[CR] [CR] เวียดนามเหนือ ฮานอย-ซาปา

----------เวียดนามเหนือ ฮานอย-ซาปา----------
ทริปนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวการเดินทางกับภาพบรรยากาศดีกว่า เพราะว่าสำหรับการรีวิวของที่นี่น่าจะมีคนรีวิวกันไปเยอะพอสมควรแล้ว กระทู้นี้ก็จะเป็น กระทู้แรกของผมถ้าผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยครับ งั้นเราเริ่มมาเดินทางไปพร้อมกันเลยดีกว่าครับ
สำหรับการเดินทางครั้งนี้เรามีแพลนกับเพื่อนว่าจะเที่ยวเวียดนามกัน โดยมีตัวเลือกว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนกันดีช่วงต้นปี โดยมีให้เลือกคือ เวียดนามเหนือ  (ไปสัมผัสอากาศเย็นๆดูธรรมชาติ) เวียดนามกลาง(ไปดูเมือง วิถีชีวิต) เวียดนามใต้(ไปทะเลทรายถ่ายรูป) ผลโหวดก็คือเวียดนามเหนือเพราะอยากไปสัมผัสอากาศเย็นๆบวกกับถ้าโชคดีเราจะได้เจอหิมะ หลังจากนั้นก็วางแผนดูช่วงเวลาและจองตั๋วกันเลย ทริปนี้ก็จะหาข้อมูลกันเองพอสมควรเนื่องจากนี้เป็นทริปแรกที่เราได้ไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนกันเอง สำหรับเรื่องรายละเอียดค่าใช้จ่ายคร่าวๆเราจะบอกไว้ตอนท้าย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความรู้เล็กน้อย
- ไม่ต้องเขียนใบผ่านเข้าเมืองใช้แค่สมุดพาสปอร์ต
- ซิมเน็ตเห็นมีให้เลือกใช้ 4 ค่าย
1. Viettel
2. Vinaphone
3. Mobifone
4. Vietnamobile
- เงินที่ใช้เป็นเงินดอง (VND)
- เวลาที่เวียดนามจะเท่ากับที่ไทย
- ส่วนใหญ่เวลาข้ามถนนไม่ต้องกลัวรถมอเตอร์ไซด์เขาจะขับอ้อมด้านหลัง
- แท็กซี่ที่นี่แพงมาก ถ้าอยู่ในเมืองหลักให้เรียก Grab car หรือให้ทางโรงแรมติดต่อรถให้
- ที่เวียดนามขับรถเลนขวา
- สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนเช่ารถมอเตอร์ไซค์
  1. Passport
2. ใบขับขี่จักรยานยนต์ หรือ ใบขับขี่จักรยานยนต์สากล (ไม่มีก็เช่าได้ แต่ถ้าโดนจับค่าปรับแพงมาก)
3. เงิน
 
 
วันที่1
การเดินทางครั้งนี้เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียทั้งไปกลับ โดยเราจะไปลงที่ ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย แต่เราไม่ลงบ่ายนะเราลงค่ำเลย!!! พอเลิกไปเล่นนอกบ้าน เวลาที่เราถึงก็ประมาณ 20.20 ซึ่งเมื่อเราลงสนามบินที่นี่ เราไม่ต้องเขียนใบเข้าเมืองเลยเราใช้แค่สมุดพาสปอร์ตยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วก็เดินออกมาได้เลย ซึ่งก่อนจะเข้าเมืองไปเราก็ได้ไปหาซื้อซิมในสนามบินเลยเพราะหาซื้อง่ายแล้วเขาจะจัดการเรื่องซิมให้เราใช้ได้เลย ซึ่งเราได้เลือกใช้ซิมเน็ตของ Vinaphone ความเร็วเน็ตดีเลยแล้วมีค่าโทรให้ด้วย และใครจะแลกเงิน USD เป็น VND ก็หาแลกในสนามบินนี้ได้เลยหลังจากนั้นเราก็ออกไปรอรถที่เพื่อนได้ติดต่อกับทางเอเจนซี่ไว้ให้มารับที่สนามบินเพื่อไปส่งที่พัก
   จังหวะแรกที่ก้าวเท้าออกจากสนามบินเสียงบีบแตรรถเข้าไปสั่นขี้หูเลย โอ้โฮ้จะบีบอะไรกันขนาดนั้น รอกันอยู่ซักพักก็มีคนมารอรับและพาเราไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปที่พัก ซึ่งที่พักของเราในคืนแรก Mipec Riverside Long Bien Apartment ที่พักนี้เป็นแบบอพาร์ทเม้นปล่อยเช่าซึ่งบวกอาหารเช้าด้วย ตัวที่พักจะอยู่ในเมืองฮานอยเลยแต่อยู่คนละฝั่งกับย่านช็อปปิ้ง
   ซึ่งห้องที่นี่กว้างและสะอาดเลยละครับ มีโซนครัวให้ทำด้วยสำหรับใครที่ต้องการทำอาหาร หลังจากเก็บของกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ออกไปหาอะไรกิน แต่ด้วยเวลาที่ดึกแล้วทำให้ร้านอาหารแถวๆใกล้ที่พักเก็บร้านกันหมดและร้านสะดวกซื้อก็อยู่ไกล ทำให้เราทำได้แค่ซื้อข้าวเกรียบกับน้ำเปล่าจากร้านตรงข้ามที่พักกินแก้หิวไปก่อน ตอนกลับมาเพื่อที่จะเข้าห้องพวกเราก็ต้องวุ่นวายกับการช่วยกันเปิดประตูเข้าห้องพอสมควรเพราะกลอนประตูจะเป็นแบบใช้แม่กุญแจไขปลดล็อกหรือล็อกประตูอย่างเดียว(นะตอนนั้นยังงงกับการปลดล็อกประตู) ซึ่งพวกเราพยายามเปิดแต่เปิดไม่ออก ทำให้เราต้องไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าของห้องและเรียกยามให้มาช่วยเปิดวุ่นวายที่เดียว
 
