ช่างภาพชาวอิตาลี วัลเตอร์ บินอตโต (Valter Binotto) บันทึกภาพ "วงแหวนสีแดงลึกลับ" หรือปรากฏการณ์ "Elve"
เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนืออิตาลีตอนเหนือ โดยวงแหวนสีแดงมีขนาดมหึมาสว่างวาบขึ้นมาในชั่วเสี้ยววินาที
โดยปรากฏการณ์ "Elve" ถือว่าพบเห็นได้ยากและหากต้องการถ่ายภาพต้องใช้จังหวะที่เหมาะสมเพียงเสี้ยววินาที
แต่ช่างภาพชาวอิตาลี วัลเตอร์ บินอตโต อยู่ถูกที่ถูกเวลาและสามารถบันทึกภาพปรากฏการณ์ที่หาได้ยากยิ่งนี้ไว้ได้
วัลเตอร์ บินอตโต (Valter Binotto) จับภาพแสงวาบที่น่าขนลุกนี้ไว้ได้เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน
โดยถ่ายจากบ้านของเขาในเมืองเล็ก ๆ Possagno ซึ่งอยู่เหนือเชิงเขาของเทือกเขาแอลป์อิตาลี
วงแหวนสีแดงแปลกประหลาดนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "Elve" ซึ่งถือเป็นรูปแบบของฟ้าผ่าในชั้นบรรยากาศชั้นบนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่คนส่วนใหญ่จะได้เห็น
ปรากฏการณ์ "Elve" คืออะไร?
ปรากฏการณ์ "Elve" คือ แสงวาบรูปจานที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยสามารถขยายได้กว้างถึง 300 ไมล์ หรือ 480 กิโลเมตร
และจะคงอยู่เพียงไม่ถึงหนึ่งในพันวินาที ตามข้อมูลขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NOAA)
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นสูงเหนือบริเวณพายุฝนฟ้าคะนอง เมื่อเกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังแรง (EMP) พุ่งขึ้นสู่ชั้นไอโอโนสเฟียร์
ซึ่งเป็นบริเวณที่มีประจุไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศชั้นบนของโลกเช่นเดียวกับบริเวณที่เกิดปรากฏการณ์ออโรรา
วัลเตอร์ บินอตโต (Valter Binotto) เปิดเผยกับเว็บไซต์ Spaceweather.com สื่อด้านอวกาศว่า ปรากฏการณ์ "Elve"
ในครั้งนี้เกิดจากฟ้าผ่าเชิงลบที่มีพลังงานสูงในพายุที่เมืองเวอร์นาซซา (Vernazza)
ซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปทางใต้ประมาณ 300 กิโลเมตร ฟ้าผ่าลูกหนึ่งมีกระแสไฟฟ้าสูงถึง -303 กิโลแอมแปร์
โดยถือเป็นกระแสที่รุนแรงมากเมื่อเทียบกับฟ้าผ่าปกติที่มักจะมีกระแสไฟฟ้าเพียง 10 ถึง 30 กิโลแอมแปร์
กระแสที่เข้มข้นนี้ได้สร้างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMP) ที่รุนแรงซึ่งทำให้ชั้นไอโอโนสเฟียร์สว่างวาบขึ้น ปรากฏการณ์ "Elve"
ที่ถูกบันทึกไว้ในครั้งนี้ลอยอยู่เหนือพื้นผิวโลกประมาณ 100 ไมล์ หรือ 160 กม. และมีความกว้างประมาณ 200 ไมล์ หรือ 320 กม.
