มีโอกาสไปดูงานที่เกาหลี....เรื่องงานเอาไว้ก่อน มาดูกันดีกว่าว่าไปกินอะไรมาบ้าง

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาต้องเดินทางไปดูเครื่องจักรที่เกาหลี ทริปนี้ไปกัน2หนุ่ม โดยผม กับน้องเซลอีก1คน ผมเองเดินทางมาหลายประเทศแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะได้ไปเกาหลี เพราะยังไม่เคยไป ส่วนน้องอีกคนคงพอๆกัน
เมืองที่ผมไปพักชื่อเมือง บูชอน อยู่ระหว่างเมืองอินชอนกับโซล ห่างกันระหว่างสองเมือที่ว่ามาประมาณ30กิโลเมตร อากาศหนาวอุณหภูมิประมาณ4-10องศา
เรื่องการเดินทางเข้าออกประเทศเกาหลีคงไม่พูดถึงแล้วนะครับ มีรีวิวไปหลายกระทู้แล้ว มาดูการเอาตัวรอด และอาหารการกินของผมกันดีกว่า ว่ากินอะไรกันบ้าง
  
  วันแรก....คุณ เควิน ลี ซึ่เป็นบริษัทที่ผมต้องไปดูเครื่องจักร มารับที่สนามบินอินชอน ประมาณ8โมงเช้า แล้วพาไปส่งโรงแรม ให้พักผ่อนแล้วบอกว่าเที่ยงๆจะมารับไปกินข้าว แต่ผมกับน้องเกรงใจและยังเหนื่อยกับการเดินทางอยากนอนซักตื่นจึงบอกไปว่า วันนี้ขอพักผ่อนและไม่ต้องมารับ จะเดินดูอะไรแถวนี้และถ้าหิวจะหาอะไรตามร้านแถวนี้ทานเอง ไว้เจอกันพรุ่งนี้เลยก็ได้  คุณเควินตกลงต้มนั้นและนัดมารับพรุ่งนี้ตอน9โมงเช้า  ผมกับน้องเข้าห้องพักอาบและนอนหลับกัน ตื่นมาอีกทีก็เกือบบ่ายแล้วรู้สึกหิวเลยออกไปหาของกิน  เดินออกจากโรงแรมซักพักเจอร้านขายสตรอเบอรี่ ราคาถูกมาก กล่องละ1กิโลขาย 10000วอน รสชาติ หวานหอม แบบว่าลืมพันธ์80ไปเลย



เดินเล่นแถวนั้นซักพักชมกชมไม้เดินไปกินไปจนเมื่อยแวะนัง่พักที่สตาร์บัคจิบกาแฟคนละแก้ว พอเริ่มเย็นก็เริ่มหิว เหลือบไปเห็นร้านขายไก่ทอด เป็นร้านเบียร์น่านั่ง ลองชวนน้องมันดู ลงความเห็นกันว่าอากาศหนาวๆจิบเบียร์ไปด้วยคงจะดี  ก็แวะเข้าร้านไป  เจ้าของร้านเอาเมนูมาให้ ไม่มีภาษาอังกฤษ แต่ยังมีรูปให้ชี้  ผมก็ชี้อันที่น่าจะเผ็ดสุดไปหนึ่งจาน กับเบียร์ 1เหยือก แล้วชู2นี้วชี้ไปมาว่าขอสำหรับ2คน เจ้าของร้าน พยักหน้าเข้าใจ ซักพักก็ยกมาเสริฟ์

น้องผมแค่อึกเดียวหน้าก็แดงแล้ว

เป็นไก่ตามภาพ น่าจะทั้งตัวหั่นเป็นชิ้นๆทอดกรอบคลุกด้วยซอสเผ็ดๆหวานๆโรยงาคั่วหอมๆกับผงสาหร่ายเพิ่มกลิ่น รสชาติอร่อยมากเผ็ดเค็มหวาน เปรี้ยวนิดๆกำลังดี ไก่จะกรอบนอกนุ่มใน น้ำหวานๆในตัวไก่ยังชุ่มฉ่ำ เสริฟพร้อมสลัดกะหล่ำปลีหั่นฝอยราดมายองเนสกับซอสมะเขือเทศ แก้เลี่ยน จิบพร้อมเบียร์สดรสชาติคล้ายๆเบียร์สิงห์ ฟินมาก อยากให้เมืองไทยมีร้านไก่ทอดแบบนี้จัง

