เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว ทั่วคันไซ 5 วัน 4 คืน ด้วย JR pass คุณก็เที่ยวได้!

      เว้นว่างจากการฟังเต่างอย เราก็จะพาทุกคนไปเที่ยวภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่นในหน้าหนาวแบบโซโลเดี่ยว ด้วยงบที่ถูกแบบถูก แต่ว่าเท่าไหร่นั้น ตามอ่านกันดูนะครับ 55555 (แจกแผนเที่ยวด้วยนะครับ อิอิ)
ด้วยความที่มหาลัยที่เราเรียนมันมีหยุดกีฬามหาวิทยาลัยถึง 1 สัปดาห์ ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เอาวะ ถ้าไม่ไปไหนเลยก็ไม่ใช่ละ เปิด expedia หาตั๋วอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่บ้าญี่ปุ่น จะชวนเพื่อนก็ไม่มีเพื่อนให้ชวน  ร้องไห้ ก็นั่งหาไปเรื่อย ไปเจอ Don-Kix 8,800 บาทเข้าก็กดจอง ป๊าป!! เข้าไป แล้วค่อยวางแผน 55555 จองก่อนค่อยคิดที่แท้จริง
จากนั้นก็จองตั๋วรถไฟตาม เราเลือกใช้ JR kansai thru Pass เพราะครอบคลุมห้าวันพอดี ต้องบอกว่าญี่ปุ่นเค้าแน่นอนเรื่องการเดินทางจริงๆ มีรถไฟเข้าถึงหมด มันดีมาก จากนั้นเดือนต่อมาค่อยจองที่พัก เพราะเลือกนานมาก วางแผนนานมาก จนสุดท้าย ได้ Osaka guesthouse nest มา ที่ตั้งดี อยู่สถานี Teradacho ราคาดี มีข้าวเช้าให้ ทีนี้เนื่องจากไปคนเดียว กลัวจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น เลยซื้อประกันการเดินทางแยก พ่อแม่จะได้ไม่ลำบาก 5555  พร้อมแล้ว ไปโลด
signature ของเมืองเกียวโต
แต่ๆๆ ชีวิตมันไม่ง่ายขนาดนั้น กำหนดการเดินทางคือเช้าวันที่ 16 มกราคม เครื่องจะ take off อยู่แล้ว แต่ดันวิ่งกลับเข้าเกท ด้วยเหตุผลมีข้อผิดพลาดทางเทคนิค แล้วดีเลย์ไป 10 ชั่วโมง อห คือตอนนั้นฝันสลาย ความสุขหายไปจากชีวิต นี่กลายเป็นคนไร้บ้านที่ดอนเมืองทันที กินแฮมเบอเกอร์ 2 มื้อติดครั้งแรกในชีวิต แพลนวันแรกพังทันที ระหว่างนั้นก็เมล์ไปบอกที่พักว่าฉันจะถึงพรุ่งนี้นะ เค้าก็ตอบมาดีมาก ซึ้งใจ จนในที่สุดก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง นี่จะร้องไห้ ใจเต้นมาก จะได้ไปญี่ปุ่นแล้วโว้ยยยย
วันที่ 1 Osaka   
นั่งเครื่องหกชั่วโมงจนมาถึงสนามบินคันไซตอนตี 4 แล้วทำไงล่ะ ก็ต้องนั่งรอจนถึง 6 โมงเช้าไงถึงจะมีรถเข้าเมือง ได้เวลาปุ๊ปก็เดินไปซื้อตั๋วรถไฟ เพราะมันยังไม่ถึงเวลาแลก JR pass ต้องเข้าไปแลกที่สถานีโอซาก้าแทน อากาศหนาวมากกก 8 องศา ขนาดว่าเรามาจากที่ราบสูงที่คุ้นเคยกับอากาศหนาว เรายังสั่นเลย แนะนำให้เตรียมเสื้อกันหนาวไปให้ดี พอมาถึงโอซาก้าก็ไปกินข้าวเช้าก่อน เป็นร้านเปิด 24 ชั่วโมง เข้าไปก็มีคนเมา 3 คนนั่งหลับอยู่ก่อนแล้ว เหมือนในหนังญี่ปุ่นเปี๊ยบเลย
