หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ความสุข (พุทธศาสนา) อธิบายแบบนี้ก็ดีนะ
กระทู้สนทนา
ศาสนาพุทธ
ความเชื่อส่วนบุคคล
วิทยาศาสตร์
ปัญหาชีวิต
หนังสือ
ผมได้อ่านหนังสือหนาๆ เล่มหนึ่ง เขาเขียนเกี่ยวกับ ศาสนาพุทธ ไว้ได้ดี ผมจึงอยากเอามาแบ่งปันกันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เซเปียนส์: ประวัติย่อมนุษยชาติ: Yuval Noah Harari (หน้า : 537-540)
พิมพ์เสร็จละคับ แต่กดผิดที่ทำไว้เลยหายไป 55 (แก้ไขละ เนื้อหาอยู่ในสปอยข้างล่างนะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
...ศาสนาและปรัชญาส่วนใหญ่จึงเข้าถึงความสุขด้วยวิธีการที่แตกต่างจากวิธีการแบบลัทธิเสรีนิยมเป็นอย่างมาก มุมมองแบบพุทธศาสนิกชนดูจะมีความน่าสนใจมากเป็นพิเศษ เป็นไปได้ว่าศาสนาพุทธให้ความสำคัญกับเรื่องของความสุขมากกว่าคำสอนในศาสนาอื่น ๆ นานถึง 2,500 ปีมาแล้วที่พุทธศาสนิกชนศึกษาเรื่องแก่นและเหตุของความทุกข์อย่างเป็นระบบ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดชุมชนวิทยาศาสตร์จึงหันมาให้ความสนใจทั้งหลักปรัชญาและวิธีเข้าสมาธิของศาสนานี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ศาสนาพุทธมองเรื่องความสุขอย่างลึกซึ้งในแบบคล้ายคลึงกับผลจากการวิจัยด้านชีววิทยา กล่าวคือความสุขเป็นผลจากกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเราเอง ไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์จากโลกภายนอก อย่างไรก็ตาม แม้จะเริ่มต้นจากปัญญาญาณแบบเดียวกัน แต่ศาสนาพุทธมีข้อสรุปที่แตกต่างออกไปเป็นอย่างยิ่ง
ตามหลักของพุทธศาสนาแล้ว คนส่วนใหญ่จะมองความสุขว่าเป็นความรู้สึกที่น่ายินดี ขณะที่เห็นว่าความทุกข์เป็นความรู้สึกที่ไม่น่ายินดี ผลก็คือผู้คนจะให้ความสำคัญยิ่งกับความรู้สึก จนมีกิเลสปรารถนาจะมีความเพลิดเพลินมากยิ่งๆ ขึ้นไป และพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกเจ็บปวด ตลอดชั่วชีวิตของเรา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกาขา นั่งกระสับกระส่ายไปมาที่เก้าอี้ หรือออกไปสู้รบในสงครามโลก ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงความพยายามที่จะทำให้รู้สึกเพลิดเพลินได้มากขึ้น
ในทางพุทธศาสนาแล้ว ปัญหาที่แท้จริงก็คือความรู้สึกของเราไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการสั่นไหวของจิตใจอย่างต่อเนื่องที่เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะราวกับคลื่นในมหาสมุทร เมื่อ 5 นาทีก่อนเราอาจจะรู้สึกมีความยินดีและเต็มเปี่ยมไปด้วยเป้าหมาย แต่ตอนนี้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับเหือดหายไปจนหมดสิ้น และอาจจะกำลังรู้สึกเศร้าโศกผิดหวังอย่างหนัก ดังนั้นหากต้องการจะรู้สึกเพลินเพลินยินดีก็จะต้องคอยไล่ตามความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ตลอด ขณะเดียวกันก็ต้องคอยขับไล่ความรู้สึกที่ไม่น่าอภิรมย์ไปด้วย แม้จะทำได้สำเร็จ แต่เพียงไม่นานก็จะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง โดยไม่เคยได้รับรางวัลที่ยั่งยืนสำหรับความยากลำบากนี้เลย
