ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้File 7 : เรื่องเก่าๆ [บทปัญหา]
https://pantip.com/topic/38567293
แนะนำตัวละคร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
- 2 -
ที่ภัตตาคาร ปลายและพ่อของเขายังคงทานอาหารอยู่ พวกเขากินพลางคุยกันไปด้วย
“ช่วงนี้ แกโทรหาฉันบ่อยนะ” พ่อปลายพูดขึ้นมา
ปลายยิ้มตอบ “อ่ะ..ครับ ก็ผมคิดถึงพ่อนี่”
“เหรอ... อย่ามาพูดเลย” พ่อเขาว่าสวนไปทันที “แกให้ฉันช่วยทุกทีเลย ยังดีที่ฉันมีตำแหน่งและรู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ...แต่ยังไงแกก็อย่าลืมไปขอบคุณสารวัตรเอ็ม ..ไม่ใช่สิ ผู้กำกับเอ็มด้วยล่ะ เขาดูแลพื้นที่นั้นอยู่พอดี”
“ได้ครับ” ปลายพยักหน้ารับ มองหน้าผู้เป็นพ่อ “แล้วผมจะไปขอบคุณลุงเอ็มเองครับ”
“อืม..“ พ่อปลายอมยิ้มมองลูกตัวเอง “แล้วช่วงนี้แกยังฝึกพวกศิลปะป้องกันตัวอยู่อีกหรือเปล่า?”
“ก็มีบ้างครับ ไม่นานมานี้ ผมก็ไปแข่งยูโดมา ได้เหรียญทองด้วยนะครับ”
“ก็ดีแล้ว อย่างแกมันก็น่าจะได้เหรียญทองอยู่แล้ว ฝึกมาตั้งนาน ...ไม่งั้นหลังจากตอนที่ถูกลักพาตัวไป ฉันจะให้แกฝึกไอ้พวกนี้ไว้ทำไมเล่า”
ปลายอมยิ้ม นั่งฟังพ่อของเขาพูดต่อไป
----------------------------------
เหลือเวลาอีกประมาณสองชั่วโมงจะถึงเวลาที่โจรเรียกค่าไถ่นัดหมาย
จ่าลูกน้องของสารวัตรเอ็มรีบวิ่งเข้ามาในห้องของพ่อปลายที่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่วางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
“สารวัตรครับ ผมได้แหล่งต้นทางของแฟกซ์แล้ว”
“ไหนเอามาดูสิ”
สารวัตรเอ็มรับเอกสารชุดหนึ่งมาจากนายตำรวจลูกน้อง ซึ่งมันคือ เอกสารแหล่งที่มาของเบอร์แฟกซ์ โดยทั้งสามเบอร์นั้นเป็นเบอร์ของร้านค้าที่ให้บริการแฟกซ์
“แล้วลองไปสอบถามตามร้านพวกนี้หรือยัง?”
“ผมไปถามแล้วครับ” ตำรวจยศน้อยตอบ “ทั้งสามร้านบอกว่าคนที่ใช้แฟกซ์เป็นผู้ชายใส่หมวกคนหนึ่งครับ ซึ่งทางร้านก็ให้แฟกซ์ไป เพราะชายผู้นี้ให้เงินค่าบริการมากทีเดียว โดยมีข้อแม้ว่า ขอแฟกซ์ด้วยตนเอง”
สารวัตรเอ็มหยุดคิด แล้วค่อยเอ่ยขึ้น “อืม..งั้นก็น่าจะมีคนจำเค้าได้สิ”
“ก็น่าจะจำได้นะครับ แต่ทางร้านบอกว่าเห็นหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ รู้แค่ลักษณะภายนอก”
“อืม.. “ สารวัตรพยักหน้า “ก็ยังดี บันทึกเก็บไว้แล้วใช่มั้ย?”
“ครับผม” จ่าตอบ “ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”
ช่างเป็นลูกน้องที่ดีจริง ๆ รู้หน้าที่มาก ๆ
สารวัตรจดรายละเอียดของที่มาของแฟกซ์ทั้งสาม แล้วเขาก็หยิบแผนที่ขึ้นมากางไว้บนโต๊ะ
ซึ่งแผนที่นี้เป็นแผนที่บ่งบอกสถานที่ทั้งหมดในเขตของที่มาของแฟกซ์ทั้งสามนี้ สารวัตรจ้องดูแล้วหยิบปากกากากบาทตำแหน่งของร้านทั้งสามไว้
“โอ้... นี่มันคนละด้านเลย ล่อซะสามมุมเชียว” สารวัตรเอ็มพูดขึ้นเมื่อมองดูแผนที่ที่กากบาทไว้แล้ว
พ่อปลายก้มดูแผนที่แผ่นนั้นบ้าง “นั่นสิ อยู่คนละมุมกันหมดเลย แล้วมันจะซ่อนปลายไว้ที่ไหน?”
