หลังจากหลุด ตม.เกาหลีมาได้ ก็ตลุยหาของกิน ทริปกินตัวแตก ณ.กรุงโซล(เน้นไปหาของกินไม่เน้นเที่ยว)

ทริป กินตัวแตก5วัน(เน้นกินไม่เน้นเที่ยว)   
วันแรก  
หลังจากผมหลุดจากห้องเย็นของ ตม.เกาหลีมาได้
จากกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/38616405  
อันนี้ไปเกาหลีครั้งแรก https://pantip.com/topic/32621447

ทีนี้ก็หาวิธีเข้าเมืองกันเถอะ  
พอรับกระเป๋าเสร็จ ก็เดินออกมาต่อรถบัสรอบดึกหลังเที่ยงคืน(รถไฟเข้าเมืองและรถเมล์แบบปรกติหยุดวิ่งหมดแล้ว) ตรงทางออกสนามบินประตู4 จะเห็นคนต่อคิวเป็นแถว อยู่สองแถว แถวแรกเป็นสายกังนัม แถวที่สองเป็นสายโซลสเตชั่น(ผมไปสายนี้) อารมณ์แรกที่เดินออกจากตึก ก็สั่นกันเป็นเจ้าเข้าเพราะอากาศจะประมาณนี้ทุกวัน
รถบัสจะวิ่งเป็นรอบๆ เดินต่อแถวไปเรื่อยๆพอได้ขึ้นรถจะมีพนักงานมาช่วยเอากระเป๋าเราเก็บใต้ท้องรถให้ เราก็เดินขึ้นรถได้เลย ถ้าใครมีบัตรทีมันนี่ก็แตะบัตร ใครยังไม่มีก็จ่ายค่ารถกับคนขับได้เลย ค่าโดยสาร9000W(ประมาณ220บาท)

  นั่งหลับไปประมาณ50นาทีก็ถึงโซลสเตชั่น แล้วผมก็ต่อแทคซี่ไปที่พัก แทคซี่หลังเที่ยงคืนเยอะมาก แต่ต้องเพิ่มค่าบริการอีกนิดหน่อย

  ที่พักที่จอง จองกับAirbnb เป็นเซอร์วิสอาพาร์ทเม้นท์ ที่ดีมาก มีเตียงใหญ่สองเตียงนุ่มๆ นอนได้เตียงละ2คน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ เหมือนอยู่บ้าน เช่นเตารีด เครื่องทำน้ำอุ่น หม้อต้มกาแฟ เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ จานชาม ครัวเตาไฟฟ้า โต๊ะกินข้าว แอร์และเครื่องทำความร้อน   ไวไฟ ที่สำคัญ มีพ๊อคเก็ตไวไฟ และบัตรทีมันนี่ ให้ใช้ตอนออกไปนอกห้องด้วย ค่าเช่าตกแล้วเฉลี่ยอยู่ที่คนละ500บาทต่อวัน ผมเช่า5วัน ก็คนละ2500บาท 

  โลเคชั่นจะอยู่ติดกับ ทางออก3ของสถานีรถไฟใต้ดินฮงกิ อยู่ติดกันแบบแนบแน่นเพราะสามารถลงลิฟจากตึกอาพาร์ทเม้นเข้าอุโมงทางออก3ได้เลย ใต้ตึกก็มี มินิมาร์และร้านพิซซ่า ถัดมาอีกหน่อยเป็นร้านขายขนมสำหรับซื้อฝาก ฝั่งตรงข้ามก็เป็นตึกของร้าไดโซะ หาซื้อของฝากง่ายมาก  

ถึงที่พักเอาเกือบตี2 ทีนี้ก็หิว มื้อแรกเลยได้มาม่าเกาหลีจากมินิมาร์ทใต้ตึกมาซดคนละถ้วย พออิ่มไม่ทำอะไรแล้ว นอนกันก่อนตื่นมาค่อยว่ากันใหม่


