สิ่งที่สะกดวิญญาญผมไว้

ความรักของคุณบางทีมันได้ทำลายคนที่คุณรักโดยไม่รู้ตัว หลายคนพร่ำบอกว่าเพราะรักจึงทำ ทำลงไปเพราะความรักโดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน
เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้อาจเป็นคติเตือนใจสำหรับหลายๆคนที่ยังรักโดยไม่คิดถึงความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามอยู่ ความรักที่เปรียบเสมือนยาพิษ
คืนที่ดวงจันทร์มืดสนิดไม่มีแม้กระทั่งแสงเร็ดลอดจากก้อนเมฆ ผมเข้านอนด้วยเวลาปกติดังเช่นทุกวันที่เคยทำโดยที่ไม่รู้เลยว่าคืนนี้ผมจะได้เจอกับเรื่องอะไร
ในความมืดมิดปรากฏเชือกเส้นหนึ่งที่ถูกถืออยู่ในมือที่แห้งกร้านและแตกเป็นแผลเหวอะหวะ เงาดำเลือนลางส่งเสียงร้องไห้ออกมาด้วนความรู้สึกเศร้าอย่างที่ผมไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน
เขาลุกขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับแขวนเชือกขึ้นไปที่กิ่งของต้นไม้บนหัวอย่างไม่เต็มใจนัก ตอนนี้เงาลางๆในตอนแรกปรากฏเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีท่าทีอ่อนหวานผิดจากชายทั่วไปซึ่งกำลังปีนไปบนต้นไม้อยู่
เขาค่อยๆสอดศรีษะของตัวเองเข้าไปที่บ่วงเชือกพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่บ่งบอกถึงความฝืนใจในสื่งที่กำลังทำอยู่ ไม่นานนักเขาจึงตัดสินใจทิ้งตัวลงมาหลังจากปีนป่ายอยู่บนนั้นได้ไม่นาน
มือสองข้างต่างจิกเข้าไปในชั้นผิวหนังทันทีหลังจากที่บ่วงของเชือกรัดแน่นเข้าที่คอเพราะน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงมา หลังจากดิ้นทุรนทุรายได้ไม่นานร่างของเขาจึงแน่นิ่งไปหลงเหลือเพียงรอยเล็บบริเวณรอบๆคอที่ขึ้นเป็นสีแดงเนื่องจากการถลอก
ดวงตาสีแดงสดคู่นั้นทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อมองไปที่นาฬิกาจึงพบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือความเศร้าโศกที่แปลกประหลาดจนทำให้ผมไม่สามารถนอนต่อได้
ผมคว้ามอไซต์คู่ใจแล้วขี่ออกไปจากหอพักตรงไปที่ๆหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากที่นี่เท่าใดนัก ที่นี่คือศาลาพักรถริมทางซึ่งห่างจากหน้ามหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่เพียงหนึ่งถึงสองกิโลเมตรเท่านั้น
ผมดับเครื่องรถแล้วตรงเข้าไปนั่งในศาลาสีเหลืองนั้นทันที ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ดูคุ้นตาตั้งตรงตระหง่านอยู่ข้างๆศาลาโดยที่ร่มเงาของมันสามารถปกคลุมพื้นที่รอบๆได้อย่างสบายๆ
วันนี้ที่นี่เงียบสงบดังเช่นทุกวันที่เคยเป็นมา ถึงแม้ศาลารอรถจะตั้งอยู่ติดกับถนนสายหลักเส้นหนึ่งของภาคเหนือก็ตาม ไฟดวงสีขาวส่องสว่างอยู่ไม่ไกลแต่ก็ทำให้ศาลานี้แทบจะร้างไปจากผู้คนในยามค่ำคืน
ผมนั่งอยู่ที่ศาลาจนเป็นเวลาเกือบจะตีสองผมจึงเริ่มรู้สึกถึงบางอย่าง สิ่งที่ทำให้ผมกระวนกระวายใจมาตลอดทั้งคืนกำลังจะปรากฏออกมาให้ผมได้รับรู้ถึงเรื่องราวของมันแล้ว
ข้างๆศาลาเป็นพื้นที่แสงเงาสีดำซึ่งเกิดจากแสงไฟที่ส่องไปไม่ถึง แสงไฟที่อยู่ห่างออกไปทำให้ปรากฏเงาของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนตัดกับแสงด้านหลังนั้น
มือของเขาถือเชือกไว้ในมือแน่นราวกับว่ามันเป็นของรักของหวง ความเศร้าโศกและความเสียใจส่งผ่านออกมากับเสียงสะอื้นในลำขอของเขา
"ผมชื่อต้น ผมแค่อยากไปจากที่นี้ มันทรมานเหลือเกิน..."