ตั๋วเข้าโอซาก้า ซื้อจากตู้ กดง่ายมาก ไม่ต้องกลัว
ร้านแรกที่ฝากท้องที่ญี่ปุ่น พนักงานน่ารักมาก เราก็ชี้ที่มันอยู่ในรูปนั่นแหละ 55555
พอแปดโมงครึ่งก้ไปแลก JR pass มา แล้วไปเชคอินที่พัก อาบน้ำเรียบร้อย ก็ออกเที่ยวโอซาก้ากันเลย ที่แรกที่ไปคือปราสาทโอซาก้านั่นเอง ตั้งเด่นเป็นสง่า สวยงามมากๆ
ไปหน้าหนาวใบไม้ก็จะโกร๋นๆหน่อย
จากนั้นก็กลับที่พักไปนอนเก็บแรงหน่อย ก็แทบไม่ได้นอนทั้งคืนเนาะ นอนเสร็จก็แหกตาตื่นไปที่ต่อไปคือ หอคอยเทนโนจิ ซึ่งห่างจากที่พัก 2 สถานี กินช้าวเย็นเป็นซูชิ อร่อยมาก อร่อยแบบไม่ไหวแล้ว ความกินซูชิที่ญี่ปุ่นมันเป็นแบบนี้นี่เอง กินเสร็จเดินเล่นนิดหน่อยก็กลับที่พักไปนอน เตรียมลุยโกเบ พรุ่งนี้
หอคอย tennoji ยามค่ำคืน
วันที่ 2 Himeji-Kobe
วันนี้ตื่นเช้ามากกก เพราะไปไกล แต่ไม่หวั่น เพราะวันนี้เราจะนั่งชิงคังเซ็ง!! เราขอยกให้ชิงคังเซ็งเป็นพาหนะที่ดีที่สุดในโลกรองจากเครื่องบิน เพราะมันเร็วมาก สบายมาก เบาะนุ่มมากด้วย จนหลับไปเลย พอหลับแล้วก็เลยสถานีไง 5555 อีหอย ความจริงเราต้องลง Himeji แต่ดันเลย จนต้องลง Aioi แล้วนั่งรถไฟธรรมดากลับมา Himeji แทน
ข้างในชิงคังเซ็ง หรูสุดๆ
ที่เที่ยวของเมืองฮิเมจิก็คือปราสาทฮิเมจิที่ขาวสะอาดตา มีความยิ่งใหญ่กว่าปราสาทโอซาก้า เป็นมรดกโลกด้วย สวยแค่ไหนตามมาดูกัน
ที่สุดทั้งความยิ่งใหญ่และบรรยากาศ
จากนั้นก็นั่งรถไฟมาโกเบ เมืองท่าในอดีต ระหว่างทางก็แวะสะพานแขวนที่ยาวที่สุดของญี่ปุ่น สะพาน Akashi Kaikyo
ฟ้าครึ้มมาก ฝนตกนิดๆ
เข้ามาถึงเมืองโกเบ ก็ไปกินข้าวเที่ยง เป็นร้านสเต๊กชื่อดัง Steak land แล้วเดินเล่นชมเมืองมาเรื่อยๆก็ถึงบริเวณแลนด์มาร์กของเมืองนี้ Kobe port tower นั่นเอง
ถ้ามาตอนกลางคืนจะมีแสงไฟด้วย สวยกว่านี้มาก
        แล้วเราก็ไปเดินย่านชาวต่างชาติ Kitano street กว่าจะไปถึงก็เหนื่อยมาก เพราะมันต้องเดินขึ้นเนิน สงสารตัวเอง รนหาที่ กว่าจะอะไรเสร็จก็ค่ำๆพอดี เลยกลับโอซาก้า ซึ่งก็นั่งชิงคังเซ็งอีกตามเคย ติดใจมาก จากนั้นก็ไปกินข้าวเย็น เป็นซูชิอีกแล้ว แต่คราวนี้เป็นร้านดัง Uoshin shushi ที่เนื้อปลาแน่นมาก จนนึกว่ากินปลาเล่น  ยัง ยังไม่หมด ยังไม่ได้อาบน้ำเลย เราก็เลยหาเรื่องไปอาบน้ำที่ออนเซน Spa world พูดแล้วน้ำลายไหล 5555 เดี๋ยวหาโอกาสมารีวิวนะฮะ
วันที่ 3 Kyoto & Otsu
วันนี้ไม่ตื่นเช้ามาก เพราะเกียวโตใกล้กับโอซาก้ามาก เราเลือกนั่งรถไฟด่วนขบวน Haruka จากสนามบินคันไซไปเกียวโต   แต่เราขึ้นที่ Tennoji ถึงโตเกียวก็เปลี่ยนสายเพื่อนั่งไป Arashiyama พอถึง Arashiyama ก็เช่าจักรยานแล้วปั่นเลยจ้า
มานั่งสวีทกันอะไรตรงนี้!!