วันที่สอง  
ตื่นมาตอน10โมงกว่ารอให้สองสาวแต่งตัวเสร็จ โดยเราตกลงกันว่าจะลงเงินกองกลางค่าอาหารกันคนละ3500บาทคิดเป็นเงินวอนก็ประมาณคนละ125000Wรวม3คนก็375000Wอยากกินร้านไหนก็เอาเลย ทีนี้ก็เริ่มหิวกันแล้วก็ออกเดินข้ามถนนจากที่พักไปย่านฮงแด เพื่อหาของกิน เตรียมแพลนมาว่าจะไปกินหมูย่างบุฟเฟ่ห์ร้านMeat-ing จับGPSไปเลย

เป็นร้านแบบหมูย่างแบบตามห้างในบ้านเรา คุณภาพวัตถุดิบค่อนข้างดี มีทั้งหมูและเนื้อ รวมๆแล้วก็โอเคเมื่อเทียบกับราคา12900Wต่อคน ไม่ได้ว้าวเท่าไหร่
ผมให้7เต็ม10

กินเสร็จก็หาอะไรล้างปาก พอดีฝั่งตรงข้ามร้านมีร้านแผงลอยขายสตรอเบอรี่เสียบไม้เคลือบน้ำตาลซึ่งลูกใหญ่และดูหน้ากินมาก
กับเครบท๊อปปิ้งหน้าสตรอเบอรี่ครีมสดอยู่ สาวๆเห็นแล้วกรี๊ดสลบ เดินข้ามไปสั่งมาชิมกันคนละไม้ ๆละ3000Wได้5ลูก
แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ค่อยถูกจริตกันซักเท่าไหร่ เพราะหวานมาก น้ำตาลที่เคลือบก็หวาน สตรอเบอรี่ก็หวาน กินเข้าไปหมดไม้นี่มีสิทธิเบาหวานขึ้นตาได้
บอกตรงๆผมกินได้แค่สองลูก ไปต่อจนหมดไม้ไม่ไหว เพราะหวานเกิน ผิดกับที่มโนรสชาติไว้ว่าจะหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อมกว่านี้

แนะนำว่าลองซื้อชิมซักไม้แล้วแบ่งกันกินก่อน ถ้าถูกใจรับความหวานระดับ100ได้ก็ค่อยจัดคนละไม้ จะได้ไม่เปลืองเงิน

จากนั้นก็เดินเล่นย่อยอาหาร แถวฮงแดอยู่พักใหญ่ ประมาณซักบ่ายสองก็ปวดขาและเพลียเนื่องจากนอนดึก จึงกลับที่พักมานอนพักผ่อนกันซักพัก
โดยตกลงกันว่าเย็นนี้จะไปกินบุฟเฟ่ห์ปูดองซีอิ้วกัน ร้านจะห่างจากที่พักต้องเดินค่อนข้างไกล เลยต้องเก็บแรงไว้เดิน

มื้อเย็น ปูดองซีอิ้ว

ร้านนี้ผมเดินจากที่พักไปจนถึงสี่แยกใหญ่ตรงทางออก8สถานีฮงกิแล้วเดินเลี้ยวขวาไปอีกประมาณเกือบ1.5กิโล เล่นเอาปวดน่องเลย
ร้านจะติดถนนฝั่งซ้ายหน้าร้านเป็นผ้าพลาสติกใส มีป้ายรูปปูดองอยู่ ขออภัยไม่ได้ถ่ายรูปหน้าร้านมา

พอเข้าไปก็ต้องไปลงชื่อไว้และแจ้งจำนวนคนว่ามากี่คน แล้วก็นั่งรอก่อนเพราะคนเต็มร้าน 
ร้านนี้คนเกาหลีนิยมกันมากเพราะราคาไม่แพง และเป็นบุฟเฟ่ห์ แต่ข้อเสียคือ จะมีแต่ปูตัวผู้ไม่มีปูไข่เพราะต้นทุนคงสูงกว่าทำบุฟเฟห์ไม่คุ้มแน่ๆ