เสียงเย็นยะเยือกดังออกมาจากมุมมืดตรงที่เงาดำนั้นยืนอยู่
ชื่อนั้นทำให้ผมพอจะรู้ได้คร่าวๆว่าชายคนนี้เป็นใคร เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วมีนักศึกษาคนหนึ่งเลือกที่จะจบชีวิตของตนเองที่ต้นไม้แห่งนี้
ไม่ทราบว่าด้วยปัญหาอะไรจึงทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนี้ เขาเป็นเด็กเรียนไม่ถึงกับเก่งแต่ก็พอไปได้ ส่วนใหญ่เขาจะชอบทำกิจกรรมต่างๆของคณะมากกว่า
ต้นคือชายที่ผมเอ่ยถึง เขาเป็นรุ่นพี่ของผมหนึ่งปี
หลังจากนั้นเราก็สื่อสารกันได้อีกพักหนึ่ง วันนี้เป็นวันที่พระจันทร์ไม่มีแสงสว่าง นั่นจึงทำให้เขามีกำลังพอที่จะสื่อสารกับมนุษย์ได้มากกว่าคืออื่นๆ
ต้นเล่าว่าเขาเป็นลูกชายคนโตของบ้านซึ่งเขามีน้องชายอีกหนึ่งคน เขาค้นพบตัวเองตั้งแต่มัธยมต้นว่ามีความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้อยู่กับเพื่อนผู้ชาย และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้....
แม่ของต้นไม่ชอบให้ต้นเป็นแบบนี้ถึงแม้เขาจะพยายามอธิบายถึงสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่ก็ตาม แม่ของต้นได้แต่บอกต้นว่าสิ่งที่ต้นเป็นมันไม่ดีและพร่ำบอกกับต้นเสมอว่าอย่าเป็นเลยมันจะทำให้ลูกลำบากกว่าคนอื่น
แม่อ้างถึงเรื่องการงานในอนาคตและสายตาของผู้คนรอบข้างที่จะมองมาที่ต้นอย่างแปลกประหลาดโดยที่ไม่ได้คิดถึงจิตใจของต้นเลยว่าจะรู้สึกเช่นไรเพราะสิ่งที่แม่กำลังพูดถึงตอนนี้แม่ก็กำลังทำมันอยู่
หลายครั้งที่แม่พบแป้งและลิปในกระเป๋าของต้น และนั้นเรื่องทะเลาะกันและความห่างเหินระหว่างต้นกับแม่จึงค่อยๆเกิดขึ้น
เมื่อพบว่าป่วยการที่จะอธิบายต้นจึงปิดกั้นตนเองออกจากแม่ส่วนพ่อนั้นไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่เด็กเพราะพ่อต้องไปทำงานที่อื่นจึงไม่ค่อยสนิทกันเท่าใดนัก
พ่อของต้นเป็นคนง่ายๆไม่ค่อยพูดหรือตำหนิลูกๆเท่าใด เพราะส่วนมากจะมีแต่แม่ที่ดูแลเรื่องนี้ แม่กับพ่อของต้นต่างกันมาก คนนึงร้อนส่วนอีกคนนึงเย็นจึงทำให้อยู่ด้วยกันได้จนถึงทุกวันนี้
ต้นเลือกที่จะเดินออกมาและขอไปพักอยู่หอพักเพราะโรงเรียนมัธยมปลายที่ต้นพึ่งเข้าเรียนอยู่ห่างจากบ้านหลายสิบกิโลเมตร แม่ของต้นอนุญาตให้ต้นไปพักที่หอพักได้แต่มีข้อแม้ว่าต้องกลับบ้านทุกๆเสาร์อาทิตย์
ช่วงเวลามัธยมปลายสำหรับต้นดูเหมือนว่าจะทำให้ต้นมีความสุขขึ้นมาบ้างแต่ปล่าวเลยมันกลับแย่ลงไปอีก...
ช่วงเวลาเพียงสองวันคือเสาร์และอาทิตย์กลับทำให้ต้นรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิมเพราะต้องแกล้งทำตัวเป็นผู้ชายเนื่องจากติดท่าทางความเป็นสาวจากเพื่อนๆที่โรงเรียนจนญาติๆเริ่มสงสัย
เรื่องนี้ทำให้แม่ของต้นพูดกับต้นถึงเรื่องนี้อีกครั้งและนี้จึงทำให้ความสัมพันธุ์ของต้นกับแม่เริ่มห่างเหินกันไปอีก
หลายครั้งที่ต้นร้องไห้เมื่ออยู่คนเดียวแต่เมื่ออยู่กับเพื่อนกลับร่าเริงจนผิดปกติ
ทุกครั้งหลังกลับมาจากบ้านต้นยิ่งร้องไห้เสียใจพร้อมๆกับกลายมาเป็นโรคซึมเศร้าเนื่องจากความเสียใจที่อยู่กับต้นมานานเกินไป
เชือกที่ถืออยู่ในมือเส้นนั้นมีหลายครั้งที่ต้นคิดจะผูกมันเข้าที่คอของตัวเอง แต่เมื่อคิดถึงชีวิตหลังความตายก็ทำให้ต้นยั้งมือได้ทุกครั้ง
จนกระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมปลายต้นจึงติดสินใจสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไกลบ้านและมหาวิทยาลัยที่ว่าก็คือที่เดียวกันกับที่ๆผมเรียนอยู่
แต่แล้วปัญหาก็เหมือนจะดีขึ้นแต่มันกลับแย่ลงกว่าเดิมเพราะชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ไเ้ง่ายเช่นนั้น