แล้วนักการเมืองไฟแรงก็หยิบแผนที่นั้นขึ้นมาดูเพียงคนเดียว ปล่อยให้เพื่อนสารวัตรคิดตัวเปล่าไป แล้วสักพักเขาก็พูดขึ้นว่า
“ฉันว่ามันแปลก ๆ นะ”
“ทำไมล่ะ?” สารวัตรรีบตรงเข้ามาดู
“แกลองดูสิ ทั้งสามร้านนั้นทำมุมกันเป็นสามเหลี่ยม ..มันน่าจะมีจุดประสงค์อะไรสักอย่างที่ต้องทำอย่างนั้น”
ผู้เป็นตำรวจจ้องมองดูแผนที่นี้อีกครั้ง ซึ่งเขาก็เห็นด้วย
“เออ.. จริงของแก ฉันก็คิดว่ามันมีเรื่องที่แปลกอีกอย่างเหมือนกัน”
“อะไรล่ะ?”
นายตำรวจชี้ไปที่แผนที่ “แกลองดูแผนที่ทางฝั่งขวาสิ ...มันมีร้านให้แฟกซ์ตั้งหลายร้าน มากกว่าร้านทางฝั่งซ้ายที่พวกมันแฟกซ์มาซะอีก ซ้ำทางฝั่งซ้ายก็มีร้านแฟกซ์เพียงแค่สามร้านนั้นเท่านั้น แล้วทำไมมันต้องไปใช้แฟกซ์ของร้านทางฝั่งซ้ายหมดล่ะ แถมแต่ละร้านยังห่างกันด้วย”
เป็นอย่างที่สารวัตรเอ็มพูด ตำแหน่งของร้านแฟกซ์ที่เขากากบาทไว้อยู่ทางฝั่งซ้ายทั้งหมด ทั้งที่ฝั่งด้านขวาก็มีตำแหน่งของร้านแฟกซ์เช่นเดียวกัน
“หมายความว่า...พวกมันต้องอยู่ภายในพื้นที่ของสามร้านนี้สินะ” พ่อปลายพยักหน้า ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้ว
“ใช่ ฉันคิดว่าสถานที่ที่ปลายอยู่ น่าจะอยู่ในพื้นที่ภายในสามเหลี่ยมนี้” สารวัตรพูดพร้อมกับชี้ไปยังแผนที่ตรงด้านในของทั้งสามร้านที่ทำมุมกัน “ฉันดูแล้ว... เห็นว่าพื้นที่ภายในสามมุมนี้ไม่มีร้านแฟกซ์อยู่เลย แสดงว่ามันต้องอยู่แถวนี้แน่ เพราะถ้าอยู่ที่อื่นมันคงจะไปแฟกซ์ทางฝั่งขวามากกว่า”
“นั่นสิ” พ่อปลายพยักหน้า “แล้วแกพอรู้ยังว่าน่าจะเป็นที่ไหน?”
“ตอนนี้ยังไม่รู้เลย แต่ต้องเป็นแถวนี้แน่” สารวัตรบอก สีหน้ายังไม่ดีนัก “ไงแกก็เตรียมเงินเอาไว้ด้วยละกัน”
แต่พ่อปลายก็ยังมีทีท่าว่าไม่ยอมแพ้ เขาหยิบแฟกซ์ขึ้นมาจ้องดูอีก แล้วก็วางลงที่โต๊ะ ซึ่งเขาทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนดูน่ารำคาญทีเดียว
“ตรงนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ” พ่อปลายพูดโดยที่ในมือยังถือแฟกซ์แผ่นแรกไว้ “มันต้องเป็นรหัสที่ปลายส่งมา ..แต่มันคืออะไร น่าจะมีอะไรใบ้ไว้บ้าง”
เขาวางแฟกซ์แผ่นแรกลง เปลี่ยนมาดูแผ่นที่สอง “’ป ล. ผมอยากอ่านหนังสือญี่ปุ่นครับ’ ทำไมปลายถึงอยากอ่านหนังสือญี่ปุ่น ถ้าโดนจับอยู่ ไม่น่าจะอยากอ่านหนังสือแน่ ๆ” พ่อปลายพยายามคิดอย่างเต็มที่ “แต่ว่ายังไงมันก็ต้องเกี่ยวกับหนังสือญี่ปุ่นแน่”
พ่อปลายหันไปหาลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก บอกว่า “ช่วยไปหาหนังสือญี่ปุ่นมาให้ฉันหน่อย เร็ว ๆ ด้วย”
“ได้ครับ” ผู้เป็นลูกน้องรีบไปเอาหนังสือญี่ปุ่นที่มีอยู่ในสำนักงานนี้มาให้เจ้านายทันที
เมื่อพ่อปลายได้หนังสือญี่ปุ่นนั้นมา จึงเปิดอ่านดู “ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องนี่” เขาเปิดหนังสือญี่ปุ่นนั้นดูไปเรื่อย ๆ แล้วสักพักก็ชะงักเหมือนคิดอะไรได้ วางหนังสือแล้วหยิบแฟกซ์ขึ้นมาดูทันที
“ฉันรู้วิธีอ่านรหัสนี้แล้ว” พ่อปลายพูดขึ้นด้วยท่าทางดีใจ
สารวัตรเอ็มที่เดินไปเดินมาอยู่รอบ ๆ ได้ยินจึงเข้ามาหาทันที “ไหน?”