พอถึงคิวเค้าก็เรียกเข้าไปนั่งเอาเมนูมาให้ว่าจะสั่งเซตไหน เป็นภาษาเกาหลีแต่มีภาษาอังกฤษกำกับจึงไม่ยากที่จะสั่ง
เราสั่งเซตสองกัน ราคา15900Wต่อคน จะได้ปูดอง กุ้งดอง และซุปปูหม้อไฟ ส่วนเครื่องเคียงมี ข้าว สาหร่าย ไข่ปลา ไข่ตุ๋น กิมจิ และผักดอง จัดมาตามจำนวนคน 3คนก็3ตัว แต่ขอเพิ่มได้ตลอด
ทีนี้ก็เริ่มบรรเลงกันตามอัธยาศัย ผมสังเกตุโต๊ะข้างๆหลายโต๊ะ ดูดกันแต่เนื้อปูส่วน อก ไม่มีใครแทะก้ามปูกันเลย เห็นแล้วก็เสียดาย
ส่วนรสชาติ มันจะหวานนำ เค็มตาม มีกลิ่นผลไม้นิดๆ เนื้อปูจะนิ่มๆออกจะเละๆหน่อย ความเห็นส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ
ผิดกับที่มโนไว้อีกละ ขนาดผมพกน้ำจิ้มซีฟู๊ดไปด้วยก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น หรืออาจจะเป็นเพราะเราติดปูดองแบบไทยก็เป็นได้
จะดีหน่อยก็ตรงกุ้งที่หวานน้อยกว่า 

รวมๆแล้วผมให้6เต็ม10

พออิ่มแล้วก็เดินกลับกัน ผ่านซุปเปอร์มาเก็ต เหลือบไปเห็น แผงขายผลไม้เห็นสตรอเบอรี่ราคา4900W(ครึ่งกิโล)อยู่เต็มก็เลยเข้าไปซื้อมาล้างปาก
เลยได้องุ่น5830Wกับบลลูเบอรี่2800Wมาเพิ่มอย่างละ1แพค กินก่อนนอน 

วันที่สาม 
ตื่นสายกันเหมือนเดิม ออกจากที่พักตอนประมาณ11โมง ตั้งใจจะไปหาหมึกดุ๊กดิกกินกันที่ตลาดกวางจัง(Subway Jungno 5(o)- ga
Line 1 สายสีน้ำเงิน exit 8)
พอไปถึงก็เดินเข้าตลาด เจอร้านนึงคนไม่เยอะพอมีโต๊ะว่างก็เดินเข้าไปเลย พนักงานในร้านเอาเมนูภาษาอังกฤษมาให้ ก็เลือกสั่งไป4อย่าง 
ผมสั่งข้าวยำเนื้อดิบ เพื่อนแฟนสั่งข้าวยำหน้าปลาหมึกผัดพริก ปลาหมึกดุ๊กดิ๊ก และแพนเค็กถั่วเขียว มาแบ่งกันทาน
รสชาตืโดยรวมแล้วดีครับ ผมว่าร้านอาหารในตลาดราคาก็ไม่ได้แพงอะไร เมื่อเทียบกับปริมาณที่มาแต่ละจาน ค่าเสียหานรวมแล้ว4อย่างก็43000W

ผมให้8เต็ม10

กินเสร็จก็เดินดูของในตลาดต่อซักพัก เพื่อนแฟนผมได้กิมจิปลาหมึกมาสองกล่อง จากนั้นก็กลับที่พักมาเก็บแรงไว้ให้สองสาวเดินช๊อปปิ้งที่เมียงดงเย็นนี้