เหตุใดการได้รับรางวัลที่มีอายุแสนสั้นเช่นนี้จึงได้มีความสำคัญมากนัก? เหตุใดจึงต้องพยายามต่อสู้ดิ้นรนขนาดหนักเพื่อที่จะบรรลุสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่แทบจะหายไปทันทีที่ปรากฏขึ้น? ในทางพุทธศาสนานั้น รากเหง้าของความทุกข์ไม่ใช่ทั้งความรู้สึกเจ็บปวดและความเศร้าโศกเสียใจ อีกทั้งไม่ใช่แม้กระทั่งความไร้จุดหมายในชีวิต แต่รากเหง้าของความทุกข์กลับเป็นการไล่ตามหาความรู้สึกที่มีอายุแสนสั้นอย่างเปล่าประโยชน์อยู่อย่างไม่หยุดหย่อนจนทำให้เราเกิดความเครียด กระสับกระส่าย และไม่เคยรู้สึกพอ เนื่องจากการกระทำเช่นนี้ไม่อาจจะประสบกับความสมหวังได้เลย แม้เราจะประสับกับเรื่องน่ายินดี แต่ก็ไม่เพียงพอ เพราะจะเกิดความกลัวว่าความรู้สึกดังกล่าวจะหายไปอย่างรวดเร็ว และมีกิเลสอยากให้ความรู้สึกเช่นนี้คงอยู่และเพิ่มมากขึ้น
ผู้คนจะถูกปลดปล่อยจากความทุกข์ได้ไม่ใช่ด้วยการทำให้ประสบความยินดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทนที่จะเป็นเช่นนั้นพวกเขาควรจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของความไม่จีรังของความรู้สึกทั้งหลายและหยุดไขว่คว้าหาพวกมัน นี่เองที่เป็นเป้าหมายการฝึกสมาธิวิปัสสนาของพุทธศาสนิกชน ในการทำสมาธิคุณจะต้องสำรวจจิตใจและร่างกายอย่างใกล้ชิด รับรู้การเกิดขึ้นและดับไปของความรู้ทั้งมวลอย่างไม่หยุดหย่อน และตระหนักรู้ว่าการไล่ตามความรู้สึกต่าง ๆ เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์มากเพียงใด เมื่อหยุดไขว่คว้าจิตใจก็จะผ่อนคลาย กระจ่างแจ้ง และรู้สึกพึงใจ ความรู้สึกทุกรูปแบบจะยังคงเกิดขึ้นและดับไป ไม่ว่าจะเป็นความดีใจ ความโกรธขึ้ง ความเบื่อหน่าย หรือราคะ แต่เมื่อใดที่หยุดไขว่คว้าความรู้สึกแบบใดก็ตาม เราก็จะสามารถยอมรับตนเองได้อย่างที่มันเป็นจริง ๆ เราก็จะมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะ แทนที่จะเพ้อฝันไปกับสิ่งอาจจะเป็น
ความสงบที่เกิดขึ้นจะลึกซึ้งเสียจนกระทั่งคนที่ตลอดชีวิตวุ่นอยู่กับการวิ่งไล่ไขว่คว้าหาความพึงพอใจอย่างบ้าคลั่งแทบจะจินตนาการไม่ออก ไม่ต่างอะไรกับชายสักคนที่ยืนอยู่ที่ชายหาดนานหลายทศวรรษ เฝ้ารอคลื่นลูก ‘สวย’ และพยายามจะป้องกันไม่ให้มันถูกซัดหายไป พร้อม ๆ กันนั้นก็พยายามผลักคลื่น ‘น่าเกลียด’ ออกไปให้ห่างตัว แม้เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าชายคนดังกล่าวก็ยังคงยืนหยัดอยู่ที่ชายหาด ผลักดันตัวเองให้ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์โพดผลดังกล่าว จนในที่สุดเมื่อเขานั่งลงบนพื้นทรายและเพียงเฝ้ามองลูกคลื่นที่ผ่านมาและผ่านไปด้วยความยินดี จึงพบว่าช่างสงบสุขเสียนี่กระไร!