ปัญหาต่างๆเรื่องการเรียนและเรื่องการเงินที่ต้องใช้ทำให้ต้นยังคงต้องพึ่งพาที่บ้านเป็นส่วนใหญ่
เมื่อต้นมีปัญหาแต่ต้นไม่สามารถคุยกับครอบครัวได้โรคซึมเศร้าที่ต้นเป็นอยู่จึงทวีความรุนแรงมากขึ้น
ต้นไม่สามารถเข้าหาคนอื่นในสังคมได้เพราะความกลัวบางอย่างที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นในจิตใจตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ นี้จึงทำให้แม่ของต้นไม่ชอบที่ต้นเป็นแบบนี้
แม่ของต้นชอบบอกว่าต้นเป็นคนโง่ ทำไมถึงไม่กล้าคุยกับคนอื่นๆทั้งที่บางคนเป็นญาติแท้ๆของต้น
นี่จึงทำให้ต้นรับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่างในตัวของตนเอง และค้นพบว่าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ที่ต้นยังอยู่ชั้นมัธยมปลาย ต้นก็เริ่มปิดกั้นคนอื่นๆรอบตัวแล้ว
มีเพื่อนเพื่อนไม่กี่คนเท่านั้นที่ต้นแสดงความเป็นตัวเองออกมาแต่เมื่ออยู่กับคนอื่นๆต้นจะกลายเป็นคนเงียบทำทีแม้กระทั่งยามอยู่กับแม่ของตนเอง
ต้นและแม่ทะเลาะกันเรื่องนี้บ่อยขึ้นแต่ต้นกลับไม่กล้าบอกว่าปัญหาที่ทำให้ต้นเป็นเช่นนี้คือสิ่งที่ต้นเป็นอยู่ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ต้นรู้สึกว่าตัวเองตัวคนเดียวมาโดยตลอด
ความหวังที่จะมีชีวิตอยู่แต่ไม่รู้ว่าเพื่อใครจึงทำให้ต้นเลือกที่จะทำสิ่งที่ต้นไม่กล้าทำมาโดยตลอดนั้นก็คือการฆ่าตัวตาย....
ต้นไม่บอกหรือสั่งลาใดๆกับครอบครัวและตัดสินใจแขวนคอตนเองจบชีวิตลงที่ต้นไม้แห่งนี้
ความรักและความหวังดีที่แม่มีให้ต้นกลับทำร้ายต้นทางอ้อมจนทำให้เกิดเหตุกาณ์สูญเสียเช่นนี้ขึ้น
หลังจากต้นจากไปแล้วแม่ของต้นก็ยังคงไม่รู้ว่าเพราะอะไรต้นจึงเลือกที่จะทำแบบนี้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาต้นไม่เคยเอ่ยถึงสิ่งที่ตนเองพบเจอเลย...
หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วผมจึงเข้าใจถึงสิ่งที่ต้นพบเจอและรู้สึกว่านี้คือสิ่งที่คนๆนึงสามารถรับมือได้ด้วยตัวคนเดียวหรือ
ร่างสีดำค่อยๆปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้จากนั้นจึงทิ้งตัวลงมาพร้อมกับเชือกที่รัดคออีกครั้ง นี่เป็นสิ่งที่ใครก็ไม่สามารถสอดมือเข้าไปเกี่ยวข้องได้เพราะกฎแห่งกรรมกำลังทำหน้าที่ของมันแล้ว...
โรคซึมเศร้าทำให้ปัญหาเล็กๆกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินคาดเดาและจบลงด้วยการสูญเสียที่ไม่อาจทดแทนได้ด้วยสิ่งอื่น
ความรักที่บางครั้งผู้ที่มอบให้ด้วยความหวังดีกลับสามารถทำให้ผู้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัสได้
แม่ของต้นไม่ผิด ต้นเองก็ไม่ผิดเช่นกัน
เป็นเพราะความรักที่ขาดความเข้าใจต่างหากที่เป็นสิ่งที่ทำลายทุกอย่างให้พังทลายลงโดยที่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ความเข้าใจต่างหากที่สำคัญกว่าความรัก
บุญใดก็ตามที่เกิดจากเครื่องเตือนใจของเรื่องนี้ ขอให้ส่งผลถึงดวงวิญญาณของต้นและดวงวิญญาณทุกดวงที่เลือกจบชีวิตของตวเองเพราะปัญหาที่พบเจอ ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานโดยเร็ว...
ผมไม่สามารถช่วยเหลือต้นได้และไม่มีใครสามารถช่วยเหลือต้นได้เช่นกันเพราะนั่นคือกฎแห่งกรรม...
ปัญหาของคนเรามันน่ากลัวต่างกัน ดังนั้นอย่าตัดสินปัญหาของคนอื่นด้วยสิ่งที่ตนเคยพบเจอ....

ติดตามได้อีกช่องทางคือเพจในเฟสบุคนะครับ เพจชื่อ มุมมืดยามรัตติกาล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่