มื้อเย็น จิมดักณ.เมียงดง

พอได้เวลา5โมงเย็น ก็ออกเดินทางไปเมียงดง สาวๆตั้งใจไปช๊อปปิ้ง ส่วนผมตั้งใจไปหาขนมกิน(วิธีเดินทางคงไม่ต้องบอกนะครับว่าไปเมียงดงยังไง)
พอถึงเมียงดง ร้านแรกที่เดินผ่านก็เป็นร้านแผงลอยขายโมจิถั่วแดงใส้สตรอเบอรี่ อันนี้เคยกินที่เมืองไทยแล้วอร่อยมาก เลยจัดกันคนละ1ลูกๆละ2500W
ทีนี้พอน้ำย่อยเริ่มทำงานก็อยากกินมื้อเย็น เดินผ่านตึกนึงเห็นป้ายว่าขายจิมดัก เพื่อนแฟนเธออยากกินจิมดักซีฟู๊ด ก็เลยตกลงกันเอาร้านนี้
ผมจำไม่ได้ว่าร้านชื่ออะไรแต่รู้ว่าอยู่บนตึกของห้างสรรพสินค้าชั้น5 มีแต่คนเกาหลีเข้าไปทาน โต๊ะก็เกือบเต็ม คิดว่าน่าจะอร่อยจริง
เข้าไปก็สั่งเลย จิมดักซีฟู๊ดขนาดกลาง ความเผ็ดระดับ3(มี4ระดับ)
ได้มาหน้าตาอย่างที่เห็น รสชาติผมว่าเหมือนผัดกระเพราที่ไม่มีใบและกลิ่นกระเพราะ มาแบบรสจัดเลย เค็มหวานเผ็ดใช้ได้ ปลาหมึกตัวใหญ่หนุบหนับ ไก่ก็นุ่ม มันฝรั่งก็ดูดน้ำซอสได้ดี รวมๆแล้วอร่อย ปริมาณก็เยอะมาก สามคนกินไม่หมด

ผมให้9เต็ม10

พอกินเสร็จ ผมขี้เกียจเดินก็เลยให้สองสาวไปช๊อปกัน ส่วนผมลงมานั่งรอร้านกาแฟชั้นสาม ปล่อยให้เธอช๊อปกันจนหนำใจแล้วค่อยกลับที่พักกัน

วันที่สี่

วันนี้ตั้งใจไปเดินชมวังเคียงบกกัน ตื่นแต่เช้า ออกเดินทางกันตอน10โมง ไปถึงวังก็เข้าไปได้เลยไม่ต้องซื้อตั๋วเพราะวันนี้เป็นวันพุธสุดท้ายของเดือนพอดี เป็นวันฉลองอะไรซักอย่างของเกาหลี จึงเปิดให้เข้าฟรีเดือนละครั้ง เดินเล่นจนถึงเที่ยง ก็เริ่มเมื่อยและหิว ก็เดินย้อนกลับมาทางที่จะไปคลองซองเกชอน
เห็นคนเกาหลีพักเที่ยงและเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆกัน เราเลยเดินตามเข้าไป พบว่าเป็นดงร้านอาหารของพนักงานออฟฟิสเกาหลี มีหลายร้านให้เลือก ทั้งร้านหม้อไฟ อาหารญี่ปุน อาหารจานเดียว ผมเดินไปเจอร้านขายหม้อไฟมาม่า เลยตกลงเลือกร้านนี้กัน เข้าไปก็สั่งอาหาร ได้เมนูหม้อไฟซีฟู๊ดมา
ไป3คนต้องสั่งขนาดกลางตามจำนวนคน กุ้งหมึกปู ใส้กรอกแฮมสแปม ผักสดมาครบ รสชาติคล้ายๆ มาม่าเกาหลีแบบถ้วยนั่นแหละ แต่พอต้มไปเรื่อยๆ ก็จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จัดว่าอร่อยใช้ได้แต่ก็กินไม่หมดอีกนั่นแหละ

หม้อนี้ผมให้8เต็ม10

กินอิ่มแล้วก็ต่อด้วยกาแฟสตาร์บัคที่อยู่ติดกัน ได้กาแฟร้อนล้างปาก แล้วก็เดินไปถ่านรูปกันต่อที่คลองซองเกชอน จากนั้นก็กลับไปพักกันก่อนที่ๆพัก
ตอนเย็นเพื่อนแฟนผมก็ชวนแฟนผมไปเดินซื้อขนมของฝากที่ห้างล๊อตเต้สาขา โซลสเตชั่น ส่วนผมก็นอนเล่นเนตอยู่ห้องรอสาวๆกลับมากินข้าวเย็นด้วย