วันที่ 2
ตื่นเช้ามาดูวิวที่พักไม่แน่ใจว่าเช้าๆแบบนี้ที่ได้เห็นคือหมอกหรือฝุ่น ถ้าเป็นฝุ่นคงจะใจร้ายกันเกินไป (คิดในแง่ดีว่าข้างหน้าคงเป็นหมอก) ที่เราพักอยู่ใกล้กับแม่น้ำแดงเลย แต่เสียดายที่ห้องพักเราหันหลังให้แม่น้ำเลยไม่ได้ภาพบรรยากาศมา
หลังจากที่เราได้หาอะไรลงท้องเสร็จแล้วและกลับมาเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักเรียบร้อย เราก็ได้เรียก Grab car แทนการนั่ง Taxi เนื่องจากที่นี่คุณอาจจะโดนค่า Taxi แพงมาก ดังนั้น Grab car จึงเป็นอะไรที่ช่วยเราได้สำหรับการเดินทางในเมือง จุดหมายแรกในวันนี้คือการไปที่ออฟฟิศของคุณคิมเอเจนซี่ที่เพื่อนได้ติดต่อไว้ก่อนที่พวกเราจะเดินทางมาเวียดนาม ซึ่งคุณคิมจะจัดการเรื่องรถนอนเพื่อเดินทางไปกลับฮานอย-ซาปาและเรื่องรถที่เดินทางมารับส่งพวกเราที่สนามบินอีกด้วย
เมื่อเราถึงออฟฟิศคุณคิมเราก็จัดการฝากของ ติดต่อเรื่องการเดินทางกับคุณคิมสำหรับเดินทางไปยังซาปาในคืนนี้หลังจากได้ฝากของเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่พวกเราจะเริ่มออกไปสำรวจเมืองนี้กันละ สำหรับแผนเที่ยววันนี้ก็จะอยู่เมืองฮานอยนี้ละครับ
โบสถ์ St.Joseph Cathedral
มาเริ่มกันที่แรกเลยดีกว่า เขาว่ากันว่าแต่เดิมที่ตรงนี้เป็นเจดีย์ บ่าวเที่ยน (Bao Thien) มาก่อน แล้วชาวฝรั่งเศสได้ทำลายลงแล้วสร้างโบสถ์เซนต์โจเซฟขึ้นมาแทนที่(สาระก็มา) ทำให้ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นโบสถ์ที่เก่าที่สุดในฮานอยแล้วยังคงความเป็นเอกลักษณ์ที่โด่ดเด่น ซึ่งถือว่าอยู่ในย่านที่พักและช็อปปิ้งเลย โดยที่โบสถ์แห่งนี้เราสามารถเดินดูได้รอบๆไม่เสียค่าเข้าสถานที่
ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ( Hoan Kiem Lake)
สถานที่ต่อมาก็คือทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ( Hoan Kiem Lake) หรือจะแปลความหมายออกมาก็คือทะเลสาบคืนดาบ ตามตำนานเล่าว่าในสมัยที่สร้างเวียดนามในศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิ เล เหล่ย (Le Loi) แห่งราชวงศ์เล ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ต่อต้านและขับไล่ชาวจีนที่ได้มารุกรานประเทศเวียดนาม ในวันหนึ่ง จักรพรรดิเล เหล่ย ได้ล่องเรือในทะเลสาบนี้ก็ได้พบกับตะพาบยักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมากจากน้ำเพื่อมารับดาบคืนแล้วเจ้าตะพาบยักษ์ก็ดำน้ำกลับไป นี้จึงเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบ  ซึ่งสำหรับทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมจะอยู่ใกล้ๆกับโบสถ์เซนโจเซฟสามารถเดินถึงกันได้เลย ที่นี่เหมาะสำหรับการมาเดินเล่นนั่งพักผ่อน ซึ่งจะมีทั้งครอบครัว คู่รัก หรือกลุ่มเพื่อนๆมาทำกิจกรรมด้วยกัน ซึ่งในส่วนนี้ไม่เสียค่าเข้าสถานที่
เราสามารถเดินเล่น นั่งดูหรือหาของทานเล่นได้แถวรอบทะเลสาบเลย ของกินอีกอย่างที่จะเห็นได้ตลอดเลยก็คือ Banh Mi หรือขนมปังฝรั่งเศสสไตล์เวียดนาม ถ้าเรียกชื่อไม่ถูกก็ใช้ภาษามือชี้เอาง่ายสุดเลย ซึ่งหน้าตาจริงๆจะดีกว่านี้(ฉบับคนไม่กินผักก็จะประมาณนี้ครับ)ถือว่าอร่อยเลยละครับให้ไส้มาเยอะพอสมควรเลยหรือจะมาลองหมูปิ้งนี้ก็ได้นะครับรสชาติเหมือนแหนมมีรสเปรี้ยวนิดๆยังไงก็ลองกันดูได้เลย
วัดหง็อกเซิน ( Ngoc Son Temple)
ถ้าเราเดินขึ้นมาทางตอนเหนือของทะเลสาบอีกนิดก็จะเจอกับวัดหง็อกเซิน( Ngoc Son Temple) ที่นี่เขาสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ เฉิน ฮัง โด๋ว (Tran Huang Dao) ผู้นำต่อต้าน ราชวงศ์หยวน (ราชวงศ์มองโกล) ของจีนในศตวรรษที่ 13 และมาสักการะตะพาบศักดิ์สิทธิ์สำหรับที่นี่จะเสียค่าเข้าสถานที่ สำหรับผู้ใหญ่ราคาบัตรประมาณ 30,000 VND ถ้าเราจำไม่ผิด
ที่นี่เราได้แค่เดินดูรอบๆไม่ได้เข้าไปเพราะเราจะไปต่อกันที่ ป้อมปราการพระราชวังทังลอง ซึ่งเราก็ใช้ Grab car ในการเดินทาง เพราะถ้าหากจะเดินไปเองระยะทางก็ไกลพอสมควรเวลาไม่น่าจะพอสำหรับเที่ยวแน่ๆ

