“อีเอสเอ”เผยภาพ “แมงมุมขนยาว” บนดาวอังคาร

วันที่ 20 มีนาคม 2562 - 16:22 น.

ภาพแมงมุมฟ้าขนยาวบนดาวอังคาร(ภาพ-ESA-Roscosmos/CaSSIS)

“อีเอสเอ-รอสโคมอส เอ็กโซมาร์ส เทรซ แกส ออร์บิเตอร์” หรือ “เอ็กโซมาร์ส” ยานสำรวจดาวอังคารจากวงโคจรรอบดาวเคราะห์สีแดง เผยแพร่ภาพซึ่งถ่ายไว้ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 4 มีนาคมนี้ ภาพดังกล่าวถ่ายโดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า “คัลเลอร์ แอนด์ สเตอริโอ เซอร์เฟซ อิเมจจิง ซิสเต็ม” หรือเรียกย่อๆ ว่า “แคสซิส” ที่แสดงให้เห็นถึงริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนส่วนหนึ่งของเทือกเขาแห่งหนึ่งบนพื้นผิวดาวอังคาร ในส่วนของอาณาเขตที่เรียกว่า “เทอร์รา ซาเบเอีย” ที่เป็นสีฟ้าเข้มออกม่วง มองเผินๆ เหมือน แมงมุมสีฟ้าหลายขาที่มีขนรกรุงรังเต็มตัว

ทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอวกาศแห่งยุโรป (อีเอสเอ) ขนานนามสิ่งที่พบเห็นในภาพว่า “แมงมุมฟ้าขนยาว” ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการพบสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร

ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ถูกเรียกว่า “แมงมุมฟ้าขนยาว” ที่ว่านี้ เป็นภาพที่แสดงให้เห็นสิ่งที่หลงเหลืออยู่เหนือทิวเขาบนดาวอังคารหลังจากเกิดพายุหมุนที่นิยมเรียกกันว่า “ดัสต์ เดวิลส์” หรือ “ฝุ่นปีศาจ” พัดพาฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณกว้าง พายุหมุนบนพื้นที่ส่วนนี้ของดาวอังคารเกิดขึ้นพร้อมๆ หรือต่อเนื่องกันหลายๆ ร้อยหรืออาจนับเป็นเรือนพันๆ ลูก ในบริเวณเทอร์รา เซเบเอีย นี้


หลุมอุกกาบาตที่อยู่ภายในหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่โตกว่ามาก (ภาพ-ESA-Roscosmos/CaSSIS)

แนวริ้วรอยสีฟ้าเข้มที่เห็นนั้น เป็นส่วนของเทือกเขาที่พังทลายลงเพราะอิทธิพลของพายุแล้วถูกบดจนกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งถูกกำลังแรงของพายุหอบไปขัดสีกับพื้นผิวในบริเวณดังกล่าวจนกลายเป็นภูมิทัศน์แปลกตา ตัวแทนของอีเอสเอระบุว่า สีที่แท้จริงของริ้วรอยเหล่านี้เป็นสีแดงคล้ำเข้ม เหมือนสีของพื้นผิวดาวอังคารทั่วไป แต่ที่เห็นเป็นสีฟ้าเข้มนั้น เกิดขึ้นจากเทคนิคการสร้างสีของภาพ ที่เรียกว่า “คัลเลอร์-คอมโพสิท อิเม” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความแตกต่างให้เห็นชัดเจนระหว่างริ้วรอยที่เกิดขึ้นกับสภาพที่เป็นคุณลักษณะทั่วไปของพื้นผิวดาวอังคารเท่านั้น

ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่รู้สาเหตุว่า ทำไม “ดัสต์ เดวิลส์” หรือ “ทอร์นาโดฝุ่น” ถึงได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากและครอบคลุมพื้นที่เขตเทือกเขาเหล่านี้ ถึงแม้ว่า

โดยทั่วไปแล้วพื้นที่บริเวณเทือกเขาที่เป็นทิวยาวสลับซับซ้อนแบบเดียวกับทิวเทือกเขาบนดาวอังคารนั้น สามารถส่งผลกระทบต่อทิศทางของกระแสลมและมวลอากาศ ทำให้เกิดการหมุนวน ซึ่งก่อให้เกิดทอร์นาโดขึ้นได้ก็ตาม


(ภาพ-ESA)

“เอ็กโซมาร์ส” ออร์บิเตอร์ ถูกส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศเมื่อปี 2016 เพื่อสำรวจพื้นผิวโดยอาศัยภาพถ่ายจากวงโคจร นอกจากภาพแมงมุมฟ้าขนยาวดังกล่าวแล้ว ยังถ่ายได้ภาพของยานอินไซท์ แลนเดอร์ ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ได้เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะกำลังพยายามขุดเจาะพื้นผิวลงไป ในภาพดังกล่าว ยานอินไซท์ปรากฏเป็นจุดขาวเล็กๆ มีสีคล้ำของก้อนหินล้อมอยู่โดยรอบ ใกล้ๆ กันยังปรากฏชิ้นส่วนที่เป็นเกราะป้องกันความร้อนซึ่งถูกสลัดออกทิ้งพร้อมกับร่มชูชีพระหว่างกระบวนการลงจอดด้วย

อีกภาพเป็นภาพของหลุมอุกกาบาตภายในหลุมอุกกาบาต ซึ่งยังคงสภาพอยู่เป็นอย่างดี, ภาพการสะสมของตะกอนบริเวณใกล้กับแผ่นน้ำแข็งขั้วใต้ของดาวอังคาร และภาพ 3 มิติ ของเครเตอร์, สันฝุ่นทรายและแนวก้อนหินที่โผล่พ้นพื้นผิวดาวอังคารออกมา เป็นต้น

นิโคลาส โทมัส หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำภารกิจแคสซิส จากมหาวิทยาลัยเบิร์น ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่า ภาพที่นำมาเผยแพร่ครั้งนี้คัดมาจากภาพที่ดีที่สุดที่เอ็กโซถ่ายได้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

มติชนออนไลน์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่