
เคยตั้งใจอยากจะไปทำเรื่องดีๆเช่นนี้มานานแล้ว แต่ติดอย่างเดียว คือ กลัวเข็มแบบมากๆๆ
แต่มันก็มาถึงจุดที่ทำใจแข็งแรงพอได้ ก็ถึงเวลาที่ต้องจัดการสักที ก่อนไปก็มีการศึกษาต้องเตรียมตัวยังไง ที่สำคัญๆ ก็งดเหล้างดเบียร์ก่อนสองวัน นอนพักให้พอแปดชั่วโมง ทานอาหารเช้า เที่ยง และเว้นระยะเวลา สัก สองชั่วโมง และบุหรี่ก็อย่างน้อยสองชั่วโมง
บ่ายสองผมก็ทำการหาเท็กซี่ เพื่อจะเดินทางจากบางนาไปรพ.รามา เรียกรถผ่าน grab คนกดรับงาน รอยี่สิบนาที ก็ไม่มาถึงสักที เห็นบนจอรายงานบนแผนที่ รถอยู่กับที่ตลอด โทรหาตามดู คนขับบอกว่า ลืมปิดมือถือ ติดลูกค้าอยู่ ลองใหม่ มีคนกดรับ รอๆๆ สองนาที คนขับกดยกเลิกสะงั้น ... เรียกผ่าน grab อีกสามสี่รอบ เวลาผ่านไปเกือบ ครึ่งชั่วโมง ไม่มีรถเลย เปลี่ยนไปใช้ line taxi แทน ได้ทันที โอเคเลย.... ขึ้นทางด่วนบางนา ติดเลยทันที ขยับช้ามาก ในใจก็คิดว่า ให้ทันให้ทัน นี้ก็แค่ บ่ายสอง สี่สิบ เหลือเวลาตั้งห้าสิบนาที ก่อนกำหนดลงเวลาขอบริจาค ลงทางด่วน เจอรถติดหนักอีก จะขอลงแล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ก็มองไม่เห็นวินเลย รถมอเตอร์ไซค์เองยังติดเลย
15:40 ถึง รพ. รามา วิ่งเข้าไปเจอประชาสัมพันธ์ เค้าก็อธิบายดี แนะนำว่ามีสองจุดใน รพ.นี้ ก็เอาใกล้สุดอะครับ อีกที่ต้องเดินไปตึกพระเทพ เค้าก็บอกอยู่ชั้นสอง พอขึ้นไปถามพยาบาล เค้าบอกอยู่ชั้นล่าง อ้าว...... สรุปเดินไปเจอป้ายก่อนลงบันไดพอดี อยู่ชั้นสองอะถูกแล้ว ยืนหน้าประตูพักนึง ใจนึงก็คิด ถ้าเค้าบอกว่าหมดเวลาลงชื่อ ก็แอบดีใจนะ แต่มาถึงนี้แล้ว ไม่ได้บริจาคเพราะสาเหตุแค่นี้ คงไม่ใช่ละ เปิดประตูเข้าไป อย่างแรกเห็นคนนอนเรียงกันสองสามคน ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนเลย กลับมากรอกเอกสาร ตรวจเลือดก่อน ก็กาตามจรีง ถ้าสุขภาพปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วตรวจความดันและน้ำหนัก หมอจะให้ดื่มน้ำก่อน อย่างน้อยแก้วนึง พอขึ้นเตียง ก็ต้องถึงเวลาสารภาพแล้วละ ว่าความกลัวเข็มผมมันใหญ่โตแค่ไหน หมอก็พยายามคุย แต่ก็บอกมีอย่างนี้บ่อย ขั้นแรกเช็ดทำความสะอาด เชื่อไหมครับ แค่สำลีโดนแขนยังสดุ้งเลน ทำใจใหม่ ขอหมอเวลาแป๊ป คราวนี้พร้อม พ่นยาชาเย็นๆ เชื่อเถอะ ไงก็เจ็บ สำหรับคนกลัวเข็มที่กลัวเพราะปากเข็มนั้นละ หันไปเจอเกือบช็อค ทำไมมันใหญ่จัง เมื่อถึงเวลาโดนแทง จะเจ็บหน่อย