พ่อปลายพูดต่อ “’นย รี เงร โ มา ข้งร ตยู่ อ’ ฉันรู้แล้วว่ามันอ่านว่าอย่างไร”
“แล้วอ่านว่าอย่างไรล่ะ?”
นักการเมืองไฟแรงมองหน้าผู้เป็นเพื่อน ทำท่าทางเหมือนจะลองเชิงเล็กน้อย “แกลองอ่านจากหลังมาหน้าสิ โดยเอาทั้งหมดรวมกันไม่ต้องเว้นวรรค”
สารวัตรเอ็มรีบหยิบแฟกซ์ขึ้นมาดู แล้วอ่านตามแบบที่พ่อปลายบอก ” อยู่..ตรง..ข้าม..โรงเรียน”
“ใช่แล้ว มันอ่านว่าอยู่ตรงข้ามโรงเรียน ฉันนึกออกโดยสังเกตจากหนังสือญี่ปุ่น เพราะในหนังสือญี่ปุ่นมันจะอ่านจากขวามาซ้าย ไม่เหมือนของไทยที่อ่านซ้ายมาขวา แล้วในแผ่นที่ โรงเรียนก็อยู่ภายในทั้งสามมุมนั้นด้วย”
สารวัตรท่าจะเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดแล้ว “งั้นแสดงว่าที่ที่ปลายอยู่ต้องอยู่ตรงข้ามโรงเรียน แล้วสถานที่ที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียนมีแห่งเดียว คือ โรงแรม A นั่นเอง”
เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว สารวัตรเอ็มก็วางแผนนำทีมบุกเข้าไปในโรงแรม A โดยใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบลอบเข้าไปสังเกตการณ์ก่อน พอได้ห้องที่แน่ชัดแล้ว จึงบุกเข้าจับกุมทันที ซึ่งพวกเขาก็สามารถจับตัวโจรเรียกค่าได้สำเร็จ ช่วยปลายออกมาได้อย่างปลอดภัย
หลังจากช่วยปลายได้แล้ว สารวัตรเอ็มจึงพาปลายไปหาผู้เป็นพ่อ ทั้งสองเมื่อเจอหน้าปุ๊บก็โผเข้ากอดกันทันที
“ปลายเป็นไงบ้าง?” พ่อเอ่ยถาม
“ก็ไม่เป็นไรครับพ่อ” ปลายยังมีสีหน้าดีอยู่ “ผมนึกถึงที่พ่อบอกอยู่เสมอ ..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องตั้งสติ ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คิดหาวิธีแก้ไข ...พอผมตั้งสติได้ ก็เลยออกปากขอโจรมันเขียนแฟกซ์เอง โดยอ้างว่าพ่อจะได้รู้ว่าถูกจับไปจริง ๆ มันก็เชื่อผม ยอมให้เขียน พวกมันก็ดูที่แฟกซ์ที่เขียนด้วยนะครับ แต่มันไม่เข้าใจไปส่งทั้งยังงั้นเลย จึงเป็นไปตามแผนผม ...ผมเชื่อว่าพ่อต้องรู้และไขรหัสที่ผมเขียนได้ แล้ววางแผนช่วยผมได้อย่างปลอดภัยครับ”
“ดีแล้วลูก” ผู้เป็นพ่อแย้มยิ้มโอบตัวลูกชาย “ปลายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
แล้วพวกเขาก็สวมกอดกันอีกครั้ง
ในที่สุดคดีนี้ก็จบลงด้วยดี โดยจากเหตุการณ์นี้พ่อของปลายได้ชื่อว่าช่วยเหลือตำรวจในการจับกุม ทำให้พลอยมีภาพพจน์ดีขึ้นด้วย แต่เขาก็ยังใช้อำนาจปิดเรื่องของเขากับปลายไว้โดยตลอด
-------------------
ที่ภัตตาคาร ตอนนี้อาหารตรงหน้าของทั้งสองไม่เหลือแล้ว ทั้งคู่จึงดื่มน้ำพลางพูดคุยกัน
นักการเมืองผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายตัวเอง แล้วพูดขึ้นว่า “นี่ฉันไม่ได้กินข้าวกับแกนานเท่าไหร่แล้ว ..จำได้ว่าครั้งก่อนก็หลายปีแล้วนะ”
“ก็ราว ๆ นั้นแหละครับ ...นานพอดูเลย” ปลายยิ้มตอบ
“นั่นสิ” พ่อของเขายิ้ม “แต่ตอนนั้น ..ตอนที่แกถูกโจรจับไป แกคิดรหัสนั้นได้ไง ฉันยังไม่ได้ถามแกสักที”
“ตอนนั้นหรือครับ” ปลายหยุดคิด เพราะเรื่องนี้นานมากแล้วจึงใช้เวลาคิดสักพัก “อ้อ... ตอนเด็ก ๆ ผมเคยใช้มันลงท้ายในจดหมายที่ผมเขียนให้เด็กผู้หญิงที่ชอบน่ะครับ ..เพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเป็นใคร มันก็แค่นี้แหละครับ ยังไงผมก็ใช้มันช่วยให้พ่อรู้ที่อยู่จนช่วยผมมาได้นี่ ...แล้วตอนนั้นก็ช่วยให้พ่อได้รับการเลือกตั้งด้วยนะครับ”
“ใช่ ถึงไอ้เรื่องช่วยแกมันจะดี สามารถช่วยให้ภาพพจน์ฉันดีขึ้น แต่แกก็รู้นี่... ว่าฉันจำเป็นต้องแต่งงานกับลูกสาวอธิบดีกรมตำรวจในตอนนั้น แล้วยังมีเรื่องหลังจากที่ช่วยแกออกมา ที่ฉันต้องพาแกส่งกลับไปหาแม่ ช่วงนั้นดันมีนักข่าวเข้ามายุ่ง…” พ่อปลายหยุดพูด แล้วยกแก้วน้ำดื่มอีกอึก
“แล้วพวกนักข่าว มันถามอะไรพ่อเหรอครับ?” ปลายถามด้วยความสงสัย
“พวกมันถามว่าฉันเป็นอะไรกับแกน่ะสิ.. ฉันน่ะนิ่งไปเลย มันก็คะยั้นคะยอ สุดท้ายก็ต้องแข็งใจปฏิเสธไปว่าแกไม่เกี่ยวกับฉัน แค่ช่วยออกมา แต่แม่แกกลับออกมาพอดีแล้วไปได้ยิน ..เท่านั้นแหละ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ยอมให้ฉันเจอหน้าเลย พอฉันต้องแต่งงาน ไปจดทะเบียนสมรสกับลูกสาวอธิบดีนั่น ยิ่งทำให้เรื่องนี้หนักเข้าไปใหญ่ เพราะยังไม่ได้จดกับแม่แกเลย” พ่อปลายพูดด้วยอาการซึม ๆ เพราะรู้ว่าตัวเองผิด “..แต่นั่นมันก็เพราะความจำเป็น เพื่ออนาคตที่ดี ..ถึงยังไงฉันก็ยังรักแม่แกอยู่ตลอด ไม่เคยเปลี่ยนหรอก ปลายแกช่วยพูดให้ฉันด้วยนะ”
ปลายมองหน้าพ่อตัวเองพูดว่า “คงไม่ได้หรอกครับท่านรัฐมนตรี” แล้วลุกขึ้นทันที “มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ครับ เด็ก ๆ อย่างผมไม่เกี่ยว พ่อก็หาเวลาไปบอกเองนะครับ ยังไงผมก็ขอบคุณนะครับที่เลี้ยงอาหารในวันนี้”
และแล้วหนุ่มผมตั้งก็เดินออกไป
ผู้เป็นพ่อพยายามเรียกเขา แต่ปลายก็ไม่หันมา ยังก้าวเดินต่อไป
แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็หยุดเดิน หันมาทางพ่อตัวเอง พร้อมพูดขึ้น ว่า
“ผมรักพ่อครับ”
…………………………………………………จบตอน
ปลาย นักสืบจำเป็น - File 7 : เรื่องเก่าๆ [บทเฉลย]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ภัตตาคาร ปลายและพ่อของเขายังคงทานอาหารอยู่ พวกเขากินพลางคุยกันไปด้วย