ความพยายามในการบันทึกภาพ
วัลเตอร์ บินอตโต (Valter Binotto) ให้สัมภาษณ์กับ Space.com สื่อด้านอวกาศผ่านทางอีเมลว่า
เดิมทีเขาตั้งใจจะพยายามถ่ายภาพปรากฏการณ์ "Sprites" ซึ่งเป็นการคายประจุไฟฟ้าในช่วงสั้น ๆ เหนือพายุฝนฟ้าคะนองในชั้นบรรยากาศชั้นบน
เขาจึงเลือกโฟกัสไปที่พายุฝนฟ้าคะนองที่มีเมฆน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถ่ายภาพปรากฏการณ์ "Sprites" ได้เลย
แต่เขาก็โชคดีที่สามารถบันทึกภาพปรากฏการณ์ "Elve" นี้ไว้ได้
โดยในระหว่างการถ่ายภาพวัลเตอร์ บินอตโตใช้กล้อง Sony A7S พร้อมเลนส์ 20 mm f/1.8 ที่ค่า ISO 51,200
โดยภาพถ่ายที่เผยแพร่ออกมาเป็นเฟรมที่นำมาจากวิดีโอที่บันทึกด้วยความเร็ว 25 เฟรมต่อวินาที (fps)
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วัลเตอร์ บินอตโต สามารถถ่ายภาพปรากฏการณ์ที่น่าขนลุกนี้ได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยบันทึกภาพ ปรากฏการณ์ "Elve" ที่โดดเด่นยิ่งกว่าเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2023 จากบ้านของเขาที่ Possagno อิตาลี เช่นกัน
สรุปข่าว
ช่างภาพชาวอิตาลี วัลเตอร์ บินอตโต บันทึกภาพ "วงแหวนสีแดงลึกลับ" หรือปรากฏการณ์ "Elve"
ซึ่งเป็นฟ้าผ่าในชั้นบรรยากาศชั้นบนที่หายากและเกิดขึ้นเพียงชั่วเสี้ยววินาที เหนือเทือกเขาแอลป์อิตาลี
ช่างภาพอิตาลีบันทึกภาพ "วงแหวนสีแดงลึกลับ" ปรากฏการณ์ "Elve" เหนือเทือกเขาแอลป์
ช่างภาพชาวอิตาลี วัลเตอร์ บินอตโต (Valter Binotto) บันทึกภาพ "วงแหวนสีแดงลึกลับ" หรือปรากฏการณ์ "Elve"
เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนืออิตาลีตอนเหนือ โดยวงแหวนสีแดงมีขนาดมหึมาสว่างวาบขึ้นมาในชั่วเสี้ยววินาที
โดยปรากฏการณ์ "Elve" ถือว่าพบเห็นได้ยากและหากต้องการถ่ายภาพต้องใช้จังหวะที่เหมาะสมเพียงเสี้ยววินาที
แต่ช่างภาพชาวอิตาลี วัลเตอร์ บินอตโต อยู่ถูกที่ถูกเวลาและสามารถบันทึกภาพปรากฏการณ์ที่หาได้ยากยิ่งนี้ไว้ได้
ความพยายามในการบันทึกภาพ
วัลเตอร์ บินอตโต (Valter Binotto) ให้สัมภาษณ์กับ Space.com สื่อด้านอวกาศผ่านทางอีเมลว่า
เดิมทีเขาตั้งใจจะพยายามถ่ายภาพปรากฏการณ์ "Sprites" ซึ่งเป็นการคายประจุไฟฟ้าในช่วงสั้น ๆ เหนือพายุฝนฟ้าคะนองในชั้นบรรยากาศชั้นบน
เขาจึงเลือกโฟกัสไปที่พายุฝนฟ้าคะนองที่มีเมฆน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถ่ายภาพปรากฏการณ์ "Sprites" ได้เลย
แต่เขาก็โชคดีที่สามารถบันทึกภาพปรากฏการณ์ "Elve" นี้ไว้ได้
โดยในระหว่างการถ่ายภาพวัลเตอร์ บินอตโตใช้กล้อง Sony A7S พร้อมเลนส์ 20 mm f/1.8 ที่ค่า ISO 51,200
โดยภาพถ่ายที่เผยแพร่ออกมาเป็นเฟรมที่นำมาจากวิดีโอที่บันทึกด้วยความเร็ว 25 เฟรมต่อวินาที (fps)
https://www.tnnthailand.com/tech/218593/