ที่จรีงก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ผมกรุ๊ป 0 พอดี ช่วงนี้เค้ากำลังต้องการ เส้นเลือดผมใหญ่ ไม่กี่นาทีก็เต็ม 450 ซซ. ช่วงเลือดไหลออกจากร่างการ จากความเจ็บ กลับเป็นความรู้สึกที่ดีแทน มองคนข้างๆ เค้ามาหลายครั้ง เค้าตั้งใจมา บางคนมาเกือบทุกๆสามเดือนเลย ผมก็เพิ่งทราบว่า เลือดคนเรา มีอยู่แค่ประมาณ 80 cc. / น้ำหนักร่างกาย 1 kg. ประมาณ 7-9% ของเลือดเราที่บริจาคไป ก็เท่ากับว่า ถ้าผู้ป่วยที่ต้องใช้เลือดเยอะๆ แล้วเลือดหายากอีก ต้องบริจาคกี่คน
พอเลือดเต็มตามที่ต้องการ พยาบาลก็เอา คุกกี้ สองชิ้น นมช็อกโกเลต น้ำ มาให้ทาน ผมขอไม่ทานเพราะไม่งดน้ำตาลมายี่สิบปีได้ เลยเอามาแต่ ยาบำรุงเลือด เดินออกมาปกติ สูบบุหรี่ไม่มีอาการอะไร ปกติทุกอย่าง จนถึงเวลาที่ยืนกดมือถือ ก้มหน้านานๆ มีอาการมึนนิดๆ ขึ้นเท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างทางมี คนส่งเข้ามาหลายคน พอบอกว่า บริจาคเลือดมา "คำเด็ดที่ได้รับคือ - ไปเอาเลือดชั่วออกหรอ " (แซวกัน)
กลับบ้านมาก็ไม่มีอะไร ปกติ เช่นเดิม ก็คิดว่า คงจะไปอีกแน่นอน เป็นการทำดีที่ไม่หวังผล ไม่เจาะจงคนรับ ไม่รู้ด้วยว่า เลือดเราเค้าจะได้ใช้เมื่อไหร่ พอให้แล้วสบายใจ เราก็พอใจแล้ว
บริจาคเลือดครั้งแรก
เคยตั้งใจอยากจะไปทำเรื่องดีๆเช่นนี้มานานแล้ว แต่ติดอย่างเดียว คือ กลัวเข็มแบบมากๆๆ
แต่มันก็มาถึงจุดที่ทำใจแข็งแรงพอได้ ก็ถึงเวลาที่ต้องจัดการสักที ก่อนไปก็มีการศึกษาต้องเตรียมตัวยังไง ที่สำคัญๆ ก็งดเหล้างดเบียร์ก่อนสองวัน นอนพักให้พอแปดชั่วโมง ทานอาหารเช้า เที่ยง และเว้นระยะเวลา สัก สองชั่วโมง และบุหรี่ก็อย่างน้อยสองชั่วโมง
บ่ายสองผมก็ทำการหาเท็กซี่ เพื่อจะเดินทางจากบางนาไปรพ.รามา เรียกรถผ่าน grab คนกดรับงาน รอยี่สิบนาที ก็ไม่มาถึงสักที เห็นบนจอรายงานบนแผนที่ รถอยู่กับที่ตลอด โทรหาตามดู คนขับบอกว่า ลืมปิดมือถือ ติดลูกค้าอยู่ ลองใหม่ มีคนกดรับ รอๆๆ สองนาที คนขับกดยกเลิกสะงั้น ... เรียกผ่าน grab อีกสามสี่รอบ เวลาผ่านไปเกือบ ครึ่งชั่วโมง ไม่มีรถเลย เปลี่ยนไปใช้ line taxi แทน ได้ทันที โอเคเลย.... ขึ้นทางด่วนบางนา ติดเลยทันที ขยับช้ามาก ในใจก็คิดว่า ให้ทันให้ทัน นี้ก็แค่ บ่ายสอง สี่สิบ เหลือเวลาตั้งห้าสิบนาที ก่อนกำหนดลงเวลาขอบริจาค ลงทางด่วน เจอรถติดหนักอีก จะขอลงแล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ก็มองไม่เห็นวินเลย รถมอเตอร์ไซค์เองยังติดเลย