“ช่วงนี้ แกโทรหาฉันบ่อยนะ” พ่อปลายพูดขึ้นมา
ปลายยิ้มตอบ “อ่ะ..ครับ ก็ผมคิดถึงพ่อนี่”
“เหรอ... อย่ามาพูดเลย” พ่อเขาว่าสวนไปทันที “แกให้ฉันช่วยทุกทีเลย ยังดีที่ฉันมีตำแหน่งและรู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ...แต่ยังไงแกก็อย่าลืมไปขอบคุณสารวัตรเอ็ม ..ไม่ใช่สิ ผู้กำกับเอ็มด้วยล่ะ เขาดูแลพื้นที่นั้นอยู่พอดี”
“ได้ครับ” ปลายพยักหน้ารับ มองหน้าผู้เป็นพ่อ “แล้วผมจะไปขอบคุณลุงเอ็มเองครับ”
“อืม..“ พ่อปลายอมยิ้มมองลูกตัวเอง “แล้วช่วงนี้แกยังฝึกพวกศิลปะป้องกันตัวอยู่อีกหรือเปล่า?”
“ก็มีบ้างครับ ไม่นานมานี้ ผมก็ไปแข่งยูโดมา ได้เหรียญทองด้วยนะครับ”
“ก็ดีแล้ว อย่างแกมันก็น่าจะได้เหรียญทองอยู่แล้ว ฝึกมาตั้งนาน ...ไม่งั้นหลังจากตอนที่ถูกลักพาตัวไป ฉันจะให้แกฝึกไอ้พวกนี้ไว้ทำไมเล่า”
ปลายอมยิ้ม นั่งฟังพ่อของเขาพูดต่อไป
จ่าลูกน้องของสารวัตรเอ็มรีบวิ่งเข้ามาในห้องของพ่อปลายที่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่วางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
“สารวัตรครับ ผมได้แหล่งต้นทางของแฟกซ์แล้ว”
“ไหนเอามาดูสิ”
สารวัตรเอ็มรับเอกสารชุดหนึ่งมาจากนายตำรวจลูกน้อง ซึ่งมันคือ เอกสารแหล่งที่มาของเบอร์แฟกซ์ โดยทั้งสามเบอร์นั้นเป็นเบอร์ของร้านค้าที่ให้บริการแฟกซ์
“แล้วลองไปสอบถามตามร้านพวกนี้หรือยัง?”
“ผมไปถามแล้วครับ” ตำรวจยศน้อยตอบ “ทั้งสามร้านบอกว่าคนที่ใช้แฟกซ์เป็นผู้ชายใส่หมวกคนหนึ่งครับ ซึ่งทางร้านก็ให้แฟกซ์ไป เพราะชายผู้นี้ให้เงินค่าบริการมากทีเดียว โดยมีข้อแม้ว่า ขอแฟกซ์ด้วยตนเอง”
สารวัตรเอ็มหยุดคิด แล้วค่อยเอ่ยขึ้น “อืม..งั้นก็น่าจะมีคนจำเค้าได้สิ”
“ก็น่าจะจำได้นะครับ แต่ทางร้านบอกว่าเห็นหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ รู้แค่ลักษณะภายนอก”
“อืม.. “ สารวัตรพยักหน้า “ก็ยังดี บันทึกเก็บไว้แล้วใช่มั้ย?”
“ครับผม” จ่าตอบ “ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว”
ช่างเป็นลูกน้องที่ดีจริง ๆ รู้หน้าที่มาก ๆ
สารวัตรจดรายละเอียดของที่มาของแฟกซ์ทั้งสาม แล้วเขาก็หยิบแผนที่ขึ้นมากางไว้บนโต๊ะ
ซึ่งแผนที่นี้เป็นแผนที่บ่งบอกสถานที่ทั้งหมดในเขตของที่มาของแฟกซ์ทั้งสามนี้ สารวัตรจ้องดูแล้วหยิบปากกากากบาทตำแหน่งของร้านทั้งสามไว้
“โอ้... นี่มันคนละด้านเลย ล่อซะสามมุมเชียว” สารวัตรเอ็มพูดขึ้นเมื่อมองดูแผนที่ที่กากบาทไว้แล้ว
พ่อปลายก้มดูแผนที่แผ่นนั้นบ้าง “นั่นสิ อยู่คนละมุมกันหมดเลย แล้วมันจะซ่อนปลายไว้ที่ไหน?”
