เริ่มเรื่องของ อา(ผู้หญิง) เริ่มเรื่องเมื่อประมาณ มกราคม 2552 ได้มีหลานสาวคนโต โทรศัพท์ไปหาอาที่เมืองนอกอเมริกา ขอให้ อา(ผู้หญิง) ช่วยเรื่องเงินสำหรับทำธุรกิจที่กำลังจะล้มเหลว เนื่องจาก อา มี บ้านที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่ สมัย ปู่ ยา ร่วมกันซื้อมา ขณะนั้นเป็นบ้านของ อา ต้องการให้ มอบอำนาจ ให้สามีของหลานคนโต ไปทำการฝากขายที่ธนาคาร เพื่อนำเงินมาจุนเจือทำธุรกิจต่อ ด้วยความสงสารของ อา จึงได้เซ็นมอบอำนาจ ช่วยเหลือ หลานสาวคนโตและสามีจึงได้ทำการขายฝากให้กับบุคคล อื่น เป็นจำนวน เงิน 1,180,000 บาท และมี หลานสาวคนเล็ก เซ็นเป็นพยาน และ อา ได้มีการเซ็นมอบอำนาจขายฝากต่อเนื่องทุกๆ ปี เนื่องจาก ธุรกิจของ หลานคนโต และสามี ได้ดีขึ้นและจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก การขายฝากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งปี 2557 ยอดการขายฝาก เพิ่มขึ้นเป็น 1,830,000 บาท ประมาณ 2556 อา ได้กลับมาที่เมืองไทยเนื่องจาก ทน พิษเศรษฐกิจ ของอเมริกาไม่ไหวจำเป็นต้องขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มีที่อเมริกาเพื่อใช้หนี้ของตัวเอง และตัวเอง ณ ปี 2557 ก็มีอายุ 61 ปีแล้ว จึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง ที่โฉนดที่ดินยังอยู่กับการขายฝาก
ปีนั้นได้มีการตกลงระหว่าง อา และ หลานๆ ให้ ไถ่ถอน บ้านออกจากการขายฝาก เนื่องจาก อา ไม่สบายใจกลัวจะเสียบ้านไปเนื่องจากมีการขายฝากเป็นเวลานานและยอดหนี้ ก็สุงขึ้นเรื่อยๆ
ประมาณ เดือน สิงหาคน 2557 หลานสาวคนเล็ก ไปดูเอกสารที่กรมที่ดิน และเดือน ตุลาคน 2557 ได้มีการไถ่ถอนโฉนด จากการขายฝากแต่ โฉนดได้เปลี่ยนมือไปเป็น การซื้อขาย ระหว่าง อา กับ สามีของหลานสาวคนเล็ก อา(ผู้หญิง) ว่าไม่ทราบเรื่องนึกเองว่าบ้านยังเป็นของตน และหนี้ถูกผ่อนใช่โดยหลานๆ รวมกันผ่อน โดยที่หลานๆ ว่าผ่อนหมดเมื่อไรก็จะได้ โฉนด กลับมาเอง การซื้อขายครั้งนี้ อา(ผู้หญิง) ไม่ได้รับเงินเลยแม้แต่บาทเดียว
อา หลานสาวคนโต หลานสาวคนเล็กและสามี ก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน เรื่อยมา แต่ได้มีการทะเลาะ เบาะแว้ง กันด้วยวาจา และยัง ถูกข่มแหงด้วยถ้อยคำ และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อา(ผู้หญิง) มีความคิดว่าอยู่ด้วยกันไม่น่าจะได้ เพราะทะเลาะกันเริ่มมีการพลักกัน ปัจจุบันเดินต้องถือไม้เท้า เนื่องจากมีปัญหาที่หลัง อยากให้หลานๆ ออกไปจากบ้าน ( หลานๆ อายุประมาณ 5x ปี ) แต่หลานปฎิเสธ และอ้างว่า อา ไม่มีสิทธิ์ อาเลยไปตรวจสอบโฉนดที่กรมที่ดิน ปรากฎ ว่าได้ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว อา เสียใจ จึงได้ไปเจรจา กับ สามีหลานสาวคนเล็ก และหลานสาวคนเล็ก ก็ยืนยัน ว่าจะโอนคืนให้ อา เมื่อผ่อนชำระ หมด ซึ่งจะเป็นระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี ปัจจุบัน เพื่อผ่อนได้ 4 ปี ยังเหลืออีก 6 ปี และบอก อา ว่าให้คิดว่าเรื่องการ ทะเลาะกันเป็นเรื่องสนุก อย่าคิดมากให้อยู่กันไปอย่างนี้
จะทะเลาะก็ได้ทะเลาะกันไป ไม่เห็นมีอะไร
อา ทุกข์ใจ อยากถามว่า อา สามารถ ทวงสิทธิ์ ความเป็นธรรม ได้หรือไม่ครับ ปัจจุบัน อา มิได้ มีทรัพย์สินใดๆ อีกแล้ว และอายุ 66 ปี แล้ว
ชีวิตจริง ยิ่งกว่าละคร ของอา
ปีนั้นได้มีการตกลงระหว่าง อา และ หลานๆ ให้ ไถ่ถอน บ้านออกจากการขายฝาก เนื่องจาก อา ไม่สบายใจกลัวจะเสียบ้านไปเนื่องจากมีการขายฝากเป็นเวลานานและยอดหนี้ ก็สุงขึ้นเรื่อยๆ
ประมาณ เดือน สิงหาคน 2557 หลานสาวคนเล็ก ไปดูเอกสารที่กรมที่ดิน และเดือน ตุลาคน 2557 ได้มีการไถ่ถอนโฉนด จากการขายฝากแต่ โฉนดได้เปลี่ยนมือไปเป็น การซื้อขาย ระหว่าง อา กับ สามีของหลานสาวคนเล็ก อา(ผู้หญิง) ว่าไม่ทราบเรื่องนึกเองว่าบ้านยังเป็นของตน และหนี้ถูกผ่อนใช่โดยหลานๆ รวมกันผ่อน โดยที่หลานๆ ว่าผ่อนหมดเมื่อไรก็จะได้ โฉนด กลับมาเอง การซื้อขายครั้งนี้ อา(ผู้หญิง) ไม่ได้รับเงินเลยแม้แต่บาทเดียว
อา หลานสาวคนโต หลานสาวคนเล็กและสามี ก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน เรื่อยมา แต่ได้มีการทะเลาะ เบาะแว้ง กันด้วยวาจา และยัง ถูกข่มแหงด้วยถ้อยคำ และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อา(ผู้หญิง) มีความคิดว่าอยู่ด้วยกันไม่น่าจะได้ เพราะทะเลาะกันเริ่มมีการพลักกัน ปัจจุบันเดินต้องถือไม้เท้า เนื่องจากมีปัญหาที่หลัง อยากให้หลานๆ ออกไปจากบ้าน ( หลานๆ อายุประมาณ 5x ปี ) แต่หลานปฎิเสธ และอ้างว่า อา ไม่มีสิทธิ์ อาเลยไปตรวจสอบโฉนดที่กรมที่ดิน ปรากฎ ว่าได้ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว อา เสียใจ จึงได้ไปเจรจา กับ สามีหลานสาวคนเล็ก และหลานสาวคนเล็ก ก็ยืนยัน ว่าจะโอนคืนให้ อา เมื่อผ่อนชำระ หมด ซึ่งจะเป็นระยะเวลาทั้งหมด 10 ปี ปัจจุบัน เพื่อผ่อนได้ 4 ปี ยังเหลืออีก 6 ปี และบอก อา ว่าให้คิดว่าเรื่องการ ทะเลาะกันเป็นเรื่องสนุก อย่าคิดมากให้อยู่กันไปอย่างนี้
จะทะเลาะก็ได้ทะเลาะกันไป ไม่เห็นมีอะไร
อา ทุกข์ใจ อยากถามว่า อา สามารถ ทวงสิทธิ์ ความเป็นธรรม ได้หรือไม่ครับ ปัจจุบัน อา มิได้ มีทรัพย์สินใดๆ อีกแล้ว และอายุ 66 ปี แล้ว