15:40 ถึง รพ. รามา วิ่งเข้าไปเจอประชาสัมพันธ์ เค้าก็อธิบายดี แนะนำว่ามีสองจุดใน รพ.นี้ ก็เอาใกล้สุดอะครับ อีกที่ต้องเดินไปตึกพระเทพ เค้าก็บอกอยู่ชั้นสอง พอขึ้นไปถามพยาบาล เค้าบอกอยู่ชั้นล่าง อ้าว...... สรุปเดินไปเจอป้ายก่อนลงบันไดพอดี อยู่ชั้นสองอะถูกแล้ว ยืนหน้าประตูพักนึง ใจนึงก็คิด ถ้าเค้าบอกว่าหมดเวลาลงชื่อ ก็แอบดีใจนะ แต่มาถึงนี้แล้ว ไม่ได้บริจาคเพราะสาเหตุแค่นี้ คงไม่ใช่ละ เปิดประตูเข้าไป อย่างแรกเห็นคนนอนเรียงกันสองสามคน ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนเลย กลับมากรอกเอกสาร ตรวจเลือดก่อน ก็กาตามจรีง ถ้าสุขภาพปกติก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วตรวจความดันและน้ำหนัก หมอจะให้ดื่มน้ำก่อน อย่างน้อยแก้วนึง พอขึ้นเตียง ก็ต้องถึงเวลาสารภาพแล้วละ ว่าความกลัวเข็มผมมันใหญ่โตแค่ไหน หมอก็พยายามคุย แต่ก็บอกมีอย่างนี้บ่อย ขั้นแรกเช็ดทำความสะอาด เชื่อไหมครับ แค่สำลีโดนแขนยังสดุ้งเลน ทำใจใหม่ ขอหมอเวลาแป๊ป คราวนี้พร้อม พ่นยาชาเย็นๆ เชื่อเถอะ ไงก็เจ็บ สำหรับคนกลัวเข็มที่กลัวเพราะปากเข็มนั้นละ หันไปเจอเกือบช็อค ทำไมมันใหญ่จัง เมื่อถึงเวลาโดนแทง จะเจ็บหน่อย ที่จรีงก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ผมกรุ๊ป 0 พอดี ช่วงนี้เค้ากำลังต้องการ เส้นเลือดผมใหญ่ ไม่กี่นาทีก็เต็ม 450 ซซ. ช่วงเลือดไหลออกจากร่างการ จากความเจ็บ กลับเป็นความรู้สึกที่ดีแทน มองคนข้างๆ เค้ามาหลายครั้ง เค้าตั้งใจมา บางคนมาเกือบทุกๆสามเดือนเลย ผมก็เพิ่งทราบว่า เลือดคนเรา มีอยู่แค่ประมาณ 80 cc. / น้ำหนักร่างกาย 1 kg. ประมาณ 7-9% ของเลือดเราที่บริจาคไป ก็เท่ากับว่า ถ้าผู้ป่วยที่ต้องใช้เลือดเยอะๆ แล้วเลือดหายากอีก ต้องบริจาคกี่คน
พอเลือดเต็มตามที่ต้องการ พยาบาลก็เอา คุกกี้ สองชิ้น นมช็อกโกเลต น้ำ มาให้ทาน ผมขอไม่ทานเพราะไม่งดน้ำตาลมายี่สิบปีได้ เลยเอามาแต่ ยาบำรุงเลือด เดินออกมาปกติ สูบบุหรี่ไม่มีอาการอะไร ปกติทุกอย่าง จนถึงเวลาที่ยืนกดมือถือ ก้มหน้านานๆ มีอาการมึนนิดๆ ขึ้นเท็กซี่กลับบ้าน ระหว่างทางมี คนส่งเข้ามาหลายคน พอบอกว่า บริจาคเลือดมา "คำเด็ดที่ได้รับคือ - ไปเอาเลือดชั่วออกหรอ " (แซวกัน)
กลับบ้านมาก็ไม่มีอะไร ปกติ เช่นเดิม ก็คิดว่า คงจะไปอีกแน่นอน เป็นการทำดีที่ไม่หวังผล ไม่เจาะจงคนรับ ไม่รู้ด้วยว่า เลือดเราเค้าจะได้ใช้เมื่อไหร่ พอให้แล้วสบายใจ เราก็พอใจแล้ว