มื้อเย็น ไก่ทอดคลุกซอสBBQฮงแด

พอซัก6โมงครึ่ง สองสาวก็กลับมาจากซื้อของฝาก ได้ขนมกับสตรอเบอรี่มากันเต็มไม้เต็มมือ สครอเบอรี่กล่องละ1กิโลได้มาคนละ3กล่องๆละ9000W(250บาท) ถูกมาก หิ้วขึ้นเครื่องได้เลยครับไม่ต้องโหลด

พอเก็บของเสร็จก็พากันเดินข้ามมไปฮงแด ตกลงกันว่าจะกินไก่ทอดแกล้มเบียร์เพราะวันแรกดูไว้แล้ว เจอร้านถูกใจร้านนึงก็เดินเข้าไปเลย
มีแต่คนเกาหลีอีกแล้ว เห็นโต๊ะข้างๆสั่งแบบทูอินวันกันทุกโต๊ะ เลยเอามั่ง เป็นไก่ทอดแบบคลุกซอสครึ่งนึง อีกครึ่งนึงเป็นไก่กรอบ
ผมสั่งปลาหมึกชุบแป้งทอดเพิ่มอีก1ตัว มาแบบปลาหมึกศอกตัวใหญ่มาก
รสชาติจัดว่าถูกใจ ไปได้ด้วยดีกับเบียร์
มื้อนี้ผมให้10เต็ม

อิ่มแล้วก็ไม่อยากเดินแล้วเพราะสองสาวคงเมื่อยจากการเดินห้างลอตเต้เลยชวนกันกลับ ไปพัก เล่นเนตอับเฟสกันที่ห้อง

วันที่ห้า กลับบ้าน

วันนี้เป็นวันสุดท้าย ตื่นแต่เช้าเพราะต้องเช็คเอ้าตอน11โมง แล้วต้องไปสนามบิน เครื่องออกตอน4โมงเย็น
ก็เลยนั่งแพคกระเป๋ากัน พอ11โมงก็ออกจากที่พัก นั่งรถไฟหวานเย็น(จอดทุกป้าย)จากสถานีฮงกิไปสนามบินอินชอน อาคาร1
ต้องลงให้ถูกนะครับเพราะตอนนี้รถไฟจะไปสุดสายที่สนามบินอินชอนอาคารสอง ต้องดูว่าเครื่องเราอยู่อาคารไหนด้วย

พอถึงสนามบินก็หาข้าวกิน ได้ร้านอาหารจีน ผมสั่งจาจังเหมี่ยน(บะหมี่ราดหน้าน้ำดำ) ส่วนแฟนสั่งข้าวผัดราดน้ำจาจัง เพื่อนแฟนสั่งบะหมี่น้ำเนื้อวัว
รสชาติพอใช้ ราคาก็ไม่ได้แพงกว่าข้างนอก(ไม่เหมือนสนามบินที่ประเทศไหนน้อแพงกว่า10เท่า)

จากนั้นก็เช็คอืนเดินเข้าเกต แล้วผมก็ปล่อยให้สองสาวเดินช๊อปละลายเงินวอนกันในสนามบิน ส่วนผมก็ไปนั่งรอที่เกต
พอถึงเวลาก็ขึ้นเครื่องกลับถึงดอนเมืองตอน3ทุ่ม

สรุปค่าใช้จ่ายต่อคนต่อ5วัน
ค่าเครื่องบิน12000บาท
ค่าที่พัก2500บาท
ค่าอาหาร3500บาท
ค่เดินทาง ค่าขนม อื่นๆ 2000บาท
ค่าช๊ปปิ้ง ออกกันเอง
รวม 20000บาท

จะเห็นว่า ไปทัวร์ถูกกว่าแน่นอนครับ แต่สำหรับพวกผมไม่ถูกใจกับการที่ทัวร์พาไปในที่ๆไม่อยากไป พากินในของที่ไม่อยากกิน
อย่างที่บอก ผมเน้นสบาย อยากก็ไปขี้เกียจก็พัก แต่เรื่องกินต้องได้กินของที่อยากกิน

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่