ป้อมปราการพระราชวังทังลอง  (Imperial Citadel of Thang Long)
เรามาต่อกันที่ป้อมปราการพระราชวังทังลองถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หลี เวียต (Ly Viet) เพื่อเป็นการประกาศเอกราชอาณาจักรด๋ายเหวียด (Dai Viet) ที่นี่ได้รับให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมของเวียดนาม โดยตัวพระราชวังถูกสร้างด้วยหินที่ยังคงมีร่องรอยของโครงสร้างให้เห็นอยู่ ซึ่งที่นี่เราจะต้องเสียค่าเข้าสถานที่ก่อนเข้าชมนะครับ
บรรยกาศภายในป้อมปราการพระราชวังก็จะถูกแบ่ง 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 ลานสวนบริเวณด้านหน้าป้อมปราการ จะมีกาจัดสวนให้สามารถเข้าไปถ่ายรูปหรือเดินเล่นได้
ส่วนที่ 2 ก็จะเป็นตัวป้อมปราการที่เราสามารถขึ้นมาเยี่ยมชมป้อมปราการและบรรยากาศรอบๆด้านบน
ส่วนที่ 3 ก็จะเป็นบริเวณตัวอาคารเก่าและพื้นที่ร่องรอยของตัวป้อมปราการเก่าที่พังไปตามการลเวลา
 
เมื่อเดินออกมาจากป้อมปราการเลี้ยวขวาเดินตรงมาประมาณ 100 เมตรก็จะเจอกับกระทรวงกลาโหมเลย ซึ่งเราสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปด้านข้างๆของกระทรวงได้ ซึ่งที่นี่จะมีทหารคอยดูแลอยู่
 
หลังจากเดินเที่ยวถ่ายรูปเสร็จเราก็เดินทางกลับมาที่บริเวณออฟฟิศ เพื่อกินข้าวเย็นและเตรียมเสบียง (สืบเนื่องมาจากเมื่อวานไม่สามารถหาของกินได้เลย)
กลับมาถึงออฟฟิศคุณคิมก็อาบน้ำเตรียมตัวรอเวลาเดินทางไปซาปา ซึ่งจะมีรถมินิบัสมารับเราจากออฟฟิศเพื่อไปขึ้นรถนอนอีกต่อหนึ่งครับ
 
สำหรับรถนอน FANSIPAN BUS VIP คันนี้ถือว่าดีเลยครับ ก่อนขึ้นรถเขาจะแจกถุงพลาสติกให้เราถอดรองเท้าแล้วเอารองเท้าใส่ถุงพาขึ้นไปบนรถ ซึ่งรถนอนจะแบ่งเป็นบล็อคนอนของแต่คนเลยแล้วจะมีม่านปิดให้ด้วย ตอนนอนแล้วก็ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเลยสามารถนอนหลับได้สบาย
 
 
ชื่อสินค้า:   เรื่องเล่าเวียดนามเหนือ ฮานอย-ซาปา
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่