วันที่สอง

เควินมารับและพาไปดูเครื่องจักที่ต้องตรวจรับ พอมื้อเที่ยงพาไปกินบุ๊บเฟ่ หมูย่าง ลักษณะเหมือนบุ๊บเฟ่ตามห้างในเมืองไทยทั่วๆไป รสชาดดีแต่น้ำจิ้มจะอ่อนกว่าของเราซึ่งจะจัดจ้านกว่า มื้อนี้ไม่มีรูปให้ดูเพรากล้องแบตหมดถ่ายแต่เครื่องจักร ส่วนมื้อเย็นไปกินหม้อไฟมาม่า
ที่ร้านไกล้ๆโรงแรม ไปกันเองสองคน ดูเอาว่าร้านไหนคนเยอะและมีรูปเมนูติดข้างฝาก็เลือกเอาร้านนั้น


ก่อนเควินจะมาส่งที่โรงแรมเค้าถามว่าพรุ่งนี้อยากไปไหนหรือเปล่าจะพาไป ผมกับน้องบอกอยากไปเกาะนามิ เค้าตกลงงั้นจะมารับตอน9โมงให้เตรียมตัว

วันที่สาม

เควินมารับตรงเวลาแป๊ะ วันนี้เค้าแต่งตัวทะมัดทะแมงมากคล้ายๆชุดจะไปปีนเขา ส่วนผมสองคนก็เสื้อยืดคุมด้วยแจ๊กเก็ต และกางเกงยีน  นั่งรถเควินมาประมาณ1ชั่วโมงก็ถึงเกาะนามิ  พอกำลังลงรถเห็นเควินเอาเป้ออกมาจากท้ายรถ ผมก็ถามว่าเอาอะไรมา เค้ายิ้มๆแล้วบอกว่า เดี๋ยวก็รู้
  เรานั่งเรือข้ามเกาะเดินเล่นในนั้นจนถึงเที่ยงเควินก็บอกว่า เห็นโต๊ะริมแม่น้ำนั่นมั๊ยไปนั่งพักกันแล้วเรามากินข้าวเที่ยงกันเถอะ พอถึงโต๊ะ เควินแกะเป้ออกมา ผมถึงได้รู้ว่าข้างในเป็นอุปกรณ์ปิ๊กนิค มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต่างๆสำหรับ3คน กระติกน้ำร้อน แก้วน้ำช้อนตะเกียบ กล่องข้าว กล่องกิมจิ ที่ขาดไม่ได้ เหล้าขาวแบบเกาหลี ไม่ใช่โซจูนะครับ เค้าเรียกเหล้า คัมปารี รสชาติคล้ายๆสาโทบ้านเรา และยังมีโซจูอีก1ขวดแบนด้วย

เควินจัดแจงสาธิตวิธีการ ชงบะหมี่ เปิดเหล้าาให้ชิม นั่งกินไปดื่มไป บรรยากาศดี อุณหภูมิประมาณ10องศา มีกระรอกวิ่งมาขออาหาร ใครจะมีโอกาสแบบนี้ได้นั่งปิ๊กนิคที่เกาะนามิบ้างนะ


พอกินบะหมี่หมด เหลือน้ำซุปในถ้วย เควินบอกให้ลองเอาข้าวสวยใส่ลงไปในซุปแล้วกินพร้อมกับกิมจิดู ผมลองทำตามพบว่ามันอร่อยเข้ากันได้เป็นอย่างดี


พิมพ์ซะเมื่อยพอก่อนนะครับพักเที่ยงก่อนแล้วจะมาอัพเดทใหม่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่