รู้ตัวว่าตัวเองเครียดมาตั้งแต่15 จนตอนนี้อายุ22แล้วดูเหมือนว่าจะหนักขึ้นทุกวันๆ ก่อนที่เราจะตั้งกระทู้เราคิดแล้วคิดอีกว่าควรตั้งดีไหม จะดูไม่ดีหรือเปล่าที่ต้องเอาเรื่องครอบครัวออกมาบรรยายแต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจที่จะตั้งกระทู้ ตอนนั้นที่บ้านเราเริ่มมีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้คนที่บ้านบอกกับเราว่าไม่มีเงินส่งเรียนม.ปลายนะ. เราร้องให้หนักมากเราถามเขาว่าทำไมล่ะแค่ม.ปลายนะ อีก3ปีเองที่ผ่านมาเรื่องเรียนก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เขาตอบแค่ว่าคงส่งไม่ไหวหรอกหรือไม่ก็ไปเรียนสายอาชีพซะ สุดท้ายเราเข้าไปปรึกษาครูและเพื่อน จนสามารถคุยให้ได้ ตั้งแต่นั้นมาเราก็เครียดเราไม่มีความสุข เวลาเราขอเงินทำรายงานพวกเขาชอบบอกว่า"บอกแล้วๆ. ใครบอกบอกให้เรียนๆ" ช่วง15-18บอกได้เต็ปากว่าที่ที่รู้สึกว่ามีความสุขที่สุดอยู่ด้วยแล้วสบายใจคือโรงเรียนและเพื่อน 16:00ของแต่ละวันเราจะเครียดคิดตลอดว่าไม่อยาดกลับไปอยู่ตรงนั้น ถ้ากลับไปก็ต้องเจอสีหน้าเหนื่อยหน่ายของคนในครอบครัว บางครั้งนั่งอยู่ดีๆเราก็ร้องให้ออกมา ถามตัวเองซ้ำๆว่าเกิดมาทำไม ถ้าเกิดมาเป็นภาระแล้วเกิดมาทำไม ไหนจะประโยคที่ได้ยินเกือบทุกวัน"ดูลูกเขาสิ อายุแค่นั้นทำได้ทุกอย่างช่วยพ่แแม่หาเงินแล้ว" คำพูดพวกนี้เราเจ็บปวดที่สุดเราไม่เข้าใจ คนเราไม่เหมือนกันทุกคนทำไมเขาถึงพูดแต่เรื่องที่มันบั่นทอนจิตใจ พอขึ้นม.6เราขอเรียนมหาลัย เขาตอบกลับมาว่า"ไม่เคยหวังอะไรด้วยอยู่แล้ว ฉะนั้นเรื่องมหาลัยอย่าไปคิด" เราเลยบอกว่าเราสอบติดคณะที่ทุกคนเคยบอกว่าต้องเรียนอันนี้ๆนะลูก เขาก็ตอบมาเหมือนเดิมว่าติดแล้วไง คำพูดนี้แหละตัดฟางเส้นสุดท้ายที่พยายามยึดติดให้อยู่กับเราขาดสะบั้น เราร้องให้หนักมาก ตอนจบม.6เราขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนร่วมปีแม้แต่คนในหมู่บ้านก็ยังคิดว่าเราไปทำงานแล้ว ผ่านไป1ปีที่อยู่แต่บ้านไม่เคยออกไปไหนที่ต้องพบผู้คนเราก็เริ่มคิดว่าไม่ได้ละขนาดเราติดแหงกอยู่แบบนี้เขายังไม่สนเราเลย เราเลยตัดสินใจไปหางานทำระหว่างที่ไปทำงานต่างที่ต่างถิ่นเขาไม่เคยโทรถามเราเลยว่าสบายดีไหมเป็นยังไงบ้าง ตอนนั้นเราทั้งท้อและเครียด จนถึงขั้นคิดว่าตายอยู่ที่นี่เลยดีไหมนะ พอเครียดมากๆประสิทธิภาพในการทำงานมันลดลงเราตัดสินใจย้ายงาน แต่สุดท้ายก็ไม่รอด เราบอกว่าขอกลับบ้านนะ เขาก็โอเค พอกลับมาบ้านจากที่มีเงินใช้เองนานวันเข้าเงินก็หมด จะออกไปทำงานตอนนั้นก็หมดไฟในทุกๆเรื่อง สิ่งที่อยู่ในหัวมีอย่างเดียวคืออยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
มากสุดคือการทำร้ายร่างกายตัวเอง เพราะคำพูดที่ทำให้คนฟังฟังแล้วต้องเจ็บช้ำ ลูกแบบนี้ใครเขาอยากมี และไปตายไหนก็ไปคนแบบนี้อ่ะ บางครั้งเราขับรถอยู่เรายังคิดเลยว่าในรถใหญ่18ล้อพวกนี้ชนดีไหม ดูเหมือนจะง่ายสุดละ ไปเร็วด้วย ไม่ต้องทรมานนานๆ นั่นคือสิ่งที่เราคิดทุกวัน แต่ทุกวันนี้จะหนักหน่อย3วันดี4วันเครียด เราเคยเปรยๆกับเขาว่าบางทีก็อยากไปปรึกษาหมอที่โรงบาลจิตเวชนะ(จังหวัดเราไม่มีคลินิกจิตแพทย์โดยตรง แต่มีคนบอกว่าที่กทมมี ซึ่งไม่มีทางไปได้ค่าใช้จ่ายเยอะ) แล้วเขาถามกลับมาว่าไปทำไมเป็นบ้าหรอ ครั้งนี้เราว่าเราหนักขึ้นๆ เราเลยอยากถามว่าควรพูดคุยกับที่บ้านยังไงดีคะ
อยากพบจิตแพทย์แต่กลัวที่บ้านไม่เข้าใจ
มากสุดคือการทำร้ายร่างกายตัวเอง เพราะคำพูดที่ทำให้คนฟังฟังแล้วต้องเจ็บช้ำ ลูกแบบนี้ใครเขาอยากมี และไปตายไหนก็ไปคนแบบนี้อ่ะ บางครั้งเราขับรถอยู่เรายังคิดเลยว่าในรถใหญ่18ล้อพวกนี้ชนดีไหม ดูเหมือนจะง่ายสุดละ ไปเร็วด้วย ไม่ต้องทรมานนานๆ นั่นคือสิ่งที่เราคิดทุกวัน แต่ทุกวันนี้จะหนักหน่อย3วันดี4วันเครียด เราเคยเปรยๆกับเขาว่าบางทีก็อยากไปปรึกษาหมอที่โรงบาลจิตเวชนะ(จังหวัดเราไม่มีคลินิกจิตแพทย์โดยตรง แต่มีคนบอกว่าที่กทมมี ซึ่งไม่มีทางไปได้ค่าใช้จ่ายเยอะ) แล้วเขาถามกลับมาว่าไปทำไมเป็นบ้าหรอ ครั้งนี้เราว่าเราหนักขึ้นๆ เราเลยอยากถามว่าควรพูดคุยกับที่บ้านยังไงดีคะ