แล้วนักการเมืองไฟแรงก็หยิบแผนที่นั้นขึ้นมาดูเพียงคนเดียว ปล่อยให้เพื่อนสารวัตรคิดตัวเปล่าไป แล้วสักพักเขาก็พูดขึ้นว่า
“ฉันว่ามันแปลก ๆ นะ”
“ทำไมล่ะ?” สารวัตรรีบตรงเข้ามาดู
“แกลองดูสิ ทั้งสามร้านนั้นทำมุมกันเป็นสามเหลี่ยม ..มันน่าจะมีจุดประสงค์อะไรสักอย่างที่ต้องทำอย่างนั้น”
ผู้เป็นตำรวจจ้องมองดูแผนที่นี้อีกครั้ง ซึ่งเขาก็เห็นด้วย
“เออ.. จริงของแก ฉันก็คิดว่ามันมีเรื่องที่แปลกอีกอย่างเหมือนกัน”
“อะไรล่ะ?”
นายตำรวจชี้ไปที่แผนที่ “แกลองดูแผนที่ทางฝั่งขวาสิ ...มันมีร้านให้แฟกซ์ตั้งหลายร้าน มากกว่าร้านทางฝั่งซ้ายที่พวกมันแฟกซ์มาซะอีก ซ้ำทางฝั่งซ้ายก็มีร้านแฟกซ์เพียงแค่สามร้านนั้นเท่านั้น แล้วทำไมมันต้องไปใช้แฟกซ์ของร้านทางฝั่งซ้ายหมดล่ะ แถมแต่ละร้านยังห่างกันด้วย”
เป็นอย่างที่สารวัตรเอ็มพูด ตำแหน่งของร้านแฟกซ์ที่เขากากบาทไว้อยู่ทางฝั่งซ้ายทั้งหมด ทั้งที่ฝั่งด้านขวาก็มีตำแหน่งของร้านแฟกซ์เช่นเดียวกัน
“หมายความว่า...พวกมันต้องอยู่ภายในพื้นที่ของสามร้านนี้สินะ” พ่อปลายพยักหน้า ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้ว
“ใช่ ฉันคิดว่าสถานที่ที่ปลายอยู่ น่าจะอยู่ในพื้นที่ภายในสามเหลี่ยมนี้” สารวัตรพูดพร้อมกับชี้ไปยังแผนที่ตรงด้านในของทั้งสามร้านที่ทำมุมกัน “ฉันดูแล้ว... เห็นว่าพื้นที่ภายในสามมุมนี้ไม่มีร้านแฟกซ์อยู่เลย แสดงว่ามันต้องอยู่แถวนี้แน่ เพราะถ้าอยู่ที่อื่นมันคงจะไปแฟกซ์ทางฝั่งขวามากกว่า”
“นั่นสิ” พ่อปลายพยักหน้า “แล้วแกพอรู้ยังว่าน่าจะเป็นที่ไหน?”
“ตอนนี้ยังไม่รู้เลย แต่ต้องเป็นแถวนี้แน่” สารวัตรบอก สีหน้ายังไม่ดีนัก “ไงแกก็เตรียมเงินเอาไว้ด้วยละกัน”
แต่พ่อปลายก็ยังมีทีท่าว่าไม่ยอมแพ้ เขาหยิบแฟกซ์ขึ้นมาจ้องดูอีก แล้วก็วางลงที่โต๊ะ ซึ่งเขาทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง จนดูน่ารำคาญทีเดียว
“ตรงนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ” พ่อปลายพูดโดยที่ในมือยังถือแฟกซ์แผ่นแรกไว้ “มันต้องเป็นรหัสที่ปลายส่งมา ..แต่มันคืออะไร น่าจะมีอะไรใบ้ไว้บ้าง”
เขาวางแฟกซ์แผ่นแรกลง เปลี่ยนมาดูแผ่นที่สอง “’ป ล. ผมอยากอ่านหนังสือญี่ปุ่นครับ’ ทำไมปลายถึงอยากอ่านหนังสือญี่ปุ่น ถ้าโดนจับอยู่ ไม่น่าจะอยากอ่านหนังสือแน่ ๆ” พ่อปลายพยายามคิดอย่างเต็มที่ “แต่ว่ายังไงมันก็ต้องเกี่ยวกับหนังสือญี่ปุ่นแน่”
พ่อปลายหันไปหาลูกน้องของเขาที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก บอกว่า “ช่วยไปหาหนังสือญี่ปุ่นมาให้ฉันหน่อย เร็ว ๆ ด้วย”
“ได้ครับ” ผู้เป็นลูกน้องรีบไปเอาหนังสือญี่ปุ่นที่มีอยู่ในสำนักงานนี้มาให้เจ้านายทันที
เมื่อพ่อปลายได้หนังสือญี่ปุ่นนั้นมา จึงเปิดอ่านดู “ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องนี่” เขาเปิดหนังสือญี่ปุ่นนั้นดูไปเรื่อย ๆ แล้วสักพักก็ชะงักเหมือนคิดอะไรได้ วางหนังสือแล้วหยิบแฟกซ์ขึ้นมาดูทันที
“ฉันรู้วิธีอ่านรหัสนี้แล้ว” พ่อปลายพูดขึ้นด้วยท่าทางดีใจ
สารวัตรเอ็มที่เดินไปเดินมาอยู่รอบ ๆ ได้ยินจึงเข้ามาหาทันที “ไหน?”
