุกๆอย่าง เราคิดว่า ถ้าพ่อแม่สอนให้เราลำบากแต่แรกเราคงยอมรับสถานะชีวิตของตัวเองได้มากกว่านี้
อยากได้รถก็ซื้อให้ อยากได้มือถือก็ซื้อให้ โน็ตบุกราคาแสนแพงก็ซื้อมาให้ ที่ไหนได้เป็นหนี้เป็นสินทั้งนั้น จนสุดท้ายครอบครัวแตกแยก
กันเพราะเรื่องเงินๆทองๆเป็นเหตุฉนวนทั้งหมด
กลับมาปัจจุบัน น้องเรียนอยู่มัธยมตอนปลายแล้ว พวกเรามาอยู่กับฝั่งแม่และสามีใหม่
(กับพ่อใหม่ไม่มีปัญหาอะไรเลย เราออกจะขอบคุณด้วยซ้ำที่มาช่วยแบ่งเบาภาระ ถ้าไม่มีเขาพวกเราแย่กว่าทุกวันนี้แน่นอน)
ก่อนหน้านี้น้องก็ติดมือถือมาก่อนแล้วแต่ก็คิดว่าปกติทั่วไปนะ แต่หลายปีมานี้ หยุดเรียน ขาดเรียน ทุกๆอาทิตย์!!
ชอบโกหกว่าป่วย แต่ไม่ได้ป่วยจริง เราพยายามพูดคุยแล้ว ตอนแรกนึกว่ามีปัญหากับที่โรงเรียนเลยไม่อยากไป
แต่ที่ไหนได้ ก็คือตื่นสายกับติดเกมนั่นแหละ เราเสียความรู้สึกมาก กับความเป็นห่วงความหวังดีที่เราให้ จนเราไม่แยเสอะไรเลย
ปล่อยเลยตามเลย หลังๆมาก็เริ่มด่าบ้าง สั่งสอนบ้าน มันทำอะไรรู้ไหม ก็คือฟัง แค่ฟัง ฟังไปผ่านๆแค่นั้นให้จบๆไป
ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองซักนิด
พ่อกับแม่ก็ช่วยพูดกันบ่อยมากๆ จนทุกคนเค้าเอือมระอากันหมด พูดอะไรไปก็เท่านั้น ไม่เคยนำไปคิดและปรับปรุงตัวเองเลย
ทุกวันนี้เราคิดว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเป็นเพราะ พ่อแม่รังแกฉัน และการไม่มีเวลาให้ครอบครัว
กลับมาตอนแรกเราจะทิ้งละเราไม่สนความเป็นอยู่ใดๆของน้องคนนี้ละ เราย้ายออกจากห้องไปอยู่ที่อื่น กลับมาห้องเดิมอาทิตย์ละ2วัน
ห้องรก สกปรกมากๆไม่ดูแลอะไรเลย ถ้วยจานชามทิ้งวางไว้แบบนั้น ทุเรศที่สุด ด่าแล้วด่าอีก
เราก็คิดไปอีกว่าถ้าปล่อยให้มันเกิดนิสัยแบบนี้อีกต่อไปมีหวังทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาและนำพาความลำบากมาให้ครอบครัวแน่ๆ
เพราะงั้นเลยต้องให้เรียนรู้ชีวิตโดยการบังคับให้ไปทำงานช่วยแม่ขายของ หรือไปทำพาร์ทไทม์ช่วงปิดเทอม
เราอยากให้มันรู้ว่าจุดยืนครอบครัวตัวเองอยู่ตรงไหน และจะได้มีภูมิคุ้มกันในการทำงานเพราะที่บ้านส่งเสียให้ได้แค่ม.6เท่านั้น
จะได้ทำใจได้ไว ยอมรับสถานะความแตกต่างระหว่างตัวเองและเพื่อนรอบข้างที่มีฐานะความเป็นอยู่ที่มากกว่าหลายเท่า
จะได้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ น้อยอกน้อยใจในฐานะบ้านของตัวเองให้น้อยที่สุด และยอมรับสถานะของตัวเองได้มากขึ้น
มากกว่าที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ จนบัดนี้เรายังยอมรับตัวเองไม่ได้เลยว่ามันเกิดความรู้สึกมาเป็นช่วงๆทำไมเราไม่ได้เรียนกับเพื่อน
ทำไมเป็นเราต้องมาทำงานคนเดียวในกลุ่มเพื่อน มันน้อยอกน้อยใจไปหมด เพื่อนๆไปเรียนกันหมด เรากลับมาทำงาน
เวลาอ่านหนังสือแทบจะไม่มี เราตัดขาดกับเพื่อนทุกคนหลังจบ ม.ปลาย ไม่รับรู้ความเป็นไปของเพื่อนทุกคน
เพราะเราอิจฉาพวกเขา นี่คือสิ่งที่เราเป็นและรู้สึกอยู่ และเราอยากตายๆให้พ้นไปซะชีวิตแบบนี้
เราไม่อยากให้มันมารู้สึกเหมือนเรา เราพยายามพลักดันให้น้องมันทำตัวให้ดีขึ้น พูดถึงประสบการณ์ชีวิตตัวเองให้ฟัง
จนแล้วจนรอดทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้น ทุกวันนี้น้องมันก็หลับดึกตื่นสาย เล่นมือถือวนไป และคิดว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอดปิดเทอม...
จนปัญญาแล้วนะเรื่องตัวเองก็มีให้คิดมากพอแล้ว ยังต้องมาวางแผนชีวิตอีกคนให้มันไม่ตกต่ำไปมากกว่านี้
พ่อกับแม่ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้ได้ คนธรรมดาไม่มีความรู้อะไร อ่านหนังสือได้ไม่มาก อธิบายหลักการอะไรไปก็ไม่ค่อยเข้าใจ
บางครั้งก็อยากจะเอาหนังสือสอนลูกไปให้อ่านด้วยซ้ำ
อยากจะรบกวนคนเป็นพ่อเป็นแม่หรือหมอหรือใครก็แล้วแต่ที่สามารถช่วยเราคิดทางแก้ปัญหานี้ให้หน่อย