แนวคิดแบบนี้อาจจะฟังดูแปลกปลอมสำหรับวัฒนธรรมแบบเสรีนิยมสมัยใหม่ ในยามที่ขบวนการนิวเอจ(New Age Movement) เผชิญหน้ากับปัญญาญาณแบบชาวพุทธ พวกเขาก็แปลงสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในรูปของเสรีนิยมเพื่อให้สามารถเข้าใจได้ ลัทธินิวเอจมักจะยกข้อโต้แย้งที่ว่า “ความสุขไม่ได้ขึ้นกับสภาวะภายนอก แต่ขึ้นกับสิ่งที่เรารู้สึกอยู่ภายใน ผู้คนควรหยุดไขว่คว้าความสำเร็จภายนอกอย่างมั่งคั่งกับสถานะทางสังคม และพยายามเชื่อมโยงกับความรู้สึกภายในตัวเอง” หรืออาจจะสรุปอย่างรวบรัดว่า “ความสุขเริ่มจากข้างใน” เรื่องนี้ก็เป็นอย่างเดียวกับที่นักชีววิทยาสรุปไว้ แต่ตรงกันข้ามกับที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน
พระพุทธองค์ทรงเห็นพ้องกับชีววิทยาสมัยใหม่และขบวนการนิวเอจในข้อที่ว่าความสุขไม่ได้ขึ้นกับสภาวะภายนอก แต่กระนั้นปัญญาณาณที่สำคัญและลึกซึ้งเกินไปกว่านั้นได้แก่ความเชื่อที่ว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกภายในของเราเช่นกัน ความจริงก็คือยิ่งเราให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองมากยิ่งขึ้นเท่าใด เราก็ยิ่งมีความอยากเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และเราก็จะยิ่งมีความทุกข์มากยิ่งขึ้นไปด้วย คำชี้แนะจากพระพุทธเจ้าก็คือต้องหยุดไขว่คว้าไม่เพียงแต่ความสำเร็จภายนอก แต่ยังต้องเลิกไขว่คว้าความรู้สึกภายในด้วยเช่นกัน
สรุปก็คือแบบสอบถามความเป็นอยู่ที่ดีตามอัตวิสัยทำให้เรารู้ว่าความสุขของเราขึ้นกับความรู้สึกแบบอัตวิสัยของเรา และทำให้รู้ว่าการไขว่คว้าหาความสุขจะทำได้ก็ด้วยการไขว่คว้าหาสภาวะทางอารมณ์บางอย่าง ในทางตรงกันข้าม ปรัชญาและศาสนาดั้งเดิมจำนวนมาก เช่น ศาสนาพุทธ กลับมองว่ากุญแจหลักไปสู่ความสุขได้แก่ การรู้จักตัวตนของเราเองอย่างแท้จริง กล่าวคือเข้าใจว่าเราเป็นใครหรือเป็นอะไรกันแน่ คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเกี่ยวกับความรู้สึก ความนึกคิด ความชอบและไม่ชอบของตัวเอง เมื่อพวกเขาโกรธ พวกเขาจะคิดว่า ‘ฉันโกรธ นี่คือความโกรธของฉัน’ ผลก็คือพวกเขาต้องใช้เวลาชั่วชีวิตพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกบางอย่างและพยายามไขว่คว้าหาความรู้สึกบางอย่าง พวกเขาไม่เคยตระหนักเลยว่าอารมณ์พวกนี้ไม่ใช่อารมณ์ของพวกเขาเลย และการไขว่คว้าตามหาความรู้สึกบางอย่างก็เพียงแต่ทำให้พวกเขาติดกับอยู่ในความทุกข์เท่านั้น
หากเรื่องที่กล่าวมานี้ถูกต้อง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของความสุขก็อาจจะไปผิดทางกันหมด เป็นไปได้ว่าการที่ความคาดหวังของผู้คนได้รับการเติมเต็ม หรือการที่พวกเขารู้สึกยินดีมีสุข ก็ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรมากนัก คำถามหลักจึงควรจะเป็นว่าผู้คนเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวพวกเขาเองหรือไม่? เรามีหลักฐานใดบ้างหรือไม่ว่าคนในทุกวันนี้เข้าใจความจริงในข้อนี้ดีกว่าพรานป่าโบราณหรือชาวไร่ยุคกลาง?
นักวิชาการเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์ของความสุขเพียงแค่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเรายังคงเริ่มตั้งทฤษฎี สร้างสูตรคำนวณ และค้นหาวิธีการวิจัยที่เหมาะสมกันอยู่ คงเร็วเกินกว่าจะยอมรับข้อสรุปที่ไม่ยืดหยุ่น และจบการอภิปรายทั้งที่ยังแทบจะไม่ได้เริ่มต้นศึกษากันจริงจังเลย เรื่องสำคัญที่ต้องรู้ก็คือเราควรใช้วิธีการศึกษาที่แตกต่างกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และต้องถามคำถามที่ถูกต้อง...