พ่อปลายพูดต่อ “’นย รี เงร โ มา ข้งร ตยู่ อ’ ฉันรู้แล้วว่ามันอ่านว่าอย่างไร”
“แล้วอ่านว่าอย่างไรล่ะ?”
นักการเมืองไฟแรงมองหน้าผู้เป็นเพื่อน ทำท่าทางเหมือนจะลองเชิงเล็กน้อย “แกลองอ่านจากหลังมาหน้าสิ โดยเอาทั้งหมดรวมกันไม่ต้องเว้นวรรค”
สารวัตรเอ็มรีบหยิบแฟกซ์ขึ้นมาดู แล้วอ่านตามแบบที่พ่อปลายบอก ” อยู่..ตรง..ข้าม..โรงเรียน”
“ใช่แล้ว มันอ่านว่าอยู่ตรงข้ามโรงเรียน ฉันนึกออกโดยสังเกตจากหนังสือญี่ปุ่น เพราะในหนังสือญี่ปุ่นมันจะอ่านจากขวามาซ้าย ไม่เหมือนของไทยที่อ่านซ้ายมาขวา แล้วในแผ่นที่ โรงเรียนก็อยู่ภายในทั้งสามมุมนั้นด้วย”
สารวัตรท่าจะเข้าใจรายละเอียดทั้งหมดแล้ว “งั้นแสดงว่าที่ที่ปลายอยู่ต้องอยู่ตรงข้ามโรงเรียน แล้วสถานที่ที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียนมีแห่งเดียว คือ โรงแรม A นั่นเอง”
เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว สารวัตรเอ็มก็วางแผนนำทีมบุกเข้าไปในโรงแรม A โดยใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบลอบเข้าไปสังเกตการณ์ก่อน พอได้ห้องที่แน่ชัดแล้ว จึงบุกเข้าจับกุมทันที ซึ่งพวกเขาก็สามารถจับตัวโจรเรียกค่าได้สำเร็จ ช่วยปลายออกมาได้อย่างปลอดภัย
หลังจากช่วยปลายได้แล้ว สารวัตรเอ็มจึงพาปลายไปหาผู้เป็นพ่อ ทั้งสองเมื่อเจอหน้าปุ๊บก็โผเข้ากอดกันทันที
“ปลายเป็นไงบ้าง?” พ่อเอ่ยถาม
“ก็ไม่เป็นไรครับพ่อ” ปลายยังมีสีหน้าดีอยู่ “ผมนึกถึงที่พ่อบอกอยู่เสมอ ..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต้องตั้งสติ ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ คิดหาวิธีแก้ไข ...พอผมตั้งสติได้ ก็เลยออกปากขอโจรมันเขียนแฟกซ์เอง โดยอ้างว่าพ่อจะได้รู้ว่าถูกจับไปจริง ๆ มันก็เชื่อผม ยอมให้เขียน พวกมันก็ดูที่แฟกซ์ที่เขียนด้วยนะครับ แต่มันไม่เข้าใจไปส่งทั้งยังงั้นเลย จึงเป็นไปตามแผนผม ...ผมเชื่อว่าพ่อต้องรู้และไขรหัสที่ผมเขียนได้ แล้ววางแผนช่วยผมได้อย่างปลอดภัยครับ”
“ดีแล้วลูก” ผู้เป็นพ่อแย้มยิ้มโอบตัวลูกชาย “ปลายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
แล้วพวกเขาก็สวมกอดกันอีกครั้ง
ในที่สุดคดีนี้ก็จบลงด้วยดี โดยจากเหตุการณ์นี้พ่อของปลายได้ชื่อว่าช่วยเหลือตำรวจในการจับกุม ทำให้พลอยมีภาพพจน์ดีขึ้นด้วย แต่เขาก็ยังใช้อำนาจปิดเรื่องของเขากับปลายไว้โดยตลอด
นักการเมืองผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายตัวเอง แล้วพูดขึ้นว่า “นี่ฉันไม่ได้กินข้าวกับแกนานเท่าไหร่แล้ว ..จำได้ว่าครั้งก่อนก็หลายปีแล้วนะ”
“ก็ราว ๆ นั้นแหละครับ ...นานพอดูเลย” ปลายยิ้มตอบ
“นั่นสิ” พ่อของเขายิ้ม “แต่ตอนนั้น ..ตอนที่แกถูกโจรจับไป แกคิดรหัสนั้นได้ไง ฉันยังไม่ได้ถามแกสักที”
“ตอนนั้นหรือครับ” ปลายหยุดคิด เพราะเรื่องนี้นานมากแล้วจึงใช้เวลาคิดสักพัก “อ้อ... ตอนเด็ก ๆ ผมเคยใช้มันลงท้ายในจดหมายที่ผมเขียนให้เด็กผู้หญิงที่ชอบน่ะครับ ..เพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเป็นใคร มันก็แค่นี้แหละครับ ยังไงผมก็ใช้มันช่วยให้พ่อรู้ที่อยู่จนช่วยผมมาได้นี่ ...แล้วตอนนั้นก็ช่วยให้พ่อได้รับการเลือกตั้งด้วยนะครับ”
“ใช่ ถึงไอ้เรื่องช่วยแกมันจะดี สามารถช่วยให้ภาพพจน์ฉันดีขึ้น แต่แกก็รู้นี่... ว่าฉันจำเป็นต้องแต่งงานกับลูกสาวอธิบดีกรมตำรวจในตอนนั้น แล้วยังมีเรื่องหลังจากที่ช่วยแกออกมา ที่ฉันต้องพาแกส่งกลับไปหาแม่ ช่วงนั้นดันมีนักข่าวเข้ามายุ่ง…” พ่อปลายหยุดพูด แล้วยกแก้วน้ำดื่มอีกอึก
“แล้วพวกนักข่าว มันถามอะไรพ่อเหรอครับ?” ปลายถามด้วยความสงสัย
“พวกมันถามว่าฉันเป็นอะไรกับแกน่ะสิ.. ฉันน่ะนิ่งไปเลย มันก็คะยั้นคะยอ สุดท้ายก็ต้องแข็งใจปฏิเสธไปว่าแกไม่เกี่ยวกับฉัน แค่ช่วยออกมา แต่แม่แกกลับออกมาพอดีแล้วไปได้ยิน ..เท่านั้นแหละ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ยอมให้ฉันเจอหน้าเลย พอฉันต้องแต่งงาน ไปจดทะเบียนสมรสกับลูกสาวอธิบดีนั่น ยิ่งทำให้เรื่องนี้หนักเข้าไปใหญ่ เพราะยังไม่ได้จดกับแม่แกเลย” พ่อปลายพูดด้วยอาการซึม ๆ เพราะรู้ว่าตัวเองผิด “..แต่นั่นมันก็เพราะความจำเป็น เพื่ออนาคตที่ดี ..ถึงยังไงฉันก็ยังรักแม่แกอยู่ตลอด ไม่เคยเปลี่ยนหรอก ปลายแกช่วยพูดให้ฉันด้วยนะ”
ปลายมองหน้าพ่อตัวเองพูดว่า “คงไม่ได้หรอกครับท่านรัฐมนตรี” แล้วลุกขึ้นทันที “มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ครับ เด็ก ๆ อย่างผมไม่เกี่ยว พ่อก็หาเวลาไปบอกเองนะครับ ยังไงผมก็ขอบคุณนะครับที่เลี้ยงอาหารในวันนี้”
และแล้วหนุ่มผมตั้งก็เดินออกไป
ผู้เป็นพ่อพยายามเรียกเขา แต่ปลายก็ไม่หันมา ยังก้าวเดินต่อไป
แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็หยุดเดิน หันมาทางพ่อตัวเอง พร้อมพูดขึ้น ว่า
“ผมรักพ่อครับ”