ป่าไผ่ในตำนาน เดินเข้าไปอีกหน่อยคนเยอะเหมือนกับสงกรานต์สีลม
กลับจาก Arashiyama ก็ไปศาลเจ้า Fushimi Inari หรือศาลเจ้าจิ้งจอกต่อ ถ้าป่าไผ่เป็นสีลม ศาลเจ้าจิ้งจอกก็ข้าวเหนียวล่ะวะ
คนเยอะโลกแตก
        คนส่วนมากเวลามาเกียวโตก็จะเที่ยวเท่านี้ แต่เราเห็นว่าใกล้กับเกียวโตมีอีกเมืองหนึ่งที่น่าไป คือ โอตสึ เพราะเมืองนี้อยู่ติดกับทะเลสาบบิวะ ที่เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แล้ว pass เราก็คลุมด้วย เลยแวะมา ปรากฏว่า แม่เจ้าโว้ย มันดีมาก ชอบเมืองนี้ที่สุดในทริปนี้เลย อยากให้ทุกคนลองมากัน
ริมทะเลสาบบิวะ
 
ก่อนกลับเราก็แวะซื้อของฝาก ขนมนมเนยสักหน่อย แล้วนั่งรถไฟกลับโอซาก้ายาวเลย ไปที่เที่ยวสุดท้าย นั่นคือย่าน Dotonbori  ไปหาป้ายกูลิโกะสักหน่อย
เรามาหานายแล้วนะ
บังเอิญว่าวันที่ไปมีหนุ่มญี่ปุ่น 2 คน มายืนกลางสะพาน แล้วให้กอดฟรี นี่ก็คุยกับเพื่อนที่ไทย เพื่อนบอกไปเลย ไอ้เราก็ไม่รอช้า เดินเข้าไปขอกอดทันที ซึ่งก็มีคนเข้าไปกอดเขาไม่ขาดสายนะ รู้เลยว่ากว่าครึ่งเป็นคนไทย 55555 ก็ที่สยามเมืองยิ้มไม่มีแบบนี้อ่า
Cute มาก ><
        เช้าวันต่อมา เผลอแปปเดียวก็วันที่ 20 ต้องกลับละ ตอนนั้นคือคิดถึงเมืองไทยมาก หนาวมากแม่ อยากกลับไปเจอความอบอุ่นและอาหารอร่อยๆจะแย่แล้ว ผัดขี้เมารอน้องก่อน ก่อนเครื่องขึ้นก็บอกตัวเองว่าคราวหน้าต้องมาใหม่ จะอยู่ให้เต็มโคต้า 15 วัน เที่ยวเหนือจรดใต้เลย คอยดู
จบการพาเที่ยวแล้วนะคร้าบ เที่ยวญี่ปุ่นไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมล่ะ ขอบคุณมากๆที่อ่านกัน การไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวคราวนี้เราได้อะไรเยอะมากเลย แนะนำให้ทุกคนออกมาเที่ยวกัน จะเที่ยวไหนก็ได้ เที่ยวใกล้เที่ยวไกลเราก็ได้รับประสบการณ์และความรู้สึกดีๆได้เหมือนกัน เหมือนอย่างที่ญาญ่าบอก ออกมาดูให้เห็นด้วยตา(รึป่าวนะ5555)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่