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
เรื่อง สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระอภิธรรม
อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คู่มือการศึกษาพระอภิธรรมทางไปรษณีย์ เรื่อง สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระอภิธรรม เรียบเรียงโดย วิศิษฐ์ ชัยสุวรรณ มูลนิธิเผยแผ่พระสัทธรรม จัดพิมพ์เป็นธร
satanmipop
พุทธวจน
ไม่ทราบว่าพอจะแนะนำหนังสือ พุทธวจน สักเล่มหนึ่งได้ไหมคับ ที่มีเนื้อหาอ่านง่ายๆ อ่านแล้วรู้สึกโดนอ่ะคับ ถือว่าเป็นธรรมทานก็แล้วกันนะคับ ขอบคุณคับ
สมาชิกหมายเลข 1082715
อ่านหนังสือการ์ตูน คู่มือมนุษย์ (สงสัยมั้ยธรรมะ)
. วันนี้มีโอกาสได้รับหนังสือเล่มนี้มาค่ะ (^____^) สดๆร้อนๆเลย เลยขอนำเนื้อหา "บางส่วน" มาให้ได้ลองอ่านกันค่ะ สงสัยมั้ยธรรมะ พุทธทาส คู่มือมนุษย์ ตอน พระพุทธศาสนากับคนทั่
อาณาจักรสีเขียว
หลวงปู่เทสก์อธิบายความหมายของ อนัตตา
"หลักอนัตตา ในทางพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ด้วยปัญญาอันชอบ พระองค์ มิได้ตรัสว่าอนัตตา เป็นของไม่มีตน มีตัวเป็นของว่างเปล่า พระองค์ตรัสว่า... ตัวตน คือร่างกายของ ฅนเรา อันได้แก่ ขันธ์ทั้
สมาชิกหมายเลข 9123539
เพื่อนคริสเตียนของผมบอกว่า ในศาสนาพุทธมีตำราที่บอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากผู้สร้าง จริงหรือไม่ครับ
ไม่ได้มีเจตนาทำลายความเชื่อถือของชาวคริส แต่ผมสงสัยที่เค้าพูดว่า ก่อนเค้าเปลี่ยนจากพุทธมาเป็นคริส แม่เค้าเปิดหนังสือเล่มใหญ่ๆ (ไม่รู้ว่าหนังสืออะไรนะครับ ไตรปิฎกรึป่าว) เค้าบอกว่า มีท่อนที่เขียนว่า&qu
สมาชิกหมายเลข 844967
บอกต่อครับ สำหรับผู้เริ่มเขียนเว็บ แนะนำหนังสือ ของเขาดีนะ
เริ่มต้นด้วย เล่มแรกครับ สร้างเว็บแอพพลิเคชั่นด้วยPHP+MySQL+AJAX+jQuery เนื้อหาดีมาก มีภาพอธิบายประกอบ เพื่อการเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ( อยู่ที่บุคคลอื่นด้วยนะ ) จากค่าย Simplify ครับ ต่อด้วยเล่ม 2 ครับ
สมาชิกหมายเลข 2242747
Gundam thunderbolt แปลไมย เล่ม 9 จะออกไหมครับ
ตามหัวข้อโพสเลยครับ หรือยกเลิกการพิมพ์ไปแล้ว เพราะ
สมาชิกหมายเลข 4797080
จะพิมพ์หนังสือ ธรรมะครับ แจกฟรีครับ
ขนาดเล่มประมาณ หนังสือการ์ตูนขายหัวเราะ ความหนา 300 หน้า ครับ ขาวดำ อยากทำสัก 20 เล่มครับ มีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ครับ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ :)
สมาชิกหมายเลข 1069455
ชำแหละ ลัทธิ วจน
เจ้าลัทธิ วจน ผู้ถูกต้นสังกัด ประกาศตัดจากการเป็นวัดสาขา ผู้ประกาศว่าค้นพบ วจน แท้ แกะจากภาษาพราหมณ์มีที่บันทึกอยู่บนเสาอโศก 1 เสาอโศกมิได้มีบันทึก พระธรรมวินัย แต่บันทึกพระราชโองการแห่ง พระเจ้
สมาชิกหมายเลข 3662313
พระพรหมสร้างโลกจริงหรอ มีคำตอบครับ
คำนำ หนังสือนี้สำเร็จเป็นเล่มขึ้นด้วยความมุ่งประสงค์ที่จะเฉลิมฉลองพระเกียรติ สมเด็จท้าวมหาพรหมสหัมปติ ซึ่งพระองค์ได้มีพระทัยเมตตาทะนุบำรุงอาตมาภาพ ในการบำเพ็ญกิจกรรมพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป และ
Rabmaidai
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ศาสนาพุทธ
ความเชื่อส่วนบุคคล
วิทยาศาสตร์
ปัญหาชีวิต
หนังสือ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ความสุข (พุทธศาสนา) อธิบายแบบนี้ก็ดีนะ
ผมได้อ่านหนังสือหนาๆ เล่มหนึ่ง เขาเขียนเกี่ยวกับ ศาสนาพุทธ ไว้ได้ดี ผมจึงอยากเอามาแบ่งปันกันครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พิมพ์เสร็จละคับ แต่กดผิดที่ทำไว้เลยหายไป 55 (แก้ไขละ เนื้อหาอยู่ในสปอยข้างล่างนะ)